เขารู้ดีว่าความหงุดหงิดของอ๋องฉีในยามนี้ย่อมมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของตนเอง หากว่าเกิดปัญหาจริงและรักษาไม่หายแล้ว… เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะมีโทษทัณฑ์แบบใดตกใส่ตัวพวกเขาบ้าง ฉู่กั๋วกงยื่นมือไปกดอ๋องฉีไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ท่านอ๋องอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าส่งคนไปเชิญหมอเทวดาเซวียมาแล้ว เขาจะต้องมีหนทางแน่” ได้ยินฉู่กั๋วกงเอ่ยเช่นนี้ ความกังวลภายในใจของอ๋องฉีถึงจะคลายลงไปบ้าง เขาเงยศีรษะขึ้นมองฉู่กั๋วกง: “ท่านตา ข้าไม่เจอตัวพระชายาหลิ่ว” ยิ่งเจ็บปวด ความโกรธแค้นในใจของอ๋องฉีก็ยิ่งทวีคูณ ขณะเดียวกันก็คิดถึงเป้าหมายสำคัญขึ้นมาได้ เขาไล่ตามชีหยวนออกไป เดิมก็เพื่อไปหาพระชายาหลิ่ว ผลสุดท้ายชีหยวนเพียงแค่ล่อเขาออกไปและหายตัวไปชั่วขณะหนึ่ง ชั่วขณะนั้น ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วชีหยวนไปที่ใด และได้ไปพบพระชายาหลิ่วแล้วหรือไม่? ตามแผนการเดิมของเขา ตั้งใจจะใช้สกุลเซี่ยเป็นตัวประกันข่มขู่ให้ชีหยวนส่งตัวพระชายาหลิ่วมาก น่าเสียดายนางผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก ถึงขั้นสังหารพวกโจวเสี่ยวเผิงอย่างไร้ความปรานี มิหนำซ้ำยังโยนความผิดให้พวกโจรป่า ด้วยเหตุนี
เขาขมวดคิ้วแน่นยืนรออยู่ที่ระเบียงทางเดินด้านนอกตามความต้องการของหมอเทวดาเซวีย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแล่นเข้าสมองอย่างรวดเร็วราวกับภาพยามควบอาชาชมบุปผา สรุปแล้ว เรื่องราวทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับชีหยวนทั้งสิ้น หัวใจด้านซ้ายของเขาพลันเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งครั้ง เสี้ยวพริบตาเดียวเลือดลมในตัวพลันเดือดพล่าน นานครู่ใหญ่ถึงจะสามารถข่มอารมณ์นั้นไว้ได้ ขณะเดียวกันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง หลังจากหมอเทวดาเซวียสาละวนกับหน้าที่ตนเองอยู่ด้านในพักใหญ่ ก็เรียกให้ฉู่กั๋วกงเข้าไปด้านใน บัดนี้ภายในห้องถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งผ้าพันแผลชุ่มเลือดและอ่างน้ำล้วนถูกยกออกไปหมดแล้ว บนโต๊ะมีกำยานกลิ่นดอกไป๋เหอถูกจุดไว้ ทำให้ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ทว่าฉู่กั๋วกงมิอาจดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ เขากระชากข้อมือหมอเทวดาเซวียขึ้นมาพลางถามด้วยความเคร่งเครียด: “ตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?” อ๋องฉีเป็นพระโอรสที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หย่งชางมากที่สุด ตอนเยาว์วัยยังเคยถูกฮ่องเต้หย่งชางอุ้มขึ้นมานั่งตักและพาเข้าสภาขุนนางด้วย และด้วยเหตุผลนี้ ฐานะของเขาในสายตา
