All Chapters of พันธะแค้น ชะตารัก: Chapter 11 - Chapter 20

40 Chapters

บทที่ 0011

เซียวเฟิ่งชีมองดูหญิงสาวด้วยแววตาเยือกเย็นดวงตาของทั้งคู่สบประสานกันต่างฝ่ายต่างจ้องกันราวกับมีไอสังหารที่มองไม่เห็นแผ่อยู่โดยรอบ คนหนึ่งเรียบเฉย อีกคนเย็นชา แต่ก็เหมือนกับซ่อนอะไรบางอย่างไว้ลึกยิ่งกว่านั้น"คุณหนูจวินไม่ยินดีทำ แม่ทัพใหญ่ก็ไม่ต้องฝืนนางไปหรอก ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะไม่เอาความอีก เช่นนั้นข้าก็ย่อมไม่สนใจคำขอโทษจากคุณหนูจวิน"เซียวเฟิ่งชีเอ่ยขึ้นดวงตาที่งดงามภายใต้หน้ากากนั้น จับจ้องไปยังฉินเจินด้วยความนิ่งสงบและล้ำลึก เม้มมุมปากอยู่เล็กน้อยด้วยความเย็นชาจวินเหลยถิงได้ยินเซียวเฟิ่งชีเอ่ยเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น ใจก็พลางนึกว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ทั้งที่เสวียนอ๋องปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่สายตาที่จับจ้องมายังใบหน้าของลูกสาวเขานั้นดูจะเย็นชาเสียยิ่งกว่าไม่ดีแน่เมื่อคิดได้เช่นนั้น แม่ทัพใหญ่ก็โค้งตัวแล้วเอ่ยขึ้นทันที "ท่านอ๋องอย่าได้ทรงเข้าใจผิดไป ลูกสาวกระหม่อมย่อมมิได้ไม่ยินยอมขอโทษท่านอ๋องอย่างแน่นอน ลูกสาวกระหม่อมรู้ว่าตัวเองผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ในใจรู้สึกหวั่นกลัว จึงมิกล้ามองท่านอ๋องก็เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ"จวินเหลยถิงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่เปี่ยมด้วยความยุติ
Read more

บทที่ 0012

เซียวเฟิ่งชีกำลังพูดถึงฉินเจินเขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสังเกตได้อย่างน่าทึ่ง ตอนท้ายที่จวินเหลยถิงให้จวินเฟยเซ่อขอโทษเขา เห็นได้ชัดว่าจวินเฟยเซ่อปฏิเสธที่จะทำ แต่เพราะฐานันดรจึงจำเป็นต้องทำ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากก็เป็นลมไปเสียแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป ตอนนั้นเขาสังเกตได้ว่า มือของจวินเฟยเซ่อวางอยู่ตรงตำแหน่งนี้โดยตลอดพอคิดถึงก่อนหน้าที่หญิงสาวคนนี้เพียงจับชีพจรก็รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาเลยลอบสังเกตนางอยู่ตลอดวันนี้ตอนที่ได้พบกันเขาก็รู้สึกว่าแปลก ที่แปลกก็คือจวินเฟยเซ่อ ไม่ว่าจะเป็นท่าที คำพูด กริยาท่าทางก็ต่างกับก่อนหน้านี้ลิบลับ ทำให้เขานึกสงสัยขึ้นมา"อะไรนะ"เฝิงเฉินฟังแล้วก็ฉงนนักจนพลั้งปากเอ่ยถามกลับแต่กลับพบว่าแววตาของเซียวเฟิ่งชีดูเคร่งขรึมลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงถามขึ้น "อาเฉิน มีคนที่เพียงจับชีพจรของข้าก็รู้ว่าข้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นางบอกว่า นางช่วยข้าได้""อะไรนะ !"ครั้งนี้เฝิงเฉินตกตะลึงขึ้นจริง ๆ เขาลุกขึ้นพรวดจนไล่ความง่วงออกไปได้หมด เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าจิ่งสิงไม่ใช่คนที่พูดจาซี้ซั้ว"ใครกัน เป็นใครก
Read more

