Share

บทที่ 20

Author: เฟิ่งฉี่เทียนหมิง
“ฮ่าๆ ๆ คิดไม่ถึงว่าแคว้นของเรามีอัจฉริยะกลอนเช่นนี้ด้วย!!”

“อัจฉริยะอันดับหนึ่งในใต้ฟ้า!”

“สามารถแต่งกลอนในเจ็ดก้าว ต้าเฉียนของเราสมชื่ออัจฉริยะกลอนอันดับหนึ่งจริงๆ!”

เจียงหนาน กลับไม่ใช่แค่เรื่องของเจียงหนาน นี่ไม่ใช่แค่การยกระดับทั่วไปแล้ว

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนไม่รู้ว่าเฉินสิงเจวี๋ยสามารถแต่งกลอนที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้อย่างไร!

เหมือนกับว่าเขาเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้จริงๆ

แต่ว่าเมื่อนึกถึงเขาอยู่ที่โรงเลี้ยงม้าหลวงเจ็ดปี ทุกคนก็เหมือนจะไม่เข้าใจ

และสีหน้าที่มองเขายังดูเวทนาเล็กน้อย

หลัวเมิ่งอวิ๋นและคนอื่นขยับตัวอย่างไม่สบายใจ โดยเฉพาะครอบครัวจิ้งหนานอ๋อง ล้วนกำลังทนกับสายตาที่แปลกประหลาดของทุกคน

ฮ่องเต้ต้าเฉียนโล่งอก คิดไม่ถึงว่าลูกชายของจิ้งหนานอ๋องจะเก่งกาจเช่นนี้ ไม่น้อยหน้าราชวงศ์จริงๆ

เช่นนี้แล้ว ดีกว่าสายเลือดแท้ๆ นั่นหลายเท่าเลย

“ดีมาก จิ้งหนานอ๋องสอนบุตรได้ดี”

สีหน้าของครอบครัวจิ้งหนานอ๋องเปลี่ยนไม่หยุด ประเดี๋ยวม่วง ประเดี๋ยวขาว ประเดี๋ยวแดง

“ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทชื่นชม ลูกทรพีไร้มารยาท เกือบล่วงเกินฝ่าบาท ฝ่าบาทโปรดลงโทษ!”

“นี่ๆ ๆ ลงโทษอะไร เราจะตบรางวัลเขาอย่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 21

    ฝูเวิ่นเฟิงหัวเราะเยาะเฉินสิงเจวี๋ยกลับพูดว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่าทุกครั้งให้พวกเจ้าชิงลงมือก่อน รู้สึกว่าพวกเราเสียเปรียบ จุดนี้แย่ยิ่งนัก มิสู้ครั้งนี้ให้พวกเราพูดก่อน จะใช้หัวข้อใดแต่งกลอน!”จากนั้น ฝูเวิ่นเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ท่านรีบออกหัวข้อเถอะ หากผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยเช่นข้าพ่ายแพ้ เช่นนั้นจะบั่นคอลงมาเป็นเก้าอี้ให้ท่านนั่ง”“ล้างหูฟังให้ดีก็พอ!”“ดีมาก เจ้าเป็นคนเด็ดขาดคนหนึ่ง” เฉินสิงเจวี๋ยหัวเราะอีกครั้ง จู่ๆ ก็พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา“ดาบลายทองคำประดับหยกขาว แสงสกาวพาดผ่านบานบัญชรทหารกล้าวัยห้าสิบไซร้ไร้อนุสรณ์ ดาบในกรวาดเหวี่ยงทั่วทิศาอยู่เมืองหลวงผูกไมตรีเหล่าผู้กล้า ร่วมฟันฝ่าเป็นตายไปพร้อมกันร้างนามพันปีฤาหฤหรรษ์ กมลมั่นแทนคุณขัติยานับแต่ข้าร่วมทัพริมฝั่งฮั่น ผาใต้นั้นหิมะหยกปลกสง่าโอ้! สามวงศาแคว้นฉู่ล่มแคว้นฉิน ฤาข้าสิ้นวีรชนคนกล้า?”ยามเฉินสิงเจวี๋ยเอ่ยปากท่องกวีออกมา คนแคว้นเป่ยทั้งหมดล้วนตกอยู่ในภวังค์ความเงียบส่วนคนในราชสำนักของแคว้นต้าฮั่น สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป!เป็นกวียอดเยี่ยมที่คาดไม่ถึงอีกหนึ่งบท!อิ๋งหย่าเกอตกตะลึงเบิกตากว

