ชื่อที่ขีดฆ่าพร้อมกับชื่อไมค์ยังมีชื่อของเสี่ยวหาน เสี่ยวหานมาที่บ้านสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขามา เขาจะอยู่แค่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่งเท่านั้น รุ่ยลาเคยขึ้นไปชั้นสองแล้ว ตอนที่ทุกคนเจอเธอ เธอก็อยู่ชั้นสอง แต่ดูแล้วเด็กคนนี้ไม่ค่อยฉลาด ไม่อย่างนั้น วันนั้นเธอคงไม่กลัวจนร้องไห้ฟูมฟาย เขาไม่ได้ขีดฆ่าชื่อของรุ่ยลา แต่ความสนใจของเขาตกไปอยู่ที่ชื่อของเสิ่นอวี๋ อาจจะเป็นเสิ่นอวี๋รึเปล่านะ? แต่ทุกครั้งที่เสิ่นอวี๋มาหา ก็มีคนอยู่ที่บ้านตลอด จริง ๆ แล้วเธอไม่มีโอกาสขึ้นไปหยิบของในห้องหนังสือของเขาเลย ทำได้แค่รอกล้องวงจรปิดเท่านั้น คืนนั้นเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้องมอนิเตอร์โดยไม่กะพริบตา วันที่เขาพาฉินอันอันไปที่บ้าน ระบบกล้องวงจรปิดถูกรบกวนและหยุดทำงานเป็นเวลาสามชั่วโมง ตอนนี้ ตราบใดที่ยืนยันได้ว่ากล้องวงจรปิดในเวลาอื่นเป็นปกติหรือไม่ และมีใครบุกรุกเข้ามาหรือไม่ ก็จะรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน กลับถึงห้องนอน เขาก็นอนไม่หลับ ก่อนที่จะหาของเจอ หัวใจก็รู้สึกราวกับแหลกสลายเป็นชิ้น ๆ ถ้าเขาสามารถเผชิญกับเรื่องเลวร้ายด้วยตัวเองแบบนั้นได้ เขาคงไม่หย่ากับฉินอันอัน ตอนเที่ยง
คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ฉินอันอันรีบกลับบ้าน จากหยุนจึงประหลาดใจเล็กน้อย “อันอัน ลูกกินข้าวหรือยัง?” “แม่เคยเห็นกล่องสีแดงเข้มที่บ้านไหม?” ฉินอันอันโยนกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินไปที่ห้องของเด็ก ๆ “กล่องสีแดงเข้ม?” จางหยุนเดินตามเธอแล้วพึมพำ “แม่ไม่ได้สังเกต ทำไมเหรอ?” “ฟู่สือถิงทำกล่องสีแดงเข้มหายค่ะ” ฉินอันอันพูดเร็ว “เขาดูกล้องวงจรปิดแล้วไม่เจอ แต่เสี่ยวหานไปหาหนูที่บ้านของเขาเมื่อไม่นานมานี้ และแฮกกล้องวงจรปิดของเขา ตวามน่าสงสัยจึงตกมาอยู่ที่เราค่ะ” จางหยุนขมวดคิ้ว “เขาสงสัยว่าเสี่ยวหานเอาไปเหรอ?” ฉินอันอันมองแม่ของเธอ “แม่ หนูรู้ว่าแม่ไม่เชื่อว่าเสี่ยวหานจะทำแบบนั้น หนูเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ เสี่ยวหานทำเรื่องนอกลู่นอกทางลับหลังเรามาตั้งกี่ครั้งแล้ว?” จากหยุนถอนหายใจและไม่ได้ปฏิเสธ “มันเป็นกล่องสีแดงเข้มใช่ไหม? ในนั้นมีอะไรสำคัญเหรอ?” จางหยุนพูดและเริ่มมองหามันด้วยในขณะเดียวกัน “เขาบอกว่ามันสำคัญมาก” ฉินอันอันน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในเมื่อมันสำคัญ ทำไมไม่เก็บไว้ดี ๆ ล่ะ?” จางหยุนงง “ถ้าเสี่ยวหานสามารถเอาของสำคัญของเขามาได้ง่ายขนาดนี้ งั้นก็หมายความว่าสถานที่ที่เขาวางไ