บทที่ 0013

เฝิงเฉินกับเหลิ่งมู่มองหน้ากัน ทั้งสองต่างไม่พูดไม่จาไม่ว่าอย่างไร เจ้านายก็ยังเป็นเจ้านายคนเดิมของเขาอยู่ดี...อีกด้านหนึ่งการที่ฉินเจินสลบไสลไปทำให้จวินเหล่ยถิงถึงกับตกใจจนแทบแย่ ลี่ว์จู๋ที่เดินตามหลังก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ ครั้นพอกลับถึงจวนแม่ทัพฉินเจินก็ตื่นขึ้นพอดี ก่อนนี้นางได้กดจุดของตัวเองจนทำให้หน้ามืดไป ก็เพื่อที่จะหลีกหนีการขอโทษเซียวเฟิ่งชีอีกอย่าง รอยรัดที่คอรวมถึงแผลบนฝ่ามือของนางก็ล้วนเกิดจากเซียวเฟิ่งชี ต่อให้บัดนี้นางอาศัยร่างของจวินเฟยเซ่ออยู่ แต่ต้องรู้ไว้ว่าจวินเฟ่ยเซ่อตายด้วยน้ำมือของเขา แล้วนี่จะให้นางขอโทษแทนจวินเฟยเซ่ออย่างนั้นหรือ อย่าเลยดีกว่า...คนก็ตายไปแล้ว ยังจะต้องขอโทษอะไรกันอีกเล่า"ลูกพ่อ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง"เมื่อจวินเหลยถิงเห็นว่าลูกสาวฟื้น เขาก็รีบถามด้วยความระมัดระวัง ในสายตาของจวินเหลยถิงตอนนี้ จวินเฟยเซ่อเป็นเหมือนวัตถุบอบบางที่แตกหักได้ง่าย"ข้าไม่เป็นไร"ฉินเจินส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อมองดูจวินเหลยถิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ภายในใจทั้งสับสนและอิ่มเอมลี่ว์จู๋เดินไปเคาะประตู แจ้งว่าแม่ทัพกลับมาแล้ว ประตูของแม่ทัพใหญ่จึงเปิดขึ้น พกวเขาสา
Read more

บทที่ 0014

หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง ขณะที่จวินเหลยถิงฟังแล้วรู้สึกเหมือนใจสลาย น้ำตาของบุรุษอกสามศอกเอ่อล้นขอบตา "ดูเจ้าสินางหนู ไม่ว่าเจ้าเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าก็เป็นลูกของพ่ออยู่ดี แล้วพ่อจะไม่รักเจ้าได้อย่างไรเล่า"จวินเหลยถิงเอามือลูบหน้า ทอดถอนใจพลางเอ่ยขึ้น "นางหนู ที่จริงพ่อรู้มาตลอดว่าเจ้าเกลียดพ่อ"ครั้นพ่อแม่ทัพใหญ่พูดจบ ฉินเจินก็ถึงกับตกตะลึงไป ด้วยคิดไม่ถึงว่าจวินเหลยถิงจะเอ่ยเช่นนี้ จึงรีบส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น "จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า..."แต่ยังไม่ทันพูดจบ นางก็เห็นว่าจวินเหลยถิงส่ายหัว ใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าที่ยากจะเอื้อนเอ่ย "นางหนู ในใจพ่อรู้ดีทุกอย่างว่า ลึก ๆ ในใจเจ้าแล้วแค้นพ่อขนาดไหน เจ้าไม่มีแม่มาตั้งแต่เด็ก พ่อเองก็อยู่ในสนามรบตลอด ทิ้งเจ้าไว้ในจวนแม่ทัพแห่งเมืองหลวงตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่กับท่านย่า พ่อได้รับจดหมายจากย่าเจ้าเสมอ บอกว่าเจ้าไปสร้างเรื่องอะไรมาบ้าง วันนี้ไปเตะต่อยกับใคร วันก่อนด่ากับใครมา แล้วยังไปทำอะไรกับใครบ้านไหนอีก ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงวุ่นวายไปหมด...พอเห็นจดหมายพวกนี้ พ่อก็นึกถึงภาพที่ย่าเจ้าโมโหจนตัวสั่นได้เลย แต่พ่อกังวลเจ้ามากกว่า กังวลว่าเ
Read more

