บททั้งหมดของ ยอดหญิงในเงามาร: บทที่ 281 - บทที่ 290

306

บทที่ 281  

ไป๋หู่รู้สึกเหมือนหัวใจตนเองแทบจะหยุดเต้น ดีที่ชิงหลงมาถึงทันเวลา พุ่งชนอาชาของอ๋องฉีด้วยความรวดเร็ว อาชาตกใจและทะยานไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวในมือของชีหยวนพลันหยุดชะงัก และในจังหวะนั้นเอง อ๋องฉีก็สะบัดตัวหลุดออกจากการควบคุมของชีหยวนและกลิ้งไปกับพื้น เสี้ยวพริบตาที่แผ่นหลังกระแทกลงไปบนพื้น อ๋องฉีรู้สึกว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของตนเองเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะแรงกระแทก เขาขดตัวเป็นก้อนด้วยความเจ็บปวด ชิงหลงอกสั่นขวัญแขวน เขาไม่เคยพบเจอสตรีคนใดที่อันตรายเท่าชีหยวนมาก่อน นางเป็นคนบ้าวิกลจริตไปแล้วจริง ๆ! ไม่สิ แบบนี้มันปีศาจบ้าคลั่งชัด ๆ! เขารีบคว้าตัวอ๋องฉีขึ้นมาบนหลังอาชาของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะพาอ๋องฉีควบอาชาหนีไปอย่างสุดชีวิต โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น คนยิ่งหนีไกลออกไปเรื่อยๆ เกาทัณฑ์แขนเสื้อจึงยิงไปไม่โดนเป้าหมายอีก ชีหยวนหรี่ตา เห็นซองใส่ลูกธนูขององครักษ์ลับคนหนึ่งร่วงตกลงบนพื้น ก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา ขึ้นคันธนู และปล่อยลูกธนูยิงออกไปทางอ๋องฉีสามดอกติดกัน ธนูสองดอกถูกอ๋องฉีและชิงหลงปัดทิ้งไปได้ ทว่ายังมีอีกดอกหนึ่งที่ปักเข้ากลางไหล่ขวาของอ๋องฉี ร่างกาย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 282  

เซี่ยหรูพยักหน้ารับ มิได้หยุดชะงัก แล้วก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างอย่างละเอียด ว่าชีหยวนมาพบตนเองได้อย่างไร สังหารโจวเสี่ยวเผิงอย่างไร สังหารเฉินฮ่าวฮุยและคนอื่นอย่างไร และบอกว่านางไปพบท่านเจ้าเมืองเพื่อเตรียมการขั้นต่อไปอย่างไร เซี่ยอิ๋งได้ฟังแล้วดวงตาถึงกับสั่นไหว หากมิใช่เพราะตนเองประสบพบเจอทุกสิ่งมากับตัว เขาคงนึกว่าท่านอาของตนเองกำลังเล่านิทานให้เขาฟังไปเสียแล้ว จะมีดรุณีที่เก่งกาจเพียงนี้อยู่จริงได้อย่างไร? นางเหมือนไม่ใช่คน ทว่าเหมือนกับเป็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น! วางอุบายรอบคอบไร้ที่ติ ชำนาญทั้งบู๊และบุ๋น สังหารคนราวกับฆ่าไก่ สุดท้ายความตกตะลึงเหล่านี้ได้กลั่นออกมาเป็นคำถามเพียงประโยคเดียว: “ท่านอา คุณหนูใหญ่สกุลชีคนนี้บัดนี้อยู่ที่ใดแล้วขอรับ?” ฮูหยินโจวเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว: “ไล่ตามอ๋องฉีไปแล้ว ข้าเห็นนางคล้ายกับว่าจะ…” ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฮูหยินโจวก็เอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงยิ่งกว่าเดิม: “คล้ายว่าจะมีความแค้นฝังลึกกับอ๋องฉี…” เซี่ยอิ๋งพลันตัดสินใจทันที: “ข้าจะไปพบคุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้” ทว่า เขายังไม่ทันออกเดินทาง พ่อบ้านสวีก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพลางร้องว่า: “
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 283  

