บททั้งหมดของ เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว: บทที่ 21 - บทที่ 30

40

บทที่ 21

ฉันมองตัวเองในกระจก พยายามฝืนยิ้ม บอกกับตัวเองว่าวันนี้ต้องยิ้ม ต้องเบิกบานใจ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุขตอนที่ฉันมาถึงชั้นล่าง พ่อเจียงและแม่เจียงก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว โซฟาและอุปกรณ์ทานอาหารล้วนถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบเฉลิมฉลองที่ใช้ในวันปีใหม่“ซานซาน พวกหนูไปจดทะเบียนสมรสกลับมาแล้ว พวกเรามาฉลองกันก่อนเถอะ แล้วค่อยมาปรึกษากันเรื่องรายละเอียดงานแต่ง” คุณแม่เจียงดูตื่นเต้นกว่าฉันเสียอีก“ได้ค่ะ!” ฉันขานรับคุณแม่เจียงมองฉัน “วันนี้หนูแต่งตัวได้ดูดีจริง ๆ แต่ถ้าเป็นสีแดงจะดูดีกว่านี้นะ”“สีแดงเด่นสะดุดตาเกินไปน่ะคะ” ฉันกล่าวอธิบาย“หนูอย่าทำตามคำแนะนำส่งเดชเลย ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของพวกเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสีแดงสีม่วงฉูดฉาดหรอก ซานซาน หนูอยากใส่แบบไหนก็ใส่ไปเถอะ อย่าใส่ใจกับคำพูดของแม่หนูนักเลย” คุณพ่อเจียงช่วยพูดแก้ต่างให้ฉันฉันอมยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจคุณแม่เจียงดึงฉันมานั่งที่โต๊ะอาหาร นอกจากอาหารเช้าวางละลานตาเต็มโต๊ะตามปกติแล้ว ยังมีไข่ไก่สองฟองและไส้กรอกย่างหนึ่งชิ้นเพิ่มขึ้นมา การจัดวางเช่นนี้ทำให้คนหน้าแดงไม่ต้องรอให้ฉันถาม คุณแม่เจียงก็โน้มตัวมากระ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 22

“คุณโจว คุณ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เกาหย่วนที่รู้สึกประหลาดใจเหมือนกับฉันกล่าวถามโจวถงโจวถงกระชับชุดนอนเล็กน้อย “ก็ฉันพักอยู่ที่นี่ไงเล่า”สายตาของเธอมองไปที่กุญแจในมือฉัน “พวกคุณเข้าบ้านคนอื่นมาไม่คิดจะเคาะประตูเลยหรือไง?”เกาหย่วนรุดหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าว “ไม่ใช่แล้ว...บ้านนี้เป็นบ้านที่ประธานเจียงเตรียมไว้ให้ผู้ช่วยเฉียวต่างหาก”เกาหย่วนพูดไปพลางหยิบโทรศัพท์โทรเจียงอวี้เหิงอย่างรีบร้อน คงเป็นเพราะลนลานเกินไปจึงเปิดลำโพงโดยไม่ทันระวัง “ประธานเจียง บ้านที่เฟิ่งหัว...”เกาหย่วนพูดยังไม่ทันจบ เจียงอวี้เหิงก็พูดตัดบทเขา “บ้านหลังนั้นยกให้โจวถงไปแล้ว”โจวถงยกยิ้มมุมปากต่อหน้าฉัน...“งั้นผู้ช่วยเฉียว...”เกาหย่วนพูดไม่ทันจบ เจียงอวี้เหิงก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา “ผมจะหาที่อื่นให้เฉียวซาน แล้วก็...อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกเฉียวซานด้วย”เกาหย่วนหน้าแดงก่ำ มองมาที่ฉันด้วยสายตากระอักกระอ่วน ทำเหมือนกับคนที่ต้องกล่าวขอโทษฉันไม่ใช่เจียงอวี้เหิงแต่เป็นเขาแทนเขาไม่กล้าพูดอะไรอีก อย่างไรเสีย เขาก็มองว่าตัวเองสะเพร่าทำผิดพลาดเองเขาควรจะถามเจียงอวี้เหิงให้เรียบร้อยก่อนค่อยพาฉันมา ทว่ามาพูดตอนน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 23