บทที่ 0015

กิริยาท่าทางที่เป็นตามไปธรรมเนียมของความเป็นกุลธิดาชั้นสูงทำให้ทุกคนตะลึงขึ้นมาในทันทีแม้แต่ฮูหยินใหญ่เองก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน มือที่จับไม้เท้าอยู่ถึงกับสั่นเทาขึ้นมา แม้แต่ขอบตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้น "นางหนู..."เอ่ยได้เพียงเท่านี้ หญิงชราก็ไม่อาจพูดอะไรต่อไปได้อีกแม้แต่นางเองก็สะอื้นไห้ขึ้นมาเช่นกันนางหนูตัวดีที่วัน ๆ อยู่ไม่สุข ก่อเรื่องโดยไม่สนใจใครของนาง กลับคารวะนางด้วยท่าทีที่เป็นระเบียบเรียบร้อย นี่คงเป็นเพราะเจอบทลงโทษที่หนักหนาจนกลัวแล้วสินะฮูหยินใหญ่ถึงกับทอดถอนใจ นางไม่อาจเอ่ยคำต่อว่าต่อขานหญิงสาวได้ลงอีก"ท่าทางเรียบร้อยว่าง่ายของเจ้าเช่นนี้ ทำให้ย่านึกถึงแม่ของเจ้าขึ้นมา"ฮูหยินใหญ่ถอนใจพลางเบือนหน้าหนี แล้วใช้มือคลึงหว่างคิ้วจวินเหลยถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็ทรมานใจเช่นกัน ท่าทีเคารพตามฉบับสตรีชั้นสูงของลูกสาวเขาเรียกความทรงจำที่ถูกกดไว้ภายในใจของเขาออกมาทั้งหมด หญิงสาวที่เขารักได้จากเขาไปถึงสิบหกปีแล้ว...ฮูหยินใหญ่พึมพำกับตัวเอง ครั้นเมื่อรู้สึกได้ว่าท่าทีของตนเองดูอ่อนลงเพราะการเคารพแบบสตรีชั้นสูงนี่ ก็รีบปั้นหน้าตึงขึ้นอีกครั้ง "เจ้านี่นะ พอไปเจอเรื่องเสียเปรีย
Read more

บทที่ 0016

"น้องหญิง นี่ข้าเอง" เสียงทุ้มต่ำของชายผู้หนึ่งดังขึ้น พลางคว้ามือของฉินเจินที่ยื่นออกมากุมไว้จนแน่น ฉินเจินกะพริบตาขณะยังคงหอบหายใจอยู่ สายตาที่พร่าเลือนอยู่ชั่วครู่ทำให้ไม่ทันนึกว่าตนเองอยู่ที่ใด ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด สายฝนโปรยปราย ราวกับได้ย้อนกลับไปในคืนนั้น ฉินเจินค่อย ๆ รวบรวมสติขึ้นมา สายตาจึงค่อยกลับมามองได้ชัดเจนขึ้น แล้วจึงหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาสวมชุดทหารรักษาพระองค์ปักลายนกอินทรี เรียวคิ้วคมกริบดั่งกระบี่ ใบหน้าคมชัด ดวงตาลึกซึ้ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันราวกับกำลังกังวลใจ นี่คือจวินเสวียนเย่ พี่ชายคนโตของจวินเฟยเซ่อ "น้องหญิง เจ้าฝันร้ายหรือ"ในแววตาของจวินเสวียนเย่ฉายแววกังวลอย่างชัดเจนเขามาถึงนานแล้ว กลับเห็นว่าน้องสาวของตนดูเหมือนจะอยู่ในห้วงฝันร้าย เฝ้าตะโกนถามว่า ‘ทำไม... ทำไม...’ อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในขณะหลับฝันก็ยังรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของนางในใจจวินเสวียนเย่รู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก เพราะรู้ว่าครานี้น้องสาวเจอเรื่องร้ายแรงมาจนทำให้ตกใจกลัว ฉินเจินค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ แล้วค่อยตระหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้าได้ จวินเหลยถิงมีบุตรชายสามคน พี่ชายใ
Read more