“ผมเปล่าครับ” เสี่ยวหานพูดท่าทางนิ่ง ๆ "จริงเหรอ?” ฉินอันอันมองลูกชายแล้วถามซ้ำ “เปล่าครับ” ใบหน้าของเสี่ยวหานไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ฉินอันอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ถ้าเด็กไม่ได้เอาไปจริง ๆ แล้วเธอเอาแต่ถาม จะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกว่าเธอไม่เชื่อใจพวกเขา เสี่ยวหานพารุ่ยลาไปเก็บกระเป๋านักเรียนที่ห้อง หลังจากเข้ามาในห้อง รุ่ยลาก็ถามเสียงเล็ก “ทำไมพี่ถึงโกหกคะ? เราจะโกหกแม่ไม่ได้นะ” ก่อนหน้านี้ฉินอันอันไม่ได้ถาม เธอจึงสามารถอดกลั้นและไม่พูดอะไรได้ แต่ฉินอันอันถาม เธอไม่กล้าโกหก “ฟู่สือถิงรู้ว่ากล่องหายไป เขาคงจะวิตกกังวลเป็นบ้าแน่ ๆ” เสี่ยวหานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเราคืนของให้เขา เขาจะตำหนิเรา ถ้าเราไม่คืน เขาจะได้กังวลต่อไปเรื่อย ๆ” “อ๋อ... โอเค!” รุยล่าเห็นด้วย ระหว่างพี่ชายของเธอกับพ่อตัวดี เธอก็ต้องอยู่ข้างพี่ชายอยู่แล้ว เดิมทีกล่องนี้ถูกวางไว้ใต้เตียง แต่เมื่อวันก่อน พวกเขาเอากล่องไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน เพราะเสี่ยวหานรู้ว่ามีอะไรเขียนในกระดาษแผ่นนั้น หลังจากรู้เนื้อหาในกระดาษแล้ว เขารู้สึกว่ากล่องนั้นสำคัญเกินกว่าจะทิ้งไว้ใต้เตียง จึงได้ย้ายที่เก็บ โชคด
“งั้นเธออย่าไปเลย อิ๋นอิ๋นก็อยู่ด้วย ผู้หญิงสองคนเฝ้าเขาอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอไปเห็นคงจะหงุดหงิดเปล่า ๆ” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “สภาพจิตใจของเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนแรกฉันคิดว่าบริษัทของเขากำลังประสบปัญหาใหญ่ แต่เฮ่อจุนจือบอกว่าไม่ใช่ ฉันก็เลยคิดว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ฉินอันอันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ในออฟฟิศ “หลีเสี่ยวเถียน เธอคิดเข้าข้างฉันเกินไป ตอนที่ฉันหย่ากับเขา ฉันยังทำให้เขาเสียใจไม่ได้เลย ฉันไม่มีผลกับเขามากขนาดนั้นหรอก” “แล้วทำไมเขาถึงแปลกไปขนาดนี้? คงไม่ใช่เพราะเสิ่นอวี๋หรอกนะ?” หลีเสี่ยวเถียนสงสัย “ได้ยินมาว่า ช่วงนี้เสิ่นอวี๋ไปเยี่ยมบ้านเดิมของตระกูลฟู่บ่อย ๆ ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก!” เมื่อได้ยินข่าวเรื่องฟู่สือถิงกับเสิ่นอวี๋ ตอนนี้จิตใจของฉินอันอันก็สงบขึ้นเยอะ บางทีถ้าวันหนึ่งมีข่าวว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน เธอก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร เธอกับฟู่สือถิงเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน มีแต่จะห่างกันไปเรื่อย ๆ “เสี่ยวเถียน เธอกับเฮ่อจุนจือเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันเปลี่ยนเรื่อง “ก็เหมือนเดิม! เขาตัดสินใจจะพยายามจนถึงสิ้นปี ถ้าสิ้นปีนี้เขายังทำให้พ่อแ