ชิงหลงอยู่ในอารมณ์ตึงเครียด ออกเดินทางครั้งนี้ เดิมทีเตรียมตัวไว้เพียงเรื่องที่จะชิงตัวพระชายาหลิ่วมาให้ได้ก่อนเท่านั้น ผลสุดท้ายแม้แต่เงาของพระชายาหลิ่วยังไม่ได้สัมผัส กลับต้องสูญเสียหัวหน้าองครักษ์ลับไปถึงสองนาย และองครักษ์ลับไปอีกสิบกว่าชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่อ๋องฉียังได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้อีก ถึงขั้นเดินไม่ได้! นี่มันหมายความว่าอะไร? หมายความว่าต่อจากนี้อ๋องฉีอาจจะมีปัญหาเรื่องขา ซึ่งนั่น นั่นก็หมายความว่าอ๋องฉีจะสูญเสียสิทธิ์ในการแย่งชิงราชบัลลังก์ไป! นับแต่อดีตมาถึงตอนนี้ ฮ่องเต้ที่ร่างกายทุพพลภาพมีอยู่สักกี่พระองค์กัน? โดยเฉพาะช่วงที่แผ่นดินและราชวงศ์กำลังรุ่งเรืองเฟื่องฟู ยิ่งไม่มีทางยอมให้มีฮ่องเต้ซึ่งร่างกายทุพพลภาพพระองค์ใดปรากฏขึ้น! บัดนี้อ๋องฉีสั่งให้เดินทางกลับเมืองหลวงทันที ชิงหลงค่อนข้างกังวลใจกับสภาพบาดแผลของเขาจึงเอ่ยว่า: “ทว่าบาดแผลของท่านอ๋อง…” สีหน้าของอ๋องฉีกลับนิ่งสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ สงบมากจนดูน่าประหลาด เขากัดฟันกรอด: “พาคนผู้นี้ไปด้วย กลับไปพบหมอเทวดาเซวีย! เดินทางเดี๋ยวนี้!” หมอเทวดาเซวียเป็นหมอเทวดาเลื่องชื่อไปทั่วหล้า คนสกุล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 284  

ฉู่กั๋วกงหลับตา: “จิงหงเขา เกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ๆ” เส้นที่ขึงตึงอยู่ในสมองของนางพลันขาดผึงทันใด นางคว้าแขนเสื้อของฉู่กั๋วกงไว้ด้วยอารมณ์เดือดพล่าน: “เพราะอะไร? เพราะชีหยวนใช่หรือไม่?!” ไม่มีทางเป็นเพราะสาเหตุอื่นอย่างแน่นอน บุตรชายตามชีหยวนออกไป นางกัดฟันกรอด เสียงที่เปล่งออกมาราวกับเค้นออกมาจากลำคอ: “อยู่ดี ๆ ลูกของข้าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นได้อย่างไร?!” เห็นดวงตาของนางแดงก่ำ ฉู่กั๋วกงก็ถอนหายใจก่อนจะนั่งลง เล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้ให้นางฟัง แววตาของฮูหยินหลิ่วเต็มไปด้วยความอาฆาต สีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต ภายในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่สูงล้นฟ้า “ฆ่านางซะ!” หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ฮูหยินหลิ่วก็เหลือบสายตาแดงก่ำของตนเองจ้องมองฉู่กั๋วกงตาเขม็ง: “ข้าต้องการฆ่านาง ต้องการให้นางตายอย่างทรมาน! ต้องการให้ศพของนางถูกสับเป็นหมื่นชิ้น!” หากไม่แล้ว มันไม่พอจะดับไฟแค้นในใจของนางได้เด็ดขาด! นางชาติชั่วอัปรีย์คนนี้! แค่เศษสวะต่ำต้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายจิงหงของนาง! เหตุไฉนสวรรค์ถึงได้อยุติธรรมเพียงนี้?! ปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์แบบนี้ก่อกรรมทำชั่วสำเร็จได้อย่างไร! เพร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 285  

ขอบฟ้าเริ่มสว่างรำไร ดวงตะวันสีทองเคลื่อนขึ้นจากปลายฟ้า มอบความอบอุ่นให้ยามเช้าที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำค้าง ทว่าเวลานี้พวกเหล่าจ้าวกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย พวกเขาทุกคนตั้งท่าระวังภัยอย่างเคร่งเครียด ยกอาวุธในมือขึ้นอย่างพร้อมเพรียง กระทั่งเห็นศีรษะโผล่ออกมาจากซอกเขา เหล่าจ้าวก็ผงะไป เซียวอวิ๋นถิงกลับพุ่งลงจากเนินเขาทันที และโยนซองธนูในมือทิ้งไปให้เหล่าจ้าว ก็สาวเท้าวิ่งตรงไปหาชีหยวนทันที เสี้ยวพริบตานั้น เซียวอวิ๋นถิงอธิบายความรู้สึกภายในใจของตนเองไม่ถูก ทว่าความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเขานั้นปิดไม่มิด “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เขามองชีหยวน แทบจำไม่ได้ว่าคนมอมแมมตรงหน้าตอนนี้ก็คือชีหยวน ชีหยวนสะบัดศีรษะ ไล่น้ำค้างที่เกาะอยู่ออกไป พอได้ยินเช่นนั้นก็ยิงฟันใส่เซียวอวิ๋นถิงไปหนึ่งที: “กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง แต่ก็อยากแวะมาดูสถานการณ์ที่นี่สักหน่อย” ดูอะไร? เซียวอวิ๋นถิงแทบจะเข้าใจในทันที: “อยากดูว่าคนสกุลหลิ่วค้นพบแล้วหรือยังอย่างนั้นหรือ?” ชีหยวนผงกศีรษะ พลางปัดมือเพื่อเอาเศษดินโคลนที่ติดอยู่บนมือออกไป ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ: “หลุมข้างล่างถูกคนรื้อไปแล้ว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 286  