หัวไหล่ของอ๋องฉีถูกเขย่าแบบนั้น โลหิตพลันไหลทะลักออกมาอีกครั้ง ฉู่กั๋วกงรีบปล่อยมือออก ประคองอ๋องฉีไปนั่งบนตั่ง เห็นสภาพอ๋องฉีแล้ว ภายในใจของฉู่กั๋วกงเองก็เจ็บปวดแทบขาดใจ เขาลูบไหล่อ๋องฉีเบา ๆ : “ท่านอ๋องไม่ต้องรีบร้อน กระหม่อมจะช่วยสะสางหนี้แค้นนี้ให้ท่านเดี๋ยวนี้” อ๋องฉีเงยหน้ามองเขา ในที่สุดก็พอจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง: “จะล้างแค้นอย่างไร?” ฉู่กั๋วกงกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น: “ประเดี๋ยวท่านก็จะได้ทราบเอง” บัดนี้แน่นอนว่าชีหยวนย่อมไม่ทราบเรื่องราวระหว่างอ๋องฉีและฉู่กั๋วกง แม้นางจะไม่รู้ แต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นมาแต่ต้องพวกตนอย่างเด็ดขาด บัดนี้พวกเขาเสียท่าไปตั้งขนาดนี้ ต้องกำลังรวมหัวกันคิดหาหนทางสังหารนางอยู่แน่ เซียวอวิ๋นถิงมาส่งนางถึงหน้าประตูจวนโหว เห็นนางดูไม่รู้จักตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาหน่อย ๆ : “เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าสักคำจริงหรือ?” ล่วงเกินคนไว้ตั้งมากมายเพียงนั้น ออกไปครั้งเดียว ก็ลวงหลิ่วจิงหงไปสังหาร ทำให้อ๋องฉีบาดเจ็บสาหัส มิหนำซ้ำยังกวาดล้าง
ท่านโหวผู้เฒ่ารออยู่ในเรือนหมิงเยว่ของชีหยวนมาโดยตลอดเมื่อครั้งชีหยวนออกไป ต้นไห่ถางกลางลานยังเปลือยเปล่าปราศจากใบเขียว แต่บัดนี้กลับผลิใบอ่อนออกมาแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อนลอยพริบตาเดียว ชีหยวนคืนมาได้เกือบสามเดือนแล้วในสามเดือนนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินเขาตั้งสติให้มั่น พอเห็นไป๋จื่อออกมา เขาก็สูดหายใจเข้าลึก เอ่ยถามว่า “คุณหนูใหญ่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วหรือ?”ตอนที่ชีหยวนกลับมานั้นแลดูเหมือนคนเถื่อน ผู้ใดจะเชื่อว่านางคือบุตรสาวคนโตแห่งจวนโหว?คนที่ไม่รู้เห็นแล้วคงคิดว่าเพิ่งไปขุดถ่านจากซีเป่ยกลับมาฮูหยินผู้เฒ่าไอขึ้นมาคราหนึ่ง รีบตบแขนท่านโหวผู้เฒ่าเบา ๆ พลางถลึงตาใส่เขาไป๋จื่อแย้มยิ้มเปี่ยมสุขนับแต่ติดตามชีหยวนมา นางก็ได้ใช้ชีวิตอันสุขสบายเกินกว่าที่เคยนึกฝันสาวใช้ที่ออกจากเรือนหมิงเยว่ ยามอยู่ในจวนโหวก็ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกแต่ก่อนบรรดาเจ้านายที่ไม่คิดจะเสียเวลามองพวกนาง บัดนี้กลับมีท่าทีอ่อนโยนลงถนัดตาโชควาสนานั้นเลี้ยงบำรุงผู้คนได้จริง ๆ ยามนี้นางเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต นางยิ้มเบิกบานพลางขานรับว่า “คุณหนูใหญ่เชิญท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่
