All Chapters of พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม: Chapter 11 - Chapter 20

40 Chapters

บทที่ 11

“ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าก็ไปละ คุณหนูใหญ่เชิญตามสบาย!”การแสดงออกของเฉิงสิงเจวี๋ยเรียบเฉย หมุนกายกลับอย่างไม่ลังเลแล้ว“นี่ เจ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าสั่งให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”แต่เฉินสิงเจวี๋ยไม่ได้สนใจนางเลย ร่างเงาหายไปต่อหน้านางอย่างรวดเร็วหลัวเมิ่งอวิ๋นก็หมดหนทาง ทำได้เพียงพาหลัวเฟิงกลับไปรักษาอย่างกระวนกระวาย“แค่กๆ ๆ”หลัวเฟิงที่ตกน้ำและถูกความหนาวเย็นกัดกินนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด หมอเคยมาดูแล้ว หลัวเมิ่งอวิ๋นมองดูเขาอย่างปวดใจ“พี่หญิง ท่านพี่ยังโทษข้าอยู่ใช่หรือไม่? เขาถึงขั้นผลักข้าลงน้ำ ท่านดูสิ หน้าผากข้าเป็นแผลแล้ว!”เวลานี้เอง พระชายาพุ่งพรวดเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกับบ่าวรับใช้ “ลูกแม่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“ตายแล้ว นี่...มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? อากาศหนาวเช่นนี้ ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร?”ในแววตานางเต็มไปด้วยความปวดใจ!“ท่านแม่ เพราะท่านพี่ไม่ชอบข้า โทษที่ข้ากลับมา แย่งความรักของเขาไป ดังนั้นเขาจึงอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่?”หลัวเฟิงกล่าวอย่างระมัดระวังด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้หลัวเมิ่งอวิ๋นกับพระชายาทรมานจนแทบอยากควักห
Read more

บทที่ 12

“วางใจเถอะ ถ้าหากฝ่าบาทจะตำหนิเขาหรือลงโทษเขา ถึงเวลาพวกเราค่อยทูลขอพระกรุณาแทนเขาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเห็นแก่หน้าของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ลงโทษสถานหนักแน่นอน”หลัวเมิ่งอวิ๋นครุ่นคิด รู้สึกว่าที่มารดาพูดมีเหตุผลเช่นกัน จึงไม่ได้ห้ามปรามอีก เพียงแค่ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อถึงวันมะรืน หลัวเมิ่งอวิ๋นก็มาเรียกเฉินสิงเจวี๋ยเข้าวัง“ไม่ไป!”“นี่คือคำสั่งของท่านพ่อ เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับขัดพระบัญชา เจ้าได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ นั่นเป็นบุญที่เจ้าทำมาหลายชาติ เจ้ากลับไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณและยังรู้จักขัดคำสั่งเขา เจ้ามันไม่รู้จักดีชั่ว วันนี้เจ้าอยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป”เฉินสิงเจวี๋ยมองนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง โง่เขลานัก ถูกคนอื่นหลอกใช้แล้วยังมีหน้ามาได้ใจอีกทว่าทูตแคว้นเป่ย? มันก็คุ้มที่จะไปดูพวกเขามาทุกปี จะมีอะไรมากไปกว่าอยากรู้ว่าแคว้นต้าเฉียนมีของใหม่ๆ หรือจุดอ่อนอะไรหรือไม่ หลังจากนั้นก็คือการประลองบุ๋น บอกว่าประลองบุ๋น ที่จริงก็แค่อยากทำให้นักปราชญ์ของแคว้นต้าเฉียนอับอาย แสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาหลายปีนี้ต้าเฉียนพ่ายแพ้มาโดยตลอด ต้องจ่ายค่าชด
Read more

