ร่างกายที่สูงและตรงของจี้ซือหานก็แข็งทื่อทันทีดวงตาที่มืดมนและกระหายเลือดนั้นเปรียบเสมือนก้อนน้ำแข็งในสระน้ำเย็นซึ่งสามารถแช่แข็งผู้คนให้ตายได้ทันทีเขาจ้องมองเธอเป็นเวลานาน เธอมีรอยยิ้มในดวงตาและที่มุมปาก ไม่มีร่องรอยความโกรธเลย แต่กลับเต็มไปด้วยออร่าที่ฆราวาสทัศนคติที่ไม่แยแสของเธอและการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้จี้ซือหานผู้มีการศึกษาดีโกรธขึ้นทันทีเขาบีบคางของเธออย่างแรงใช้แรงไป10%ของความแข็งแกร่งของเขา คางเล็กและสวยงามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินทันทีใบหน้าของซูหว่านซีดลงด้วยความเจ็บปวด แต่จี้ซือหานไม่สนใจว่าสีหน้าของเธอเป็นอย่างไร และเข้าใกล้ใบหน้าของเธอ"ผมเคยบอกคุณหรือยังว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แตะต้องของของผมจี้ซือหาน!"มีเจตนาฆ่าในดวงตาของเขา และเขาก็บีบคางของเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาต้องการเอาคางของเธอหลุดออกทั้งหมดนี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านได้เห็นจี้ซือหานโกรธมาก เธอมึนงงเล็กน้อยเธอไม่จำเป็นต้องยั่วยุจี้ซือหาน แต่หลังจากที่เขาทำให้เธออับอายหลายครั้ง เธอจึงต่อสู้กลับด้วยวิธีนี้แต่ไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนี้ แต่เขาไม่สนใจเธอไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนี้
วัสดุเช็คค่อนข้างแข็ง กรีดบนใบหน้า เจ็บมากหลังจากยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง เธอก็ก้มลงอย่างใจเย็นและหยิบเช็คขึ้นนั้นเมื่อเขาเห็นปริมาณข้างบน ความขมขื่นที่มุมปากของเธอก็แพร่กระจายไปทั่วหน้าอกของเธอทันทีห้าปีแลกกับ10พันล้าน ก็ค่อนข้างคุ้มค่านะถ้าเป็นห้าปีก่อน เธอต้องการเงินมากจริงๆแต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว การเงินไม่สามารถติดตัวได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือความตายซูหว่านสีหน้าดูสงบและวางเช็คกลับไปในรถ"ประธานจี้ค่อนข้างเอื้ออาทรนะ แต่ถ้าฉันเอาเงินของคุณไป ฉันจะไม่สามารถแต่งงานกับตระกูลหลินอย่างบริสุทธิ์ใจได้"ความหมายคำพูดของเธอคือเมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งของคุณนายน้อยของตระกูลหลินแล้ว เงิน10พันล้านนี้ก็ไม่มีอะไรเลยการรับเงินของเขากลับส่งผลต่อการแต่งงานของเธอกับตระกูลที่ร่ำรวยด้วยจนกระทั่งตอนนี้ที่ จี้ซือหานจึงเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการเงินสักเพนนีจากเขา ที่เดิมเธอวางแผนที่จะแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยร่องรอยของความสงสัยในใจเขาหายไปจนหมด และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ก็เหมือนกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้าโดยไม่มีอารมณ์ใดๆเลย"ซูหว่าน จากนี้ไป
ใบหน้าที่เย็นชาและห่างเหินของจี้ซือหานค่อยๆเย็นลง แม้แต่คิ้วใต้ตาก็ถูกย้อมไปด้วยความหนาวเย็นที่กัดกระดูกเขาวางแก้วไวน์ในมือลง เงยดวงตาที่เย็นชาขึ้น มองไปที่จี้เหลียงชวน "คุณคิดว่าอย่างไร"จี้เหลียงชวนคาดเดาอย่างกล้าหาญว่า "ผมคิดว่าคุณอาจชอบนิดหน่อยมั้ง ไม่งั้นหลังจากได้ยินหลินเจ๋อเฉินบอกว่าเคยนอนกับเธอแล้ว ก็โกรธมากจนเอาเหล้าไปสาดคนอื่นได้ยังไง"จี้ซือหานยิ้มเย็นเสียงหนึ่ง "เธอเพิ่งแยกกับผมก็นอนกับหลินเจ๋อเฉินแล้ว ผมปรับตัวไม่ทัน ให้เธอบทเรียนหน่อย แบบนี้ก็กลายเป็นชอบแล้วหรือ"เมื่อเขาพูดสิ่งนี้ ความหนาวเย็นในสายตาของเขาจางหายไปตั้งนาน เหลือเพียงความเย็นชาและความเหินห่าง ราวกับว่าเขาไม่สนใจคนที่ได้รับการสอนจากเขาจี้เหลียงชวนเห็นเขาแบบนี้ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยในใจลึกพี่สองของเขามีโรคสะอาดด้านจิต รับไม่ได้ที่ผู้หญิงที่ตนเคยเล่น หันหลังไปก็ไปนอนกับคนอื่น ก็ปกติและพอหนิงหว่านกลับประเทศ พี่สองก็เลิกกันกับซูหว่านแล้ว นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าในใจของพี่สอง ตัวแทนคุณซูนี้ไม่สําคัญจี้เหลียงชวนไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากแหงนหน้าดื่มไวน์ในแก้วจนหมด ก็ลุกขึ้นพูดว่า "พี่สอง
ซูหว่านเหล่มองจี้เหลียงชวนที่นั่งอยู่เบาะคนขับเห็นเขาเอียงศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง ความอึดอัดที่อยู่ภายในใจก็ค่อยๆคลายตัวลงเธอถือทิชชู่ในมือแล้วก้มหน้าลง จากนั้นค่อยๆเช็ดน้ำฝนบนเรือนร่างจี้เหลียงชวนมองร่างในชุดราตรีบางๆเปียกโชกของเธอผ่านกระจกหลังอากาศหนาวแบบนี้ แต่เธอไม่ใส่แม้กระทั่งเสื้อคลุม แล้วยังยืนตากฝนโบกรถอยู่ข้างนอกอีก นี่ทำให้จี้เหลียงชวนรู้สึกสงสัยมาก"คุณซู ทำไมคุณชายหลินไม่ไปส่งคุณ?"พอได้ยินเขาเอ่ยชื่อนั้น ซูหว่านก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ผ่านไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของหลินเจ๋อเฉินเธอกำกระดาษในมือแน่น แล้วแต่งเรื่องโกหกออกไป "ฉันทะเลาะกับเขา เขาก็เลยให้ฉันลงจากรถ"จี้เหลียงชวนพยักหน้าเบาๆ "แบบนี้นี่เอง"เขาเห็นเธอสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ ก็ยกมือขึ้นปรับฮีตเตอร์ จากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรอีกจู่ๆอุณหภูมิในรถก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ร่างกายที่แข็งทื่อเพราะความหนาวของซูหว่านค่อยๆอุ่นขึ้นเธอมองจี้เหลียงชวนด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วค่อยๆอธิบายอย่างระมัดระวัง "ตอนแรกฉันตั้งใจจะเรียกแกร็บ แต่โทรศัพท์แบตหมด ร้านรอบๆก็ปิดหมดแล้ว ไม่มีที่จะไปหลบฝน ก็เลยไปยืน
หลังจากที่ซูหว่านวิ่งตากฝนกลับบ้าน เธอก็ถอดชุดราตรี และสร้อยเพชรที่ประดับบนคอออก แล้วโยนมันลงกล่องพรุ่งนี้เธอจะส่งมันคืนให้หลินเจ๋อเฉิน ของของเขาน่าขยะแขยงเกินทน เธอจะไม่เก็บมันไว้เด็ดขาดเมื่อปิดฝากล่อง เธอก็เดินเข้าห้องอาบน้ำ เปิดก็อกด้านบนอ่าง แล้วลงไปนอนแช่เธอหยิบที่ขัดตัวมาถูกหลังของตัวเองอย่างแรงจนเกิดเป็นสีแดงเปื้อน จากนั้นก็มองดูตัวเองในกระจกเมื่อลบเครื่องสำอางออก จึงเหลือเพียงใบหน้าซีดเซียวที่เกิดจากอาการป่วย ไม่มีหลงเหลือความสดใสอีก โดยเฉพาะขอบใต้ตาที่ดำคล้ำเหมือนคนไม่มีชีวิตเธอมองไม่เห็นแสงแห่งความหวัง สัมผัสไม่ถึงความอบอุ่นไม่ต่างอะไรกับมดตัวนึงที่ใครจะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ได้แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี..."ศักดิ์ศรี"ซูหว่านพึมพำคำนั้นออกมา แล้วก็หัวเราะเยาะตัวเอง นับตั้งแต่วินาทีที่เขาขายตัวให้จี้ซือหาน เธอก็ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีอีกแล้วเธอเช็ดผมให้แห้ง แล้วทิ้งตัวนอนบนเตียง เนื่องจากเหนื่อยล้ามาก จึงผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเพราะตากฝนกลับบ้าน อาการป่วยก็ซูหว่านหนักขึ้นตามไปด้วย ซูหว่านสลบยาวจนถึงช่วงบ่ายของวันต่อมาซานซานทำงานกะดึก
ซานซานได้ยินเสียงร้องที่ดังขึ้นต่อเนื่องของซูหว่าน ก็ตกใจจนรีบปลุกให้ตื่น"หว่านหว่าน เป็นอะไร?"สติสัมปชัญญะของซูหว่านค่อยๆกลับเข้าที่ เธอเบิกตาโพล่ง ทั้งจี้ซือหานและซ่งซือเยว่ที่อยู่ตรงหน้าหายวับไป เหลือแค่ใบหน้าเป็นกังวลของซานซานเธอจึงตระหนักได้ว่าเมื่อกี้นี้เป็นเพียงแค่ฝันร้าย เธอฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีต แล้วก็ฝันเห็นคนที่เธอไม่อยากพบเจอเธอสลัดภาพในหัวทิ้งไป พยายามกลืนน้ำลายเพราะคอที่แห้งผาก เมื่อยกมือขึ้นหวังจะหยิบน้ำมาดื่ม ก็พบว่าข้อมือของเธอมีสายน้ำเกลืออยู่"เธอไข้สูง ฉันก็เลยพามาโรงพยาบาล"ซานซานเห็นเธอมึนๆเพราะพิษไข้ จึงอธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็รินน้ำที่วางอยู่ข้างๆ พยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นดื่มน้ำรสชาติหวานของน้ำไหลลงสู่คอ ทำให้ซูหว่านค่อยๆกลับมามีชีวิตอีกครั้ง..."ซานซาน...""หืม?"ซานซานขานรับด้วยความอ่อนโยน เธอลูบเส้นผมปรกตรงหน้าผากที่เปียกได้ด้วยเหงื่อ ไปทัดไว้ที่หูของเพื่อนรัก แล้วถามเบาๆ "หิวหรือเปล่า?"ซูหว่านรู้สึกเหนื่อยง่าย เธอส่ายหน้า "หมอได้บอกอะไรเธอหรือเปล่า?"โรคหัวใจล้มเหลวที่เป็นอยู่ เธอยังไม่ได้คิดเลยว่าจะบอกซานซานยังไงดี จู่ๆดันไข้ข
เธอเข็นเสาน้ำเกลือเดินกลับห้องผู้ป่วยของตัวเอง ซานซานซื้อข้าวต้มกลับมา พอเห็นเธอก็รีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหา"ไข้เพิ่งลดก็ซี้ซั้วเดินออกไปนู่นนี่ อยากตายหรือไง?"ซานซานกดให้เธอนั่งลงบนเตียง แล้วทำหน้าดุอบรมเธอ "ตัวเองก็เป็นโรคหัวใจอยู่ ยังไม่รู้จักระวังให้ดีอีก"ซูหว่านรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอเม้มปากยิ้มๆ "ฉันไปเอาผลตรวจมา"ซานซานเปิดถ้วยข้าวต้ม พร้อมกับพูดขึ้น "ฉันไปเอาให้เธอได้หน่า ซี้ซั้วเดินออกไปทำไม"พูดจบ เธอก็ยื่นมือออกมาอย่างเป็นห่วง "ผลตรวจอยู่ไหน? เอามาให้ฉันดูซิ"ซูหว่านกระพริบตาปริบๆ ไม่อยากโกหกซานซาน แต่ก็ต้องจำใจ "ฉันหยิบไปให้หมอช่วยดู แล้วลืมไว้ที่ห้องตรวจน่ะ"ซานซานได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ เพียงแต่เป็นห่วงสภาพร่างกายของเธอ "แล้วผลตรวจว่ายังไง?"ซูหว่านตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ก็แค่ผลตรวจเลือด ไม่ได้เป็นอะไร"มือของซานซานที่กำลังคีบตะเกียบอยู่ก็ชะงัก เธอหันไปมองซูหว่านด้วยสีหน้าจริงจัง "เธอไม่เหมือนคนทั่วไป เธอมีโรคหัวใจอยู่ ผลตรวจเลือดคือส่วนสำคัญที่สุดในการตรวจร่างกาย"ซูหว่านยิ้มแห้งๆ "รู้แล้วหน่า หมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร หัวใจอะไรก็ปกติ เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
หลังจากนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน ซูหว่านก็ไข้ลดลงจนเป็นปกติแล้ว จะมีก็แต่ร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกเธอจึงให้ซานซานไปทำเรื่องของคืนค่าห้อง ทั้งสองคนทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จ ก็กลับบ้านทันทีที่กลับมาซานซานก็วุ่นวายอยู่ในครัว ซูหว่านอยากช่วย แต่ซานซานไม่ให้ทำ"เธอขึ้นห้องไปนอนเถอะ ตรงนี้ฉันจัดการเอง"ซานซานโบกมือไล่ให้เธอออกไปซูหว่านไข้ลดแล้ว แต่ดูเหมือนอาการหัวใจล้มเหลวกลับแย่ลงเธอรู้สึกเจ็บหน้าอก เวียนหัว เลือดไม่ไหลเวียน ออกซิเจนต่ำ ร่างกายอ่อนเพลีย แม้แต่จะยืนยังไม่มั่นคงสภาพนี้ก็คงช่วยอะไรซานซานไม่ได้ จึงได้แต่เชื่อฟัง พยุงร่างของตัวเองกลับไปที่ห้องนอนเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง ก็ตั้งใจจะว่านอนหลับ แต่จู่ๆโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก็มีเสียงข้อความเข้า เป็นข่าวบันเทิงที่เธอติดตามอยู่นับตั้งแต่อยู่กับจี้ซือหาน เธอไม่ค่อยรู้ตารางงานเขานัก แต่บางครั้งก็เห็นเขาออกข่าว ก็เลยติดตามเพจข่าวไว้บ้างเธอเปิดขึ้นดู ก็เห็นปาปารัซซี่ถ่ายรูปที่จี้ซือหานอุ้มหนิงหว่านเข้าห้องฉุกเฉิน แล้วเขียนพาดถึงรักถ่านไฟเก่าของทั้งคู่เธอค่อยๆเลื่อนลงมาทีละนิด คอมเม