ตู้ตงหงก็ตอบโต้เช่นกัน นางรุนจางเจ๋อพลางพูดอย่างโมโห“พี่จางเจ๋อ มิใช่ท่านพูดว่าแม่นางหลิงตอบรับท่านเป็นศิษย์หรือเจ้าคะ?”“ท่านเคยเห็นแม่นางหลิง ท่านฮั๋วชราภาพตาลายอาจจะโดนหลอกแล้ว แต่ท่านไม่ใช่!”“ท่านลองพูดให้ทุกคนฟัง พระชายาอ๋องอี้ใช่แม่นางหลิงแน่หรือไม่?”จางเจ๋อถูกรุนไปข้างหน้า เขากล่าวอย่างมั่นใจ“ข้าเคยเห็นโฉมหน้าของแม่นางหลิงจริง ดังนั้นข้ายืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่แม่นางหลิง!”“อีกอย่างแม่นางหลิงตอบรับข้าว่าจะไปเป็นหมอตรวจที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ไม่แน่ แม่นางหลิงอาจถูกพระชายาอ๋องอี้คุกคาม จึงออกจากโรงเหยียนหลิงมาตอบรับโรงหุยชุนของเรา!”ยิ่งจางเจ๋อพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้สูงที่แม่นางหลิงจะโดนพระชายาอ๋องนี้ขับไล่โชคดีที่ชายาอ๋องอี้คนไม่เอาถ่านผู้นี้ไล่แม่นางหลิงไป เพียงหาแม่นางหลิงพบเขาสามารถชักจูงแม่นางหลิงมาเป็นหมอที่โรงหุยชุนได้แน่!จางเจ๋อแอบปีติยินดีในใจ แต่พอมองหลิงอวี๋ปากกลับพูดไร้เมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ท่านรังแกท่านฮั๋วคนชราสายตาไม่ดี หมายแอบอ้างเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียน กระทำเรื่องไร้ยางอายเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายหรือไร?”จางเจ๋อกล่าวปวดใจ “
“ตัวข้าเข้าวังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาเลยล่าช้าไปพักหนึ่ง พวกเจ้าก็กล้ารังแกผู้มีพระคุณช่วยข้าแล้ว!”“คิดว่าตัวข้าสิ้นแล้วจริงรึ?”ท่านอ๋องเฉิงกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง สายตาดุดันทำให้คนที่เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อครู่ประหวั่นจนมิกล้าส่งเสียงเสิ่นจวนอาศัยความสัมพันธ์ว่าตนคือหลานสาวของพระสนมหรงเฟย ฝืนเอ่ยตีสนิท“ท่านปู่เฉิง นี่มิใช่เพราะเรากลัวท่านฮั๋วอายุมากแล้วตาลายจำคนไม่ชัดถึงเตือนสติเขาหรือเพคะ?”“ท่านปู่เฉิง ท่านเพิ่งมาเลยไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ข้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิง ท่านก็รู้ว่าพี่สะใภ้ข้าไม่เคยเรียนหมอ...”สีหน้าท่านอ๋องเฉิงครึ้มลง ความโกรธพุ่งทะยาน กล่าวตัดหน้าเสิ่นจวนโดยไม่ให้เกียรติสักกระผีก“หุบปาก! ท่านฮั๋วตาลายรึ? หรือว่าตัวข้าก็ตาลายเหมือนกันเล่า?”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องมิได้แก่จนจำใครมิได้! เจ้าไม่ต้องเตือนสติข้า!”“ใครกล้าก่อความวุ่นวายขัดขวางเวลามงคลการเปิดกิจการโรงเหยียนหลิง ตัวข้าก็จะไม่เกรงใจเขาแล้ว!”ท่านอ๋องเฉิงหันมาทางท่านฮั๋วกับหลิงอวี๋ สีหน้าพลันผันยิ้ม“ท่านฮั๋ว เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขอโทษตัวข้ามาสายแล้ว! ยังโชคดีที่ไม่พลาดเวลามงคล!”ท่านอ๋องเฉิงคำนับขออภัยต่อทั้งสอง ยื่น