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 22

    “ใครก็ได้ พวกเราให้คุณชายฝูดูหน่อยเถอะ ธูปนี้ใกล้ดับแล้ว หากธูปดับเจ้ากลับไม่สามารถแต่งกวีออกมาได้ นั่นก็คือพวกเจ้าแคว้นเป่ยแพ้แล้ว นี่คือกฎที่พวกเจ้าตั้ง”“กระหม่อม พระองค์ นี่...”ฝูเวิ่นเฟิงได้รับสายตาของทุกคน ทั้งตัวคนสั่นสะท้านขึ้นมาแล้ว ชนิดที่ว่าคล้ายถูกสัตว์ตัวโตทับกระดูกสันหลัง ทำให้แผ่นหลังของเขาค้อมลงไม่ว่าใครก็แต่งบทกวีได้ แต่ต้องการเหนือกว่าเฉินสิงเจวี๋ย นั่นยากเกินไปอย่างแท้จริงยิ่งไปกว่านั้นเวลายังสั้นถึงเพียงนี้เฉินสิงเจวี๋ยย่อมรู้ว่าเวลาสั้นมาก เป้าหมายที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความคิดตกอยู่ในจุดวิกฤต ยามเขาร้อนใจ ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งแต่งกวีไม่ออกดังนั้นเขาจึงกดดันมากขึ้น “ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยก็เพียงแค่นี้ หากเจ้าแต่งออกมาไม่ได้ก็อย่าทำให้ตนเองลำบากเลย?”ต่อให้อีกฝ่ายแต่งออกมาได้ ตนเองก็มีหนทางทำให้เหนือกว่ากวีของเขา ย่อมไม่พ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายฝูเวิ่นเฟิงเห็นท่าทางกระหยิ่มใจของเขา ทันใดนั้นจากอายกลายเป็นพาลโกรธ“ฮึ เจ้าตัวไร้ประโยชน์ไม่ร่ำเรียนไร้ความสามารถคนหนึ่ง ข้าไม่มีวันแพ้เจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ฮึ ทาสมิอาจเชิดหน้าชูตาได้คนหนึ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 23

    “ได้ เห็นแก่เจ้าที่ครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้แก่แคว้น เราจะฟังเจ้าสักครั้ง”ฮ่องเต้ต้าเฉียนอารมณ์ดีมาก ไม่ถือสามากมายนัก สั่งให้ทหารราชองครักษ์ถอยออกไป บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายมากขึ้นเฉินสิงเจวี๋ยเดินมาหยุดต่อหน้าฝูเวิ่นเฟิง “แหม สหายฝู ก่อนหน้านี้พูดไว้ หากข้าพ่ายแพ้จะคุกเข่าเห่าเหมือนสุนัข แต่หากพวกเจ้าพ่ายแพ้จะเปลื้องผ้ารับทัณฑ์โบย บัดนี้ถึงตาเจ้ายอมรับผลลัพธ์นี้แล้วกระมัง”“เฉินสิงเจวี๋ย! เจ้าต้องรู้จักให้อภัยคนเสียบ้าง”“เหตุใดข้าต้องเข้าใจหลักการให้อภัยคนด้วยเล่า? หากวันนี้ข้าแพ้ พวกเจ้าทูตแคว้นเป่ยจะปล่อยข้าไปกระนั้น? หรือว่าบัดนี้พวกเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้? หากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก็รีบยกดินแดนจ่ายเงินชดเชยเสียเถอะ!”“เจ้า เจ้า เจ้า”“ฝูเวิ่นเฟิงเป็นบัณฑิต ได้รับการสั่งสอนจากปราชย์ผู้ยิ่งใหญ่ ไฉนเลยจะเปลื้องผ้ารับทัณฑ์โบยของพวกเจ้าที่นี่ได้?”ขุนนางของแคว้นเป่ยแต่ละคนร้อนใจแทบแย่พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ต้าเฉียน แต่เผชิญหน้ากับเฉินสิงเจวี๋ย นั่นเผยท่าทางคล้ายจะกินเขา ยังโยนสิ่งที่อยู่ในมือทั้งหมดลงบนตัวเฉินสิงเจวี๋ยอีกด้วยเฉินสิงเจวี๋ยไม่

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 24

    “แต่ชื่อเสียงภายนอกเลวร้าย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสามารถเช่นนี้...”“นี่ยังมิได้หมายความว่าจวนจิ้งหนานอ๋องสั่งสอนได้ดีอีกหรือ? สมเป็นหลานชายสายตรงเพียงหนึ่งเดียวของท่านอ๋องผู้เฒ่าหลัว ยังรัศมีของท่านอ๋องผู้เฒ่าจริงๆ!”“ยังมิใช่อีกหรือ ข้าคิดว่า เขาเทียบกับหลัวเฟิงซื่อจื่อคนนี้แล้วคล้ายคนจวนจิ้งหนานอ๋อง คล้ายท่านอ๋องผู้เฒ่ามากกว่า!”เสียงซุบซิบดังเจื้อยแจ้ว แต่ส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางเฉินสิงเจวี๋ยประการแรก กวีสองบทนั้นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงประการที่สอง เฉินสิงเจวี๋ยปกป้องแคว้นอย่างสง่างาม ทำให้พวกเขาภาคภูมิใจในเกียรติยศนี้อย่างไรเสีย ไม่ใช่ทุกคนล้วนสามารถเมินข้ามความเป็นความตายและความรุ่งโรจน์อดสู ขันอาสาออกมาในช่วงเวลาสำคัญสีหน้าอิ๋งหย่าเกอเศร้าหมองนางเองก็ถูกรัศมีบนตัวของเฉินสิงเจวี๋ยยับยั้งไว้แล้ว“เฉินซื่อจื่อ ท่านทำเช่นนี้คือกำลังหยามเกียรติบัณฑิตอย่างแท้จริง ระหว่างพวกเราสองแคว้น ทูตมาเยือน ไม่สมควรถูกหยามเกียรติ หากท่านยังฝืนทำเช่นนี้ รอพวกเรากลับไปทูลกษัตริย์ของแคว้นเป่ย ท่านไม่กลัวจะก่อให้เกิดความขัดแย้งของสองแคว้นหรือ?”“จิ๊ๆ ๆ องค์หญิงช่างน่าขันโดยแท้ คนต้องการเดิม

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 25

    สรุปว่าเขาวาสนาไม่ดี เผชิญหน้ากับตน“เฉินซื่อจื่อ ยินดีด้วยจริงๆ พวกท่านต้าเฉียนชนะแล้ว” อิ๋งหย่าเกอพูดได้เพียงแค่นี้เดิมทีนางก็ไม่อยากยอมรับว่าพวกเขาแคว้นเป่ยมิอาจสู้ได้ แต่บัดนี้ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องมีความมั่นใจหนึ่งร้อยส่วน ถึงขั้นพลิกสถานการณ์กลับมาได้สำเร็จวันนี้พวกเขาพ่ายแพ้แล้ว ดังนั้นองค์หญิงแคว้นเป่ยคนนี้คิดว่ายังไม่สู้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ หลีกเลี่ยงมิให้ภายภาคหน้าเสียหน้าไปยิ่งกว่านี้ขุนนางในราชสำนักของต้าเฉียนแต่ละคนอยากกลับไปเฉลิมฉลองเสียเดียวนี้เลย!สายตาทอประกายระยับของพวกเขาทำร้ายหัวใจของทูตแคว้นเป่ยอย่างสาหัส!ฮ่องเต้ต้าเฉียนเองก็รู้สึกเหลือจะเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะคุ้มครองต้าเฉียน!พวกเขาชนะแล้ว!อิ๋งหย่าเกอพูดอย่างมิอาจหักใจ “ฮึ ทางด้านบทกวี พวกท่านชนะแล้ว แต่ ดีดพิณเดินหมากกวีวาดภาพ พิณ หมาก วาดภาพ พวกท่านยังมิได้แข่ง พวกเราเองก็ยังไม่สิ้นหวัง!”นางยิ่งพูดก็ยิ่งมั่นใจในตนเอง อย่างไรเสียทางด้านนี้แคว้นเป่ยก็กดดันพวกเขาแคว้นต้าเฉียนไว้ทั้งหมด“อ้อ งั้นหรือ?”“ใช่ พวกท่านจะแข่งต่อเยี่ยงไร?”นางคิดว่า เพียงแต่ชนะบทกวี พวกเขายังแข่งกันไม่จบ ย่อมต้องเ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 26

    ทว่าตอนนี้กลับถูกคนใช้เงินมาตีราคา นี่จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?ขณะบรรยากาศกำลังตึงเครียด เฉินสิงเจวี๋ยมองทางฮ่องเต้ต้าเฉียน พบว่าอีกฝ่ายเผยสายตาละโมบอยู่รางๆเฉินสิงเจวี๋ยเข้าใจในทันใด ห้าล้านตำลึงทอง สำหรับต้าเฉียนแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย คาดว่าต้าเฉียนต้องการเงินเหล่านี้มาเติมเต็มคลังหลวงทว่าเขากลับอยากเห็นคนของแคว้นเป่ยขายหน้า นี่ถึงสามารถคลายโทสะได้ เงินนับเป็นอะไรกัน?เดิมทีเฉินสิงเจวี๋ยอยากปฏิเสธ แต่ฮ่องเต้ต้าเฉียนที่ไม่พูดอะไรมาโดยตลอดกลับกระแอมเบาๆ เฉินสิงเจวี๋ยได้ยินจึงหันไปมอง พบว่าฮ่องเต้ต้าเฉียนพยักหน้าเบาๆดังนั้น เขาจึงยักไหล่ พูดอย่างไม่ยี่หระ “ก็ได้ ห้าล้านตำลึงก็ห้าล้านตำลึง!”ได้ยินเฉินสิงเจวี๋ยพูดเช่นนี้ เหล่าขุนนางต้าเฉียนล้วนพูดไม่ออกยังห้าล้านตำลึงก็ห้าล้านตำลึงอีกหรือ?เจ้าเด็กนี่ เขารู้ว่าห้าล้านตำลึงทองมากน้อยเพียงใดหรือไม่?แม้ว่าสำหรับแคว้นเป่ยที่ร่ำรวยจะคล้ายหนึ่งเมล็ดข้าวในมหาสมุทรแต่สำหรับต้าเฉียนก็คือสมบัติล้ำค่าตลอดทั้งปีคลังหลวงได้รับของมาก็แค่เล็กน้อยฮ่องเต้ต้าเฉียนกลับเข้าใจ แม้ว่าต้าเฉียนเองก็เป็นหนึ่งในเจ็ดแคว้นแต่ระดับความร่ำรวยก

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 27

    สีหน้าขุนนางแคว้นเป่ยเขียวแล้ว!“องค์หญิงทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ได้เป็นอันขาด”“ท่านเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ของแคว้นข้า ไฉนเลยจะเดิมพันกับคนต่ำต้อยเช่นนี้ได้?”“ใช่แล้ว องค์หญิงได้โปรดส่งสารถามความเห็นจากฝ่าบาทด้วยเถอะ จะทำเช่นนี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“องค์หญิง โปรดถอนคำพูดด้วย!”พวกเขาล้วนกลัวขึ้นมาแล้ว ก่อนนี้พ่ายแพ้หนึ่งครั้ง ทำให้บัดนี้พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่น หากชนะนั่นก็ไม่เป็นไร หากแพ้ขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่ได้กำไรแล้วยังขาดทุนอีกนะ พวกเขาพาองค์หญิงออกมา หากครั้งนี้องค์หญิงไม่สามารถกลับไปอย่างสมบูรณ์ได้ เช่นนั้นศีรษะของพวกเขาก็เตรียมตกพื้นเถอะ ประหารเก้าชั่วโคตรไม่ใช่เรื่องที่สามารถนำมาล้อเล่นได้ฮ่องเต้ต้าเฉียนหรี่ตา “องค์หญิงอิ๋ง นี่เจ้ามิได้กำลังล้อเล่นหรอกกระมัง?”“พวกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้”ดูท่าแล้วนางอึดอัดคับข้องใจที่ต้องพ่ายแพ้ให้เฉินสิงเจวี๋ยจริงๆชนิดที่ว่ายังถลึงตาใส่เฉินสิงเจวี๋ย ภายในสายตาล้วนคือความไม่ยอมแพ้นางสูงส่งล้ำค่ามากเพียงใด อีกทั้งยังไม่เคยถูกดูหมิ่นมาก่อน วันนี้ถูกเฉินสิงเจวี๋ยทำให้โมโหแย่แล้วมิหนำซ้ำยังเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้!เปลี

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 28

    นางเชิญปรมาจารย์นักวาดมาได้จริงหรือ?สีหน้าเหล่าขุนนางแคว้นต้าเฉียนล้วนเขียวแล้วใต้เท้าหัวหน้าสำนักศึกษารีบเอ่ยว่า “ฝ่าบาท จะเดิมพันไม่ได้เป็นอันขาด!”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าหากเผชิญหน้ากับหูจื่อเว่ย นั่นคือไม่มีโอกาสชนะพ่ะย่ะค่ะ!”เสนาบดีกงลิ่งอี๋เองก็เผยสีหน้าไม่เห็นด้วย “ปรมาจารย์นักวาดฝีมือยอดเยี่ยมดุจเซียน ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้ พวกเราต้องแพ้แน่!”“กระหม่อมโชคดีเคยรับชมภาพวาดมาก่อน สามารถยืนยันได้ว่านี่เป็นเรื่องจริง! ต้าเฉียนไม่มีคนสามารถเทียบได้ อาจารย์สวินเองก็ไม่ได้!”ทุกคนล้วนไม่เห็นด้วยให้แข่งขันแต่เฉินสิงเจวี๋ยกลับรู้ปรมาจารย์นักวาดหูจื่อเว่ยนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้าเมื่อสามสิบปีก่อนตอนนั้น ฝีมือการวาดภาพของเขาเหนือชั้นอย่างยิ่ง ไร้คู่ต่อสู้ โดยเฉพาะภาพวาดหงส์มังกร มีชีวิตราวกับเป็นจริง คล้ายสามารถบินออกมาได้ทุกเมื่อ ภาพวาด ‘ภูเขานทีหมื่นลี้’ ชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริด!แต่ในช่วงเวลารุ่งโรจน์ที่สุด เขากลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน สามสิบปีมานี้ ในแวดวงจิตรกรรมมีอาจารย์มากมายปรากฏขึ้น กลับไม่มีใครสามารถเทียบหูจื่อเว่ยได้หากองค์หญิงแคว้นเป่ยเชิญเขา