บทที่ 0017

จวินหลิงเอ๋อร์ถามออกมาตามสัญชาตญาณ ฉินเจินเม้มริมฝีปาก นางชินกับท่าทีพวกนี้เสียแล้ว คำพูดคำจา กิริยาท่าทางที่ดุจดั่งสตรีชนชั้นสูงนั้นมันฝังลึกอยู่ในตัวนาง ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้น แน่นอนว่านางก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน กฎระเบียบที่เรียนในวัยเด็กสอนไว้ว่า ยามยืนต้องยืนอย่างน่าเคารพ ยามนั่งต้องนั่งอย่างมีมารยาท นางคือฉินเจินในชาติก่อน และจวินเฟยเซ่อในชาตินี้ นางไม่คิดที่จะแสร้งทำนิสัยอย่างจวินเฟยเซ่อ เพราะจะเสแสร้งได้ไม่นาน ในเมื่อนางยอมรับความเป็นจวินเฟยเซ่อแล้ว นางเพียงอยากจะแสดงออกในแบบที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด "น้องหญิง เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ" ฉินเจินเอ่ยถามขึ้น เพียงเอ่ยออกไปก็สามารถดึงความสนใจของจวินหลิงเอ๋อร์ได้ตามคาด "มีสิ" จวินหลิงเอ๋อร์พยักหน้า แต่พอจะพูด ใบหน้านางกลับขมวดคิ้วมุ่น "ท่านพี่ ทำไมท่านเรียกข้าว่าน้องหญิง ข้าไม่ชินเลย ก่อนหน้านี้ท่านเรียกข้าว่าจวินหลิงเอ๋อร์" ฉินเจิน "...!" นางกะพริบตาพลางกระแอมไอ ใช่ นางเคยได้ยินจวินเฟยเซ่อเรียกจวินหลิงเอ๋อร์อย่างนั้นสุดท้ายนางก็เชิดคางขึ้น เรียกชื่อจวินหลิงเอ๋อร์ซ้ำ ๆ ในตอ
Read more

บทที่ 0018

"ไม่...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ" ลี่ว์จู๋ส่ายหัวด้วยใบหน้าขาวซีด แต่เสียงอึกทึกข้างนอกกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเจินขมวดคิ้วมุ่น "เกิดอะไรขึ้นกันแน่" ลี่ว์จู๋ไม่พูดอะไร ฉินเจินจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปด้านนอก "คุณหนู ออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ... ฮูหยินผู้เฒ่าและท่านแม่ทัพสั่งไว้ว่า ท่านจะโผล่หน้าออกไปไม่ได้เด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ" เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของฉินเจินพลันกระตุก และเข้าใจในทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้นต้องเกี่ยวข้องกับนางแน่ "ออกไปดูหน่อย" ฉินเจินพูดกับจวินหลิงเอ๋อร์ เมื่อทั้งสองคนเตรียมจะเดินออกไป ทันใดนั้นลี่ว์จู๋กลับวิ่งไปที่ประตู กางแขนทั้งสองข้างขวางไว้ "ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง พวกท่านจะออกไปไม่ได้" ท่าทีของนางนั้นเด็ดขาดมาก "หลีกไป" เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ข้างนอกต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ฉินเจินตะคอกเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ลี่ว์จู๋สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำ แต่ยังคงยืนขวางประตูไว้ "นังบ่าว เจ้ากำลังทำอะไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าท่านพี่โกรธแล้ว หากพวกข้าจะออกไป เจ้าก็ขวางไม่ได้หรอก ดังนั้นรีบบอกมา ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่" จว
Read more

