วัสดุเช็คค่อนข้างแข็ง กรีดบนใบหน้า เจ็บมากหลังจากยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง เธอก็ก้มลงอย่างใจเย็นและหยิบเช็คขึ้นนั้นเมื่อเขาเห็นปริมาณข้างบน ความขมขื่นที่มุมปากของเธอก็แพร่กระจายไปทั่วหน้าอกของเธอทันทีห้าปีแลกกับ10พันล้าน ก็ค่อนข้างคุ้มค่านะถ้าเป็นห้าปีก่อน เธอต้องการเงินมากจริงๆแต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว การเงินไม่สามารถติดตัวได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือความตายซูหว่านสีหน้าดูสงบและวางเช็คกลับไปในรถ"ประธานจี้ค่อนข้างเอื้ออาทรนะ แต่ถ้าฉันเอาเงินของคุณไป ฉันจะไม่สามารถแต่งงานกับตระกูลหลินอย่างบริสุทธิ์ใจได้"ความหมายคำพูดของเธอคือเมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งของคุณนายน้อยของตระกูลหลินแล้ว เงิน10พันล้านนี้ก็ไม่มีอะไรเลยการรับเงินของเขากลับส่งผลต่อการแต่งงานของเธอกับตระกูลที่ร่ำรวยด้วยจนกระทั่งตอนนี้ที่ จี้ซือหานจึงเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการเงินสักเพนนีจากเขา ที่เดิมเธอวางแผนที่จะแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยร่องรอยของความสงสัยในใจเขาหายไปจนหมด และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ก็เหมือนกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้าโดยไม่มีอารมณ์ใดๆเลย"ซูหว่าน จากนี้ไป
ใบหน้าที่เย็นชาและห่างเหินของจี้ซือหานค่อยๆเย็นลง แม้แต่คิ้วใต้ตาก็ถูกย้อมไปด้วยความหนาวเย็นที่กัดกระดูกเขาวางแก้วไวน์ในมือลง เงยดวงตาที่เย็นชาขึ้น มองไปที่จี้เหลียงชวน "คุณคิดว่าอย่างไร"จี้เหลียงชวนคาดเดาอย่างกล้าหาญว่า "ผมคิดว่าคุณอาจชอบนิดหน่อยมั้ง ไม่งั้นหลังจากได้ยินหลินเจ๋อเฉินบอกว่าเคยนอนกับเธอแล้ว ก็โกรธมากจนเอาเหล้าไปสาดคนอื่นได้ยังไง"จี้ซือหานยิ้มเย็นเสียงหนึ่ง "เธอเพิ่งแยกกับผมก็นอนกับหลินเจ๋อเฉินแล้ว ผมปรับตัวไม่ทัน ให้เธอบทเรียนหน่อย แบบนี้ก็กลายเป็นชอบแล้วหรือ"เมื่อเขาพูดสิ่งนี้ ความหนาวเย็นในสายตาของเขาจางหายไปตั้งนาน เหลือเพียงความเย็นชาและความเหินห่าง ราวกับว่าเขาไม่สนใจคนที่ได้รับการสอนจากเขาจี้เหลียงชวนเห็นเขาแบบนี้ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยในใจลึกพี่สองของเขามีโรคสะอาดด้านจิต รับไม่ได้ที่ผู้หญิงที่ตนเคยเล่น หันหลังไปก็ไปนอนกับคนอื่น ก็ปกติและพอหนิงหว่านกลับประเทศ พี่สองก็เลิกกันกับซูหว่านแล้ว นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าในใจของพี่สอง ตัวแทนคุณซูนี้ไม่สําคัญจี้เหลียงชวนไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากแหงนหน้าดื่มไวน์ในแก้วจนหมด ก็ลุกขึ้นพูดว่า "พี่สอง