คนอย่างชีหยวนรู้จักกลัวอะไรบ้าง? เขานวดใบหน้าของตนเองที่เริ่มแข็งทื่อไป พลางส่งเสียงเฮอะออกมาแล้วถึงจะเอ่ยขึ้นว่า: “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า บัดนี้อ๋องฉีได้รับบาดเจ็บและกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี เขากลับเมืองหลวงไปได้อย่างปลอดภัย ย่อมปกปิดเรื่องที่เขาแอบหนีออกจากเมืองหลวงได้เป็นธรรมดา ทว่าความแค้นของพวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่มีต่อเจ้ามีแต่จะยิ่งเพิ่มขึ้น” ชีหยวนเปล่งเสียงอืมออกมาอย่างไม่ใส่ใจ: “ใช่ ฉะนั้นข้าจึงต้องรีบกลับเมืองหลวง หากว่าข้าไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาจะจัดการข้าได้ง่ายขึ้น” เดิมทีนางก็ควรเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในจวนโหว ..... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด พออยู่กับชีหยวนแล้ว บทสนทนามักจะจบลงเร็วเสมอ คงจะเป็นเพราะนางพูดน้อยเกินไปกระมัง มีอะไรก็จะพูดแค่นั้นตลอดมา ไม่เคยใช้คำพูดเยิ่นเย้อฟุ่มเฟือย เซียวอวิ๋นถิงมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก: “หลังจากนี้มีแผนการอะไรหรือ? บัดนี้เจ้ามีศัตรูอยู่รอบด้าน” “คอยดูสถานการณ์ เดินทีละก้าว” ชีหยวนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ใครกล้าโผล่ออกมาก่อนก็จัดการคนนั้นก่อน” ถึงอย่างไรหากคนอื่นไม่ตายก็ต้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 287  

แม้จะเจ็บปวดใจกับเรื่องของบุตรชาย และเรื่องที่องครักษ์ลับถูกกำจัดก็ชวนให้หงุดหงิดใจมากเช่นกัน ทว่าสำหรับสกุลหลิ่วแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญและเร่งด่วนไปมากกว่าอ๋องฉี อย่างน้อยที่สุดอ๋องฉีก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว! ฉู่กั๋วกงสูดหายใจลึก ก่อนจะเปล่งเสียงรับคำเบา ๆวางฝ่ามือบนห่อผ้า พร้อมหลับตาลงด้วยสีหน้าโศกเศร้าเพียงชั่วขณะ จากนั้นถึงจะส่งห่อผ้าให้คนสนิท: “นำสิ่งนี้ไปให้ฮูหยิน บอกให้ฮูหยินคอยข้ากลับมาก่อนค่อยหารือกัน” จะยอมให้บุตรชายของเขาจะตายอย่างคลุมเครือ และถูกฝังร่างไปอย่างน่าสมเพชเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด คนสนิทรับคำด้วยความยำเกรง ฉู่กั๋วกงก็มิได้อ้อยอิ่งรีบรุดไปที่จวนอ๋องฉีทันที ครั้นเขามาในจวนอ๋องฉีแล้ว หัวใจของเขาพลันกระตุกวูบ เพราะแม้แต่ขันทีสวีที่หนักแน่นสุขุมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรยังควบคุมร่างกายไว้ไม่อยู่ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่หน้าประตูแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปถามไถ่ทันที: “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?! ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?” ขณะเดียวกันเขาพลันรู้สึกจุกแน่นในอกจนแทบหายใจไม่ออก คงมิได้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีกแล้ว? สีหน้าของขันทีสวีบัดนี้ยากเกินจะอธิบาย เขาลืมแม้ก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 288  