Latest chapter

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 40  

    ท่ามกลางฝูงชนที่มามุงดู มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ปีนั้นด้วยเช่นกัน จึงพากันส่งเสียงสนับสนุนออกมา พวกเขาล้วนเป็นบุตรหลานของตระกูลใหญ่ “ปีนั้น ตอนที่เฉินซื่อจื่อถูกม้าเหงื่อโลหิตเหยียบขาทั้งสองข้างจนหัก เลือดนองไปทั่วพื้น พอเห็นคนเข้าไปในคอกม้าก็คลานไปหาคนให้ช่วยเป็นพยานให้เขา ผลคือ…” “เฮ้อ อย่าพูดอีกเลย ตอนนั้นพวกเราส่วนใหญ่ล้วนเอาแต่เงียบ นับเป็นผู้ชมเลือดเย็นพวกนั้นเหมือนกันแหละ ไม่ได้ดีไม่กว่าแม่ทัพมู่หรงเท่าใดเลย” “นั่นสิ ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ทำให้คนต้องถอนใจจริงๆ!” คนทั้งหลายต่างมองไปที่รัศมีดุจยอดขุนพลผู้สยบใต้หล้าบนร่างของเฉินสิงเจวี๋ย จากนั้นก็พากันก้มศีรษะลง เพราะตอนนั้น พวกเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย จึงเกรงว่าเฉินสิงเจวี๋ยจะมาคิดบัญชีภายหลัง “ตอนนั้น เจ้าพูดว่าอย่างไร?” เฉินสิงเจวี๋ยจ้องมู่หรงเสวี่ยที่ราวกับบื้อใบ้ไปแล้ว กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบอกว่า ข้าเป็นคนฆ่าม้าเหงื่อโลหิต เป็นเจ้าเห็นเองกับตา ว่าข้า เฉินสิงเจวี๋ยผู้นี้สังหารมัน!” “ตอนนั้นมีคนมากมาย แต่กลับไม่มีใครช่วยพูดแทนข้าสักคน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 39  

    เพียงไม่กี่กระบวนท่า เฉินสิงเจวี๋ยก็คว้าข้อมือมู่หรงเสวี่ยไว้ได้ เขาเย้ยหยันว่า “เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นมู่หรงเสวี่ยคนนั้นอีกหรือ? ตัวเจ้าในตอนนี้ เป็นเพียงสตรีที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น!” “นับตั้งแต่เจ็ดปีก่อน ที่เจ้าช่วยเป็นพยานให้หลัวเฟิง กล่าวหาว่าข้าเป็นคนทำให้ม้าเหงื่อโลหิตตาย เจ้าก็หมดสิทธิ์มาเพ้อเจ้อไร้สาระต่อหน้าข้าตลอดกาลแล้ว ไสหัวไปซะ!” “เจ้าว่าอย่างไรนะ!” ดวงหน้าอันงดงามของมู่หรงเสวี่ยซีดเผือด ความไม่อยากเชื่อ ความเสียใจ ความตกใจ ความหวาดหวั่น อารมณ์อันหลากหลายจำนวนมากปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาประดุจน้ำค้างแข็งอย่างหาได้ยาก หากเป็นเมื่อก่อน นางในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่เฉินสิงเจวี๋ยใคร่ได้ยลนัก ทว่ายามนี้ แม้แต่ความรู้สึกอันน้อยนิดก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มู่หรงเสวี่ยที่เขารู้จัก ในตอนที่นางเอ่ยปากช่วยเป็นพยานให้หลัวเฟิงกล่าวหาเขาก็ได้ตายไปแล้ว ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เป็นเพียงท่านแม่ทัพมู่หรงของแคว้นต้าเฉียนเท่านั้น “เจ้าหูตึงหรือไง? ต้องให้ข้าทวนซ้ำให้เจ้าฟังอีกรอบหรือไม่?” มู่หรงเสวี่ยดึงเขาเข้าไป กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพูดอะไรนะ? ท่านบอกว่าข้าร่วมมือกับหลัวเฟิงเป็