จะจัดการเช่นใดเล่า?หลิ่วจิงหงเป็นทายาทแห่งจวนฉู่กั๋วกง อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของจวนบัดนี้ เขาสิ้นชีพแล้ว ส่วนอ๋องฉียังบาดเจ็บสาหัส จวนฉู่กั๋วกงย่อมบ้าคลั่งเป็นแน่ท่านโหวผู้เฒ่ากดมือฮูหยินผู้เฒ่าไว้ มองนางคราหนึ่งเป็นเชิงห้ามปรามไม่ให้กล่าวมากความแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นคงว่า “การช่วงชิงอำนาจ ล้วนแย่งชิงกันด้วยชีวิตอยู่แล้ว”แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ชาในถ้วยของท่านโหวผู้เฒ่ากลับหมดแล้ว ทว่าเขายังคงยกขึ้นแตะริมฝีปากจิบราวกับยังมีอยู่ ก่อนจะวางลงด้วยสีหน้าราบเรียบจากนั้นจึงหันไปมองชีหยวน เอ่ยว่า “แต่ว่า สิ่งที่ย่าของเจ้าคิดก็ถูกแล้ว แม่หนูหยวน เจ้าทำให้ฟ้าทะลุเป็นโพรงแล้ว ต่อจากนี้คงมิพ้นภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่”ชีหยวนรับคำเสียงเบา ก่อนจะกล่าวว่า “ทุกสิ่งที่ข้ากระทำล้วนอยู่ในเงามืด หลิ่วจิงหงและอ๋องฉี พวกเขาทั้งสองล้วนเลี้ยงดูหน่วยกล้าตาย นั่นคือโทษทัณฑ์ประหารเก้าชั่วโคตร ชีวิตของข้าไร้ค่า ทว่าพวกเขากลับหวงแหนชีวิตนัก ดังนั้นไม่ต้องกลัวไปหรอกเจ้าค่ะ ในที่แจ้งพวกเขาย่อมมิกล้าทำอันใดข้า”กล่าวคือ การลงทัณฑ์ทางกฎหมายนั้น อย่าคิดเลยว่าจะใช้กับนางได้ผลหาไม่แล้ว ต่อให้
ฉู่กั๋วกงลูบหลังมือของภรรยา แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยว่า “การแต่งงาน”แต่งงานหรือ?ฉู่กั๋วกงฮูหยินชะงักงัน มองสามีอย่างไม่อยากเชื่อสายตาสามีนางโกรธจนเสียสติไปแล้วหรือไร?หญิงสาวคนนั้นเพิ่งสังหารบุตรชายของพวกเขาไป ยังทำให้อ๋องฉีบาดเจ็บสาหัส แล้วบัดนี้ เขาจะไปสู่ขอชีหยวนหรือ?!พอเห็นสีหน้าของฮูหยิน ฉู่กั๋วกงก็รู้ว่านางคิดเลยเถิดไปเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มบางเบา “ฮูหยิน บางครั้งการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป”เขากล่าว จากนั้นก็กระซิบสองสามประโยคข้างหูฉู่กั๋วกงฮูหยินสีหน้าของฮูหยินฉู่กั๋วกงเดี๋ยวแดงก่ำ เดี๋ยวเขียวคล้ำ สุดท้ายในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ดี!”นางเอ่ยพูด ดวงตาก็ยังคงแดงก่ำ “แต่ว่าท่านกั๋วกง บุตรชายของเราเล่า... บุตรชายของเราจะทำเช่นไร?”จะล้างแค้นอย่างไร คนที่ตายไปแล้วก็มิอาจฟื้นคืนชีพต่อให้ชีหยวนตายหมื่นครั้ง ก็ไม่อาจทดแทนบุตรชายของนางได้แม้เพียงปลายเล็บเมื่อกล่าวถึงบุตรชาย ฉู่กั๋วกงเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันหลายคืนที่ผ่านมา ยามเขาหลับตานอนก็หวาดหวั่นใจนัก ได้ยินเสียงร้องโหยหวนและฝันเห็นสภาพน่าเวทนาของของบุตรชายแต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น เขากลับยิ่งต้องรั
ไม่ได้หรอกดังนั้นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่หลังความตายเหล่านั้นจึงเป็นเพียงเครื่องปลอบประโลมคนเป็นเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องอันใดกับนางเล่า?ท่านโหวผู้เฒ่ามองนางอย่างไม่เข้าใจ “หลิ่วจิงหงตายไปอย่างมีเกียรติเพียงนี้ เจ้ามิร้อนใจบ้างหรือ?”“ไยต้องร้อนใจเจ้าคะ?” ชีหยวนพลันแย้มยิ้ม “หากพวกเขาชอบเกียรติยศเช่นนี้นัก ข้าส่งให้พวกเขาได้อีกหลายครั้ง”......