“พี่หญิง หรือว่าขี้ผึ้งหอมชนิดนี้มีพิษ?”เย่หรงเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋มิสู้ดี จึงถามด้วยความสงสัย“หากมีพิษ พวกเขาจะกล้าขายให้ทุกคนได้อย่างไร?”หลิงอวี๋ตอบอย่างขมขื่น “หากเจ้าไปตรวจสอบขี้ผึ้งหอมดู แน่นอนว่ามิพบพิษในนั้น แม้จะมีก็มีเพียงเล็กน้อย มิถึงแก่ความตาย!”“แต่... หากสูดดมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย อายุขัยสั้นลง!”“เย่หรง หากใครสูดดมขี้ผึ้งหอมเป็นประจำ เมื่อมิได้สูดดมจะอาการมีน้ำมูกไหล คันตามตัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างทรมาน”“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งหอมมาใช้งาน แม้คนผู้นั้นต้องสังหารผู้อื่น เขาก็จะทำโดยมิลังเล! แม้แต่บิดามารดาของตนเอง!”เย่หรงสูดหายใจเข้าลึก “ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียว!”“ใช่ ข้ามิได้พูดเกินจริง! เจ้ายังจำโลกที่มีตึกสูงระฟ้าที่เจ้าฝันถึงได้หรือไม่? การแพทย์ของพวกเขาก้าวหน้ากว่าแดนเทพมากนัก ทว่าการช่วยให้ผู้ติดยาเสพติดเลิกยาได้ก็ต้องใช้เวลานานเช่นกัน!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างกังวล “ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเลิกได้แล้ว ทว่าหากมีสิ่งล่อใจ เหมือนคนที่เคยลิ้มรสความหวาน หากไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่แข็
เย่หรงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นวันพรุ่งข้าจะเชิญท่านปู่ของข้าไปรอเจ้าที่สำนักศึกษาชิงหลง!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้าเมื่อเย่หรงกลับไป หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลแม้ว่านางจะมิใช่คนของเมืองหลวงแดนเทพ แต่เย่ซื่อฝาน เจ้าสำนักจิน และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักศึกษาชิงหลงหลายคนก็ดีต่อนาง นางมิอาจทนเห็นพวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติครั้งนี้ได้ยังมีหลงเพ่ยเพ่ย บิดาของนางคือเจ้าแห่งทิศใต้ หากสำนักซิงหลัวควบคุมพี่ชายคนที่สามของนางได้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิตกที่นั่งลำบากหรอกหรือ?ครั้งนี้ที่สามารถตามสิงจั๋วกลับมาได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหลงเพ่ยเพ่ย หลิงอวี๋ถือว่าติดหนี้นางหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งจะพาเจ้าสำนักจินและเย่ซื่อฝานไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ และหารือกับเจ้าแห่งทิศใต้ร่วมกันเช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ให้เถาจื่อไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้เพื่อแจ้งหลงเพ่ยเพ่ย ให้นางรั้งตัวเจ้าแห่งทิศใต้ไว้ที่จวนให้ได้ส่วนตนก็พาหานเหมยไปที่สำนักศึกษาชิงหลงเย่ซงเฉิงและเย่หรงมาถึงแล้ว เจ้าสำนักจินได้ยินข่าวก็ออกมาต้อน
หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก บอกเล่าถึงอันตรายของการสูดดมขี้ผึ้งหอมให้ทุกคนฟังครั้งนี้เจ้าแห่งทิศใต้มิสงบนิ่งอีกต่อไป ถามอย่างตกตะลึง “เจ้าบอกว่าขี้ผึ้งหอมมีพิษ? ทำให้เสพติดได้งั้นรึ?”หลงจิ้งเป็นบุตรชายที่เจ้าแห่งทิศใต้ภาคภูมิใจที่สุด เขามีทั้งพรสวรรค์และสติปัญญา เจ้าแห่งทิศใต้เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้า“ท่านเจ้าแห่งทิศใต้ หม่อมฉันพูดความจริง ขี้ผึ้งหอมชนิดนี้สูดดมหนึ่งถึงสองครั้งจะมิเป็นไร ทว่าหากนานวันเข้า มันจะทำลายอวัยวะภายในร่างกาย! ทำให้ร่างกายซูบผอม!”