บทที่ 13

“แล้วไม่ใช่หรือ ฝ่าบาททรงติดประกาศแล้ว ขอแค่มีคนสามารถชนะคนแคว้นเป่ยในการประลองบุ๋น ก็ตบรางวัลทองคำพันตำลึก อีกทั้งยังสามารถเข้าไปเป็นขุนนางในราชสำนักได้ด้วย”“และพวกเขายังได้วางกับดักไว้ ถ้าหากพวกเราต่อกลอนไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องชดเชยด้วยเมืองหนึ่งเมือง วัวม้า และธัญพืชต่างๆ ให้พวกเขา อีกทั้งยังต้องยอมรับว่าสู้พวกเขาไม่ได้”“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย? นี่กำลังทำให้พวกเราลำบากใจไม่ใช่หรือ?”“แล้วไม่ใช่หรือ? หลายปีมานี้นักปราชญ์ของพวกเราถูกพวกเขาข่มจนเงยหน้าไม่ขึ้น ไม่กล้าพูดอะไรเลย กลัวว่าตัวเองจะเสียหน้า ครั้งนี้พวกเขาเห็นท่านอ๋องผู้เฒ่าพาเฉินสิงเจวี๋ยมาด้วย คิดว่าพวกเราไม่มีคนแล้ว ถึงกับต้องฝากความหวังไว้ที่ทาสเลี้ยงม้าคนหนึ่ง”“ฮ่าๆ คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ข้าได้ยินมาว่าแม้เฉินสิงเจวี๋ยใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องสิบกว่าปี แต่กลับไร้ความรู้ไร้ความสามารถ เกรงว่าครั้งนี้คนแคว้นเป่ยคงไม่ละเว้นเขาง่ายๆ แน่นอน”ทุกคนพากันเห็นด้วย ล้วนรอดูเรื่องสนุกหลัวเมิ่งอวิ๋นโมโหจนหน้าซีด กัดฟันแน่นราวกับจะกัดให้หัก“เฉินสิงเจวี๋ย! เจ้าดูเรื่องดีๆ ที่เจ้าทำสิ! ตอนนี้คนทั้งเมืองหลวงล้วนกำลังหัวเราะเยา
Read more

บทที่ 14

เมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้มุ่งเป้ามาที่ตัวเอง เฉินสิงเจวี๋ยก็นั่งไม่ติดแล้ว ถ้าหากครั้งนี้เขาถูกส่งออกไป เช่นนั้นอยากกลับมาก็ยากยิ่งกว่ายากแล้ว เพิ่งกลับจวนอ๋อง เขายังไม่อยากให้อนาคตของตัวเองพังทลายลงที่นี่เขาสาบานในใจ อีกเดี๋ยวถ้าหากต้องออกโรง เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะเขาอยากออกจากจวนอ๋อง ตัดความสัมพันธ์กับคนเหล่านั้น ซึ่งเกี่ยวพันไปถึงลำดับวงศ์ตระกูลราชวงศ์ ความเห็นและท่าทีของฝ่าบาทสำคัญที่สุดความคิดเดียวของเขาในตอนนี้ คือได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท จะได้เอ่ยคำของ่ายขึ้นในภายหลังส่วนการประลองบุ๋นที่ทูตแคว้นเป่ยพูดถึง เขาเคยผ่านการฝึกที่แสนทรหดกับอาจารย์หลายปี  มีความเชี่ยวชาญนานแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวฮ่องเต้ต้าเฉียนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “ขุนนางทุกท่าน มีใครสามารถรับคำท้าได้บ้าง?”ทุกคนล้วนเงียบทูตแคว้นเป่ยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ฮ่าๆ ๆ ต้าเฉียนของพวกเจ้าถึงคราวเคราะห์แล้ว แค่การประลองบุ๋นเล็กๆ ก็ไม่กล้ารับคำท้า”“ข้าว่านะ ต้าเฉียนของพวกเจ้ายอมจำนนต่อแคว้นของพวกเรา และส่งเครื่องบรรณาการเสียดีกว่า พวกเราก็ได้ไม่ต้องเสียเวลาและส่งทหาร ทำให้ราษฎรต้องทนทุกข์กับพิษสงคราม เป็นอย่าง
Read more