ท่านโหวผู้เฒ่าพูดไม่ออกก่อนหน้านี้เมื่อมองดูพิธีอันยิ่งใหญ่ เขายังรู้สึกกังวลกระวนกระวายใจแต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินถ้อยคำของชีหยวน เขากลับรู้สึกว่าความเกรียงไกรเช่นนั้นอย่าได้มีเลย หากมีอีกหลายครั้ง บรรดาเจ้านายของจวนฉู่กั๋วกงคงสิ้นชีพเกือบหมดจวนเป็นแน่เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์ “เรื่องของบิดาเจ้า ไม่รู้ว่าราบรื่นหรือไม่”หากราบรื่นและสามารถพาตัวพระชายาหลิ่วกลับมาได้ เช่นนั้นย่อมเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อตระกูลหลิ่วถึงเวลานั้น ตระกูลหลิ่วคงไม่มีเวลามาจับจ้องตระกูลชีและชีหยวนอีกต่อไปชีหยวนยังไม่ทันกล่าวต่อ หลิวจงก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนเสียก่อน “ท่านโหวผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาเชิญท่านทั้งสอง บอกว่า... บอกว่าได้รับเทียบเช
ลิ่วจินเกาหัวแล้วเดินจากไปเหลียนเฉียวที่คอยรับใช้ข้างกาย มองชีหยวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ นี่ท่าน...”พูดจาแข็งกระด้างเกินไปแล้วกระมัง?แท้จริงแล้วพระราชนัดดาองค์โตเป็นผู้มีอุปนิสัยดีนัก อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ทุกทางแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่คุณหนูใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับพระราชนัดดาองค์โต นางกลับคอยต่อต้านและป้องกันราวกับแผ่หนามทั่วร่างอยู่เสมอชีหยวนไม่ได้ตอบคำใดนางย่อมรู้ดีว่าเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้มาด้วยตนเอง เป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองแต่แล้วอย่างไรเล่า?การสูญเสียเป็นเรื่องปกติของชีวิตไม่คาดหวังเสียแต่แรก ก็ไม่มีทางผิดหวังยิ่งไปกว่านั้น หากคนผู้หนึ่งรู้ว่าตนมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด เช่นนั้นก็สามารถแบกรับความทุกข์ทุกรูปแบบได้นางทำได้ ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นางก็ไม่ต้องการความสงสารใด ๆ จากใครทั้งสิ้น เดินไปให้ไกลที่สุดด้วยกำลังของตนเองอย่างองอาจคนที่ไม่กลัวการสูญเสีย ย่อมไม่มีสิ่งใดต้องหวาดหวั่นเมื่อลิ่วจินกลับถึงตำหนักตะวันออก เซียวอวิ๋นถิงเสด็จกลับจากการเยี่ยมเยียนองค์รัชทายาทที่ประชวร เพิ่งกลับถึงตำหนักบรรทมทุกครั้งที่ไปเยือนตำหนักองค์รัชทายา
ชีจิ่นตะลึงงันไปโดยพลัน ครานี้จึงเพิ่งตระหนักว่าขาของอ๋องฉีดูเหมือนจะบาดเจ็บ เขาถึงกับไม่อาจลุกขึ้นได้ในฉับพลัน!เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!ในความทรงจำของนาง อ๋องฉีเองก็เชี่ยวชาญวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ มีองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังไม่น้อย ไฉนถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้?ทว่าเมื่อเห็นอ๋องฉีในสภาพนี้ นางก็ไม่กล้าซักถามสักคำ รีบรับคำก่อนวิ่งออกจากห้องไปทันทีอ๋องฉีตะโกนจากด้านในว่า “จินเป่า ยังไม่รีบเข้ามาอีก?!”