“เมื่อมิได้สูดดมจะปวดเมื่อยตามตัว คันตามกระดูก! ขอท่านโปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด ความเจ็บปวดเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็มิอาจทนได้!”“ขอท่านโปรดลองไตร่ตรองดู ความเจ็บปวดเช่นนี้เทียบได้กับการทรมานทั้งเป็น หากผู้เสพทนความเจ็บปวดมิไหว ท่านให้เขาทำอะไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาจะมิยินดีทำหรือ?”เจ้าแห่งทิศใต้เป็นผู้มีอำนาจ เข้าใจวิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ทำตามคำสั่งของตน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็เข้าใจในทันที เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นตามแผ่นหลังสำนักซิงหลัวควบคุมบุตรชายของตนเช่นนี
สีหน้าของหลงจิ้งเคร่งขรึมลงทันที มองไปที่เย่หรงก่อนโดยสัญชาตญาณ แล้วก่นด่าว่า “เย่หรง เจ้ามาพูดจาเหลวไหลอะไรกับท่านพ่อของข้า?”“ข้ากับเจ้ามิเคยยุ่งเกี่ยวกัน เจ้าถึงกับต้องนำความมาฟ้องท่านพ่อข้าเชียวรึ?”เย่หรงพูดมิออก เขามิได้มีความคิดที่จะฟ้องเลย แต่เป็นเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มาที่นี่พร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านอย่าใส่ร้ายเย่หรง เขามิได้ฟ้องเรื่องท่าน!”หลงเพ่ยเพ่ยรีบกล่าว “พี่สาม ท่านบอกความจริงกับพวกเรามา ท่านสูดดมขี้ผึ้งหอมมานานเท่าไรแล้ว? เป็นหนี้สำนักซิงหลัวเท่าไร?”“ท่านพ่อมิได้คิดจะตำหนิท่าน พวกเราแค่มิอยากเห็นท่านถูกหลอกลวง ถูกสำนักซิงหลัวหลอกใช้ ทำร้ายตนเองและทำร้ายคนในตระกูล!”หลงจิ้งกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิได้เป็นหนี้สำนักซิงหลัวมากมายเพียงนั้น พวกท่านอย่าไปฟังเย่หรงพูดเหลวไหล! ขี้ผึ้งหอมก็มิใช่ยาพิษ ข้าก็แค่สูดดมเล่นเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น!”สูดดมเล่น?เจ้าแห่งทิศใต้และทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ มีบุตรหลานจำนวนเท่าไรที่ถูกสำนักซิงหลัวหลอกลวง ปากกล่าวว่าสูดดมเล่น ๆ สุดท้ายก็เลิกมิได้ ถูกสำนักซิงหลัวควบคุมในที่สุด!“จิ้งเอ๋อร์ พ่อคิดว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ
หลงจิ้งหุบยิ้มทันใด มองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็มิเกี่ยวกับเจ้า! เจ้าอย่าหวังว่าจะล้วงความลับของพวกเขาจากปากข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าหลงจิ้งจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสำนักซิงหลัวเสียด้วย!หลิงอวี๋ส่ายหน้า ยามนี้มิว่าจะพูดอะไรกับหลงจิ้ง เขาก็จะมีท่าทีต่อต้านเสมอ รอให้เขาเกิดอาการคลั่งยาขึ้นมาก่อนเถอะ ค่อยพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง!หลงเพ่ยเพ่ยให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้มาให้ทุกคน เจ้าแห่งทิศใต้ยังสั่งให้นางชงชามาต้อนรับท่านเจ้าสำนักจินและเย่ซงเฉิงอย่างดีทุกคนดื่มชาพลางพูดคุยกันไประหว่างรอหลิงอวี๋จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของหลงจิ้ง และเห็นว่าเขาอ้าปากหาวถี่ขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกหลงจิ้งยังคงใส่ใจภาพลักษณ์ของตน แต่ต่อมาหลงจิ้งก็มิสนใจอีกต่อไป มิปิดบังอาการน้ำตาของหลงจิ้งค่อย ๆ ไหลออกมา เดินวนเวียนไปมาในกรงเหล็กอย่างควบคุมตนเองมิได้ ราวกับพยายามควบคุมความมิสบายกายภายในเอาไว้สุดท้าย มิเพียงแต่หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและทุกคนก็เห็นว่าหลงจิ้งเกาตามเนื้อตัวผ่านอาภรณ์อาภรณ์ที่เรียบร้อยในตอนแรก มินานก็ถูกเขาดึงทึ้งจนยุ่งเหยิงหลงเพ่ยเพ่ยทั้งเจ็บปวดใจ