เพียงสองประโยค ฉันก็ทำให้ใบหน้าของโจวถงเปลี่ยนเป็นแดงสลับขาวทันทีที่จริงแล้วภาพลักษณ์ของเธอดูแย่อย่างมาก อยากจะเป็นมือที่สามทั้งที ก็ควรกล้าทำอย่างสง่าผ่าเผย เจียงอวี้เหิงถึงขั้นยกบ้านที่จะเอาให้ฉันให้เธอ เธอก็คงจะมีความมั่นใจแล้วแต่เธอดึงดันไม่ทำแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำเรื่องที่น่าอายไปแล้ว กลับยังทำท่าทีใสซื่อช่างเป็นการทำชั่วแต่อยากได้ดีจริง ๆ“เฉียวซาน คุณทำตัวแบบนี้ อาเหิงคงจะไม่ชอบหรอกนะ” คิดไม่ถึงว่าโจวถงจะพูดเรื่องนี้กับฉันฉันเค่นเสียงหัวเราะออกมา ถ้าตอนนี้ฉันยังคาดหวังให้เขามาชื่นชอบ ฉันก็คงจะเป็นคนโง่แล้วละ“ให้เขาไปชอบคุณเถอะ” ฉันพูดจี้จุดเธอไปอีกครั้งโจวถงน้ำตาไหลด้วยความน้อยใจทันที ดังนั้นการที่ฉันให้เกาหย่วนอยู่ด้วยก็ถูกต้องแล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อเธอร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา ก็คงจะรับมือไม่ได้จริงๆ“เฉียวซาน คุณหมายความว่ายังไง วันนี้พวกคุณจะไปจดทะเบียนสมรสแล้วไม่ใช่เหรอ?” ตอนที่โจวถงถามฉัน สายตาเปล่งประกายความทะเยอทะยานของเธอเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันใดนั้น ฉันไม่อยากให้เธอสมปรารถนา จึงจงใจกล่าวว่า “ใช่ ไปจดอยู่แล้ว อีกสักพักก็ไปแล้ว เจียงอวี้เหิงให้เจ้าอาวาสดูฤกษ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 24

ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเจียงอวี้เหิงอีกครั้ง ฉันกำลังฟังธรรมอยู่ที่วัดฝ่าอวิ๋น“ซานซาน ตอนนี้จวนจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ทำไมคุณยังไม่มาอีก?” เจียงอวี้เหิงกล่าวถามฉันด้วยน้ำเสียงร้อนรน“ใกล้จะถึงแล้ว คุณรออีกครู่หนึ่งแล้วกัน” ฉันจงใจรักเขามาสิบปี ฉันจำไม่ได้แล้วว่าต้องรอเขามากี่ครั้งวันนี้ก็ให้เขารอฉันสักครั้ง ถือว่าเป็นให้ผลตอบแทนของรักวัยรุ่นสิบปีของฉัน“งั้นคุณก็รีบมาหน่อยนะ อย่าให้เลยเวลาที่เจ้าอาวาสบอก” เจียงอวี้เหิงเร่งเร้าฉันอีกครั้งตอนนี้ฉันนั่งอยู่ด้านหน้าเจ้าอาวาสซิว เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องงานแต่งของฉันแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้ฉันจะไปจดทะเบียนกับเจียงอวี้เหิง และคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องคำนวณฤกษ์ฉันขานรับแผ่วเบาที่สุด วางสายแล้วจึงปิดเครื่อง หลังจากนั้นก็ฟังเจ้าอาวาสซิวเทศน์ต่อสาเหตุที่เจียงอวี้เหิงนับถือศาสนาพุทธคือ เขาเคยป่วยหนักตอนเด็ก คุณแม่เจียงขึ้นเขาไปคุกเข่าสามวันสามคืน เขาจึงหายดีนับตั้งแต่นั้นมากคุณแม่เจียงก็นับถือศาสนาพุทธ และให้เจียงอวี้เหิงเป็นพุทธมามกะ นับถือเจ้าอาวาสซิวเป็นอาจารย์จี้ห้อยคอของฉันกับของเจียงอวี้เหิงก็ต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 25