จินเป่าก้าวเข้าห้องไปด้วยท่าทีหวาดหวั่น ไม่นานนักภายในห้องก็มีเสียงข้าวของแตกกระจายขันทีสวีก็เดินเข้าไป แล้วกลับออกมา พลางขมวดคิ้วแน่น ครั้นเห็นชีจิ่นก็ได้แต่ข่มความหวาดหวั่นในใจ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เจ้าตามข้ามา”ชีจิ่นนึกถึงท่าทางของอ๋องฉีเมื่อครู่ ในใจพลันปั่นป่วนไม่อาจสงบลงได้ผู้ใดกันที่ทำให้อ๋องฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้?นางเติบโตอยู่ในเมืองหลวงมาแต่เยาว์วัย ชีวิตสิบกว่าปีแรกล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อีกทั้งเคยเข้าวังหลวงเพื่อเป็นสหายร่วมศึกษาขององค์หญิงมาก่อน ย่อมรู้จักอ๋องฉีอยู่บ้างสาวน้อยคนใดเล่าไม่ใฝ่ฝันจะได้แต่งกับคนมีฐานะสูงศักดิ์ ได้เ
ปลายนิ้วของเขาที่ลูบไล้ผ่านใบหน้า ทั้งร่างของชีจิ่นคล้ายถูกฟ้าผ่า สั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้นางไม่มีวันลืมท่าทางตอนที่อ๋องฉีจ่อคมกริชเข้าที่ลำคอของนางและรู้ดีว่าคนตรงหน้าผู้นี้สามารถปลิดชีพคนได้ทุกเมื่อเมื่อเกือบผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ก็ยิ่งรู้ถึงคุณค่าของชีวิตนางไม่อยากตายนางยังมีเรื่องมากมายต้องทำ ยังมีความแค้นอีกมากที่ต้องสะสางดังนั้นนางจึงโขกศีรษะกระแทกพื้นเสียงดังต่อหน้าอ๋องฉีเพื่อร้องขอชีวิตมือข้างหนึ่งของอ๋องฉีกลับบีบปลายคางของนางเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาอำมหิต “ข้าให้เจ้าก้มหัวแล้วหรือ? ไร้ประโยชน์สิ้นดี เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของนาง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะพ่ายแพ้ต่อนาง!”เขามองสภาพของชีจิ่นในเวลานี้ ในใจยิ่งคุกรุ่นไปด้วยโทสะต่างก็คลานออกมาจากกองซากศพเหมือนกัน แต่ชีหยวนไม่ว่ายามใดนางก็ยังมีความดุดันแม้ว่าจะยอมค้อมกายหมอบกราบเยี่ยงข้าทาส นั่นก็เป็นเพียงวิธีการของนางเท่านั้น นางยังเต็มไปด้วยไอสังหารพร้อมฆ่าคนอยู่เสมอ บนร่างหาได้มีความเป็นทาสไม่แต่ชีจิ่นต่างออกไป ฝึกมาหลายเดือนแล้ว กลับยังไม่ได้เรื่องเช่นนี้!‘นาง’ ที่เขาหมายถึงเป็น
อ๋องฉีนิ่งเงียบไม่กล่าวคำ ดวงตาฉายอารมณ์ซับซ้อนฉู่กั๋วกงยกมือวางลงบนบ่าของเขา “ท่านอ๋อง ผู้สำเร็จการใหญ่ มิอาจติดอยู่กับความลังเล สตรีผู้นี้อัปมงคลแปลกประหลาดนัก มิควรค่าให้ฝ่าบาทเมตตาปล่อยผ่านไปอีกครั้ง!”เมื่อตัดสินใจไม่เด็ดขาด ย่อมได้รับเคราะห์ในภายหลังอ๋องฉีสูดหายใจเข้าลึก เมื่อนึกถึงตอนที่ชีหยวนปล่อยศรหมายสังหารเขาโดยไร้ซึ่งความปรานี นึกถึงยามนางกระโดดขึ้นหลังม้า คมกริชเกือบปาดผ่านลำคอเขาไป ก็ตัดสินใจแน่วแน่ใช่แล้ว ชีหยวนไม่เคยเมตตาต่อเขา แล้วเขาจะปรานีไปเพื่ออันใด!เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบรับ “ท่านตาคิดจะทำอย่างไรเล่า?”