“หากต้องการเลิกยา ช่วงเจ็ดวันแรกจะเป็นช่วงที่ยากที่สุด ท่านขังเขาไว้ในกรงเหล็กนี้ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว อย่าให้สิ่งของใดกับเขาเป็นอันขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างใจแข็ง “มิว่าเขาจะอ้อนวอนและมีท่าทีเจ็บปวดมากเพียงใด ท่านก็อย่าได้ใจอ่อนปล่อยเขาออกมานะเพคะ!”“หม่อมฉันจะจัดตำรับยาให้อีก เป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย และยับยั้งการติดยา!”“เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านปล่อยเขาออกมากลางคัน ทำเช่นนั้นมิใช่เป็นการรักเขาเพคะ แต่เป็นการทำร้ายเขา และจะทำให้เขายิ่งติดขี้ผึ้งหอมเพคะ!”“หลังจากผ่านเจ็ดวันไปได้แล้ว ขอเพียงระมัดระวังอย่าให้เขาสัมผัสกับขี้ผึ้งหอม และอย่าให้ติดต่อกับคนที่เคยสูดดมขี้ผึ้งหอมด้วยกันอีก นานวันไปเขาจะฟื้นตัวเองเพคะ!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลงจิ้งที่อยู่ในกรงเหล็ก จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะทำตามวิธีการที่คุณหนูสิงบอกอย่างแน่นอน!”“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังนาง! ลูกรับรองว่าขี้ผึ้งหอมไม่มีอันตรายจริง ๆ! ปล่อยลูกออกไปเถิด!”เมื่อหลงจิ้งได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็โกรธจนพุ่งไปที่หน้ากรงเหล็กแล้วเขย่าอย่างแรงแต่กรงเหล็กที่หนักอึ้งนั้นมิขยับแม้แต่น้อย“ท่านพ่อ ปล่อยข้าออกไป!”หลงจิ้
“เจ้าแห่งทิศใต้ อย่าได้ร้อนพระทัยไปเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนั้นคือหลิงอวี๋และเย่ซงเฉิง“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ให้เขาพูดก่อนเย่ซงเฉิงจึงพยักหน้า “เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้ามหาเทพให้ส่งทหารไปโจมตีสำนักซิงหลัวเช่นนี้ จะมิเป็นการเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”“ยามนี้พวกเรามิรู้ความแข็งแกร่งของสำนักซิงหลัว หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปเช่นนี้ จะเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“อีกทั้งยังมิรู้ด้วยว่า พวกเขาแอบใช้วิธีเช่นนี้ควบคุมคนอยู่เท่าไร หากจัดการเรื่องนี้มิดี ก็จะเป็นหายนะของเมืองหลวงแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้ามิเชื่อว่าหากผู้นำตระกูลอื่นรู้ว่าบุตรหลานของตนถูกผู้อื่นใช้งานเช่นนี้แล้วจะมิสะทกสะท้านเลย!”“หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ว่าสำนักซิงหลัวจะมีคนจำนวนมาก ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นกัน!”หลิงอวี๋อมยิ้มบาง ๆ “เจ้าแห่งทิศใต้ มิใช่ทุกคนจะเด็ดขาดเช่นท่านเพคะ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านร่วมมือกับทุกคนเพื่อจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นได้เพคะ!”“อาจารย์ปู่ของหม่อมฉันพูดถูกแล้ว เรื่องนี้จะบุ่