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 38  

    เรือนด้านหลังของหอไต้ชุน มู่หรงเสวี่ยมาถึงประตูห้องอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นเด็กรับใช้ที่อยู่หน้าประตูกำลังจะปิดประตูลง นางก็ผลักประตูออกทันที “หึ วันนี้ข้าไม่ได้มาหาเจ้า!” มู่หรงเสวี่ยบุกเข้าไปในห้องด้วยท่าทีหยิ่งผยองและแข็งกร้าว ทันทีที่กวาดตามอง นางก็พบเฉินสิงเจวี๋ยในทันที เฉินสิงเจวี๋ยกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ชมภาพที่อยู่ในม้วนกระดาษ ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมา “ท่านแม่ทัพมู่หรง เหตุใดจึงมาที่นี่ได้เล่า?” “เฉินสิงเจวี๋ย! เจ้าเมามายอยู่ในหอไต้ชุนสามวันสามคืน เจ้ายังรู้จักยางอายอยู่หรือไม่?” มู่หรงเสวี่ยขึ้นเสียงตำหนิเสียงทันที เฉินสิงเจวี๋ยตะลึงไป “ท่านแม่ทัพมู่หรง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? เหตุใดจึงต้องตื่นเต้นเช่นนี้ มิสู้นั่งลงดื่มชาสักถ้วยก่อนเถอะ” “หมายความเยี่ยงไร? ในใจของเจ้าย่อมรู้ดี!” มู่หรงเสวี่ยยิ้มหยัน “ที่ข้ามาในวันนี้ มิได้มาเพื่อรำลึกความหลังกับเจ้า!” “ในเมื่อท่านแม่ทัพมู่หรงไม่คิดจะดื่มชา เช่นนั้น ก็ขอเชิญท่านออกไปเถิด!” เฉินสิงเจวี๋ยไล่แขก “ประการแรก ท่านไม่ใช่ภรรยาของข้า ประการที่สอง ท่านไม่ใช่มิตรสหายของข้า ท่านเป็นเพียงน้องสะใภ้ของข้

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 37  

    มู่หรงเสวี่ยพินิจใบหน้าที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ของนาง และเมื่อเห็นร่องรอยนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่บนตัวนางชัด เพลิงโทสะภายในใจก็ยิ่งโหมกระหน่ำ แต่นางยังคงยับยั้งตนเองไว้ได้ ใบหน้าทั้งดวงเย็นชาดุจน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ “เจ้าไม่ต้องมาเล่นลูกไม้เช่นนี้กับข้า! พูดมา เป็นเจ้าที่ไปยั่วยวนสิงเจวี๋ยใช่หรือไม่?” ตู้หว่านฉิงตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ปิดปากหัวเราะอย่างเบาๆ “ท่านแม่ทัพมู่หรงกล่าวสิ่งใดกันเจ้าคะ? ข้าจะไปยั่วยวนคุณชายเฉินได้อย่างไร?” “พวกบุรุษที่เข้ามาที่นี่ ล้วนมีสามขากันทั้งนั้น ข้าก็มิได้ใช้ไม้ไปไล่ตีหรือบีบบังคับให้พวกเขาเข้ามาสักหน่อย ท่านช่างเป็นสตรีในห้องหอที่ไม่รู้ประสานัก คงมิใช่ว่า ท่านแม่ทัพมู่หรงผู้ใช้ชีวิตท่ามกลางกลุ่มบุรุษทั้งวัน จะยังไม่เข้าใจอะไรเลยหรอกนะ? นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหรือ?” “หึ! เจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว! เหตุใดสิงเจวี๋ยจึงมาที่หอไต้ชุน? เหตุใดจึงไปต้องตาเจ้า? จะต้องเป็นเพราะเจ้าใช้ลูกไม้ยั่วยวนอะไรแน่!” มู่หรงเสวี่ยริษยาจนคลุ้มคลั่ง แค้นจนแทบอยากใช้ดาบนางฟันนาง! ตู้หว่านฉิงก็เก็บรอยยิ้มกลับไปเช่นกัน มองนางอย่างเย็นชา “ท่านแม่ทัพมู่หรง ท่านผิดแล้ว!

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 36  

    ตู้หว่านฉิงยินดีจนรีบลงจากเตียงมาคุกเข่าทันที “ขอบคุณคุณชายที่ประทานรางวัลเจ้าค่ะ!” หลังจากที่เฉินสิงเจวี๋ยไม่ออกจากหอไต้ชุนเป็นเวลาสามวัน คนรับใช้ของตระกูลมู่หรงที่อยู่ทางนั้นก็รีบส่งข่าวไปถึงมู่หรงเสวี่ยทันที “อะไรนะ? เจ้าบอกว่าเขาไปที่หอไต้ชุน รบรากันมาสามวันสามคืนแล้วยังไม่ยอมออกมา?” “ใช่เจ้าค่ะ แถมเขายังมอบจี้หยกชิ้นหนึ่งให้สตรีนางนั้นด้วย ตอนนี้สตรีนางนั้นลำพองยิ่งนัก คนของเรายังเห็นนางนำจี้หยกไปที่หอจิตรกรรมด้วย ต้องไปเอาภาพวาดแล้วแน่เจ้าค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยโมโหจนขว้างปาข้าวของในห้องจนหมด “เจ้าเฉินสิงเจวี๋ยผู้นี้ ถึงกับไปสถานที่แบบนั้น แถมยังอยู่นานขนาดนั้นอีก ที่สำคัญที่สุด เขายังเอาจี้หยกของข้าไปมอบให้คนชั้นต่ำผู้หนึ่ง!” “คุณหนูเจ้าคะ ‘หงจ่างหน่วนชุน’ ผู้นั้น เป็นหญิงนางโลมที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง เฉินสิงเจวี๋ยนั่นไปสถานที่ประเภทนั้น คงไปมั่วโลกีย์เป็นแน่ ในอนาคตเกรงว่า...เกรงว่าคงเข้าออกสถานที่แบบนั้นเป็นประจำเจ้าค่ะ!” “ท่านยังจะไปคิดถึงเขาอีกทำไมกันเจ้าคะ? เขาเป็นถึงขนาดนั้นแล้ว ยังมิสู้รีบแต่งงานกับคุณชายหลัวเฟิง… สองฝั่งเช่นนี้….” “หุบปาก!” สาวใช้ที่รับใ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 35    

    เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยออกจากวัง ก็ตรงดิ่งไประบายอารมณ์บางส่วนที่หอไต้ชุนอย่างไม่หยุดยั้งทันที หลายวันมานี้ เขาทนจนอึดอัดไปหมดแล้ว คนของจวนอ๋องพวกนั้น ทำให้เขารำคาญมากจริงๆ สามวัน! สามวันเต็มๆ! เขาไม่ได้ออกจากหอไต้ชุนด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่า สิบปีกว่าที่ผ่านมานั้นตนใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่าจริงๆ และยิ่งคิดว่าในอดีต การที่ตนรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองอย่างเข้มงวดเพื่อมู่หรงเสวี่ย ช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย ช่างโง่งมเหมือนกระบือนัก! ใต้ผ้าห่มไหมทองที่บางเบาราวปีกจักจั่น ตู้หว่านฉิงเผยสีหน้าอิ่มเอมออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เสน่ห์อันเย้ายวนเหล่านั้น ทำให้ผู้คนปรารถนาจะหวนกลับไปเชยชมอีกครา นางนอนคว่ำอยู่ตรงนั้น ราวเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่อาจไม่พัก เฉินสิงเจวี๋ยเชยคางของนางขึ้นมา พินิจริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำของนาง ในที่สุดก็ประทับจุมพิตลงไปอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ คุณชายเจวี๋ย เหตุใดท่านยังชอบขบกัดไปทั่วเยี่ยงนี้อีกเล่าเจ้าคะ? “อย่างไรกัน? เจ้าไม่ชอบหรือ?” “ชอบสินะ!” เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยมองใบหน้าเปล่งปลั่งที่แดงระเรื่อของตู้หว่านฉิง ก็รู้สึกหัวใจก็ว้าวุ่นขึ้นอย่างไม่อาจคว

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 34  

    เมื่อหลัวเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ก้มหน้าลง “ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้โทษพี่ชายขอรับ ล้วนเป็นข้าที่ไม่ระวังเอง ข้าไม่มีทางถือสาพี่ชายเด็ดขาด ขอแค่เขาขอโทษข้า ข้าก็ไม่เอาความเขาต่อแล้ว” “เด็กดี ทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว เจ้าจงรอก่อน ในงานเลี้ยงวันเกิด แม่จะต้องให้เขาขอโทษเจ้าแน่!” พระชายาเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ นางรู้สึกว่าในใจของเฉินสิงเจวี๋ยยังมีนาง มารดาผู้นี้อยู่ ดังนั้นจะต้องเชื่อฟังคำพูดของตนแน่ ความอึดอัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เป็นเพียงเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากตนมิใช่หรือ? คาดว่าคงเป็นนิสัยตามธรรมชาติของเด็ก เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเด็กที่ตนเลี้ยงดูมานานนับสิบปี จากเริ่มฝึกพูดส่งเสียงอ้อแอ้ จนกระทั่งก้าวแรกที่เขาก้าวเดิน ล้วนมีตนอยู่เป็นสักขีพยานด้วยตนเองทั้งสิ้น พระชายาถอนใจแรงอย่างโล่งอก แม้แต่สีหน้าก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว! หลัวเฟิงกัดฟัน เจ้าเฉินสิงเจวี๋ยที่สมควรตายนั่น ไปลอกภาพวาดดีๆ เช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกันนะ? ปล่อยให้มันทำสำเร็จอีกแล้ว! เดิมที่พวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อจะจับมันกลับไป กระทั่งคิดจะตรวจสอบมัน แต่คาดไม่ถึงว่า…มันถึงกับพัฒนามาถึงจ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 33  

    “เอาออกไปซะ เอาออกไป ผู้ใดเต็มใจจะดูภาพวาดที่น่าเกลียดเหมือนยันต์กันภูตผีพวกนั้น?” พระชายาโบกมืออย่างรำคาญ ทว่าคนที่อยู่ด้านข้างกลับรีบนำภาพวาดเข้ามา เดิมก็เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น พวกเขาจึงมิได้คาดหวังว่าภาพวาดนี้จะดีเพียงใด เพราะชื่อเสียงภายนอกของคุณชายเจวี๋ยก็เป็นที่รู้กันไปทั่ว แล้วจะไม่เลอะเทอะเละเทะเหมือนไก่เขี่ยได้อย่างไร? ทว่าเมื่อคลี่ออกมา ทุกคนในหอจิตรกรรมก็ล้วนตะลึงงันไปแล้ว เห็นขุนเขาเขียวขจีสูงตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่งามสง่า ระหว่างขุนเขารายล้อมไปด้วยสายหมอก แลเห็นวิหคโผบินได้อย่างเลือนราง ณ หน้าผาสูงของภูเขา น้ำตกสายหนึ่งถั่งโถมลงมาราวเส้นไหมสีเงิน และที่บริเวณด้านข้างของหน้าผา มีกล้วยไม้อยู่ดอกหนึ่ง ใบของมันกำลังโบกพัดไปตามลม ตัวกล้วยไม้เองก็คล้ายกำลังกระซิบอย่างแผ่วเบา “นี่…” ทุกคนล้วนถูกภาพวาดชิ้นนี้ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว แม้แต่หลัวเมิ่งอวิ๋นและพระชายา คนทั้งสองต่างลุกเดินมาดูอย่างอดไม่ได้ ในยามที่เห็นภาพวาดชิ้นนี้ พวกนางก็ตะลึงงันไปแล้วเช่นกัน “นี่…นี่เป็นเฉินสิงเจวี๋ยวาดอย่างนั้นหรือ?” หลัวเมิ่งอวิ๋นแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง ในภาพ ทุกฝีพู่กัน

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 32  

    คนทั้งสามที่เดินมาถึงด้านหลังของเฉินสิงเจวี๋ยได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้าพอดี จึงพากันเบิกตากว้าง พระชายายิ่งตื้นตันใจเป็นอย่างมาก นางคิดไม่ถึงว่า เด็กผู้นี้ ที่หลังจากกลับก็ทำตัวห่างเหินกับตนขึ้นมาก จนตนยังคิดจะลงโทษเขาด้วยเหตุนี้ ฉากหน้าดูดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ทว่าหัวใจทั้งดวงของเขากลับยังระลึกถึงตน กระทั่งวาดภาพเตรียมไว้ เพื่อมอบให้ตนเป็นของขวัญวันเกิดด้วย ในชั่วขณะนั้น หัวใจของพระชายาเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด ความรู้สึกผิดกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง หลัวเมิ่งอวิ๋นกับหลัวเฟิงยิ่งมองหน้ากันอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก หัวใจของหลัวเมิ่งอวิ๋นก็กระตุกขึ้นคราหนึ่งเช่นกัน นางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินสิงเจวี๋ยจะกตัญญูเช่นนี้แม้จะไม่ชำนาญการวาดภาพก็ยังระลึกถึงท่านแม่ และถึงกับวาดภาพไว้ล่วงหน้า เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่ด้วย ความคิดเช่นนี้พิสูจน์ได้ว่า เขารักคนในครอบครัวมาก มิได้เลวร้ายอย่างที่เห็นภายนอก เช่นนั้นมุมมองต่างๆ ที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับเฉินสิงเจวี๋ย จะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่? เมื่อเห็นพี่สาวและท่านแม่เริ่มเปลี่ยนทัศนคติต่อเฉินสิงเจวี๋ย หลัวเฟิงจึงกล่าวออกมาในเวลานั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status