ฉู่กั๋วกงได้ยินก็รู้ว่าเขาตอบตกลงแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหวัง”ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหวัง...อ๋องฉีนึกไม่ออกว่าเป็นใคร จนกระทั่งฉู่กั๋วกงเอ่ยบอก เขาถึงเพิ่งนึกได้ว่านางเป็นยายแท้ ๆ ของชีหยวนเขาหัวเราะขึ้นเบา ๆ “นางเป็นคนไร้หัวใจเช่นนั้น วันเกิดของยายแล้วอย่างไร? นางไม่มีทางไป”ชีหยวนไม่เป็นที่ชื่นชอบของมารดาแท้ ๆ อีกทั้งตัวนางเองก็เป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ ไม่เห
ลิ่วจินเกาหัวแล้วเดินจากไปเหลียนเฉียวที่คอยรับใช้ข้างกาย มองชีหยวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ นี่ท่าน...”พูดจาแข็งกระด้างเกินไปแล้วกระมัง?แท้จริงแล้วพระราชนัดดาองค์โตเป็นผู้มีอุปนิสัยดีนัก อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ทุกทางแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่คุณหนูใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับพระราชนัดดาองค์โต นางกลับคอยต่อต้านและป้องกันราวกับแผ่หนามทั่วร่างอยู่เสมอชีหยวนไม่ได้ตอบคำใดนางย่อมรู้ดีว่าเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้มาด้วยตนเอง เป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองแต่แล้วอย่างไรเล่า?การสูญเสียเป็นเรื่องปกติของชีวิตไม่คาดหวังเสียแต่แรก ก็ไม่มีทางผิดหวังยิ่งไปกว่านั้น หากคนผู้หนึ่งรู้ว่าตนมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด เช่นนั้นก็สามารถแบกรับความทุกข์ทุกรูปแบบได้นางทำได้ ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นางก็ไม่ต้องการความสงสารใด ๆ จากใครทั้งสิ้น เดินไปให้ไกลที่สุดด้วยกำลังของตนเองอย่างองอาจคนที่ไม่กลัวการสูญเสีย ย่อมไม่มีสิ่งใดต้องหวาดหวั่นเมื่อลิ่วจินกลับถึงตำหนักตะวันออก เซียวอวิ๋นถิงเสด็จกลับจากการเยี่ยมเยียนองค์รัชทายาทที่ประชวร เพิ่งกลับถึงตำหนักบรรทมทุกครั้งที่ไปเยือนตำหนักองค์รัชทายา
ไม่ได้หรอกดังนั้นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่หลังความตายเหล่านั้นจึงเป็นเพียงเครื่องปลอบประโลมคนเป็นเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องอันใดกับนางเล่า?ท่านโหวผู้เฒ่ามองนางอย่างไม่เข้าใจ “หลิ่วจิงหงตายไปอย่างมีเกียรติเพียงนี้ เจ้ามิร้อนใจบ้างหรือ?”“ไยต้องร้อนใจเจ้าคะ?” ชีหยวนพลันแย้มยิ้ม “หากพวกเขาชอบเกียรติยศเช่นนี้นัก ข้าส่งให้พวกเขาได้อีกหลายครั้ง”......ท่านโหวผู้เฒ่าพูดไม่ออกก่อนหน้านี้เมื่อมองดูพิธีอันยิ่งใหญ่ เขายังรู้สึกกังวลกระวนกระวายใจแต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินถ้อยคำของชีหยวน เขากลับรู้สึกว่าความเกรียงไกรเช่นนั้นอย่าได้มีเลย หากมีอีกหลายครั้ง บรรดาเจ้านายของจวนฉู่กั๋วกงคงสิ้นชีพเกือบหมดจวนเป็นแน่เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์ “เรื่องของบิดาเจ้า