ครั้นคนข้างล่างฟังคำพูดเหล่านี้ชัดแจ้งหมดแล้ว พลันมีคนเอ่ยเยาะเย้ย“เมื่อกี้ลูกเถ้าแก่จางยังสาบานด้วยใจจริงว่าตนเคยพบแม่นางหลิง บอกว่าแม่นางหลิงตอบรับไปเป็นหมอที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ทว่าแม่นางหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จัก! คุยโม้ก็ไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด(1)เสียจริง!”“ใช่ ยังจะว่าคนอื่นแอบอ้าง! เขาเองนั่นแหละที่แอบอ้างถึงถูก!”“ถูกต้อง! วันนั้นกระจ่างว่าเป็นแม่นางหลิงช่วยท่านอ๋องเฉิง แต่เขาก็พูดว่าตัวเองช่วยคนหน้าด้าน ๆ!”เมื่อจางเจ๋อได้ยินวาจาเหล่านี้ก็โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไปหมอหลวงจางเหลือบมองจางเจ๋อด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้(2) พลางเอ่ยเสียงขรึม“ตั้งสติไว้… เจ๋อเอ๋อร์ เจ้ายังจำคำพูดที่พ่อคุยกับเจ้าได้หรือไม่? ถึงกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดจะสำคัญก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า!”“พระชายาอ๋องอี้กับพวกเรามิใช่คนแปลกหน้า! ท่านฮั๋วเข้าข้างนางแล้ว หมอไร้สมองพวกนั้นถูกเขาปลุกปั่น พวกเรายังจะปักหลักโรงหุยชุนอยู่เมืองหลวงอย่างไรเล่า!”“นางหลิงอวี๋ศึกษากลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าใต้หล้านี้ยังมีผู้รู้อีก
หลิงอวี๋ยิ้มอ่อน“ใต้กล้านี้คงไม่มีหมอคนไหนกล้าพูดว่าตัวเองมีความสามารถทุกอย่างหรอกกระมัง?”“ศาสตร์แพทย์กว้างใหญ่ลึกซึ้งนัก หลิงอวี๋ได้เรียนรู้แค่เป็นลูกเกาลัดในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่(1)! จะกล้าพูดอวดดีประเภทนั้นได้อย่างไรเล่า!”คำพูดนี้ทำให้หมอบางคนฟังแล้วพยักหน้า พระชายาอ๋องอี้ช่างถ่อมตนยิ่งนัก!คุณหนูใหญ่กวนกลับส่งเสีย ‘เหอะ’ เย็นชาเอ่ยอย่างยกตนข่มท่าน“พระชายาอ๋องอี้มิได้ช่วยหลายคนก็กล้าอ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน! ตามความคิดเช่นนี้ของเจ้า งั้นหมอในเมืองหลวงนี้คือหมอชั้นเซียนทั้งหมดรึ!”หลิงอวี๋ยังคงตอบอย่างอารมณ์ดี“หลิงอวี๋มิได้อ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน นี่ล้วนคือข่าวคือเท่านั้น!”“เฮอะ ใครจะรู้ว่าเจ้าติดสินบนคนให้ปล่อยข่าวเหล่านี้หรือไม่ สร้างชื่ออิทธิพลให้ตัวเอง!”คุณหนูใหญ่กวนยิ่งมองหลิงอวี๋มากเท่าไรยิ่งขัดตานัก นางไม่มีความแค้นกับหลิงอวี๋ก็จริง แต่นางมีความแค้นกับเซียวหลินเทียนคุณหนูใหญ่กวนถูกใจเซียวหลินเทียนในปีนั้น และวานคนมากอิทธิพลทำให้เซียวหลินเทียนมาสู่ขอตระกูลกวนผลลัพธ์คือเซียวหลินเทียนปฏิเสธด้วยประโยคเดียวว่ามีคนที่หมายปองแล้ว!คุณหนูใหญ่กวนโตมาเป็นหมู่ดาราร่วมส
ท่านอ๋องเฉิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ก่อนหน้านี้เขาสัญญาว่าจะปกป้องโรงเหยียนหลิงทันทีที่เห็นคนพาลผู้นี้มาก่อปัญหา เขาก็โกรธขึ้นมาทันที ถกแขนเสื้อแล้วจะพุ่งไปช่วยหลิงอวี๋ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านั้นท่านฮั๋วตาไวมือไวคว้าท่านอ๋องเฉิงไว้ พลางเอ่ยเบา ๆ“ให้พระชายาอ๋องอี้แก้ปัญหาเองเถิด! พวกเราไม่สามารถอยู่ในโรงเหยียนหลิงได้ทุกวันใช่หรือไม่ ปกป้องนางได้แค่ช่วงหนึ่ง มิอาจปกป้องได้ตลอดชีวิตของนาง!”