นอนเฉย ๆ ก็ได้เงิน รับเงินแล้วก็แยกย้าย! ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เธอมีรายได้มากกว่าโสเภณีทั่วไป! เสิ่นอวี๋กัดฟัน ร่างของเธอเย็นด้วยความโกรธ “เขาสะกดคำว่าให้เกียรติเป็นหรือเปล่า?!” เสิ่นอวี๋ขว้างหนังสือการแพทย์ลงบนพื้น! บอดี้การ์ดพูดหน้านิ่ง “หมอเสิ่น เขาให้เกียรติคุณมามากพอแล้ว ถ้าเขาไม่ให้เกียรติคุณ แม้แต่บาทเดียวคุณก็ไม่ได้หรอก” “งั้นฉันก็มีค่าสำหรับเขามากสินะ!” เสิ่นอวี๋ตะโกนด้วยดวงตาสีแดง “ถ้าคุณไม่มีค่า เขาคงไล่คุณไปนานแล้ว” บอดี้การ์ดพูดตรงไปตรงมา “คุณฉินไม่เคยขอเงินจากประธานสักบาท ไม่แค่นั้น คุณฉินยังเชื่อฟังมากอีกด้วย” “นายหมายความว่าฉันขอมากเกินไปงั้นเหรอ?!” บอดี้การ์ด “คุณก็ไปเอาใจคุณนายใหญ่ดีกว่า” หลังจากที่บอดี้การ์ดพูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องทำงาน เสิ่นอวี๋ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก! เธอขู่ฟู่สือถิงให้มาเป็นแฟนของเธอ จึงทำให้เขารังเกียจ ดังนั้นเธอไม่ควรกดดันเขามากเกินไป บอดี้การ์ดพูดถูก! เธอควรเริ่มจากคุณนายใหญ่! โรงพยาบาล หลังจากที่ฉินอันอันไข้ลดลง เธอก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น หลังจากตื่นจากการหลับเป็นเวลานาน เธอมองไปยังสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ
ดวงตาของฉินอันอันสั่นไหว จากนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ “พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เพิ่งได้นอนด้วยกันเหรอ? คุณสองคนนี้ไร้เดียงสาจริง ๆ” ฟู่สือถิงจุกอกจนหน้าเปลี่ยนสี “ดูเหมือนคุณจะมีประสบการณ์เยอะนะ นอกจากผมแล้ว คุณเคยนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกไหม?” ฉินอันอันยิ้มหวาน “แน่นอน” เสี่ยวหานก็นับว่าเป็นผู้ชาย ความสงบบนใบหน้าของฟู่สือถิงหายไปโดยสิ้นเชิง! “ฉินอันอัน! ถ้าผมกลับมาหาคุณอีก อย่าเรียกผมว่าคน!” เขาพูดคำที่รุนแรงแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย ฉินอันอันมองเขาเดินจากไปต่อหน้าต่อตาเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันก็จางหายไปทีละน้อย ดีแล้ว เขาจะไม่มาหาเธออีก พวกเขาทั้งสองจะได้เริ่มต้นชีวิตของตัวเอง ‘แต่ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขเลย?’ เธอกอดผ้าห่มแล้วหายใจเข้าลึก ๆ บนนั้นมีกลิ่นของเขาเหลืออยู่ ประตูห้องคนไข้ถูกผลักให้เปิดออก และไมค์ก็ก้าวเข้ามา “ฉินอันอัน ฟู่สือถิงไม่ได้รังแกเธอใช่ไหม? เขาน่ารังเกียจที่สุดเลย! ตอนแรกฉันจะพาเธอมาโรงพยาบาล แต่เขาดันผลักฉันแย่งพาเธอมาก่อน!” ไมค์เดินไปข้างเตียงแล้วนั่งลงพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเธอ ไม่ร้อนแล้ว ไข้ลดลงแล้ว “เขาพาฉันมาโรงพยาบาลเหรอ?”