ไม่รู้ว่าราบรื่นหรือไม่”หากราบรื่นและสามารถพาตัวพระชายาหลิ่วกลับมาได้ เช่นนั้นย่อมเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อตระกูลหลิ่วถึงเวลานั้น ตระกูลหลิ่วคงไม่มีเวลามาจับจ้องตระกูลชีและชีหยวนอีกต่อไปชีหยวนยังไม่ทันกล่าวต่อ หลิวจงก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนเสียก่อน “ท่านโหวผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาเชิญท่านทั้งสอง บอกว่า... บอกว่าได้รับเทียบเช
ฉู่กั๋วกงลูบหลังมือของภรรยา แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยว่า “การแต่งงาน”แต่งงานหรือ?ฉู่กั๋วกงฮูหยินชะงักงัน มองสามีอย่างไม่อยากเชื่อสายตาสามีนางโกรธจนเสียสติไปแล้วหรือไร?หญิงสาวคนนั้นเพิ่งสังหารบุตรชายของพวกเขาไป ยังทำให้อ๋องฉีบาดเจ็บสาหัส แล้วบัดนี้ เขาจะไปสู่ขอชีหยวนหรือ?!พอเห็นสีหน้าของฮูหยิน ฉู่กั๋วกงก็รู้ว่านางคิดเลยเถิดไปเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มบางเบา “ฮูหยิน บางครั้งการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป”เขากล่าว จากนั้นก็กระซิบสองสามประโยคข้างหูฉู่กั๋วกงฮูหยินสีหน้าของฮูหยินฉู่กั๋วกงเดี๋ยวแดงก่ำ เดี๋ยวเขียวคล้ำ สุดท้ายในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ดี!”นางเอ่ยพูด ดวงตาก็ยังคงแดงก่ำ “แต่ว่าท่านกั๋วกง บุตรชายของเราเล่า... บุตรชายของเราจะทำเช่นไร?”จะล้างแค้นอย่างไร คนที่ตายไปแล้วก็มิอาจฟื้นคืนชีพต่อให้ชีหยวนตายหมื่นครั้ง ก็ไม่อาจทดแทนบุตรชายของนางได้แม้เพียงปลายเล็บเมื่อกล่าวถึงบุตรชาย ฉู่กั๋วกงเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันหลายคืนที่ผ่านมา ยามเขาหลับตานอนก็หวาดหวั่นใจนัก ได้ยินเสียงร้องโหยหวนและฝันเห็นสภาพน่าเวทนาของของบุตรชายแต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น เขากลับยิ่งต้องรั
จะจัดการเช่นใดเล่า?หลิ่วจิงหงเป็นทายาทแห่งจวนฉู่กั๋วกง อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของจวนบัดนี้ เขาสิ้นชีพแล้ว ส่วนอ๋องฉียังบาดเจ็บสาหัส จวนฉู่กั๋วกงย่อมบ้าคลั่งเป็นแน่ท่านโหวผู้เฒ่ากดมือฮูหยินผู้เฒ่าไว้ มองนางคราหนึ่งเป็นเชิงห้ามปรามไม่ให้กล่าวมากความแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นคงว่า “การช่วงชิงอำนาจ ล้วนแย่งชิงกันด้วยชีวิตอยู่แล้ว”แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ชาในถ้วยของท่านโหวผู้เฒ่ากลับหมดแล้ว ทว่าเขายังคงยกขึ้นแตะริมฝีปากจิบราวกับยังมีอยู่ ก่อนจะวางลงด้วยสีหน้าราบเรียบจากนั้นจึงหันไปมองชีหยวน เอ่ยว่า “แต่ว่า สิ่งที่ย่าของเจ้าคิดก็ถูกแล้ว แม่หนูหยวน เจ้าทำให้ฟ้าทะลุเป็นโพรงแล้ว ต่อจากนี้คงมิพ้นภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่”ชีหยวนรับคำเสียงเบา ก่อนจะกล่าวว่า “ทุกสิ่งที่ข้ากระทำล้วนอยู่ในเงามืด หลิ่วจิงหงและอ๋องฉี พวกเขาทั้งสองล้วนเลี้ยงดูหน่วยกล้าตาย นั่นคือโทษทัณฑ์ประหารเก้าชั่วโคตร ชีวิตของข้าไร้ค่า ทว่าพวกเขากลับหวงแหนชีวิตนัก ดังนั้นไม่ต้องกลัวไปหรอกเจ้าค่ะ ในที่แจ้งพวกเขาย่อมมิกล้าทำอันใดข้า”กล่าวคือ การลงทัณฑ์ทางกฎหมายนั้น อย่าคิดเลยว่าจะใช้กับนางได้ผลหาไม่แล้ว ต่อให้
ท่านโหวผู้เฒ่ารออยู่ในเรือนหมิงเยว่ของชีหยวนมาโดยตลอดเมื่อครั้งชีหยวนออกไป ต้นไห่ถางกลางลานยังเปลือยเปล่าปราศจากใบเขียว แต่บัดนี้กลับผลิใบอ่อนออกมาแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อนลอยพริบตาเดียว ชีหยวนคืนมาได้เกือบสามเดือนแล้วในสามเดือนนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินเขาตั้งสติให้มั่น พอเห็นไป๋จื่อออกมา เขาก็สูดหายใจเข้าลึก เอ่ยถามว่า “คุณหนูใหญ่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วหรือ?”ตอนที่ชีหยวนกลับมานั้นแลดูเหมือนคนเถื่อน ผู้ใดจะเชื่อว่านางคือบุตรสาวคนโตแห่งจวนโหว?คนที่ไม่รู้เห็นแล้วคงคิดว่าเพิ่งไปขุดถ่านจากซีเป่ยกลับมาฮูหยินผู้เฒ่าไอขึ้นมาคราหนึ่ง รีบตบแขนท่านโหวผู้เฒ่าเบา ๆ พลางถลึงตาใส่เขาไป๋จื่อแย้มยิ้มเปี่ยมสุขนับแต่ติดตามชีหยวนมา นางก็ได้ใช้ชีวิตอันสุขสบายเกินกว่าที่เคยนึกฝันสาวใช้ที่ออกจากเรือนหมิงเยว่ ยามอยู่ในจวนโหวก็ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกแต่ก่อนบรรดาเจ้านายที่ไม่คิดจะเสียเวลามองพวกนาง บัดนี้กลับมีท่าทีอ่อนโยนลงถนัดตาโชควาสนานั้นเลี้ยงบำรุงผู้คนได้จริง ๆ ยามนี้นางเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต นางยิ้มเบิกบานพลางขานรับว่า “คุณหนูใหญ่เชิญท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่
หัวไหล่ของอ๋องฉีถูกเขย่าแบบนั้น โลหิตพลันไหลทะลักออกมาอีกครั้ง ฉู่กั๋วกงรีบปล่อยมือออก ประคองอ๋องฉีไปนั่งบนตั่ง เห็นสภาพอ๋องฉีแล้ว ภายในใจของฉู่กั๋วกงเองก็เจ็บปวดแทบขาดใจ เขาลูบไหล่อ๋องฉีเบา ๆ : “ท่านอ๋องไม่ต้องรีบร้อน กระหม่อมจะช่วยสะสางหนี้แค้นนี้ให้ท่านเดี๋ยวนี้” อ๋องฉีเงยหน้ามองเขา ในที่สุดก็พอจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง: “จะล้างแค้นอย่างไร?” ฉู่กั๋วกงกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น: “ประเดี๋ยวท่านก็จะได้ทราบเอง” บัดนี้แน่นอนว่าชีหยวนย่อมไม่ทราบเรื่องราวระหว่างอ๋องฉีและฉู่กั๋วกง แม้นางจะไม่รู้ แต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นมาแต่ต้องพวกตนอย่างเด็ดขาด บัดนี้พวกเขาเสียท่าไปตั้งขนาดนี้ ต้องกำลังรวมหัวกันคิดหาหนทางสังหารนางอยู่แน่ เซียวอวิ๋นถิงมาส่งนางถึงหน้าประตูจวนโหว เห็นนางดูไม่รู้จักตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาหน่อย ๆ : “เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าสักคำจริงหรือ?” ล่วงเกินคนไว้ตั้งมากมายเพียงนั้น ออกไปครั้งเดียว ก็ลวงหลิ่วจิงหงไปสังหาร ทำให้อ๋องฉีบาดเจ็บสาหัส มิหนำซ้ำยังกวาดล้าง