“โจวจื่ออี้ โดรนของเราเจ๋งมากใช่ไหมล่ะ?” ไมค์พูดอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับเคี้ยวแอปเปิลในปาก โจวจื่ออี้เหลือบมองใบหน้าบูดบึ้งของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น และยังเห็นความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาด้วย “ก็ไม่ได้แย่! อย่ามั่นให้มาก โดรนของคุณก็มีข้อบกพร่องมากมายและจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอยู่” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “แม้แต่เอสทีกรุ๊ปของคุณก็ไม่กล้าพูดว่าดีที่สุดใช่ไหม?” ไมค์ดุเขา “เราเพิ่งเริ่มต้น และอนาคตก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน” “สู้เขา!” “คืนนี้พระจันทร์กลมมาก!” ไมค์ถอนหายใจพร้อมมองท้องฟ้า โจวจื่ออี้เงยหน้าขึ้นแล้วตอบ “แล้วในอนาคตเราจะยังสู้อยู่ไหม?” จู่ ๆ ไมค์ก็มองเขาแล้วพูดอย่างจริงจัง “แล้วถ้าในอนาคตเรายังร่วมมือกันล่ะ?” โจวจื่ออี้ดันแว่นตาบนดั้งจมูก “คุณคิดว่าเงินของประธานผมคุ้มค่าให้คุณยังต้องการหากำไรจากมันใช่ไหม?” ไมค์ “ใช้ได้เลย! เราเคยเจอฝ่าย ก ที่โง่กว่านี้ในต่างประเทศด้วยนะ” โจวจื่ออี้ “การที่ประธานของผมซื้อโดรนของพวกคุณ ทำให้คุณมีรายได้มากกว่าร้อยล้านล้าน พรุ่งนี้เรื่องนี้คงเป็นประเด็นร้อน ทุกคนรู้ดีว่าหลังจากที่เอสทีกรุ๊ปซื้อโดรนจ
‘พวกเขาทั้งสองเกิดวันเดียวกันเหรอ?’ ‘นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?’ ฉินอันอันจับมือลูกชายแล้วเดินออกไปนอกประตู ร่างสูงสง่าปรากฏต่อหน้าเธอ วันนี้ฟู่สือถิงสวมเสื้อคลุมสีดำดูสุขุมและน่าเกรงขาม ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาผอมลง ฉินอันอันรวบรวมความกล้าและตัดสินใจอวยพรวันเกิดให้เขา ขณะที่เธอกำลังจะพูด อิ๋นอิ๋นก็กระพือแขนต่อหน้าฟู่สือถิงเหมือนนก จับมือของเขาแล้วพูดเบา ๆ “พี่กินเค้กสิ” เนื่องจากฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอจึงได้ยินที่อิ๋นอิ๋นพูดชัดเจน ‘พี่?!’ ‘อิ๋นอิ๋นเรียกฟู่สือถิงว่าพี่เหรอ?’ ฉินอันอันขมวดคิ้วและมองไปที่อิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นรู้สึกได้ว่าฉินอันอันกำลังจ้องเธออยู่ อาจเป็นเพราะการแสดงออกของฉินอันอันจริงจังเกินไป อิ๋นอิ๋นจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย อิ๋นอิ๋นอยากชวนฉินอันอันมากินเค้กด้วยกัน แต่เธอไม่กล้าพูด “เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าพี่เหรอ?” ฉินอันอันถาม ฉินอันอันไม่อยากทำให้อิ๋นอิ๋นกลัว แต่น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิ๋นอิ๋นไปหลบอยู่หลังฟู่สือถิงด้วยความกลัว ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแน่นพลางเกลี้ยกล่อม “อิ๋นอิ๋น