บทที่ 15

ฝูเวิ่นเฟิงที่อยู่ข้างกายนางเป็นอัจฉริยะ และยิ่งเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาวแคว้นเป่ยเคารพนับถือ เขาก็มองคนต้าเฉียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย้ยหยันเช่นกันฮ่องเต้ต้าเฉียนใจสลายแล้วเขานั่งอยู่บนบัลลังก์ มองดูคนของตัวเองล้วนเป็นทหารอ่อนแอไร้ขุนศึก ภายใต้ความปวดใจของเขา คนของสำนักศึกษาเหล่านี้แต่ละคนก้มหน้าต่ำเหมือนนกกระทา ไม่กล้าเงยหน้าเลย พวกเขากล้าเผชิญหน้ากับความคาดหวังของฮ่องเต้เสียที่ไหน“เอาล่ะ ใกล้หมดเวลาแล้ว แพ้ชนะชัดเจนแล้ว เชิญฮ่องเต้ต้าเฉียนออกคำสั่ง ส่งวัวม้า ธัญพืช และเครื่องบรรณาการนับแสนให้พวกเรานำกลับไปแคว้นเป่ยเถอะ!”ฮ่องเต้ต้าเฉียนเสียใจนักทำสงครามทุกปี บังคับให้ราษฎรจ่ายภาษีสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่พอเลี้ยงปากท้องแล้ว!ธัญพืชมากมายเช่นนี้ ทั้งแคว้นต้าเฉียนก็มีผลผลิตเพียงเท่านี้ และยังต้องส่งวัวม้าให้แคว้นเป่ยทั้งหมด เช่นนั้นก็เท่ากับตัดรากฐานของแคว้นเขาโดยตรง แต่ถ้าหากตนปฏิเสธ คนของแคว้นเป่ยต้องรุกรานอีกครั้งแน่นอน ถึงเวลาทัพใหญ่นับล้านของพวกเขามาถึง แคว้นต้าเฉียนก็ต้านทานไม่ไหว เขาคิดอยู่นานในที่สุดฮ่องเต้ต้าเฉียนก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปอีกแล้ว เขาหยิบตราหยกแผ่นดิน
Read more

บทที่ 16

สีหน้าเฉินสิงเจวี๋ยเรียบเฉย ราวกับไม่ได้เก็บเอาคำพูดของนางมาใส่ใจเขาเดินออกไปอย่างใจเย็น มองดูกลอนท่อนแรก ‘หนึ่งวันเช้ากลางวันเย็น พันปีปราชญ์พุทธเต๋า’ นี่ก็คือโคลงกลอนคู่ที่ทำให้พวกเขาไปไม่เป็น?มุมปากของเขาเผยอขึ้น หลังจากนั้นโพล่งออกจากปาก “สามสัมพันธ์ฟ้าดินมนุษย์ สองราชวงศ์โอรสสวรรค์ฝันใฝ่!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา เหล่าขุนนางตะลึงต้องบอกก่อนว่า ‘สามสัมพันธ์’ หมายถึงฟ้า ดิน มนุษย์ ส่วน ‘สองราชวงศ์โอรสสวรรค์ฝันใฝ่’ เล่าถึงประสบการณ์ของฮ่องเต้ต้าเฉียนผู้ปราดเปรื่องสองรุ่นอย่างเป็นนัย ซึ่งสะท้อนถึงต้าเฉียนได้อย่างสมบูรณ์นี่ไม่เพียงต่อกลอนท่อนแรกได้อย่างสมบูรณ์ และยังปูพื้นหลังของต้าเฉียนได้อย่างชาญฉลาด แสดงความน่าเกรงขามและความรุ่งโรจน์ของต้าเฉียนออกมา สายตาของทุกคนที่มองเฉินสิงเจวี๋ยเปลี่ยนไปทันที ไม่ได้เหยียดหยามหรือดูถูกเหมือนก่อนหน้านี้อีก แต่เป็นความตะลึงและยำเกรงแม้แต่ฮ่องเต้ต้าเฉียนก็นั่งตัวตรงแล้ว จ้องเขาด้วยสายตาเร่าร้อน ราวกับอยากรู้จักเขาใหม่“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?” หลัวเมิ่งอวิ๋นยิ่งตกใจจนหุบปากไม่ลง นางไม่อยากเชื่อหูของตัวเองคนไร้ประโยชน์นี่สามารถต่อกลอนท่อนห
Read more

