Share

บทที่ 21

Author: ปู้ปู้เซิงฮวา
ฉันมองตัวเองในกระจก พยายามฝืนยิ้ม บอกกับตัวเองว่าวันนี้ต้องยิ้ม ต้องเบิกบานใจ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุข

ตอนที่ฉันมาถึงชั้นล่าง พ่อเจียงและแม่เจียงก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว โซฟาและอุปกรณ์ทานอาหารล้วนถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบเฉลิมฉลองที่ใช้ในวันปีใหม่

“ซานซาน พวกหนูไปจดทะเบียนสมรสกลับมาแล้ว พวกเรามาฉลองกันก่อนเถอะ แล้วค่อยมาปรึกษากันเรื่องรายละเอียดงานแต่ง” คุณแม่เจียงดูตื่นเต้นกว่าฉันเสียอีก

“ได้ค่ะ!” ฉันขานรับ

คุณแม่เจียงมองฉัน “วันนี้หนูแต่งตัวได้ดูดีจริง ๆ แต่ถ้าเป็นสีแดงจะดูดีกว่านี้นะ”

“สีแดงเด่นสะดุดตาเกินไปน่ะคะ” ฉันกล่าวอธิบาย

“หนูอย่าทำตามคำแนะนำส่งเดชเลย ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของพวกเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสีแดงสีม่วงฉูดฉาดหรอก ซานซาน หนูอยากใส่แบบไหนก็ใส่ไปเถอะ อย่าใส่ใจกับคำพูดของแม่หนูนักเลย” คุณพ่อเจียงช่วยพูดแก้ต่างให้ฉัน

ฉันอมยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

คุณแม่เจียงดึงฉันมานั่งที่โต๊ะอาหาร นอกจากอาหารเช้าวางละลานตาเต็มโต๊ะตามปกติแล้ว ยังมีไข่ไก่สองฟองและไส้กรอกย่างหนึ่งชิ้นเพิ่มขึ้นมา การจัดวางเช่นนี้ทำให้คนหน้าแดง

ไม่ต้องรอให้ฉันถาม คุณแม่เจียงก็โน้มตัวมากระ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 22

    “คุณโจว คุณ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เกาหย่วนที่รู้สึกประหลาดใจเหมือนกับฉันกล่าวถามโจวถงโจวถงกระชับชุดนอนเล็กน้อย “ก็ฉันพักอยู่ที่นี่ไงเล่า”สายตาของเธอมองไปที่กุญแจในมือฉัน “พวกคุณเข้าบ้านคนอื่นมาไม่คิดจะเคาะประตูเลยหรือไง?”เกาหย่วนรุดหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าว “ไม่ใช่แล้ว...บ้านนี้เป็นบ้านที่ประธานเจียงเตรียมไว้ให้ผู้ช่วยเฉียวต่างหาก”เกาหย่วนพูดไปพลางหยิบโทรศัพท์โทรเจียงอวี้เหิงอย่างรีบร้อน คงเป็นเพราะลนลานเกินไปจึงเปิดลำโพงโดยไม่ทันระวัง “ประธานเจียง บ้านที่เฟิ่งหัว...”เกาหย่วนพูดยังไม่ทันจบ เจียงอวี้เหิงก็พูดตัดบทเขา “บ้านหลังนั้นยกให้โจวถงไปแล้ว”โจวถงยกยิ้มมุมปากต่อหน้าฉัน...“งั้นผู้ช่วยเฉียว...”เกาหย่วนพูดไม่ทันจบ เจียงอวี้เหิงก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา “ผมจะหาที่อื่นให้เฉียวซาน แล้วก็...อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกเฉียวซานด้วย”เกาหย่วนหน้าแดงก่ำ มองมาที่ฉันด้วยสายตากระอักกระอ่วน ทำเหมือนกับคนที่ต้องกล่าวขอโทษฉันไม่ใช่เจียงอวี้เหิงแต่เป็นเขาแทนเขาไม่กล้าพูดอะไรอีก อย่างไรเสีย เขาก็มองว่าตัวเองสะเพร่าทำผิดพลาดเองเขาควรจะถามเจียงอวี้เหิงให้เรียบร้อยก่อนค่อยพาฉันมา ทว่ามาพูดตอนน

