ฉันยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของเธออีกครั้ง “เฮ้อ ดีว่าฉันยังมีมือถืออยู่กับตัว ไม่ได้ลืมเอามาด้วย”“ขอบคุณพระเจ้า”“แต่เอาจริง ๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าลืมอะไรไหม จนกว่าจะได้แกะกระเป๋าออกมาดูนั่นแหละ”“โอ๊ยจะบ้า” ฉันยกมือขึ้นกุมขมับ “หวังว่าคงไม่ลำบากเกินไปนะ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนแล้ว?”เธอฮึมฮัมในคอครู่หนึ่ง “บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ แต่เรายังอยู่บนรถบัสกันอยู่เลยอ่ะ”“เดินทางปลอดภัยนะ ที่รัก”“ขอบใจจ้ะ”“แล้วเอมี่ล่ะ โอ๊ย! คิดถึงหนูน้อยจังเลย หลังจากเธอไปแล้ว เป็นไงบ้างล่ะ?”“พอรับมือไหวนะ จะว่าไปเธอรับมือได้ดีกว่าที่ฉันคิดอีก นึกว่าจะต้องโน้มน้าวกันเยอะกว่านี้ซะอีก แต่เธอกลับไม่มีปากมีเสียงอะไรกลับมาเลยนะ แค่…” เสียงเธอแผ่วลง “เธอยังทำใจไม่ได้ที่ต้องอยู่โรงพยาบาล เอาแต่บอกว่าอยากกลับบ้าน”ฉันถอนหายใจ “น่าสงสารมากเลย แต่ฉันเข้าใจความรู้สึกเลยนะ โรงพยาบาลไม่ใช่สวนสนุกหรือร้านไอศกรีมไง ต้องอยู่ที่นั่นนาน ๆ มันแย่มาก ไหนจะกลิ่นอีกอะไรนั่น?” นั่นส่ายหัวพลางกล่าว “เหมือนฉีดยาฆ่าเชื้อหรือยาอะไรเต็มไปหมด คนที่จะอยู่โรงพยาบาลได้นาน ๆ ต้องเข้มแข็งมาก ๆ และเอมี่ก็เป็นเด็กที่เข้มแข็งมากคน
Read more