โจวจื่ออี้รับสาย “สวัสดี” ไมค์ “ผมเอง” โจวจื่ออี้เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ?” “พูดหมา ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่ขายโดรนให้ซะหรอก” ไมค์ขู่ โจวจื่ออี้ขมวดคิ้วและตอบโต้ “อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย! ใครอยากซื้อโดรนของคุณล่ะ?!” ไมค์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้านายของคุณไง! งั้นคำสั่งซื้อจากแผนกจัดซื้อของคุณเป็นของปลอมเหรอ?” โจวจื่ออี้สูดหายใจลึก “คุณบอกว่าประธานของเราสั่งให้แผนกจัดซื้อซื้อโดรนของคุณเหรอ?” “ใช่! คุณไม่รู้เหรอ? ฮ่า ๆ! ผมคิดว่าคุณเป็นคนโปรดของเขาซะอีก” ไมค์พูดเหน็บแนมและวางสายไป โจวจื่ออี้ถูกยั่วยุ เขาจึงไปหาฟู่สือถึงเพื่อตรวจสอบความจริง สายตาของฟู่สือถิงมองขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ “บริษัทเราแจกของให้พนักงานทุกเทศกาลไหว้พระจันทร์ ของขวัญของปีนี้คือโดรน นายคิดว่าไง?” โจวจื่ออี้แทบกระอักเป็นเลือดพลันส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ได้จะคัดค้านครับ! ผมแค่คิดไม่ถึงเฉย ๆ” “เป็นการตัดสินใจปุบปับเมื่อคืน” ฟู่สือถิงพูดสั้น ๆ “ถึงฉันจะไม่ได้เป็นอะไรกับฉินอันอันแล้ว แต่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเธอก็ถือว่าดี” เขาจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ที่เขาไปบ้าน
ปลายสายโทรศัพท์เงียบ! โจวจื่ออี้ยื่นโทรศัพท์ให้ฉินอันอันช้า ๆ ฉินอันอันเปิดลำโพงโทรศัพท์ของเธอแล้ววางลงบนโต๊ะ “สวัสดีค่ะประธานฟู่” เมื่อได้ยินคำทักทายอย่างเป็นทางการของฉินอันอัน ไมค์ก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่โจวจื่ออี้เงียบ ในขณะนั้น เสียงที่เป็นทางการของฟู่สือถิงก็ดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “สวัสดีครับคุณฉิน” ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไมค์หยิบแก้วขึ้นมาจิบน้ำ โจวจื่ออี้ก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมา แต่ข้างในแก้วไม่มีน้ำ “ฉันต้องอธิบายให้คุณฟังว่าเราไม่ได้แกล้งคุณ” ฉินอันอันปรับอารมณ์และพูดอย่างใจเย็น “่ฝ่ายผลิตของเราเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน อุปกรณ์และบุคลากรของเรามีไม่เพียงพอ มองตามหลักความจริงแล้ว ไม่มีทางผลิตได้ตามปริมาณคำสั่งซื้อที่คุณต้องการได้ การส่งสินค้าจากต่างประเทศจะช่วยรับประกันปัญหาปริมาณและเวลาได้ แต่ราคาสินค้าจากต่างประเทศสูงกว่าบ้านเราค่ะ” เมื่อฉินอันอันอธิบายแบบนี้ โจวจื่ออี้ก็ใจเย็นลง เห็นได้ชัดว่าเธอกับไมค์สื่อความหมายเดียวกัน แต่พอไมค์พูด เขาก็จะโกรธเป็นพิเศษ “เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งซื้อภายในประเทศครั้งใหญ่ครั้งแรกของเรา ฉันจึงสามารถส่งสินค้าจากต่างประเทศในร