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 23

    เพียงสองประโยค ฉันก็ทำให้ใบหน้าของโจวถงเปลี่ยนเป็นแดงสลับขาวทันทีที่จริงแล้วภาพลักษณ์ของเธอดูแย่อย่างมาก อยากจะเป็นมือที่สามทั้งที ก็ควรกล้าทำอย่างสง่าผ่าเผย เจียงอวี้เหิงถึงขั้นยกบ้านที่จะเอาให้ฉันให้เธอ เธอก็คงจะมีความมั่นใจแล้วแต่เธอดึงดันไม่ทำแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำเรื่องที่น่าอายไปแล้ว กลับยังทำท่าทีใสซื่อช่างเป็นการทำชั่วแต่อยากได้ดีจริง ๆ“เฉียวซาน คุณทำตัวแบบนี้ อาเหิงคงจะไม่ชอบหรอกนะ” คิดไม่ถึงว่าโจวถงจะพูดเรื่องนี้กับฉันฉันเค่นเสียงหัวเราะออกมา ถ้าตอนนี้ฉันยังคาดหวังให้เขามาชื่นชอบ ฉันก็คงจะเป็นคนโง่แล้วละ“ให้เขาไปชอบคุณเถอะ” ฉันพูดจี้จุดเธอไปอีกครั้งโจวถงน้ำตาไหลด้วยความน้อยใจทันที ดังนั้นการที่ฉันให้เกาหย่วนอยู่ด้วยก็ถูกต้องแล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อเธอร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา ก็คงจะรับมือไม่ได้จริงๆ“เฉียวซาน คุณหมายความว่ายังไง วันนี้พวกคุณจะไปจดทะเบียนสมรสแล้วไม่ใช่เหรอ?” ตอนที่โจวถงถามฉัน สายตาเปล่งประกายความทะเยอทะยานของเธอเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันใดนั้น ฉันไม่อยากให้เธอสมปรารถนา จึงจงใจกล่าวว่า “ใช่ ไปจดอยู่แล้ว อีกสักพักก็ไปแล้ว เจียงอวี้เหิงให้เจ้าอาวาสดูฤกษ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 24

    ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเจียงอวี้เหิงอีกครั้ง ฉันกำลังฟังธรรมอยู่ที่วัดฝ่าอวิ๋น“ซานซาน ตอนนี้จวนจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ทำไมคุณยังไม่มาอีก?” เจียงอวี้เหิงกล่าวถามฉันด้วยน้ำเสียงร้อนรน“ใกล้จะถึงแล้ว คุณรออีกครู่หนึ่งแล้วกัน” ฉันจงใจรักเขามาสิบปี ฉันจำไม่ได้แล้วว่าต้องรอเขามากี่ครั้งวันนี้ก็ให้เขารอฉันสักครั้ง ถือว่าเป็นให้ผลตอบแทนของรักวัยรุ่นสิบปีของฉัน“งั้นคุณก็รีบมาหน่อยนะ อย่าให้เลยเวลาที่เจ้าอาวาสบอก” เจียงอวี้เหิงเร่งเร้าฉันอีกครั้งตอนนี้ฉันนั่งอยู่ด้านหน้าเจ้าอาวาสซิว เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องงานแต่งของฉันแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้ฉันจะไปจดทะเบียนกับเจียงอวี้เหิง และคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องคำนวณฤกษ์ฉันขานรับแผ่วเบาที่สุด วางสายแล้วจึงปิดเครื่อง หลังจากนั้นก็ฟังเจ้าอาวาสซิวเทศน์ต่อสาเหตุที่เจียงอวี้เหิงนับถือศาสนาพุทธคือ เขาเคยป่วยหนักตอนเด็ก คุณแม่เจียงขึ้นเขาไปคุกเข่าสามวันสามคืน เขาจึงหายดีนับตั้งแต่นั้นมากคุณแม่เจียงก็นับถือศาสนาพุทธ และให้เจียงอวี้เหิงเป็นพุทธมามกะ นับถือเจ้าอาวาสซิวเป็นอาจารย์จี้ห้อยคอของฉันกับของเจียงอวี้เหิงก็ต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 25