ท่านอ๋องเฉิงตะลึง ความโกรธหายไปครึ่งหนึ่งท่านฮั๋วพูดถูก วันนี้ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านี้ออกไปได้ พรุ่งนี้พวกอันธพาลกลุ่มก็อาจจะมาอีกอยู่ดีหากหลิงอวี๋ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่นนั้นโรงเหยียนหลิงแห่งนี้จะไม่สามารถเปิดได้จริง ๆ!“ได้ หากพวกเจ้าไม่ยอมเข้าไป เช่นนั้นก็ดูอยู่ที่นี่แล้วกัน!”หลิงอวี๋ยังคงอารมณ์ดี พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“หลี่ชุง ช่วยยกกล่องยาออกมาให้อาจารย์ที!”หลี่ชุงรีบยกกล่องยาที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ออกมาหลิงอวี๋หยิบหน้ากากออกมาจากในกล่องยา สวมถุงมือ จากนั้นนั่งลงแล้วเปิดผ้านวมที่คลุมอยู่บนตัวของคนป่วยไว้กลิ่นเหม็นโชยมา ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลังไป เหม็นมาก!ผมของคน
ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน“ใช่แล้ว อาการเจ็บป่วยของคุณชายหลี่มิสามารถรักษาให้หายได้ แต่แม่นางหลิงสามารถช่วยได้ เขาก็ยังจะผลักไสไปอีก นี่มาตรวจหรือมาก่อปัญหากันแน่?”“ต้องมาก่อปัญหาเป็นแน่! ครอบครัวของคุณชายหลี่ต่างก็ไม่ต้องการเขาแล้ว เขามีญาติที่ใดกันเล่า!”เมื่อคุณหนูใหญ่กวนได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้หลิงอวี๋อับอาย!นางเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง "ญาติของเขาก็พูดถูก มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าแม้ว่าจะรักษาโรคหายก็น่าเกลียดมากอยู่ดี! หากเป็นข้า ยอมตายเสียดีกว่าให้หน้าเสียโฉม!"เมื่อตู้ตงหงเห็นว่า คุณหนูใหญ่กวนโจมตีหลิงอวี๋ นางก็เอ่ยผสมโรงด้วยเช่นกัน "ใช่ หากเป็นข้าก็รับมิได้ที่จะมีแผลเป็นบนใบหน้า!"“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าเป็นแพทย์ชั้นเซียนมิใช่หรือ? แพทย์ชั้นเซียนก็ควรมีหลากหลายวิธีรักษา เจ้าคิดหาวิธีรักษาเขาโดยไม่ต้องกรีดหน้าเขาสิ!”เสิ่นจวนก็เอ่ยสมโรงด้วยอย่างต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นหลิงหว่านมองหลิงอวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับหลิงอวี๋ทันทีชีวิตของพี่หลิงหลิงหลายปีมานี้มิใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่านางจะเป็นพระชายาอ๋องอี้ แต่กลับดูเหมือนเป็นหม้
“ท่านหมอฮั๋วแก่แล้วยังโง่อีก ไม่รู้จักนางอย่างถ่องแท้ ก็เคารพเป็นอาจารย์อย่างไม่เลือกหน้า! พระชายาอ๋องอี้รักษาคนตาย เจ้าเองก็ต้องรับผิดชอบด้วย!”ตู้ตงหงยิ่งพูดท่าทางก็ยิ่งดูมีความเป็นเหตุเป็นผล แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างดูมีความชอบธรรม“หากท่านมิได้ยึดเอาชื่อเสียงของเจ้ามายอมรับพระชายาอ๋องอี้ในฐานะอาจารย์ของท่าน ใครจะเชื่อว่าคนที่ไม่มีการศึกษาจะสามารถมีทักษะทางการแพทย์ได้เล่า?”“กลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดอันใดกัน พูดจาไร้สาระทั้งเพ! การฝังเข็มที่พี่จางเจ๋อของข้าทำให้ท่านอ๋องเฉิงในตอนนั้นต่างหาก ที่เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิตท่านอ๋องเฉิงไว้!”หมอที่เฝ้าดูอยู่เหล่านั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เป็นเพียงข่าวเล่าลือกันมาเท่านั้นหรือจะเป็นเพราะท่านฮั๋วแก่และโง่เขลาจริง ๆ เข้าใจผิดว่ากลยุทธ์การฝังเข็มธรรมดา ๆ เป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?ท่านฮั๋วทั้งกังวลทั้งโกรธกับสายตาสงสัยเหล่านี้เขาไม่เคยถูกสงสัยกับทักษะทางการแพทย์ของเขาเลย ตู้ตงหงเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยผู้นี้ กล้าใส่ร้ายตนเองเช่นนี้เลยหรือ?ท่านอ๋องเฉิงก็โกรธจนตัวสั่น ในคำพูดของคนเหล
แต่หลายคนกลับยังคงมิได้สนใจอย่างเช่นตู้ตงหง นางคิดว่าจับจุดอ่อนของหลิงอวี๋ได้แล้ว จะสามารถช่วยชะล้าง “ความอยุติธรรม” ให้คู่หมั้นของนางได้ตู้ตงหงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยต่อ“ท่านอ๋องอี้ ท่านอ๋องทำผิดก็มีความผิดเช่นเดียวกับคนทั่วไป! แม้ว่าท่านจะเป็นท่านอ๋อง ก็มิสามารถปกป้องพระชายาอ๋องอี้ได้หรอกเพคะ!”“นางรักษาคนตาย ก็ต้องรายงานทางการ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา จากนั้นสายตาก็เลื่อนไปที่ใบหน้าของหลิงอวี๋“หลิงอวี๋ ไม่ต้องกลัว แม้ว่าจะถูกรายงานต่อทางการก็ไม่เป็นไร ข้ากับท่านอาจะจัดการให้เจ้าเอง”ท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าเซียวหลินเทียนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ก็ลูบเคราแล้วจับจ้องไปตรงหน้า“เสี่ยวหลิงเอ๋อร์(หลิงอวี๋)ไม่ต้องกลัว เสี่ยวซื่อเอ๋อร์(เซียวหลินเทียน)พูดถูก ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง!”แต่ใบหน้าของหลิงอวี๋กลับไม่มีสีหน้าของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยและตอบโต้คำพูดของตู้ตงหงไป "อื้ม ควรรายงานต่อทางการ! ท่านอ๋องอี้ ท่านอ๋องเฉิง พวกท่านฟังที่คุณหนูตู้บอกเถิด รายงานต่อทางการเสีย!"เซียวหลินเทียตะลึงไปเล็กน้อย การแสดงออกของหลิงอวี๋ทำให้เขายกริมฝีปากขึ้นอย่างครุ่นคิด
เมื่อจัดการตัวเลือกที่จะไปยึดครองแคว้นเล็กแล้ว ทุกคนล้วนมองเซียวหลินเทียนอย่างกังวลเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก เซียวหลินเทียนจะส่งผู้ใดไปต้านพวกเขากัน?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปที่ชายแดนเพื่อต้านการรุกรานของฉีตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีก้าวออกมาเสนอตัวอย่างมิลังเล เขาได้ยินขันทีเหอส่งคนไปถ่ายทอดคำพูดของเซียวหลินเทียนให้เขาพาหลิงเสียงกังมาด้วย ก็รู้ว่าเซียวหลินเทียนอยากให้โอกาสหลิงเสียงกังทำความดีชดใช้ความผิดตัวตนของหลิงเสียงกังในยามนี้ยังคงเป็นขุนนางต้องโทษอยู่ มิว่าจะด้วยความรู้สึกหรือด้วยเหตุผลเซียวหลินเทียนก็มิสามารถให้เขาเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพออกรบได้ท่านอดีตเสนาบดีจึงทำได้เพียงเสนอตัวรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เสียเอง เช่นนี้หลิงเสียงกังก็สามารถติดตามตนไปออกรบในฐานะรองแม่ทัพได้แล้วองค์ชายคังเข้าใจเจตนาของท่านอดีตเสนาบดีในทันที ไหนเลยจะให้ท่านอดีตเสนาบดีสมหวัง เขาจึงก้าวออกมาทันทีพลางเอ่ย“กระหม่อมขอคัดค้านเรื่องที่ท่านอดีตเสนาบดีจะนำทัพออกรบพ่ะย่ะค่ะ...”