ฉันยกมุมปากเย้ยหยัน เวินเหลียงสังเกตได้ถึงความผิดปกติ “ซาน เธอคงไม่ได้ไปรู้เรื่องที่เขาทำกับสาวแม่หม้ายพวกนั้นมาใช่ไหม?”สมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทฉัน เข้าใจนิสัยของฉันจริง ๆ“เขายกบ้านหลังหนึ่งให้โจวถง แต่ที่จริงแล้วบ้านหลังนั้นควรจะเป็นของฉัน” ฉันใช้คำพูดรวบรัดไขข้อสงสัยให้กระจ่างฝั่งเวินเหลียงไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปพักใหญ่เธอจึงเค้นเสียงพูดออกมา “เธอ...”เธอไม่ได้พูดต่อ แต่ฉันเข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ “ฉันจะไม่ให้โอกาสเขาแล้วล่ะ”“คนสารเลวพรรค์นั้น ต่อให้เธอให้โอกาสไป เขาก็คงจะทำผิดซ้ำซากอยู่ดี!” มุมมองความรักของเวินเหลียงกับฉันเหมือนกัน“ฉันรู้แล้ว”“โอเค แผนการต่อจากนี้คงต้องมองในระยะยาวแล้วล่ะ เธอไปรับสายเขาก่อน ดูสิว่าเขาจะพูดอะไรอีก อีกสักพักค่อยมาหาฉันแล้วกัน” เวินเหลียงหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวฉันจะแลกเวลาเข้างานกับคนอื่น”ฉันกำลังจะบอกว่าไม่ต้อง เธอก็วางสายไปแล้วเจียงอวี้เหิงยังคงไม่ลดละ โทรเข้ามาต่อเนื่อง ฉันกดรับสาย “ฮัลโหล...”“เฉียวซาน คุณทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?” เสียงตวาดของเจียงอวี้เหิงดังจนแก้วหูฉันแทบแตกฉันยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู รอให้เขาอาละวาดจนสงบสติได้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 26

“ซานซาน แม่เตรียมงานเลี้ยงฉลองที่อลังการไว้ให้พวกหนู แถมยังเชิญเหล่าคนสนิทมาด้วย พวกหนูต้องกลับมาก่อนหกโมงเย็นนะ”คำพูดเปิดเรื่องของคุณแม่เจียงทำให้ฉันมึนงง ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่องที่พวกเราไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสกันดูท่าแล้วเจียงอวี้เหิงคงยังไม่ได้บอก นึกถึงว่าท่าทีของพ่อแม่เขาเมื่อคืนแล้ว เขาคงจะกลัวโดนด่าสินะได้ยินความดีใจและความคาดหวังผ่านน้ำเสียงของคุณแม่เจียง ฉันอดไม่ได้ที่จะโพล่งพูดออกไป ทว่าเรื่องที่ฉันกับเจียงอวี้เหิงไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสก็เกิดขึ้นไปแล้ว ปิดบังไปไม่นานก็คงถูกเปิดเผยอยู่ดีนับประสาอะไรกับตอนนี้ก็ปิดบังไม่ได้แล้วเช่นกันหากเหล่าคนสนิทที่เธอเชิญไปกันครบทุกคน เช่นนั้นเธอก็คงจะเสียหน้ากว่านี้“คุณป้า” ฉันขานเรียกเธอ“เด็กคนนี้ ยังจะเรียกว่าคุณป้าอีก ควรจะเรียกแม่ได้แล้ว เป็นเพราะแม่ไม่ได้ให้เงินขวัญถุงก็เลยไม่เรียกสินะ” คุณแม่เจียงพูดหยอกล้อฉันใจฉันที่ไร้ความรู้สึกมาโดยตลอด รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที “ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า หนู...ชาตินี้หนูคงไม่มีสิทธิ์เรียกคุณป้าว่าแม่แล้วละค่ะ”ที่จริงแล้วสิบปีที่ผ่านมานี้ มีหลายครั้งที่ฉันอยากจะเรียกเธอว่าแม่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 27