พวกเขาเข้ามาโดยไม่บอกล่วงหน้า เขาไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกเขาเลย พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับอิ๋นอิ๋น พวกเขาทำให้อิ๋นอิ๋นรู้สึกหวาดกลัว แม่เฒ่าฟู่ยืนอยู่หัวแถว เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋น ดวงตาแม่เฒ่าฟู่เป็นประกายทันทีและอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาเธอ ฟู่สือถิงปกป้องอิ๋นอิ๋นไว้ที่ด้านหลัง “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่บอกก่อนว่าจะมา?” “วันนี้คือวันของลูก…แม่เลยเอาเค้กมาให้” แม่เฒ่าฟู่หลุบสายตาลง พูดตะกุกตะกัก “แม่รู้ว่าแม่มาอย่างกะทันหัน แต่ว่าแม่อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะ…” อดไม่ได้ที่จะมาเจออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นได้ยินเสียงแม่เฒ่าฟู่ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดวงตารูปอัลมอนด์สีดำสนิทโผล่ออกมาด้านหลังฟู่สือถิงและจ้องเขม็งไปที่แม่เฒ่าฟู่ “อิ๋นอิ๋น หนูไม่กลัวฉัน ใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่มองเธอด้วยใบหน้าคาดหวัง อิ๋นอิ๋นหดศีรษะกลับทันทีพร้อมกระชับด้านหลังเสื้อของฟู่สือถิงแน่นขึ้น มือของฟู่สือถิงเอื้อมไปด้านหลังแล้วจับมือเธอไว้ “แม่ครับ พวกแม่กลับไปก่อนเถอะ! เรากินเค้กที่โรงเรียนมาแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชา “เอาเค้กกลับไปด้วย” แม่เฒ่าฟู่ถอนหายใจ ถึงแม้จะเสียดายมาก แต่เมื่อเห็นลูกสาวสบ
เธอนั่งอยู่บนตียง ไม่สามารถปิดบังความปิติบนใบหน้าได้! ห้าปีก่อน หวังฉีเทียนน้องชายของหวังหว่านจือแม่เลี้ยงของเธอกวาดเอาเงินจากฉินกรุ๊ปไปเกือบสองพันล้าน! หลังจากใช้เงินส่วนใหญ่ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะความโลภจึงทำให้ใจของหวังฉีเทียนมืดบอด และนึกว่าตัวเองจะกลับมากอบโกยความมั่งคั่งกับฉินกรุ๊ปได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ในครั้งนี้ไม่ใช่เงินสองพันล้าน แต่เป็นบทลงโทษตามกฎหมาย! เมื่อสักครู่ เจ้าหน้าที่หลี่ผู้ดูแลคดีนี้ได้โทรหาเธอ และบอกเธอว่าหวังฉีเทียนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศมาแล้ว ทางตำรวจได้จัดชุดเจ้าหน้าที่คอยดักซุ่มที่สนามบิน ขอเพียงหวังฉีเทียนมาถึงก็สามารถจับกุมได้ทันที!เธอรอคอยมานานหลายปีก็เพื่อผลลัพธ์นี้! หลังจากวางสายแล้ว เธอจึงไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เธออยากแบ่งปันข่าวดีนี้กับเพื่อน ๆ แต่ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม เธอจะโทรไปรบกวนคนอื่นไม่ได้ พอเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง ก่อนเดินไปยังห้องครัว เธอเปิดตู้เย็นและเห็นเบียร์หลายกระป๋องตั้งอยู่ในนั้น แม่น่าจะซื้อมาไว้สำหรับใช้ทำอาหาร พอหยิบเบียร์ออกมาแล้วเธอก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เวลาตีสี่ ณ ตระ