“คุณฟู่ เราบังเอิญได้ยินมาว่าคุณเสิ่นอวี๋ก็กำลังมองหาหมออยู่เหมือนกัน” อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์คือนักสืบเอกชนที่ฟู่สือถิงหามาจากต่างประเทศ มีหน้าที่รับผิดชอบในการหาหมอที่สามารถรักษาอิ๋นอิ๋นได้ “คนที่คุณเสิ่นกำลังตามหาคือหมอผู้ชายวัยกลางคน สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบครับ” ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงต้องการเจอหมอผู้ชายคนนี้?” นักสืบเอกชนกล่าว “ผมเดาว่าเธอกำลังมองหาหมอคนนี้เพื่อให้มารักษาอิ๋นอิ๋นด้วยกันครับ” ความหวังฉายแวววับในดวงตาของฟู่สือถิง “เราต้องหาหมอผู้ชายคนนี้ให้ได้ก่อนที่เธอจะเจอ!” นักสืบเอกชน “ครับ ผมได้ข้อมูลส่วนตัวมาด้วยว่าศาสตราจารย์หูชิงรับเขาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายก่อนจะปิดรับ ข้อมูลของศิษย์คนนี้เป็นความลับ และเขาได้เข้าร่วมงานในห้องปฏิบัติการของศาสตราจารย์หูชิงตลอดกระบวนการด้วย” ฟู่สือถิงพูดอย่างจริงจัง “เป็นไปได้ไหมที่ศิษย์คนนี้คือหมอผู้ชายวัยกลางคนที่เสิ่นอวี๋กำลังมองหาอยู่?” นักสืบเอกชน “ครับ ผมก็เดาแบบนั้นเหมือนกัน”……เวลาห้าโมงเย็น ฟู่สือถิงไปรับอิ๋นอิ๋นที่โรงเรียนนานาชาติแองเจลากลับบ้านด้วยตนเอง เมื่อมาถึงลานจอดรถก็บังเอิญเจอฉินอันอันที่มารับเสี่ยวหาน
เขาวางไว้ยี่สิบปีไม่เคยมีปัญหา แต่ทำไมตอนนี้มันหายไปล่ะ?! หลังจากที่เขารู้ว่ากล่องหายไป เขาก็หยิบหนังสือทุกเล่มออกจากชั้นที่สาม เนื่องจากชั้นวางหนังสือยึดติดกับผนัง มันจึงไม่มีทางหล่นเข้าไปในช่องว่าง สักครู่หนึ่ง เขาก็ย้ายหนังสือทั้งหมดบนชั้นไปวางที่พื้น หลังจากที่ชั้นหนังสือว่างเปล่า เขาก็ค้นในกองหนังสืออีกครั้ง! ไม่มีเลย! ดวงตาของเขาแดงก่ำ และมีเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง! ‘ฝีมือใคร?!’ ใครเข้ามาในห้องหนังสือแล้วเอาของของเขาไป?! เขาจำได้เลือนรางว่าเขาเพิ่งเห็นกล่องเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณหนึ่งเดือนก่อน? เขากดโทรหาห้องระบบวงจรปิด “ดึงข้อมูลกล้องวงจรปิดตั้งแต่เดือนที่แล้วมาที! มีคนเข้ามาในห้องหนังสือของฉัน!” บอดี้การ์ดตกใจมากจนไม่กล้าหายใจ “ครับ! ผมจะดึงข้อมูลกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้!” “ระดมบุคลากรทั้งหมดที่มีอยู่และตรวจสอบกล้องวงจรปิด!” เขาพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม “ครับ!” ป้าจางพาอิ๋นอิ๋นจากสวนหลังบ้านกลับไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่มืดมนและเย็นชาของฟู่สือถิง เธอก็ตึงเครียด “คุณผู้ชาย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” ฟู่สือถิง “มีคนเอาบางอย่างไปจากห้องหนังสือของผม”