    ฉันยกมุมปากเย้ยหยัน เวินเหลียงสังเกตได้ถึงความผิดปกติ “ซาน เธอคงไม่ได้ไปรู้เรื่องที่เขาทำกับสาวแม่หม้ายพวกนั้นมาใช่ไหม?”สมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทฉัน เข้าใจนิสัยของฉันจริง ๆ“เขายกบ้านหลังหนึ่งให้โจวถง แต่ที่จริงแล้วบ้านหลังนั้นควรจะเป็นของฉัน” ฉันใช้คำพูดรวบรัดไขข้อสงสัยให้กระจ่างฝั่งเวินเหลียงไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปพักใหญ่เธอจึงเค้นเสียงพูดออกมา “เธอ...”เธอไม่ได้พูดต่อ แต่ฉันเข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ “ฉันจะไม่ให้โอกาสเขาแล้วล่ะ”“คนสารเลวพรรค์นั้น ต่อให้เธอให้โอกาสไป เขาก็คงจะทำผิดซ้ำซากอยู่ดี!” มุมมองความรักของเวินเหลียงกับฉันเหมือนกัน“ฉันรู้แล้ว”“โอเค แผนการต่อจากนี้คงต้องมองในระยะยาวแล้วล่ะ เธอไปรับสายเขาก่อน ดูสิว่าเขาจะพูดอะไรอีก อีกสักพักค่อยมาหาฉันแล้วกัน” เวินเหลียงหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวฉันจะแลกเวลาเข้างานกับคนอื่น”ฉันกำลังจะบอกว่าไม่ต้อง เธอก็วางสายไปแล้วเจียงอวี้เหิงยังคงไม่ลดละ โทรเข้ามาต่อเนื่อง ฉันกดรับสาย “ฮัลโหล...”“เฉียวซาน คุณทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?” เสียงตวาดของเจียงอวี้เหิงดังจนแก้วหูฉันแทบแตกฉันยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู รอให้เขาอาละวาดจนสงบสติได้

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 26

    “ซานซาน แม่เตรียมงานเลี้ยงฉลองที่อลังการไว้ให้พวกหนู แถมยังเชิญเหล่าคนสนิทมาด้วย พวกหนูต้องกลับมาก่อนหกโมงเย็นนะ”คำพูดเปิดเรื่องของคุณแม่เจียงทำให้ฉันมึนงง ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่องที่พวกเราไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสกันดูท่าแล้วเจียงอวี้เหิงคงยังไม่ได้บอก นึกถึงว่าท่าทีของพ่อแม่เขาเมื่อคืนแล้ว เขาคงจะกลัวโดนด่าสินะได้ยินความดีใจและความคาดหวังผ่านน้ำเสียงของคุณแม่เจียง ฉันอดไม่ได้ที่จะโพล่งพูดออกไป ทว่าเรื่องที่ฉันกับเจียงอวี้เหิงไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสก็เกิดขึ้นไปแล้ว ปิดบังไปไม่นานก็คงถูกเปิดเผยอยู่ดีนับประสาอะไรกับตอนนี้ก็ปิดบังไม่ได้แล้วเช่นกันหากเหล่าคนสนิทที่เธอเชิญไปกันครบทุกคน เช่นนั้นเธอก็คงจะเสียหน้ากว่านี้“คุณป้า” ฉันขานเรียกเธอ“เด็กคนนี้ ยังจะเรียกว่าคุณป้าอีก ควรจะเรียกแม่ได้แล้ว เป็นเพราะแม่ไม่ได้ให้เงินขวัญถุงก็เลยไม่เรียกสินะ” คุณแม่เจียงพูดหยอกล้อฉันใจฉันที่ไร้ความรู้สึกมาโดยตลอด รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที “ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า หนู...ชาตินี้หนูคงไม่มีสิทธิ์เรียกคุณป้าว่าแม่แล้วละค่ะ”ที่จริงแล้วสิบปีที่ผ่านมานี้ มีหลายครั้งที่ฉันอยากจะเรียกเธอว่าแม่