บทที่ 0019

"ท่านย่า ท่านพ่อ อารอง อาสะใภ้รอง พวกท่านรออยู่ที่จวนเถิด ตอนนี้ข้าต้องไปที่จวนคังชินอ๋องเดี๋ยวนี้ พี่ใหญ่ท่านขี่ม้าพาข้าไปหน่อย ต้องเร่งแล้ว!" ฉินเจินได้ยินเซียวเจิงบอกว่าเซี่ยจืออั๋งอยู่ในช่วงใกล้สิ้นลมหายใจแล้ว นั่นหมายความว่ายังไม่ตาย หากยังไม่ตาย ก็ยังสามารถช่วยได้ ทุกคนเห็นฉินเจินสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง ยามที่สายฟ้าผ่าลงมา แสงนั้นสาดกระทบบนใบหน้าของนาง นางดูสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกเลย "นางหนู ตอนนี้เจ้าจะไปจวนคังชินอ๋องทำไม เจ้า..." ฮูหยินผู้เฒ่าพูดต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้จวนคังชินอ๋องคงยุ่งเหยิงมากแน่ ซื่อจื่อตระกูลเซี่ยประสบเคราะห์ใหญ่เช่นนี้ จนคังชินอ๋องต้องบุกมาถึงหน้าประตู นางหนูกลับอยากไปเองถึงที่ เช่นนั้นอาจถูกทำร้ายถึงตายได้ หลานสาวของนางทำผิดย่อมต้องได้รับโทษ แต่ก็ไม่ควรถูกศาลเตี้ยลงโทษเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าทำใจรับไม่ได้และคงไม่ยอม "ไปช่วยชีวิตคน ขอเพียงเซี่ยจืออั๋งยังมีลมหายใจ ข้าจะดึงเขากลับจากประตูปรโลกเอง" คำพูดของฉินเจินทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงจนไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร อะไร อะไรกัน "พี่ใหญ่ รีบหน่อยช่วงเวลาคับขัน" ฉินเจินเ
Read more

บทที่ 0020

ในตอนนี้เอง เสียงดุดันและเกรี้ยวกราดของเจ้าตระกูลเฝิงก็ดังขึ้น เขาอายุมากแล้ว อีกทั้งยังพยายามช่วยชีวิตเซี่ยซื่อจื่อมาเกือบทั้งคืน เหนื่อยล้าจนตาแทบปิด จึงทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาค่อยข้างช้าและเพิ่งได้สติกลับมา เมื่อฟังสิ่งที่ฉินเจินพูดจนเข้าใจแล้ว เขาก็ตะคอกออกมาทันที ฉินเจินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าตระกูลเฝิงแวบหนึ่ง "เซี่ยจืออั๋งยังมีทางรอด" ตระกูลเฝิงเป็นตระกูลแพทย์มานับร้อยปี บรรพบุรุษเป็นแพทย์หลวงมาหลายยุค แม้เมื่อมาถึงรุ่นของเฝิงเหวินเฟิง เพราะลูกหลานไม่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นในด้านการแพทย์ อิทธิพลไม่เหมือนแต่ก่อน แต่สำหรับในเมืองหลวงนั้น ตระกูลเฝิงยังคงมีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ หากบรรดาขุนนางผู้สูงศักดิ์เกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ล้วนเรียกใช้ตระกูลเฝิง แล้วก็เพราะเหตุนี้เฝิงเหวินเฟิงที่เป็นเจ้าของตระกูลเฝิงจึงได้รับยกย่องเทิดทูนจากผู้อื่น ไม่ว่าจะไปที่ใดเขาล้วนได้รับการต้อนรับเฉกเช่นแขกผู้มีเกียรติเสมอ แต่สิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่คืออะไรกัน เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้าผู้นี้ ถึงขั้นโอ้อวดว่าจะช่วยชีวิตซื่อจื่อของตระกูลเซี่ยอย่างนั้นหรือ หึ ช่างน่าขันเสียจริง เฝิงเหวินเฟิงโกรธจนห
Read more
PREV
1234
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status