“คุณหมอเสิ่น ผมขอโทษจริง ๆ” ฟู่สือถิงปรับอารมณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขากลับมาเฉยชาดั่งเช่นปกติ “เมื่อคืนเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอสงบสติอารมณ์สัดหน่อย!” หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องนอนไป สีหน้าเสิ่นอวี๋แข็งทื่อ เดิมทีเธอนึกว่าพอตัวเองบีบน้ำตาออกมาแล้ว ฟู่สือถิงจะเจ็บปวดใจจนเข้ามากอดแล้วปลอบเธอแต่ทำไมท่าทางของเขาถึงยังเฉยเมยแบบนี้? คิดไม่ถึงว่าจะเดินออกไปเฉย ๆ! เมื่อคืนตอนที่เขากอดฉินอันอัน ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย! เสิ่นอวี๋เชิดหน้าตรงแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะทำให้เธอใจสลายและเจ็บปวด แต่ผลลัพธ์คือเรื่องดี เธอหาโทรศัพท์แล้วโทรหาฟู่เย่เฉิน “ฉันทำสำเร็จแล้ว” ฟู่เย่เฉินหัวเราะออกมา “คุณหมอเสิ่น คุณยอดเยี่ยมมาก! ต่อไปถ้ามีอะไรที่ผมทำได้ คุณแค่สั่งมาได้เลย! ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง” เสิ่นอวี๋เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงฟู่เย่เฉินถ้าหากฟู่สือถิงจะคล้อยตามเธอได้สักครึ่งของฟู่เย่เฉินก็คงดี “ฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ? อาของคุณถึงไม่เคยมองฉันเลย” เสิ่นอวี๋พูดอย่างเศร้าใจ ฉันเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา เขาก็ไม่มีปฏ
เขามีวิธีจัดการเสิ่นอวี๋หลายรูปแบบ แต่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับฉินอันอันได้อย่างไร? หลังจากเมื่อคืนนี้เขายิ่งมั่นใจว่า เขายังคงรักฉินอันอันอยู่ เขาโกหกตัวเองไม่ได้ เขาลืมเธอไม่ได้หลังจากออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับป้าจางและอิ๋นอิ๋น “คุณผู้ชายคะ เมื่อคืนอิ๋นอิ๋นรอคุณทั้งคืนเลยค่ะ” ป้าจางเอ่ยปาก ทันใดนั้นใบหน้าของฉินอันอันปรากฎขึ้นมาในใจของเขา! เขายังจำได้เลือนรางว่าฉินอันอันไปหาเขาเมื่อคืนนี้และบอกเขาว่าอิ๋นอิ๋นกำลังร้องไห้ ขอให้เขากลับไป! หัวใจของเขาบีบรัดแน่นในทันที เมื่อคืนนี้ฉินอันอันไปหาเขาหรือเปล่า?! เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเธอมาหาเขาที่ห้อง! พวกเขาสองคนแนบชิดกันบนเตียงขนาดนั้น…แต่ว่าทำไมพอตื่นมา ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างเขาเป็นเสิ่นอวี๋? “เมื่อคืนนี้ดิฉันโทรหาคุณไม่ติด ดังนั้นเลยโทรหาอันอัน เธอรับปากว่าจะไปแจ้งคุณ แต่ว่าเมื่อคืนคุณก็ไม่กลับบ้าน…เธอคงไม่เจอคุณ” ป้าจางคาดเดา อิ๋นอิ๋นร้องไห้ทั้งคืนจนถึงตีสาม ร้องจนหมดแรงแล้วจริง ๆ ถึงยอมหยุด ป้าจางเหนื่อยจนเหลือจะทน ทันใดนั้นในใจของฟู่สือถิงก็ตกใจอีกรอบ! จู่ ๆ แสงในดวงตาของเขาก็มืดลง เสียงขาดห้วง “เธอไปหาฉันแล้ว…ฉัน