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 27

    เวินเหลียงมองความคิดของฉันออก “ไปไหนดี? เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน หรือว่าจะ...”“ไปช่วยฉันเก็บกวาดที่พักของฉันแล้วกัน” ฉันพูดตัดบทเวินเหลียงเธอมองฉันด้วยความประหลาดใจ “เธอ... นี่... เตรียมตัวไว้นานแล้วงั้นเหรอ”“ก็ไม่ถึงขั้นเตรียมตัวไว้นานขนาดนั้นหรอก เพิ่งเมื่อวานซืนนี้เอง” ฉันชี้ไปที่เบาะด้านหลังรถ บนนั้นมีชุดเครื่องนอนที่ฉันไม่ได้ซื้อมา“ไปซื้อกับโจวถงมาเมื่อวาน” คำพูดของฉันทำให้สีหน้าของเวินเหลียงตื่นตกใจ แววตาแฝงไปด้วยคำพูดมากมายระหว่างทางที่ไปบ้านฉัน ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เวินเหลียงฟัง เธอเดือดดาลสุดขีด “ไม่ไปจดทะเบียนสมรสก็ถูกต้องแล้ว เจียงอวี้เหิงเป็นชายชาติชั่วที่โลภมากไม่รู้จักพอที่สุดในยุคนี้เลย”“ชายชั่วก็เป็นชายชั่วอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องแบ่งยุคสมัยหรอก” ฉันยิ้มพลางพูดหยอกล้อเวินเหลียงมองมาที่ฉัน “ซานซาน ถ้าเธอเศร้าไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มต่อหน้าฉันหรอก”“ไม่ได้เศร้าขนาดนั้นเสียหน่อย จริง ๆ นะ” ฉันทอดสายตามองเส้นทางด้านหน้า “บางทีความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาอาจจะเหมือนกับความรู้สึกที่เขามีต่อฉันก็ได้ สนิทกันจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว”ฉันมีความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ ทว่าฉันเพิ่งมารู้ต

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 28

    อำเภอชิงผิงฉันนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาสี่ชั่วโมงจนมาถึงที่แห่งนี้ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลโคมไฟพอดีถึงแม้จะไม่ได้คึกคักเหมือนเมืองไห่ตง ทว่าแสงโคมไฟระยิบระยับก็มีความโรแมนติกของเมืองเล็ก ๆ เช่นกันสายเรียกเข้าของเวินเหลียงโทรมาได้จังหวะพอดี “ถึงหรือยัง? หาที่พักได้แล้วใช่ไหม?”เธอไม่ได้อยากให้ฉันออกเดินทางรีบร้อนปานนั้น ตอนที่เธอถามฉันว่าจะไปไหน ฉันก็ส่งตำแหน่งและเวลาออกรถให้เธอดูในตอนนั้นเธอถามฉันว่าที่ฉันรีบร้อนออกเดินทางขนาดนั้น เพราะกลัวว่าเจียงอวี้เหิงจะมาตามเซ้าซี้ใช่หรือเปล่าฉันบอกว่าเธอคิดผิด เจียงอวี้เหิงไม่ทำหรอกตอนนี้เขาต้องกำลังโกรธที่ฉันผิดสัญญา ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งอย่างแน่นอนดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะคิดถูกแล้ว นับตั้งแต่หลังจากที่เขาถามสาเหตุที่ฉันไม่ไปจดทะเบียนสมรส ก็ไม่ได้โทรหรือส่งข้อความมาหาฉันอีกแม้แต่ครั้งเดียวที่ฉันรีบร้อนมาที่นี่เพราะคิดวางแผนไว้นานแล้ว และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุคือฉันกลัวจะถูกตามเซ้าซี้ แต่คนที่ตามเซ้าซี้ไม่ใช่เจียงอวี้เหิง แต่เป็นพ่อแม่ตระกูลเจียงต่างหากพวกเขาจะต้องมาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมฉันอย่างแน่นอนฉันได้ตัดสินไปแล้ว การตามเซ้าซี้ของพวกเขา