ซูหว่านเหล่มองจี้เหลียงชวนที่นั่งอยู่เบาะคนขับเห็นเขาเอียงศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง ความอึดอัดที่อยู่ภายในใจก็ค่อยๆคลายตัวลงเธอถือทิชชู่ในมือแล้วก้มหน้าลง จากนั้นค่อยๆเช็ดน้ำฝนบนเรือนร่างจี้เหลียงชวนมองร่างในชุดราตรีบางๆเปียกโชกของเธอผ่านกระจกหลังอากาศหนาวแบบนี้ แต่เธอไม่ใส่แม้กระทั่งเสื้อคลุม แล้วยังยืนตากฝนโบกรถอยู่ข้างนอกอีก นี่ทำให้จี้เหลียงชวนรู้สึกสงสัยมาก"คุณซู ทำไมคุณชายหลินไม่ไปส่งคุณ?"พอได้ยินเขาเอ่ยชื่อนั้น ซูหว่านก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ผ่านไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของหลินเจ๋อเฉินเธอกำกระดาษในมือแน่น แล้วแต่งเรื่องโกหกออกไป "ฉันทะเลาะกับเขา เขาก็เลยให้ฉันลงจากรถ"จี้เหลียงชวนพยักหน้าเบาๆ "แบบนี้นี่เอง"เขาเห็นเธอสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ ก็ยกมือขึ้นปรับฮีตเตอร์ จากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรอีกจู่ๆอุณหภูมิในรถก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ร่างกายที่แข็งทื่อเพราะความหนาวของซูหว่านค่อยๆอุ่นขึ้นเธอมองจี้เหลียงชวนด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วค่อยๆอธิบายอย่างระมัดระวัง "ตอนแรกฉันตั้งใจจะเรียกแกร็บ แต่โทรศัพท์แบตหมด ร้านรอบๆก็ปิดหมดแล้ว ไม่มีที่จะไปหลบฝน ก็เลยไปยืน
หลังจากที่ซูหว่านวิ่งตากฝนกลับบ้าน เธอก็ถอดชุดราตรี และสร้อยเพชรที่ประดับบนคอออก แล้วโยนมันลงกล่องพรุ่งนี้เธอจะส่งมันคืนให้หลินเจ๋อเฉิน ของของเขาน่าขยะแขยงเกินทน เธอจะไม่เก็บมันไว้เด็ดขาดเมื่อปิดฝากล่อง เธอก็เดินเข้าห้องอาบน้ำ เปิดก็อกด้านบนอ่าง แล้วลงไปนอนแช่เธอหยิบที่ขัดตัวมาถูกหลังของตัวเองอย่างแรงจนเกิดเป็นสีแดงเปื้อน จากนั้นก็มองดูตัวเองในกระจกเมื่อลบเครื่องสำอางออก จึงเหลือเพียงใบหน้าซีดเซียวที่เกิดจากอาการป่วย ไม่มีหลงเหลือความสดใสอีก โดยเฉพาะขอบใต้ตาที่ดำคล้ำเหมือนคนไม่มีชีวิตเธอมองไม่เห็นแสงแห่งความหวัง สัมผัสไม่ถึงความอบอุ่นไม่ต่างอะไรกับมดตัวนึงที่ใครจะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ได้แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี..."ศักดิ์ศรี"ซูหว่านพึมพำคำนั้นออกมา แล้วก็หัวเราะเยาะตัวเอง นับตั้งแต่วินาทีที่เขาขายตัวให้จี้ซือหาน เธอก็ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีอีกแล้วเธอเช็ดผมให้แห้ง แล้วทิ้งตัวนอนบนเตียง เนื่องจากเหนื่อยล้ามาก จึงผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเพราะตากฝนกลับบ้าน อาการป่วยก็ซูหว่านหนักขึ้นตามไปด้วย ซูหว่านสลบยาวจนถึงช่วงบ่ายของวันต่อมาซานซานทำงานกะดึก