บทที่ 17

สีหน้าองค์หญิงแคว้นเป่ยเปลี่ยนเล็กน้อย ดูเหมือนตนประมาทแล้ว คิดว่าแคว้นต้าเฉียนยังเหมือนปีที่ผ่านๆ มา ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ ดูเหมือนพวกเขาจะเตรียมตัวมาพร้อมนางพ่นลมออกจากจมูกอย่าง “หึ เจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น อย่าเพิ่งได้ใจไป”“นี่ยังไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย ข้ายังมีโคลงกลอนคู่ เจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่?”เฉินสิงเจวี๋ยยิ้มแล้วยิ้มอีก “มีอะไรไม่กล้า? องค์หญิงเชิญออกหัวข้อ ท่านออก ข้าต่อ! เอาเป็นว่าต่อจนท่านหมดแรง!”องค์หญิงแคว้นเป่ยมองโดยรอบ หลังจากนั้นชี้เตาทองแดงที่อยู่ใจกลางตำหนักใหญ่แล้วกล่าว “เช่นนั้นก็เอามันเป็นหัวข้อ กลอนช่วงแรกคือ ‘เตาทองแดงแผดเผา ปราณหมุนรอบจักรวาลสุริยันจันทราหมุนเวียน’”กลอนช่วงแรกนี้ยากมาก ไม่เพียงต้องบรรยายภาพทิวทัศน์ของเตาทองแดง ยังต้องรวมภาพของปราณหมุนรอบจักรวาล สุริยันจันทราหมุนเวียน นี่มันก็เหมือนกับภารกิจที่ไม่มีทางทำสำเร็จทว่าเฉินสิงเจวี๋ยกลับกล่าวโดยไม่ต้องคิด “ตวัดพู่กันเหล็ก หมึกโปรยปรายวสันตฤดูกำหนดพรมแดน!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตะลึง!ทุกคนพากันลุกขึ้นยืนมองไปทางเฉินสิงเจวี๋ย ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ‘ตวัดพู่กันเหล็ก’ คู่กับ ‘เตาทองแดง
Read more

บทที่ 18

เฉินสิงเจวี๋ยก็รู้เช่นกัน ตอนนั้นในสายตาของตนมีแค่มู่หรงเสวี่ย ไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย อาจารย์ก็สอนไม่รู้เรื่อง!“ไม่มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อะไรทั้งนั้น ข้าแต่เองทั้งหมด!”เฉินสิงเจวี๋ยเลือกที่จะทำแล้วก็ต้องทำให้สุด“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมแต่งเองทั้งหมด ไม่มีผู้ใดสามารถแทนที่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“ชู่”รอยยิ้มของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รวมถึงฮ่องเต้ต้าเฉียนแข็งค้างอยู่บนใบหน้าอิ๋งหย่าเกอองค์หญิงแคว้นเป่ยยิ่งมองเฉินสิงเจวี๋ยอย่างดูถูก“ใครก็อาจจะสามารถต่อกลอนของข้าได้ แต่เป็นเจ้า ข้าไม่เชื่อ ทุกคนล้วนรู้ว่าเจ้าเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย รู้จักแต่เดินตามหลังสตรี ให้เจ้าแต่งกลอน นั่นมันเป็นเรื่องที่เหลวไหลสิ้นดี”เฉินสิงเจวี๋ยมองอิ๋งหย่าเก๋อที่อยู่ตรงหน้า แม้อีกฝ่ายเย่อหยิ่ง แต่ใบหน้าที่งดงามนี่ และรวมถึงดวงตาที่มีอารมณ์ของต่างถิ่นแฝงอยู่ ประกอบกับชุดสีแดงที่สวมอยู่บนกาย ทำให้นางดูเหมือนเปลวไฟ เรือนร่างอันงดงามยิ่งปรากฏในเปลวไฟอย่างคลุมเครือ นี่เป็นของชั้นเยี่ยมที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างกายนางยิ่งพากันถากถาง “แหม ซื่อจื่อจิ้งหนานอ๋องเก่งกาจเลยทีเด
Read more