เขารู้ดีว่าความหงุดหงิดของอ๋องฉีในยามนี้ย่อมมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของตนเอง หากว่าเกิดปัญหาจริงและรักษาไม่หายแล้ว… เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะมีโทษทัณฑ์แบบใดตกใส่ตัวพวกเขาบ้าง ฉู่กั๋วกงยื่นมือไปกดอ๋องฉีไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ท่านอ๋องอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าส่งคนไปเชิญหมอเทวดาเซวียมาแล้ว เขาจะต้องมีหนทางแน่” ได้ยินฉู่กั๋วกงเอ่ยเช่นนี้ ความกังวลภายในใจของอ๋องฉีถึงจะคลายลงไปบ้าง เขาเงยศีรษะขึ้นมองฉู่กั๋วกง: “ท่านตา ข้าไม่เจอตัวพระชายาหลิ่ว” ยิ่งเจ็บปวด ความโกรธแค้นในใจของอ๋องฉีก็ยิ่งทวีคูณ ขณะเดียวกันก็คิดถึงเป้าหมายสำคัญขึ้นมาได้ เขาไล่ตามชีหยวนออกไป เดิมก็เพื่อไปหาพระชายาหลิ่ว ผลสุดท้ายชีหยวนเพียงแค่ล่อเขาออกไปและหายตัวไปชั่วขณะหนึ่ง ชั่วขณะนั้น ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วชีหยวนไปที่ใด และได้ไปพบพระชายาหลิ่วแล้วหรือไม่? ตามแผนการเดิมของเขา ตั้งใจจะใช้สกุลเซี่ยเป็นตัวประกันข่มขู่ให้ชีหยวนส่งตัวพระชายาหลิ่วมาก น่าเสียดายนางผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก ถึงขั้นสังหารพวกโจวเสี่ยวเผิงอย่างไร้ความปรานี มิหนำซ้ำยังโยนความผิดให้พวกโจรป่า ด้วยเหตุนี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 289  

เขาขมวดคิ้วแน่นยืนรออยู่ที่ระเบียงทางเดินด้านนอกตามความต้องการของหมอเทวดาเซวีย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแล่นเข้าสมองอย่างรวดเร็วราวกับภาพยามควบอาชาชมบุปผา สรุปแล้ว เรื่องราวทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับชีหยวนทั้งสิ้น หัวใจด้านซ้ายของเขาพลันเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งครั้ง เสี้ยวพริบตาเดียวเลือดลมในตัวพลันเดือดพล่าน นานครู่ใหญ่ถึงจะสามารถข่มอารมณ์นั้นไว้ได้ ขณะเดียวกันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง หลังจากหมอเทวดาเซวียสาละวนกับหน้าที่ตนเองอยู่ด้านในพักใหญ่ ก็เรียกให้ฉู่กั๋วกงเข้าไปด้านใน บัดนี้ภายในห้องถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งผ้าพันแผลชุ่มเลือดและอ่างน้ำล้วนถูกยกออกไปหมดแล้ว บนโต๊ะมีกำยานกลิ่นดอกไป๋เหอถูกจุดไว้ ทำให้ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ทว่าฉู่กั๋วกงมิอาจดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ เขากระชากข้อมือหมอเทวดาเซวียขึ้นมาพลางถามด้วยความเคร่งเครียด: “ตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?” อ๋องฉีเป็นพระโอรสที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หย่งชางมากที่สุด ตอนเยาว์วัยยังเคยถูกฮ่องเต้หย่งชางอุ้มขึ้นมานั่งตักและพาเข้าสภาขุนนางด้วย และด้วยเหตุผลนี้ ฐานะของเขาในสายตา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 290  

หัวไหล่ของอ๋องฉีถูกเขย่าแบบนั้น โลหิตพลันไหลทะลักออกมาอีกครั้ง ฉู่กั๋วกงรีบปล่อยมือออก ประคองอ๋องฉีไปนั่งบนตั่ง เห็นสภาพอ๋องฉีแล้ว ภายในใจของฉู่กั๋วกงเองก็เจ็บปวดแทบขาดใจ เขาลูบไหล่อ๋องฉีเบา ๆ : “ท่านอ๋องไม่ต้องรีบร้อน กระหม่อมจะช่วยสะสางหนี้แค้นนี้ให้ท่านเดี๋ยวนี้” อ๋องฉีเงยหน้ามองเขา ในที่สุดก็พอจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง: “จะล้างแค้นอย่างไร?” ฉู่กั๋วกงกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น: “ประเดี๋ยวท่านก็จะได้ทราบเอง” บัดนี้แน่นอนว่าชีหยวนย่อมไม่ทราบเรื่องราวระหว่างอ๋องฉีและฉู่กั๋วกง แม้นางจะไม่รู้ แต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นมาแต่ต้องพวกตนอย่างเด็ดขาด บัดนี้พวกเขาเสียท่าไปตั้งขนาดนี้ ต้องกำลังรวมหัวกันคิดหาหนทางสังหารนางอยู่แน่ เซียวอวิ๋นถิงมาส่งนางถึงหน้าประตูจวนโหว เห็นนางดูไม่รู้จักตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาหน่อย ๆ : “เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าสักคำจริงหรือ?” ล่วงเกินคนไว้ตั้งมากมายเพียงนั้น ออกไปครั้งเดียว ก็ลวงหลิ่วจิงหงไปสังหาร ทำให้อ๋องฉีบาดเจ็บสาหัส มิหนำซ้ำยังกวาดล้าง
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
262728293031
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status