“มิได้ มิได้ มันเสี่ยงเกินไป!”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหัว “พี่สามของเจ้าเป็นเช่นนี้ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าอีกคนมิได้!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาแล้วเพคะ แม้ว่าคนของท่านจะไปสืบสวนก็รู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น!”“หากปล่อยเวลายืดเยื้อไปก็จะยิ่งมีอุปสรรคมาก แล้วหากสำนักซิงหลัวชิงลงมือล่วงหน้าเล่าเพคะ?”“ก่อนหน้านี้ท่านเคยตรัสไว้ว่า รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่ไม่แตก หากตระกูลอื่นถูกสำนักซิงหลัวใช้ประโยชน์แล้วเช่นนั้นจะมิเป็นภัยต่อจวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราหรือเพคะ?”ใบหน้าของเจ้าแห่งทิศใต้ดูเคร่งเครียดขึ้นมา “นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าผู้เป็นสตรีควรจะทำ! หากต้องไปจริง ๆ ข้าจะหาคนที่ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายกับพี่สามของเจ้าไป!”“กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ส่วนสูงและรูปร่างของกระหม่อมคล้ายกับหลงจิ้งมาก อีกทั้งกระหม่อมก็มีสหายอยู่ในสำนักซิงหลัวด้วย หากเผชิญกับอันตรายก็จะหลบหนีได้ง่าย!”ทุกคนต่างมองไปทางเย่หรงส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงนั้นคล้ายกับหลงจิ้งมาก ส่วนใบหน้าหากแปลงโฉมสักหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ“เย่หรง น
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต
“ฉินซาน เจ้าเห็นอะไรหรือไม่?”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซานอย่างให้กำลังใจ เมื่อครู่ฉินซานค่อนข้างท้อแท้กับความสามารถของตนเอง เซียวหลินเทียนจึงอยากใช้สิ่งนี้กระตุ้นความมั่นใจของฉินซานฉินซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่พลางเอ่ยออกมา “ในผังภาพหยินหยางมีเส้นอยู่สองเส้น เส้นหยินเริ่มจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเส้นหยางเริ่มจากทิศตะวันออก”“หากเส้นหยินเคลื่อนที่ไปตามนี้แสดงว่าหยินแข็งแกร่งหยางอ่อนแอ และหากเส้นหยางเคลื่อนที่ไปทิศทางนี้ก็แสดงว่าหยางแข็งแกร่งหยินอ่อนแอ”“กลไกที่พวกเราผ่านมาได้เมื่อครู่นี้หากอิงตามผังแปดทิศ ถูกแบ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของมัน กลไกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของผังแปดทิศ หากพวกเราเดินไปที่กลไกในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะง่ายหน่อย ทว่าหากเป็นตำแหน่งทิศตะวันออก ก็จะมีกับดักกลไกอันตรายทุกย่างก้าว!” เมื่อเผยอวี้ ลู่หนานและคนอื่น ๆ ได้ฟังเช่นนั้นก็ต่างรู้สึกสับสนกันไปหมดลู่หนานจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะแยกแยะตำแหน่งของทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกให้ชัดเจนได้เล่า มิใช่ว่าเดินไปตามนี้หรือ? มีโอกาสเลือกได้ที่ไหนกั
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็เคยเห็นวิชากลไกที่เจ้าตำหนักปีกเงินคนก่อนรวบรวมไว้เช่นกัน เขาได้ทำการศึกษาพร้อมกับฉินซานและผ่านไปได้หลายด่านโดยไม่มีอันตรายใด ๆแต่ก็เป็นดังเช่นที่หุ่นไม้เตือน ด่านต่อ ๆ ไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากเผยอวี้และเซียวหลินเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนจะถูกกลไกหลอกในระดับที่ต่างกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือจ้าวซวน เขาเกือบจะถูกกลไกตัดแขนขาดครึ่งหนึ่ง ทว่าเซียวหลินเทียนเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงพุ่งเข้าไปแล้วใช้กระบี่คุนอู๋ตัดกลไกได้ทันกาล สุดท้ายก็ช่วยจ้าวซวนออกมาได้แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จ้าวซวนก็ถูกเฉือนจนเนื้อหนังเปิดอย่างน่าสยดสยอง และเลือดก็ยังคงไหลมิหยุดด้วยเผยอวี้รีบหยิบโอสถสมานแผลออกมาเทลงบนมือของจ้าวซวนจนหมดขวด แต่ก็ต้องใช้โอสถสมานแผลถึงสองขวดจึงจะห้ามเลือดที่แขนของจ้าวซวนได้เซียวหลินเทียนเห็นว่ายังเดินกันมิถึงครึ่งทางของตำหนักใต้ดิน แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว ในใจจึงแอบด่าทอเจ้าสำนักซิงหลัวคนก่อนว่าช่างวิปริตเสียจริง ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไร ถึงได้ต้องมาทำของอันตรายร้ายกาจเยี่ยงนี้!