ฝูเวิ่นเฟิงหัวเราะเยาะเฉินสิงเจวี๋ยกลับพูดว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่าทุกครั้งให้พวกเจ้าชิงลงมือก่อน รู้สึกว่าพวกเราเสียเปรียบ จุดนี้แย่ยิ่งนัก มิสู้ครั้งนี้ให้พวกเราพูดก่อน จะใช้หัวข้อใดแต่งกลอน!”จากนั้น ฝูเวิ่นเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ท่านรีบออกหัวข้อเถอะ หากผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยเช่นข้าพ่ายแพ้ เช่นนั้นจะบั่นคอลงมาเป็นเก้าอี้ให้ท่านนั่ง”“ล้างหูฟังให้ดีก็พอ!”“ดีมาก เจ้าเป็นคนเด็ดขาดคนหนึ่ง” เฉินสิงเจวี๋ยหัวเราะอีกครั้ง จู่ๆ ก็พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา“ดาบลายทองคำประดับหยกขาว แสงสกาวพาดผ่านบานบัญชรทหารกล้าวัยห้าสิบไซร้ไร้อนุสรณ์ ดาบในกรวาดเหวี่ยงทั่วทิศาอยู่เมืองหลวงผูกไมตรีเหล่าผู้กล้า ร่วมฟันฝ่าเป็นตายไปพร้อมกันร้างนามพันปีฤาหฤหรรษ์ กมลมั่นแทนคุณขัติยานับแต่ข้าร่วมทัพริมฝั่งฮั่น ผาใต้นั้นหิมะหยกปลกสง่าโอ้! สามวงศาแคว้นฉู่ล่มแคว้นฉิน ฤาข้าสิ้นวีรชนคนกล้า?”ยามเฉินสิงเจวี๋ยเอ่ยปากท่องกวีออกมา คนแคว้นเป่ยทั้งหมดล้วนตกอยู่ในภวังค์ความเงียบส่วนคนในราชสำนักของแคว้นต้าฮั่น สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป!เป็นกวียอดเยี่ยมที่คาดไม่ถึงอีกหนึ่งบท!อิ๋งหย่าเกอตกตะลึงเบิกตากว
Read more