บทที่ 19

เขาไม่ชอบนักปราชญ์เช่นนี้ที่สุด โดยเฉพาะอีกฝ่ายกับหลัวเฟิงล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน พยัคฆ์หน้ายิ้ม เฉินสิงเจวี๋ยรังเกียจคนเช่นนี้ที่สุดภายนอกดูเป็นคนดี แต่ลับหลังเป็นคนใจแคบฝูเวิ่นเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา แต่กล่าวอย่างมั่นใจ “ในเมื่อต้าเฉียนภูมิใจในดินแดนอันกว้างใหญ่ และข้าก็ได้ยินมาว่าทางใต้ทิวทัศน์งดงาม ไม่สู้ใช้เจียงหนานเป็นหัวข้อก็แล้วกัน”กล่าวจบเขาก็เริ่มท่องกลอนเสียงดัง “เจียงหนานดี ทิวทัศน์นั้นคุ้นเคย ดอกไม้เบ่งบานริมแม่น้ำแดงยิ่งกว่าเปลวไฟ แม่น้ำฤดูใบไม้ผลิเขียวขจีดั่งสีฟ้า ลืมเลือนเจียงหนานได้หรือ?”หลังจากฟังกลอนบทนี้จบ ทุกคนล้วนปรบมือทูตแคว้นเป่ยพากันตะโกนเสียงดัง“ดี!”“ทำให้ผู้คนหลงใหลในความงามของเจียงหนานจริงๆ พวกเราดูทิวทัศน์แค่รู้จักตะโกนว่าดี แต่เขากลับสามารถแต่งกลอนเช่นนี้!”“เฉินสิงเจวี๋ย เจ้ามาสิ ถ้าเจ้าแต่งไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องถอดเสื้อรับการโบย ฮ่าๆ ๆ”“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” ฝูเวิ่นเฟิงกอดอก มองไปทางเฉินสิงเจวี๋ยเฉินสิงเจวี๋ยยิ้มอย่างเย็นชาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งอกสั่นขวัญแขวนคนของแคว้นต้าเฉียนไม่เชื่อเฉินสิงเจวี๋ย ก่อนหน้านี้สามารถคัดสามารถลอ
Read more

บทที่ 20

“ฮ่าๆ ๆ คิดไม่ถึงว่าแคว้นของเรามีอัจฉริยะกลอนเช่นนี้ด้วย!!”“อัจฉริยะอันดับหนึ่งในใต้ฟ้า!”“สามารถแต่งกลอนในเจ็ดก้าว ต้าเฉียนของเราสมชื่ออัจฉริยะกลอนอันดับหนึ่งจริงๆ!”เจียงหนาน กลับไม่ใช่แค่เรื่องของเจียงหนาน นี่ไม่ใช่แค่การยกระดับทั่วไปแล้วทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนไม่รู้ว่าเฉินสิงเจวี๋ยสามารถแต่งกลอนที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้อย่างไร!เหมือนกับว่าเขาเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้จริงๆแต่ว่าเมื่อนึกถึงเขาอยู่ที่โรงเลี้ยงม้าหลวงเจ็ดปี ทุกคนก็เหมือนจะไม่เข้าใจและสีหน้าที่มองเขายังดูเวทนาเล็กน้อยหลัวเมิ่งอวิ๋นและคนอื่นขยับตัวอย่างไม่สบายใจ โดยเฉพาะครอบครัวจิ้งหนานอ๋อง ล้วนกำลังทนกับสายตาที่แปลกประหลาดของทุกคนฮ่องเต้ต้าเฉียนโล่งอก คิดไม่ถึงว่าลูกชายของจิ้งหนานอ๋องจะเก่งกาจเช่นนี้ ไม่น้อยหน้าราชวงศ์จริงๆเช่นนี้แล้ว ดีกว่าสายเลือดแท้ๆ นั่นหลายเท่าเลย“ดีมาก จิ้งหนานอ๋องสอนบุตรได้ดี”สีหน้าของครอบครัวจิ้งหนานอ๋องเปลี่ยนไม่หยุด ประเดี๋ยวม่วง ประเดี๋ยวขาว ประเดี๋ยวแดง“ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทชื่นชม ลูกทรพีไร้มารยาท เกือบล่วงเกินฝ่าบาท ฝ่าบาทโปรดลงโทษ!”“นี่ๆ ๆ ลงโทษอะไร เราจะตบรางวัลเขาอย่
Read more
PREV
1234
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status