‘ขออภัย เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’ ฉินอันอันปิดเครื่อง ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก แต่กลับดูเหมือนห่างไกลกัน ในคฤหาสน์ รุ่ยลาบอกเสี่ยวหานว่าฟู่สือถิงมา เสี่ยวหานจึงรีบนำโดรนจากห้องทันที “พี่! จะทำอะไรคะ?” รุ่ยลาลืมตากลมโตของเธอแล้วถามอย่างสงสัย เสี่ยวหาน “ไล่เขาออกไป!” “โอ้ พี่ให้หนูช่วยไหม?” รุ่ยลาต้องการช่วย เสี่ยวหานนำสายยางมาและบอกให้เธอถือมันไว้ ...... ฟู่สือถิงยืนตัวสูงอยู่ด้านนอกประตูคฤหาสน์ วันนี้เขาต้องเจอฉินอันอันให้ได้ ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา โดรนค่อย ๆ บินออกมาจากระเบียงชั้นสองอย่างช้า ๆ หลังจากที่บอดี้การ์ดเห็นโดรน เขาก็ขมวดคิ้ว “อะไรวะนั่น?!” ถ้าโดรนที่เห็นเป็นแค่โดรนธรรมดา ๆ บอดี้การ์ดก็คงไม่แปลกใจ แต่โดรนที่บินผ่านลำนี้มีสายยางเชื่อมต่ออยู่! ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองโดรน โดรนตัวนี้มีรูปร่างที่ล้ำสมัยมาก โดดเด่นด้วยไฟหลากสีสันและอินเทรนด์! ขณะที่เขากำลังคิดว่าใครเป็นคนควบคุมโดรนตัวนี้ ก็มีเสียง ‘ซ่า!’ ดังขึ้น ละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า! โดรนหยุดอยู่ตรงเหนือศีรษะของฟู่สือถิ
แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะทิ้งอคติที่มีต่อเขา......“ประธาน เรากลับกันเถอะครับ!” บอดี้การ์ดแนะนำเขา “เสื้อผ้าของคุณเปียกไปหมดแล้ว ถ้าคุณไม่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณอาจจะเป็นหวัดได้นะครับ” เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงแม้วันนี้พระอาทิตย์จะอยู่บนท้องฟ้า แต่อุณหภูมิก็ต่ำกว่ามาสักพักแล้ว “ฉันไม่หนาว” เสียงของฟู่สือถิงหนักแน่น บอดี้การ์ดเห็นว่าเขาดื้อรั้ง จึงรู้ว่าเขาไม่เปลี่ยนใจแน่นอน จึงทำได้เพียงยืนรออยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนเขา ไม่นานหลังจากนั้น รถคาเยนน์คันสีแดงก็ขับเข้ามาช้า ๆ และจอดข้าง ๆ ฟู่สือถิง หน้าต่างเลื่อนลง ไมค์โผล่หน้าออกมา “อ้าว! คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ?” ไมค์ตกใจเมื่อเห็นเขาตัวเปียกทั้งตัว “ที่นี่ฝนตกเหรอ!” บอดี้การ์ดมองเขาสายตาโกรธเคือง “เจ้าเด็กเสี่ยวหานตัวแสบนั่นแหละที่สาดน้ำใส่!” ไมค์ “โอ้...พี่หานของฉันนี่ร้ายจริง ๆ! มักทำสิ่งที่ฉันอยากทำแต่ไม่กล้าทำ!” บอดี้การ์ดจ้องเขม็ง ไมค์กระแอมเบา ๆ แล้วลงจากรถ “พวกคุณดูโง่เง่ามากที่ยืนอยู่แบบนี้! ผมพาพวกคุณเข้าไปเอง!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็เดินไปที่ประตูคฤหาสน์ ฟู่สือถิงลังเลอยู่ครู่ก่อนจะเดิน