“ฝ่าบาท ท่านอดีตเสนาบดีอายุมากแล้ว คราก่อนตกลงมาจากม้าก็ขาหักไป แม้ว่าจะรักษาจนสามารถเดินได้แล้
คำพูดนี้ขององค์ชายรุ่ยมีความกล้าหาญมากจนได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนนางเมื่อเทียบกับองค์ชายคังที่ดูหวาดกลัวปัญหาแล้ว องค์ชายรุ่ยดีกว่ามากนัก!“เรื่องการนำทัพออกรบประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้ายังพูดมิจบ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมององค์ชายคังด้วยความโกรธอย่างเตือน ๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันจะโจมตีเยวี่ยใต้!”“อัครเสนาบดีจ้าวหนีมิทันจึงตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือ องค์ชายอิงให้ข้าเอาเมืองสองเมืองไปแลกตัวอัครเสนาบดีจ้าวกลับมา!”ว่ากระไรนะ?คำพูดนี้ทำให้ขุนนางจำนวนมากแตกตื่นขึ้นมาทันทีองค์ชายคังก็ตะลึงไปเช่นกัน เมื่อครู่เขายังกล่าวโทษเซียวหลินเทียนที่ทำให้แคว้นกันกู่ขุ่นเคือง ตอนนี้จ้าวฮุยตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิง เขาจะยังกล้าพูดว่ามิสู้รบและต้องการสันติสุขอยู่ได้อีกหรือ?คราวนี้ขุนนางที่เข้าใจสถานการณ์รู้สึกได้ถึงวิกฤติแล้ว หากเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับเยวี่ยใต้ เยวี่ยใต้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาหากเยวี่ยใต้ถูกยึดอำนาจไป แล้วเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับฉินตะวันตกอีก ฉินตะวันตกต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองจะมีโอกาสชนะเท่า
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!แม้ว่าเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋จะคาดการณ์ถึงวิกฤติไว้แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจคาดเดาได้ว่าวิกฤติจะรุนแรงเช่นนี้เซียวหลินเทียนอยู่ในห้องทรงพระอักษรแล้วเปิดดูเรื่องด่วน เมื่อกวาดสายตาอ่านสิบบรรทัดแรกเสร็จ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็เคร่งเครียดไปทันที“ขันทีเหอ สั่งการไปที่ขุนนางว่าการ หลี่ว์เซียง ท่านอ๋องเฉิง ท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกังและพวกองค์ชายคังให้เข้าวัง...”เซียวหลินเทียนสั่งการขันทีเหอเห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียนมิปกติ จึงรีบให้คนไปถ่ายทอดพระราชโองการทันที“ขันทีน้อยเซี่ย ไปเชิญฮองเฮามา!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะเป็นสตรีมิอาจทำงานเรื่องการเมืองได้ เซียวหลินเทียนก็อยากให้หลิงอวี๋รู้เรื่องนี้ในทันทีหลิงอวี๋ได้ยินหลิงซวนรายงานว่าทางชายแดนส่งข่าวด่วนมาก็กำลังกังวลใจอยู่เมื่อขันทีน้อยเซี่ยมาถ่ายทอดพระราชโองการ นางก็รีบมาโดยมิลังเล“อาอวี๋ ดูนี่สิ...”เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋มาก็ส่งรายงานลับให้หลิงอวี๋ทันทีหลิงอวี๋อ่านจบก็ตกใจ บรรดาแคว้นเล็กที่เข้าร่วมกับฉินตะวันตกก่อนหน้านี้ล้วนไปเข้าร่วมกับองค์ชายอิงแล้วแม้แต่แคว้นพันก็ละทิ้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไป
การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูคราวนี้เซียวหลินเทียนเป็นผู้ดูแล หากนับเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นขุนนางในครั้งนี้ก็ล้วนเป็นคนที่ได้รับเลือกจากจักรพรรดิทั้งสิ้นสิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความกระตือรือร้นของเหล่าบัณฑิตมากขึ้น พวกเขาแอบสาบานว่าจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี พยายามให้ได้รับคำแนะนำจากจักรพรรดิเซิ่งอู่เองให้ได้การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูสำคัญเช่นนี้ ฉินซานกับเผยอวี้และพวกหลี่ว์เซียงจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูให้สมบูรณ์แบบองค์ชายรุ่ยกับองค์ชายเย่ก็มิอาจว่างได้ เซียวหลินเทียนส่งให้ทั้งสองคนไปทำหน้าที่สำคัญเช่นกัน องค์ชายเย่รับผิดชอบการสอบฝ่ายบู๊ ส่วนองค์ชายรุ่ยรับผิดชอบการสอบฝ่ายบุ๋นองค์ชายคังได้ถอยห่างจากตนไปแล้ว แม้ว่าองค์ชายรุ่ยจะมิได้มีความทะเยอทะยานอย่างเปิดเผย แต่เซียวหลินเทียนก็ยังให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดกับตนหลิงอวี๋เคยบอกไว้ว่า บำเพ็ญร้อยปีจึงจะมีโชคชะตาร่วมกัน ได้เป็นพี่น้องกันในชีวิตนี้จะต้องเป็นโชคชะตาหลายร้อยปีแน่นอนเซียวหลินเทียนมิขอให้พวกเขาซาบซึ้งและมีความรู้สึกลึกซึ้งในความเป็นพี่น้องกับตนเพราะเรื่องนี้ เขารู
เซียวหลินเทียนรู้ว่าวิธีการนี้ค่อนข้างเลวทราม แต่ก็พูดออกไปอย่างมิลังเล“ผลก็คือคนของข้าล้มเหลว ฮูเหยียนเสวี่ยหนีไปได้… นางน่าจะคาดเดาความคิดของข้าได้จึงมิกลับกันกู่ แล้วระหว่างทางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!“สองวันก่อนข้าได้รายงานลับบอกว่า องค์ชายอิงจากเว่ยเหนือพากำลังพลมุ่งหน้าไปที่กันกู่ บอกว่าต่อไปกันกู่จะได้ความคุ้มครองจากเว่ยเหนือ!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตะลึง นี่หมายความว่าฮูเหยียนเสวี่ยหันไปพึ่งองค์ชายอิงแล้วตอนแรกองค์ชายอิงจะขอแต่งงานกับเซียวทง เพราะรู้สึกว่าเซียวทงเปิดเผยตรงไปตรงมาดี ตรงกับรสนิยมของเขาฮูเหยียนเสวี่ยดุร้ายยิ่งกว่าเซียวทงเสียอีก นี่น่าจะถูกรสนิยมขององค์ชายอิงมากกว่าองค์ชายอิงมาเข้าร่วมการแข่งขันทางทหารของสี่แคว้นที่ฉินตะวันตกเมื่อครั้งที่แล้ว แม้ว่ากองกำลังของเขาจะมิได้ชนะ แต่ความสามารถก็มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตกและฉีตะวันออกครานี้เขากล้าเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่าจะคุ้มครองกันกู่ เช่นนั้นก็ประกาศสงครามกับฉินตะวันตกอย่างชัดเจนแล้วยามนี้ฉินตะวันตกส่งผู้แทนพระองค์ไปเป็นทูตที่แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบ หากคนที่ส่งไปเป็นหลี่ว์เซียง เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาคว
เรียกได้ว่าการที่เซียวหลินเทียนลงโทษไท่เฟยเส้าให้ไปสวดภาวนาให้ไทฮองไทเฮาที่ศาลบูรพกษัตริย์ครานี้ ถือเป็นการช่วยเหลือตระกูลจ้าวไปโดยมิรู้ตัวด้วยทว่าหลิงอวี๋กลับได้กลิ่นความผิดปกติจากสิ่งนี้หากองค์ชายคังอยากจะทำการใหญ่ การที่ไท่เฟยเส้าอยู่ในวังก็ต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับมิสนใจในจุดนี้!นอกเสียจากว่านางจะมิได้มีความทะเยอทะยานให้องค์ชายคังเป็นจักรพรรดิ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงมิสนใจกับสิ่งที่ไท่เฟยเส้าประสบเล่า!มีเพียงความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิชอบวิธีการของไท่เฟยเส้า จึงอยากจะควบคุมพรรคพวกของจ้าวฮุยไว้ในกำมือของตนเมื่อเห็นองค์ชายคังภักดีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถึงเพียงนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้เก่ง!กอปรกับเรื่องที่คราก่อนจ้าวเจินเจินถูกลากไปตายโดยไม่มีความผิด ทำให้หลิงอวี๋คาดเดาได้ว่าตระกูลจ้าวลังเลใจกับองค์ชายคังแล้วเมื่อเทียบกับการพึ่งพาภูเขาที่ล้ม จะมีสิ่งใดที่ดียิ่งไปกว่าการควบคุมชะตากรรมของตนไว้ในกำมือตนอีกเล่า!องค์ชายคังในตอนนี้กับบทบาทของเขาเมื่อก่อนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เขามิใช่ผู้ที่ออกคำสั่งอีกต่อไปแล้ว แ
ไท่เฟยเส้าถูกลงโทษ ทำให้จิตใจมุ่งร้ายของผู้ที่มิหวังดีล้วนสงบลง การเฝ้าศพในหลายวันที่เหลือจึงเป็นไปอย่างราบรื่นแม้ว่าเมืองหลวงจะระงับงานรื่นเริงและงานมงคลสมรสทั้งหมด แต่การเพาะปลูกในวสันตฤดูก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบนี่คือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวในปีหน้า มิอาจล่าช้าได้เซียวหลินเทียนจึงดำเนินการเรื่องการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิไปพร้อมกันการเฝ้าศพด้วยกระทั่งส่งโลงศพของไทฮองไทเฮาไปที่สุสานจักรพรรดิแล้ว ไท่เฟยเส้าก็ถูกส่งตัวไปที่ศาลบูรพกษัตริย์เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ต่างก็รู้ว่าไท่เฟยเส้ามิได้ไปที่ศาลบูรพกษัตริย์ด้วยใจที่ยินยอม จึงคอยระวังอยู่ตลอดว่าก่อนไปนางจะเล่นลูกไม้อะไรแต่ตลอดเวลาจนถึงตอนไป ไท่เฟยเส้ามิได้มีสร้างเรื่องใด ๆ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติไท่เฟยเส้าจะไปเงียบ ๆ ได้อย่างไรกัน?องค์ชายคังเองก็เช่นกัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้นแต่สายลับที่จับตาดูองค์ชายคังอยู่ตลอดมารายงานว่า องค์ชายคังราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาแนบแน่นอยู่กับพระชายาคังคนใหม่มาก ทั้งยังออกไปเล่นเที่ยวเล่นกับพระชายาคังอยู่บ่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋ก็ยิ่งระวังกับวิธีการข