เวินเหลียงมองความคิดของฉันออก “ไปไหนดี? เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน หรือว่าจะ...”“ไปช่วยฉันเก็บกวาดที่พักของฉันแล้วกัน” ฉันพูดตัดบทเวินเหลียงเธอมองฉันด้วยความประหลาดใจ “เธอ... นี่... เตรียมตัวไว้นานแล้วงั้นเหรอ”“ก็ไม่ถึงขั้นเตรียมตัวไว้นานขนาดนั้นหรอก เพิ่งเมื่อวานซืนนี้เอง” ฉันชี้ไปที่เบาะด้านหลังรถ บนนั้นมีชุดเครื่องนอนที่ฉันไม่ได้ซื้อมา“ไปซื้อกับโจวถงมาเมื่อวาน” คำพูดของฉันทำให้สีหน้าของเวินเหลียงตื่นตกใจ แววตาแฝงไปด้วยคำพูดมากมายระหว่างทางที่ไปบ้านฉัน ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เวินเหลียงฟัง เธอเดือดดาลสุดขีด “ไม่ไปจดทะเบียนสมรสก็ถูกต้องแล้ว เจียงอวี้เหิงเป็นชายชาติชั่วที่โลภมากไม่รู้จักพอที่สุดในยุคนี้เลย”“ชายชั่วก็เป็นชายชั่วอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องแบ่งยุคสมัยหรอก” ฉันยิ้มพลางพูดหยอกล้อเวินเหลียงมองมาที่ฉัน “ซานซาน ถ้าเธอเศร้าไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มต่อหน้าฉันหรอก”“ไม่ได้เศร้าขนาดนั้นเสียหน่อย จริง ๆ นะ” ฉันทอดสายตามองเส้นทางด้านหน้า “บางทีความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาอาจจะเหมือนกับความรู้สึกที่เขามีต่อฉันก็ได้ สนิทกันจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว”ฉันมีความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ ทว่าฉันเพิ่งมารู้ต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 28

อำเภอชิงผิงฉันนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาสี่ชั่วโมงจนมาถึงที่แห่งนี้ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลโคมไฟพอดีถึงแม้จะไม่ได้คึกคักเหมือนเมืองไห่ตง ทว่าแสงโคมไฟระยิบระยับก็มีความโรแมนติกของเมืองเล็ก ๆ เช่นกันสายเรียกเข้าของเวินเหลียงโทรมาได้จังหวะพอดี “ถึงหรือยัง? หาที่พักได้แล้วใช่ไหม?”เธอไม่ได้อยากให้ฉันออกเดินทางรีบร้อนปานนั้น ตอนที่เธอถามฉันว่าจะไปไหน ฉันก็ส่งตำแหน่งและเวลาออกรถให้เธอดูในตอนนั้นเธอถามฉันว่าที่ฉันรีบร้อนออกเดินทางขนาดนั้น เพราะกลัวว่าเจียงอวี้เหิงจะมาตามเซ้าซี้ใช่หรือเปล่าฉันบอกว่าเธอคิดผิด เจียงอวี้เหิงไม่ทำหรอกตอนนี้เขาต้องกำลังโกรธที่ฉันผิดสัญญา ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งอย่างแน่นอนดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะคิดถูกแล้ว นับตั้งแต่หลังจากที่เขาถามสาเหตุที่ฉันไม่ไปจดทะเบียนสมรส ก็ไม่ได้โทรหรือส่งข้อความมาหาฉันอีกแม้แต่ครั้งเดียวที่ฉันรีบร้อนมาที่นี่เพราะคิดวางแผนไว้นานแล้ว และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุคือฉันกลัวจะถูกตามเซ้าซี้ แต่คนที่ตามเซ้าซี้ไม่ใช่เจียงอวี้เหิง แต่เป็นพ่อแม่ตระกูลเจียงต่างหากพวกเขาจะต้องมาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมฉันอย่างแน่นอนฉันได้ตัดสินไปแล้ว การตามเซ้าซี้ของพวกเขา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 29

ดูโดยรวมแล้ว ทั้งดูหยาบคายและแข็งกระด้าง ทำให้คนหวาดกลัวสองสามปีมานี้ผู้ชายที่ฉันคลุกคลีด้วยล้วนมีแต่พวกที่ผิวขาวผ่อง สวมเชิ้ตผูกเนคไท สวมชุดสูทใส่เสื้อนอกทับลักษณะของชายด้านหน้านี้ ทำให้ฉันมีความคิดแวบแรกเข้ามาในหัวว่าเขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกฉันจับกระเป๋าแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว นึกถึงสเปรย์พริกไทยและมีดพกป้องกันตัวที่เวินเหลียงยัดใส่กระเป๋าฉันก่อนออกเดินทางมาฉันไม่ทันได้สัมผัสของเหล่านี้ ชายผู้นี้ก็ติดเครื่องยนต์รถโดยที่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นทว่าสายตาที่เขามองฉันเมื่อครู่หมายความอย่างไร?ฉันมึนงงเล็กน้อย ทว่าใจที่เพิ่งจะได้รับฟื้นฟูจากเมืองนี้ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นครั้งคราวเพราะว่าต้องระแวดระวังตัว ฉันจึงไม่ได้ตั้งใจซึมซับบรรยากาศที่ทำรื่นเริงใจของเมืองนี้ได้ดีนัก จนเมื่อตอนที่รถจอด ฉันจ่ายเงินลงจากรถ มองรถคันนั้นเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ฉันมาถึงที่นี่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆฉันอยากจะหาสถานที่พ่อแม่ฉันเคยอาศัยอยู่ เอาไว้ตอนกลางวันค่อยทำก็ย่อมได้ ทว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ลังเลอีกแล้วสถานที่ด้านหน้า ช่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 30

“สาวน้อย”เสียงพูดเปิดจากโทรศัพท์ให้ความรู้สึกพิลึก ทั้งคุ้นเคยและรู้สึกแปลกหน้าในแววตาก็ปรากฏใบหน้าที่ฉันคุ้นเคย และขานเรียกออกไปเช่นกัน “พี่ใหญ่”เดิมทีคิดว่าแค่เปลี่ยนเบอร์ก็สามารถหลบเลี่ยงคนครอบครัวตระกูลเจียงได้ ไม่คิดว่าพี่ชายของเจียงอวี้เหิงจะรู้เบอร์นี้ของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่คิดว่าเขาจะติดต่อฉันมา“ดูแล้วยังบันทึกเบอร์พี่ไว้ ยังไม่ลืมพี่สินะ” คำพูดของเจียงหวยแฝงด้วยความหยอกล้อเขาอายุมากกว่าเจียงอวี้เหิงสองปี ตอนที่ยังไม่ได้ไปต่างประเทศก็ประคบประหงมฉันเป็นอย่างดี มักจะชอบเรียกฉันว่าสาวน้อยเสมอฉันไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรทันที เพราะรู้สึกว่าเขาเหมือนต้องการจะโอดครวญตอนที่เขาเพิ่งจะไปต่างประเทศได้สองปี ฉันก็ติดต่อไปถามสารทุกข์สุกดิบกับเขาเป็นครั้งคราว หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ขาดการติดต่อไปนิสัยแต่เดิมของเจียงหวยไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อหาคนในครอบครัว นับประสาอะไรกับคนอย่างฉันตอนนี้จู่ ๆ เขาก็โทรเข้ามา ฉันพอจะเดาได้คงจะเกี่ยวกับเรื่องที่งานแต่งที่พังไม่เป็นท่าของฉันกับเจียงอวี้เหิงต่อให้เจียงหวยจะติดต่อกับคนในครอบครัวไม่บ่อย ทว่าเมื่อมีเรื
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1234
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status