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 29

    ดูโดยรวมแล้ว ทั้งดูหยาบคายและแข็งกระด้าง ทำให้คนหวาดกลัวสองสามปีมานี้ผู้ชายที่ฉันคลุกคลีด้วยล้วนมีแต่พวกที่ผิวขาวผ่อง สวมเชิ้ตผูกเนคไท สวมชุดสูทใส่เสื้อนอกทับลักษณะของชายด้านหน้านี้ ทำให้ฉันมีความคิดแวบแรกเข้ามาในหัวว่าเขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกฉันจับกระเป๋าแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว นึกถึงสเปรย์พริกไทยและมีดพกป้องกันตัวที่เวินเหลียงยัดใส่กระเป๋าฉันก่อนออกเดินทางมาฉันไม่ทันได้สัมผัสของเหล่านี้ ชายผู้นี้ก็ติดเครื่องยนต์รถโดยที่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นทว่าสายตาที่เขามองฉันเมื่อครู่หมายความอย่างไร?ฉันมึนงงเล็กน้อย ทว่าใจที่เพิ่งจะได้รับฟื้นฟูจากเมืองนี้ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นครั้งคราวเพราะว่าต้องระแวดระวังตัว ฉันจึงไม่ได้ตั้งใจซึมซับบรรยากาศที่ทำรื่นเริงใจของเมืองนี้ได้ดีนัก จนเมื่อตอนที่รถจอด ฉันจ่ายเงินลงจากรถ มองรถคันนั้นเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ฉันมาถึงที่นี่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆฉันอยากจะหาสถานที่พ่อแม่ฉันเคยอาศัยอยู่ เอาไว้ตอนกลางวันค่อยทำก็ย่อมได้ ทว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ลังเลอีกแล้วสถานที่ด้านหน้า ช่า

Latest chapter

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 38

    คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอกไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่นฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่าฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลวเขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราวฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆคนปก

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 37

    ฉันตอบอืมไปเบาๆ “เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย ฉันจะเก็บไปพิจารณาดู”“ต้องคิดแบบจริงจังนะ” เวินเหลียงพูดจบก็ชะงักไปชั่วขณะ “ซานซาน วิธีที่จะลืมใครสักคนกับความรักที่ดีที่สุดก็คือการหาใครสักคนมาแทน แล้วก็รีบเริ่มต้นความรักใหม่โดยเร็ว”“โอเคค่ะอาจารย์เวิน ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากวางสาย ฉันก็นอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยฝีเท้าของฉินโม่ข้างนอกดังเข้ามา ฉันรู้ได้ในทันที มันทั้งหนักแน่นและทรงพลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงก๊อกน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำของคุณยายเจ้าของบ้าน "ทำไมมีแค่นายคนเดียว? เสี่ยวเฉียวเฉียวล่ะ?"ฉันไม่ได้ยินคำตอบของฉินโม่ ได้ยินเพียงแค่ที่เขาพูดว่า "อย่าใส่ผักชีในซุปปลา"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หัวเราะ หัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหลออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตระกูลเจียง ฉันกินผักชี แต่ในอดีตตอนที่อยู่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยกินเลยมีสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้ว่าตอนนั้นฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงในฐานะคู่หมั้นของเจียงอวี้เหิง คุณแม่เจียงก็บอกว่าฉันเป็นลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวตระกูลเจียงอยู่ดี ฉันรู้ดีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจในเรื

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 36

    ในชีวิตนี้ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยพบหน้าเพียงสองครั้งจะอยากจดทะเบียนแต่งงานกับฉันแต่ผู้ชายที่คบกับฉันมาสิบปีกลับไปมีชู้ลับหลังฉันหลังจากตกใจไปชั่วขณะ ฉันก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม "คุณฉินคะ นี่มันกะทันหันเกินไปหน่อยไหม?"สีหน้าของฉินโม่ยังเหมือนเดิม ดูค่อนข้างจริงจัง “คนเราคบกันก็เพื่อแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณไม่อยากคบ งั้นก็แต่งงานเลย”คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่คนที่พูดดูเหมือนว่าจะมีปัญหา คนปกติจู่ๆ จะมาแต่งงานกับคนแปลกหน้าไหมล่ะ?นิยายสมัยนี้นิยมโครงเรื่องแบบนี้ แต่มันก็เป็นแค่นิยายเท่านั้นคิ้วของฉันขมวด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ "คุณฉินตรงไปตรงมาขนาดนี้กับคู่นัดดูตัวทุกคนเลยเหรอคะ?"ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ตัวของพวกเราพอดี เงาของฉินโม่ปกคลุมฉันไว้ “คุณเป็นคนแรก” ฉันรู้สึกคันคอ “เรา…แทบจะไม่รู้จักกันเลย”ฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เรายืนหันหน้าเข้าหากัน ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แม้แต่ปลายจมูกก็มีเหงื่อซึมออกมาในขณะที่ฉันกำลังขูดกำแพงที่อยู่ด้านหลังฉัน คิดว่าจะพูดอะไร

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 35

    เมื่อได้ยินเสียง ฉันจึงโยนโทรศัพท์ทิ้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะ”พูดจบ ฉันก็ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเปิดประตู จากนั้นก็เห็นฉินโม่กำลังตักน้ำอยู่ในลานบ้านถังน้ำสีขาวหลายใบวางเรียงกันเป็นแถว ไม่นานน้ำก็เต็มถัง เขายกถังขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ไหล่แนบกับเสื้อผ้าจนสามารถมองเห็นได้กล้ามเนื้อกับพละกำลังนั้นเป็นของคู่กันจริงๆ“ตักน้ำมาเยอะขนาดนี้ทำไม น้ำจะไม่ไหลเหรอ?” ฉันเดินไปถามสายตาของคุณยายมองไปที่รองเท้าแตะของฉัน และกลอกตาอย่างเงียบๆฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร คุณยายพูดแทน "เผื่อโดนตัดน้ำจ้ะ"พูดจบ เธอก็ตีฉินโม่ “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำซุปปลาให้นะ พวกเธอช่วยไปซื้อปลากะพงมาหน่อย ขอสดๆนะ แล้วก็ซื้อผักชีกับกระเทียมมาด้วย”นี่เป็นการไปซื้อของที่ไหนกันล่ะ มันคือการให้เราสองคนออกไปคุยกันชัดๆเพียงแต่ฉันใส่รองเท้าแตะขนาดใหญ่อยู่ จึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่การจะเข้าไปเปลี่ยนในบ้านก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกัน“ไปเปลี่ยนรองเท้า” ฉินโม่พูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ ถ้าให้ฉันไปเปลี่ยนรองเท้า มันจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงยิ้มเยาะ “ไม่ต้องหรอก”ฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินออกไ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 34

    ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายจะบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉัน ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกระด้างของฉินโม่แวบผ่านหน้าฉันขึ้นมาเมื่อนึกถึงความตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขาที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนห้องกับฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเล่นสนุกขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างเบิกบานสำราญใจไปสองคำว่า "ได้เลยค่ะ"ถึงฉันจะตกลง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่พูดไปเรื่อยที่ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันก็ยืมจักรยานในบ้านคุณยายมาคันหนึ่งและปั่นไปรอบๆ มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉันมีสิ่งที่ต่างจากตอนที่ออกไปในตอนเช้า ซึ่งก็คือมีกระดานวาดภาพเพิ่มมาฉันรักการวาดภาพ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย พวกเขาให้ฉันไปสมัครเรียนคลาสเต้น คลาสวาดภาพ และการเขียนพู่กันจีน อีกทั้งยังให้ฉันเรียนกู่เจิงด้วยแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนจบลงหลังจากที่พวกเขาจากโลกไป แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่จบลงก็คือการวาดภาพ เพราะมันง่ายมาก เพียงแค่มีปากกาหนึ่งด้ามและกระดาษหนึ่งแผ่นก็เพียงพอแล้วทั้งวันวันนี้ที่ฉันออกไปข้างนอก นอกจากการมองชมวิวรอบๆ แล้ว ฉันก็ได้วาดรูปมารูปหนึ่ง ก็คือรูปเขตชิงผิงใหม่ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ของฉันค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 33

    แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียงแข็งๆ ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงและว่างเปล่า ฉันจึงนอนไม่หลับในที่สุด ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ เห็นข้อความที่ส่งมาจากหยวนเสี่ยวไต้และเกาหย่วนหยวนเสี่ยวไต้ “พี่ซาน วันนี้ฉันยุ่งจนหัวหมุนทั้งวันเลย แต่งานที่พี่ฝากให้ทำฉันทำเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมงคลสมรสมาให้ฉันเป็นรางวัลด้วยนะ พี่ซาน สุขสันต์วันแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตไปจนแก่เลยนะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉันก็กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แต่ไม่ได้ตอบกลับเกาหย่วน “ผู้ช่วยเฉียว อย่าเข้าใจประธานเจียงผิดนะ อย่าไปมีเรื่องอะไรกับประธานเจียงเด็ดขาด ไม่งั้นความผิดผมได้ใหญ่มหันต์แน่”ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเช่นกัน เพียงแต่เปิดอินสตาแกรมขึ้นมา แล้วก็เจอรูปเงาที่ฉันถ่ายที่สวนสนุกในอัลบั้ม จากนั้นก็โพสต์ไปข้อความหนึ่งว่า ‘สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่!’หลังจากโพสต์แล้ว ฉันก็ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี้เหิงออกจากอินสตาแกรมของฉันสิ่งที่ฉันทำก็มันก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พวกดาราชอบทำในตอนหย่าหรือไม่ก็เลิกกับแฟนเมื่อไม่ได้เป็นคู่รักกัน แล้วก็เป็นคนรักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการลบทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับความรักไปก็คงจะดีท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 32

    “เสี่ยวโม่ นี่คือผู้หญิงที่ฉันบอกเธอว่าอยากเปลี่ยนบ้าน พวกเธอลองคุยกันดูไหม?”คุณยายเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำลายช่วงเวลาการสบสายตาระหว่างฉันกับชายคนนั้นลงฉันเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉียวซาน ห้องที่คุณอยู่ห้องนั้น ฉันขอเปลี่ยนได้ไหมคะ?”“ไม่ครับ” การปฏิเสธของเขาเด็ดขาดเหมือนกับตอนที่สระผมเมื่อครู่นี้มุมปากของฉันขยับเล็กน้อย ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นในใจเล็กน้อย อีกทั้งความดื้อรั้นก็แสดงออกมา “ทำไมล่ะ?”ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาผ้าขนหนูสีเขียวลายทหารพาดไหล่แล้วเดินผ่านฉันไปทั้งแบบนั้นไอความเย็นที่แผ่ซ่านมาจากน้ำทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ“เสี่ยว...เสี่ยวเฉียวสินะ?” คุณยายเจ้าของบ้านเดินเข้ามา “อย่าโกรธเลยนะ ฉินโม่น่ะง้อผู้หญิงไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับเขาทีหลัง”ฉันก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน จึงจงใจพูดเสียงดัง “ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ห้องนั้นก็ไม่ทำให้สูงส่งได้หรอกค่ะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ไปเถอะ”พูดจบ คุณยายเจ้าของบ้านก็ดึงฉันไว้แล้วพูดว่า “อย่าดุแบบนี้สิ เขาเคยเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักมานะ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาสามารถแบกเธอขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งที่ข้างนอกได้เลยน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status