”ไมค์! รีบขับรถตามเขาไปเร็ว!” จางหยุนกังวล ไมค์ “ครับ!” หลังจากที่ไมค์ขับรถตามเขาไป จางหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณยาย แม่จะเป็นไรไหมคะ? หนูเป็นห่วงแม่จังเลยค่ะ!” ดวงตาของรุ่ยลาเปลี่ยนเป็นสีแดง มือเล็ก ๆ กำเสื้อของจางหยุนไว้แน่น จางหยุนอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่ของหลานแค่เป็นไข้ ไม่ได้ป่วยร้ายแรง พอถึงโรงพยาบาลหมอจะให้เธอกินยาลดไข้ เมื่อไข้ลดลง เธอจะหายเป็นปกติ” “อ้อ...ฟู่สือถิงมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” รุ่ยลาลางสังหรณ์ไม่ดี จางหยุนขมวดคิ้ว “ยายก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่ของหลานป่วย เขาคงไม่ก่อเรื่องหรอก” ฟู่สือถิงห่อฉินอันอันด้วยผ้าห่มแล้วอุ้มลงไปชั้นล่าง แม้ว่าจางหยุนจะมีอคติกับเขา แต่เธอก็ไม่เห็นว่าเมื่อสักครู่เขามีพฤติกรรมที่แปลก ๆ ผู้ชายจะสนใจคุณหรือไม่สามารถดูได้จากการกระทำ ไม่ว่าตอนนี้เขาจะมีผู้หญิงกี่คน แต่เขาก็ยังรู้สึกกับฉินอันอัน ดังนั้น ฉินอันอันก็ไม่น่าตกอยู่ในอันตราย โรงพยาบาล ฟู่สือถิงอุ้มฉินอันอันไปที่ห้องฉุกเฉิน ขณะที่ไมค์ตามมาถึง ฉินอันอันก็ได้รับยาทางเส้นเลือดแล้ว “ฟู่สือถิง! คุณวิ่งเร็วชะมัด!” ไมค์หอบ “คุณส่งฉินอันอันมาให้ผม!” ห้องฉุ
นอนเฉย ๆ ก็ได้เงิน รับเงินแล้วก็แยกย้าย! ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เธอมีรายได้มากกว่าโสเภณีทั่วไป! เสิ่นอวี๋กัดฟัน ร่างของเธอเย็นด้วยความโกรธ “เขาสะกดคำว่าให้เกียรติเป็นหรือเปล่า?!” เสิ่นอวี๋ขว้างหนังสือการแพทย์ลงบนพื้น! บอดี้การ์ดพูดหน้านิ่ง “หมอเสิ่น เขาให้เกียรติคุณมามากพอแล้ว ถ้าเขาไม่ให้เกียรติคุณ แม้แต่บาทเดียวคุณก็ไม่ได้หรอก” “งั้นฉันก็มีค่าสำหรับเขามากสินะ!” เสิ่นอวี๋ตะโกนด้วยดวงตาสีแดง “ถ้าคุณไม่มีค่า เขาคงไล่คุณไปนานแล้ว” บอดี้การ์ดพูดตรงไปตรงมา “คุณฉินไม่เคยขอเงินจากประธานสักบาท ไม่แค่นั้น คุณฉินยังเชื่อฟังมากอีกด้วย” “นายหมายความว่าฉันขอมากเกินไปงั้นเหรอ?!” บอดี้การ์ด “คุณก็ไปเอาใจคุณนายใหญ่ดีกว่า” หลังจากที่บอดี้การ์ดพูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องทำงาน เสิ่นอวี๋ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก! เธอขู่ฟู่สือถิงให้มาเป็นแฟนของเธอ จึงทำให้เขารังเกียจ ดังนั้นเธอไม่ควรกดดันเขามากเกินไป บอดี้การ์ดพูดถูก! เธอควรเริ่มจากคุณนายใหญ่! โรงพยาบาล หลังจากที่ฉินอันอันไข้ลดลง เธอก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น หลังจากตื่นจากการหลับเป็นเวลานาน เธอมองไปยังสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ
ดวงตาของฉินอันอันสั่นไหว จากนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ “พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เพิ่งได้นอนด้วยกันเหรอ? คุณสองคนนี้ไร้เดียงสาจริง ๆ” ฟู่สือถิงจุกอกจนหน้าเปลี่ยนสี “ดูเหมือนคุณจะมีประสบการณ์เยอะนะ นอกจากผมแล้ว คุณเคยนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกไหม?” ฉินอันอันยิ้มหวาน “แน่นอน” เสี่ยวหานก็นับว่าเป็นผู้ชาย ความสงบบนใบหน้าของฟู่สือถิงหายไปโดยสิ้นเชิง! “ฉินอันอัน! ถ้าผมกลับมาหาคุณอีก อย่าเรียกผมว่าคน!” เขาพูดคำที่รุนแรงแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย ฉินอันอันมองเขาเดินจากไปต่อหน้าต่อตาเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันก็จางหายไปทีละน้อย ดีแล้ว เขาจะไม่มาหาเธออีก พวกเขาทั้งสองจะได้เริ่มต้นชีวิตของตัวเอง ‘แต่ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขเลย?’ เธอกอดผ้าห่มแล้วหายใจเข้าลึก ๆ บนนั้นมีกลิ่นของเขาเหลืออยู่ ประตูห้องคนไข้ถูกผลักให้เปิดออก และไมค์ก็ก้าวเข้ามา “ฉินอันอัน ฟู่สือถิงไม่ได้รังแกเธอใช่ไหม? เขาน่ารังเกียจที่สุดเลย! ตอนแรกฉันจะพาเธอมาโรงพยาบาล แต่เขาดันผลักฉันแย่งพาเธอมาก่อน!” ไมค์เดินไปข้างเตียงแล้วนั่งลงพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเธอ ไม่ร้อนแล้ว ไข้ลดลงแล้ว “เขาพาฉันมาโรงพยาบาลเหรอ?”
โจวจื่ออี้รับสาย “สวัสดี” ไมค์ “ผมเอง” โจวจื่ออี้เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ?” “พูดหมา ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่ขายโดรนให้ซะหรอก” ไมค์ขู่ โจวจื่ออี้ขมวดคิ้วและตอบโต้ “อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย! ใครอยากซื้อโดรนของคุณล่ะ?!” ไมค์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้านายของคุณไง! งั้นคำสั่งซื้อจากแผนกจัดซื้อของคุณเป็นของปลอมเหรอ?” โจวจื่ออี้สูดหายใจลึก “คุณบอกว่าประธานของเราสั่งให้แผนกจัดซื้อซื้อโดรนของคุณเหรอ?” “ใช่! คุณไม่รู้เหรอ? ฮ่า ๆ! ผมคิดว่าคุณเป็นคนโปรดของเขาซะอีก” ไมค์พูดเหน็บแนมและวางสายไป โจวจื่ออี้ถูกยั่วยุ เขาจึงไปหาฟู่สือถึงเพื่อตรวจสอบความจริง สายตาของฟู่สือถิงมองขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ “บริษัทเราแจกของให้พนักงานทุกเทศกาลไหว้พระจันทร์ ของขวัญของปีนี้คือโดรน นายคิดว่าไง?” โจวจื่ออี้แทบกระอักเป็นเลือดพลันส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ได้จะคัดค้านครับ! ผมแค่คิดไม่ถึงเฉย ๆ” “เป็นการตัดสินใจปุบปับเมื่อคืน” ฟู่สือถิงพูดสั้น ๆ “ถึงฉันจะไม่ได้เป็นอะไรกับฉินอันอันแล้ว แต่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเธอก็ถือว่าดี” เขาจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ที่เขาไปบ้าน