ซานซานได้ยินเสียงร้องที่ดังขึ้นต่อเนื่องของซูหว่าน ก็ตกใจจนรีบปลุกให้ตื่น"หว่านหว่าน เป็นอะไร?"สติสัมปชัญญะของซูหว่านค่อยๆกลับเข้าที่ เธอเบิกตาโพล่ง ทั้งจี้ซือหานและซ่งซือเยว่ที่อยู่ตรงหน้าหายวับไป เหลือแค่ใบหน้าเป็นกังวลของซานซานเธอจึงตระหนักได้ว่าเมื่อกี้นี้เป็นเพียงแค่ฝันร้าย เธอฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีต แล้วก็ฝันเห็นคนที่เธอไม่อยากพบเจอเธอสลัดภาพในหัวทิ้งไป พยายามกลืนน้ำลายเพราะคอที่แห้งผาก เมื่อยกมือขึ้นหวังจะหยิบน้ำมาดื่ม ก็พบว่าข้อมือของเธอมีสายน้ำเกลืออยู่"เธอไข้สูง ฉันก็เลยพามาโรงพยาบาล"ซานซานเห็นเธอมึนๆเพราะพิษไข้ จึงอธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็รินน้ำที่วางอยู่ข้างๆ พยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นดื่มน้ำรสชาติหวานของน้ำไหลลงสู่คอ ทำให้ซูหว่านค่อยๆกลับมามีชีวิตอีกครั้ง..."ซานซาน...""หืม?"ซานซานขานรับด้วยความอ่อนโยน เธอลูบเส้นผมปรกตรงหน้าผากที่เปียกได้ด้วยเหงื่อ ไปทัดไว้ที่หูของเพื่อนรัก แล้วถามเบาๆ "หิวหรือเปล่า?"ซูหว่านรู้สึกเหนื่อยง่าย เธอส่ายหน้า "หมอได้บอกอะไรเธอหรือเปล่า?"โรคหัวใจล้มเหลวที่เป็นอยู่ เธอยังไม่ได้คิดเลยว่าจะบอกซานซานยังไงดี จู่ๆดันไข้ข
เธอเข็นเสาน้ำเกลือเดินกลับห้องผู้ป่วยของตัวเอง ซานซานซื้อข้าวต้มกลับมา พอเห็นเธอก็รีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหา"ไข้เพิ่งลดก็ซี้ซั้วเดินออกไปนู่นนี่ อยากตายหรือไง?"ซานซานกดให้เธอนั่งลงบนเตียง แล้วทำหน้าดุอบรมเธอ "ตัวเองก็เป็นโรคหัวใจอยู่ ยังไม่รู้จักระวังให้ดีอีก"ซูหว่านรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอเม้มปากยิ้มๆ "ฉันไปเอาผลตรวจมา"ซานซานเปิดถ้วยข้าวต้ม พร้อมกับพูดขึ้น "ฉันไปเอาให้เธอได้หน่า ซี้ซั้วเดินออกไปทำไม"พูดจบ เธอก็ยื่นมือออกมาอย่างเป็นห่วง "ผลตรวจอยู่ไหน? เอามาให้ฉันดูซิ"ซูหว่านกระพริบตาปริบๆ ไม่อยากโกหกซานซาน แต่ก็ต้องจำใจ "ฉันหยิบไปให้หมอช่วยดู แล้วลืมไว้ที่ห้องตรวจน่ะ"ซานซานได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ เพียงแต่เป็นห่วงสภาพร่างกายของเธอ "แล้วผลตรวจว่ายังไง?"ซูหว่านตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ก็แค่ผลตรวจเลือด ไม่ได้เป็นอะไร"มือของซานซานที่กำลังคีบตะเกียบอยู่ก็ชะงัก เธอหันไปมองซูหว่านด้วยสีหน้าจริงจัง "เธอไม่เหมือนคนทั่วไป เธอมีโรคหัวใจอยู่ ผลตรวจเลือดคือส่วนสำคัญที่สุดในการตรวจร่างกาย"ซูหว่านยิ้มแห้งๆ "รู้แล้วหน่า หมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร หัวใจอะไรก็ปกติ เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
หลังจากนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน ซูหว่านก็ไข้ลดลงจนเป็นปกติแล้ว จะมีก็แต่ร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกเธอจึงให้ซานซานไปทำเรื่องของคืนค่าห้อง ทั้งสองคนทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จ ก็กลับบ้านทันทีที่กลับมาซานซานก็วุ่นวายอยู่ในครัว ซูหว่านอยากช่วย แต่ซานซานไม่ให้ทำ"เธอขึ้นห้องไปนอนเถอะ ตรงนี้ฉันจัดการเอง"ซานซานโบกมือไล่ให้เธอออกไปซูหว่านไข้ลดแล้ว แต่ดูเหมือนอาการหัวใจล้มเหลวกลับแย่ลงเธอรู้สึกเจ็บหน้าอก เวียนหัว เลือดไม่ไหลเวียน ออกซิเจนต่ำ ร่างกายอ่อนเพลีย แม้แต่จะยืนยังไม่มั่นคงสภาพนี้ก็คงช่วยอะไรซานซานไม่ได้ จึงได้แต่เชื่อฟัง พยุงร่างของตัวเองกลับไปที่ห้องนอนเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง ก็ตั้งใจจะว่านอนหลับ แต่จู่ๆโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก็มีเสียงข้อความเข้า เป็นข่าวบันเทิงที่เธอติดตามอยู่นับตั้งแต่อยู่กับจี้ซือหาน เธอไม่ค่อยรู้ตารางงานเขานัก แต่บางครั้งก็เห็นเขาออกข่าว ก็เลยติดตามเพจข่าวไว้บ้างเธอเปิดขึ้นดู ก็เห็นปาปารัซซี่ถ่ายรูปที่จี้ซือหานอุ้มหนิงหว่านเข้าห้องฉุกเฉิน แล้วเขียนพาดถึงรักถ่านไฟเก่าของทั้งคู่เธอค่อยๆเลื่อนลงมาทีละนิด คอมเม
ขณะกำลังหลับลึกไม่สนโลกอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกเธอพยายามเปิดหนังตาอันหนักอึ้งจากความเหนื่อยล้า แล้วยันตัวลุกขึ้นรับโทรศัพท์"ที่รัก"เสียงของหลินเจ๋อเฉินดังขึ้นจากปลายสาย "ฉันได้ยินว่าเธอไข้ขึ้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?"ซูหว่านได้ยินเสียงของเขา ความรู้สึกอยากลาโลกก็กลับเข้ามาอีกครั้งเธอรู้สึกว่าหลินเจ๋อเฉินแปลกคนจริง คนที่คิดแต่จะปล้ำเธอท่าเดียว ทำไมอยู่ๆก็เป็นห่วงสุขภาพเธอขึ้นมา?ทั้งส่งข้อความ ทั้งโทรหา คงไม่ได้รู้ว่าเธอใกล้ตาย เลยจะปล่อยเธอไปหรอกนะ?ในสมองของซูหว่านมีความคิดตีกันไม่หยุด แต่หน้าตาเฉยเมยนั้นตอบกลับไปเรียบๆ "หายแล้ว""หายแล้วก็ดี"หลินเจ๋อเฉินตอบกลับแบบลวกๆ แล้วรีบถามขึ้นอีกอย่างทนไม่ไหว "เมื่อกี้ที่เธอโทรมา จัดการเรื่องนั้นเสร็จแล้วใช่ไหม?"ซูหว่านรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลินเจ๋อเฉินหรอจะมาห่วงสุขภาพเธอ แล้วเธอก็เพิ่งเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาเธอยืดหลังนั่งตัวตรงบนเตียง มือข้างนึงประคองหน้าผากที่ปวดหัวตึบๆ แล้วพูดเสียงเย็น "ฉันไปหาประธานจี้มาแล้ว เขาบอกว่าขอคิดดูก่อน"ที่เธอเอาตัวรอดจากวันนั้นได้ ก็เพราะใช้คลิปอนาจารมาข่มขู่จี้ซือหาน เพื่อเอาโ
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