แต่ก็เพราะตำหนักใต้ดินอันตราย คนชุดขาวจ
ลู่หนานไปสำรวจเส้นทางข้างหน้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกไว้ว่า กลไกในตำหนักใต้ดินนั้นซับซ้อนมาก และบอกพวกเขาว่าอย่าไปเสี่ยงง่าย ๆลู่หนานเดินไปจนถึงทางเลี้ยว เขาทำตามคำสั่งของเซียวหลินเทียน เมื่อเขาเห็นประตูบานหนึ่งจึงมิกล้าเข้าไปเขายืนอยู่ห่างจากหน้าประตูสองสามเมตร และพยายามตรวจดูว่าบริเวณโดยรอบมีกับดักหรือไม่แต่พื้นถนนตรงหน้าประตูกับตรงที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นแบบเดียวกัน ล้วนปูด้วยแผ่นหินชนวน ดูแล้วก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่และประตูบานนั้นก็ดูคล้ายกับว่าฝังอยู่ในผนังอุโมงค์ ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งประตูที่หนักอึ้งทั้งสองบานก็ประกบเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มิได้มีช่องว่างใดด้วยลู่หนานเคลื่อนไหวไปช้า ๆ แต่เดินไปได้เพียงหนึ่งเมตร จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ใต้เท้าว่างเปล่า แล้วแผ่นหินชนวนก็แยกออกจากกัน จากนั้นลู่หนานก็รู้สึกว่าร่างกายของตนตกลงไปเขาตกใจมากจึงกระโดดขึ้นไปจนหัวกระแทกกับเพดานถ้ำ จากนั้นก็มีลูกศรลับนับมิถ้วนพุ่งออกมาจากผนังทั้งสองด้านโชคดีที่ลู่หนานเป็นคนตาไวมือไว จึงเบี่ยงตัวหลบแล้วไถลตัวกลับไปได้ทันกาลแต่ถึงกระนั้น ที่ไหล่ของลู่หนานก็ถูกลูกศรยิ
“สหายหวงฝู่ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าเองก็อย่าได้ตกลงตามเงื่อนไขของเขา!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องพิษของลูกสาวเจ้า แต่คนที่แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ยังมิกล้าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ เจ้าจะเชื่อคำสัญญาของเขาได้หรือ?”“แม้ว่าเขาจะรับปากว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เมื่อฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา เขาจะลืมความแค้นที่เมื่อนั้นบรรพบุรุษของเจ้าแช่แข็งเข้าไว้ใต้ภูเขาหิมะได้หรือ?”“จากที่ข้าเห็น เขาก็แค่มิกล้าบุกเข้ามาในตำหนักใต้ดิน ก็เลยจงใจล่อลวงเจ้า!”“สหายหวงฝู่ คนชุดขาวผู้เดียวก็เก่งกาจเช่นนี้แล้ว หากฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ใดกันที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้? กลัวก็แต่เมื่อถึงกาลนั้น คนที่ตายจะมิใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราษฎรนับล้านในแดนเทพอีก!”ความเป็นความตายของคนเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า!หวงฝู่หลินเกือบจะหลุดพูดคำนี้ออกไปแล้ว แต่เมื่อหันไปเห็นปี้ซง หวงฝู่หลินก็พูดเช่นนี้มิออกปี้ซงและเหล่าทาสในวังเทพ มีหลายคนที่อยู่กับตนมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขาจะบอกว่ามิต้องไปสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นได้หรือ?หากเป็นเช่นนี้ ตนยังนับว่าเป