ชื่อที่ขีดฆ่าพร้อมกับชื่อไมค์ยังมีชื่อของเสี่ยวหาน เสี่ยวหานมาที่บ้านสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขามา เขาจะอยู่แค่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่งเท่านั้น รุ่ยลาเคยขึ้นไปชั้นสองแล้ว ตอนที่ทุกคนเจอเธอ เธอก็อยู่ชั้นสอง แต่ดูแล้วเด็กคนนี้ไม่ค่อยฉลาด ไม่อย่างนั้น วันนั้นเธอคงไม่กลัวจนร้องไห้ฟูมฟาย เขาไม่ได้ขีดฆ่าชื่อของรุ่ยลา แต่ความสนใจของเขาตกไปอยู่ที่ชื่อของเสิ่นอวี๋ อาจจะเป็นเสิ่นอวี๋รึเปล่านะ? แต่ทุกครั้งที่เสิ่นอวี๋มาหา ก็มีคนอยู่ที่บ้านตลอด จริง ๆ แล้วเธอไม่มีโอกาสขึ้นไปหยิบของในห้องหนังสือของเขาเลย ทำได้แค่รอกล้องวงจรปิดเท่านั้น คืนนั้นเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้องมอนิเตอร์โดยไม่กะพริบตา วันที่เขาพาฉินอันอันไปที่บ้าน ระบบกล้องวงจรปิดถูกรบกวนและหยุดทำงานเป็นเวลาสามชั่วโมง ตอนนี้ ตราบใดที่ยืนยันได้ว่ากล้องวงจรปิดในเวลาอื่นเป็นปกติหรือไม่ และมีใครบุกรุกเข้ามาหรือไม่ ก็จะรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน กลับถึงห้องนอน เขาก็นอนไม่หลับ ก่อนที่จะหาของเจอ หัวใจก็รู้สึกราวกับแหลกสลายเป็นชิ้น ๆ ถ้าเขาสามารถเผชิญกับเรื่องเลวร้ายด้วยตัวเองแบบนั้นได้ เขาคงไม่หย่ากับฉินอันอัน ตอนเที่ยง
คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ฉินอันอันรีบกลับบ้าน จากหยุนจึงประหลาดใจเล็กน้อย “อันอัน ลูกกินข้าวหรือยัง?” “แม่เคยเห็นกล่องสีแดงเข้มที่บ้านไหม?” ฉินอันอันโยนกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินไปที่ห้องของเด็ก ๆ “กล่องสีแดงเข้ม?” จางหยุนเดินตามเธอแล้วพึมพำ “แม่ไม่ได้สังเกต ทำไมเหรอ?” “ฟู่สือถิงทำกล่องสีแดงเข้มหายค่ะ” ฉินอันอันพูดเร็ว “เขาดูกล้องวงจรปิดแล้วไม่เจอ แต่เสี่ยวหานไปหาหนูที่บ้านของเขาเมื่อไม่นานมานี้ และแฮกกล้องวงจรปิดของเขา ตวามน่าสงสัยจึงตกมาอยู่ที่เราค่ะ” จางหยุนขมวดคิ้ว “เขาสงสัยว่าเสี่ยวหานเอาไปเหรอ?” ฉินอันอันมองแม่ของเธอ “แม่ หนูรู้ว่าแม่ไม่เชื่อว่าเสี่ยวหานจะทำแบบนั้น หนูเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ เสี่ยวหานทำเรื่องนอกลู่นอกทางลับหลังเรามาตั้งกี่ครั้งแล้ว?” จากหยุนถอนหายใจและไม่ได้ปฏิเสธ “มันเป็นกล่องสีแดงเข้มใช่ไหม? ในนั้นมีอะไรสำคัญเหรอ?” จางหยุนพูดและเริ่มมองหามันด้วยในขณะเดียวกัน “เขาบอกว่ามันสำคัญมาก” ฉินอันอันน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในเมื่อมันสำคัญ ทำไมไม่เก็บไว้ดี ๆ ล่ะ?” จางหยุนงง “ถ้าเสี่ยวหานสามารถเอาของสำคัญของเขามาได้ง่ายขนาดนี้ งั้นก็หมายความว่าสถานที่ที่เขาวางไ