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าของจูหลานจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับหลิงอวี๋อย่างอธิบายมิถูก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มจนตาเป็นขีดเดียวและเผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งขึ้นมาหลิงอวี๋รับเขามา เสี่ยวเป่าก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นเสี่ยวเป่าใกล้ชิดกับตนเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจและเมื่อเห็นเสี่ยวเป่ามีอาการท้องเสียและหัวพาดที่บนบ่าของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง หลิงอวี๋ก็กังวลใจนางจับชีพจรเสี่ยวเป่า แล้วหลิงอวี๋ก็ไปเอาน้ำตาลมาป้อนเสี่ยวเป่าไปพร้อมกับยาจูหลานมองอยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลิงอวี๋ก็มิได้คลางแคลงใจกับตน ยังคงพยายามรักษาเสี่ยวเป่าอย่างเต็มที่ คนที่จิตใจดีเช่นนี้เหตุใดไท่เฟยเส้าจึงต้องบีบคั้นให้ตายด้วยเล่าพูดไปพูดมาก็เพื่อตำแหน่งนั้นมิใช่หรือ?“เจ้าเก็บน้ำตาลเหล่านี้ไว้ เสี่ยวเป่าท้องเสียจนขาดน้ำ ในทุกครึ่งชั่วยามให้ป้อนน้ำตาลนี้กับเขา หากยังคงท้องเสียมิหยุดก็ให้คนไปตามข้ามาอีกที!”หลิงอวี๋ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก จึงอธิบายให้จูหลานฟังแล้วออกไปเสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้คนสนิทของจูหลานเห็นว่าหลิงอวี๋ไปแล้วก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “พระชายา ท่านว
องค์ชายคังโกรธจนตัวสั่น กำลังคิดจะพุ่งเข้าไปช่วยมารดาพูดก็ถูกแม่ทัพฟางห้ามไว้“องค์ชายคัง ใจเย็นพ่ะย่ะค่ะ… ยังจำคำที่องค์จักรพรรดิตรัสไว้เมื่อครู่ได้หรือไม่?”แม่ทัพฟางเอ่ยเตือนเรียบ ๆ “ท่านทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธไปแล้ว หากออกหน้าอีกที ยศองค์ชายของท่านก็จะรักษาไว้มิอยู่จริง ๆ แล้ว!”“ตราบใดที่มีชีวิตก็ย่อมมีความหวัง ขอเพียงท่านมีอำนาจอยู่ ไท่เฟยเส้าจะกลับมาได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ท่านเอ่ยปากได้มิใช่หรือ?”องค์ชายคังจึงใจเย็นลง แล้วเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม พร้อมกับกำหมัดแน่นเพื่อหมู่เฟย เพื่อตนเอง เขาจะต้องแย่งตำแหน่งนั้นมาให้ได้!เซียวหลินเทียน เจ้าไร้ความเมตตา ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความชอบธรรม!คดีเรื่องไทฮองไทเฮาถูกวางยาพิษจึงจบลงตรงนี้ จากนั้นหลิงอวี๋ก็หาคนมาจัดการห้องโถงที่ตั้งศพใหม่เซียวหลินเทียนก็พาเหล่าขุนนางและสตรีบรรดาศักดิ์ออกไปกินอาหารหนึ่งชั่วยามผ่านไป ห้องโถงที่ตั้งศพก็กลับคืนสู่การเฝ้าศพ และทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นระเบียบไท่เฟยเส้าโกรธจนกัดฟันแทบแตก นางอดทนเฝ้าศพอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงอ้างว่าปวดหัวมากแล้วไปพักผ่อนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนหยัดเฝ