All Chapters of ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ: Chapter 271 - Chapter 280

500 Chapters

บทที่ 271

เมื่อชาติก่อนอวิ๋นฝูหลิงไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่รู้ว่าต้องถึงอายุสักกี่ปีเด็กถึงจะแยกห้องไปนอนคนเดียวได้ แต่ตอนนี้อวิ๋นจิงมั่วยังอายุไม่ถึงขวบก็จะให้เขาไปอยู่เรือนเดี่ยวต่างหากแล้ว นางรู้สึกว่าแบบนี้ออกจะเร็วไปสักหน่อยเซียวจิ่งอี้อธิบาย “สี่ขวบก็มิใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาพอเหล่าองค์ชายอายุได้สามขวบก็ย้ายออกจากตำหนักของมารดา ออกไปเลือกตำหนักอยู่เองต่างหาก มีแม่นม หมัวหมัว กับข้าราชบริพารคอยดูแล หากมารดาผู้ให้กำเนิดมียศต่ำหรือฐานะไม่ดี พอเกิดมาก็จะถูกอุ้มไปให้พระสนมคนอื่น ๆ ที่มียศสูงเลี้ยงดูอยู่ใต้บารมี ต่อให้ไม่ถูกนำตัวไป ในเวลาหนึ่งปีก็ไม่ง่ายดายนักกว่าจะได้พบหน้ามารดาผู้ให้กำเนิดสักสองสามครั้ง”“พอหกขวบ ก็ต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาหลวง”“การศึกษาของเหล่าราชนิกุลเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว ที่ข้าพาจิงมั่วกลับมาก็เพื่ออยากคิดเผื่อเขา มีบางเรื่องที่ต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”อวิ๋นฝูหลิงได้ฟังเช่นนี้ เลยคิดไปว่าที่เซียวจิ่งอี้พูดมาทั้งหมดนี้บางทีอาจจะเป็นประสบการณ์ตอนเด็ก ๆ ของเขาเองก็เป็นได้ นางจึงอดเจ็บปวดใจไม่ได้“ตอนเด็ก ๆ ท่านก็ทำเช่นนี้หรือ?” อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถามเซียวจิ่งอ
Read more

บทที่ 272

เซียวจิ่งอี้ประทับจุมพิตอวิ๋นฝูหลิงเล็กน้อย แล้วก้มหน้าพูดอยู่ข้างหูของนาง “ข้ามีความคิดไม่ดีอันใดหรือ? แค่อยากมีลูกกับเจ้าอีกสักคนเท่านั้น”“ฝูหลิง พวกเรามีลูกสาวอีกสักคนดีหรือไม่?”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะมีความตั้งใจแรงกล้า ทว่ายามนี้ถูกเขายั่วเย้าจนหน้าแดงก่ำไปหมด“ท่านอย่าประเจิดประเจ้อ จิงมั่วยังอยู่ตรงนี้นะ!”เป็นครั้งแรกที่เซียงจิ่งอี้รู้สึกว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้เกะกะสายตาดูท่าต้องรีบให้เขาย้ายออกไปอยู่เรือนคนเดียวให้ไวขึ้นถึงจะดีแต่ท่าทางที่ทั้งเขินอายทั้งตื่นตระหนกเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน มันทำให้เขายิ่งรักใคร่จนแทบไม่ไหวอวิ๋นฝูหลิงกลัวว่าเซียวจิ่งอี้จะทำอะไรตามอำเภอใจขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบลุกขึ้นพลางผลักเขาออก“นี่ก็ดึกแล้ว ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”เซียวจิ่งอี้กอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ขยับเข้าใกล้นางพลางกล่าวว่า “ที่นี่คือเรือนหลัก พระชายาไล่ให้สามีออกไปข้างนอก สามียังจะรักษาหน้าได้ที่ไหนกัน?”อวิ๋นฝูหลิงไม่หลงตามคำหลอกล่อของเขา “เมื่อก่อนพวกเราก็แยกห้องนอนกันมาตลอด”“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ พ
Read more

บทที่ 273

ทั้งสองเพิ่งทำความเคารพเสร็จ จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงเหน็บแนมดังแทรกเข้ามาจากด้านข้าง“น้องเจ็ด เสด็จพ่อประชวรหนักเช่นนี้ เจ้ายังจะพาสตรีมาด้วยอีก ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย!”อวิ๋นฝูหลิงมองคนพูดเห็นเขาใส่ชุดคลุมผ้าไหมสีเลือดหมู สวมกวานทองบนศีรษะ ไว้หนวดเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าที่เดิมทีดูธรรมดาสามัญดูมีอายุมากขึ้นคนผู้นี้อายุมากที่สุดท่ามกลางเหล่าองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังเรียกขานเซียวจิ่งอี้ว่าน้องเจ็ด ดูแล้วคนผู้นี้น่าจะเป็นองค์ชายใหญ่องค์ชายใหญ่ประสูติจากฉีเฟย พระบิดาของฉีเฟยเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของรัชกาลนี้เพราะองค์ชายใหญ่เป็นพี่คนโตสุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม กอปรกับมีพระอัยกาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทำให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่จะได้เป็นรัชทายาทแค่เริ่มพูดเขาก็เสียดสีเซียวจิ่งอี้เสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวคู่ปรับอย่างเซียวจิ่งอี้มากครั้นองค์ชายใหญ่กล่าวจบ บุรุษอีกคนที่มีหน้าผากรูปหัวใจเหมือนกับชุยไทเฮา และสวมชุดคลุมสีน้ำเงินก็เอ่ยปากพูดออกมาเช่นกัน“พี่ใหญ่ก็พูดหนักเกินไป ได้ยินว่าน้องเจ็ดได้คนงามมาหนึ่ง
Read more

บทที่ 274

“หลังจากที่กระหม่อมได้ตรวจพระอาการ ก็ได้ปรึกษาช่วยกันจัดเทียบยาขึ้นมา แล้วต้มยาให้ฝ่าบาทเสวยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ หรือจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด กระหม่อมเองมิกล้า...”ครั้นชุยไทเฮาได้ยินเช่นนั้น ภาพเบื้องหน้าก็ดำมืดไปในทันตา แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อเพราะการตายของเจียงโจวอ๋อง ไทเฮาจึงหมางใจกับฮ่องเต้จิ่งผิง ถึงขั้นเคียดแค้นอยู่ในใจพระนางเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหนุนหลังให้องค์ชายสามผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลชุยขึ้นครองพระราชบัลลังก์ทว่ายามนี้องค์ชายสามนั้นถือได้ว่าไม่แกร่งมากพอ องค์ชายที่มีศักยภาพองค์อื่น ๆ ก็ไม่อาจดูเบาได้หากฮ่องเต้จิ่งผิงเสด็จสวรรคตในยามนี้ แม้จะมีนางกับสกุลชุยหนุนหลัง ทว่าก็ใช่ว่าองค์ชายสามจะขึ้นไปในครองบัลลังก์ในสงครามแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย แล้วกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดได้สำเร็จ ฉะนั้นแล้วฮ่องเต้จิ่งผิงจะยังสวรรคตไม่ได้ชุยไทเฮากับองค์ชายสยามยังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อวางแผนและเตรียมตัว“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ก็ต้องรักษาฮ่องเต้ให้หายให้ได้!”“มิเช่นนั้น สำนักหมอหลวงก็ตายตามไปด้วยเลยทั้งสำนัก!”ใบหน้าสุภาพเยือกเย็นและมีเมตตาอยู
Read more

บทที่ 275

แผนการเช่นนี้ เซียวจิ่งอี้รู้สึกนับถือพี่สามของเขาผู้นี้อยู่บ้างในเมื่อเขาพูดออกไปแล้ว หากถอนคำในยามนี้ ไม่ยอมรับผิดชอบ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบไปในสายตาของคนข้างตัวแล้วคนที่ไร้ความรับผิดชอบ จะรับผิดชอบอำนาจอันใหญ่ยิ่งได้อย่างไร?แต่ถ้าหากเขาทำตามคำพูดขององค์ชายสาม ยอมแบกรับความรับผิดชอบนี้ เช่นนี้ก็นับว่าตกลงไปในหลุมพรางขององค์ชายสามพอดีหากมีอันใดผิดพลาดขึ้นมาเพียงนิด เช่นนั้นก็จะเล่นงานเขาได้เต็มที่ช่างเป็นแผนการที่ได้ทั้งรุกทั้งรับจริง ๆทว่าน่าเสียดายที่องค์ชายสามดีดลูกคิดความปรารถนาในใจผิดไป ทั้งยังดูเบาวิชาแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงมากเกินไปด้วยในเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปากแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงมั่นใจว่านางสามารถรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงให้หายได้จริงเห็นว่าใกล้จะเกิดการปะทะระหว่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามกับเซียวจิ่งอี้ เหล่าองค์ชายที่เหลือถ้าไม่เงียบเป็นเป่าสาก หดศีรษะหดตัวราวกับนกกระทาไม่ยอมช่วยใครทั้งสิ้น ก็เข้าข้างฝั่งองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสาม ทั้งนังไม่ยอมให้อวิ๋นฝูหลิงทำการรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยมีเพียงแค่องค์ชายห้ากับองค์ชายแปดเท่านั้นที่กล่าววาจาหาความยุติธร
Read more

บทที่ 276

ไทเฮา “ในเมื่อเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงเจิ้งกล่าวเช่นนี้ คิดดูแล้วแม่นางอวิ๋นผู้นี้คงจะมีความสามารถอยู่บ้างจริง”ยังไม่ทันที่พระนางจะกล่าวจนจบดี อยู่ ๆ หมอหลวงที่ยืนรั้งอยู่ด้านท้ายสุดผู้หนึ่งก็เดินออกมาประสานมือแล้วกล่าวว่า “ขอไทเฮาทรงคิดดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้สตรีผู้นี้จะเข้าใจวิชาแพทย์อยู่บ้าง ทว่านางยังอายุน้อยเช่นนี้ เกรงว่าคงมิได้พบเจอโรคมามากมายเท่าไรนัก”“ที่ช่วยชีวิตคุณชายน้อยสกุลลู่มาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่แมวตาบอดบังเอิญจับหนูตายได้ก็เท่านั้น”“พระวรกายของฝ่าบาทมีค่าดั่งทองคำหมื่นชั่ง จะให้หมอสตรีที่มีประสบการณ์เพียงไม่เท่าไรมากรักษาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นฝูหลิงกวาดสายตามอง แล้วจำได้ทันทีว่าคนที่กล่าววาจาเช่นนี้ก็คืออวิ๋นกานซงนางยังไม่ได้คิดบัญชีกับอวิ๋นกานซงเลย นึกไม่ถึงว่าเขาจะกระโดดออกมาเองเช่นนี้อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “แม้ข้าจะอายุน้อย แต่สกุลของข้านั้นเป็นหมอ ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก กอปรกับที่ข้ามีพรสวรรค์โดดเด่น วิชาแพทย์ของข้าย่อมไม่อาจพิจารณาได้ตามปกติทั่วไป”“ยิ่งไปกว่านั้น บุตรนอกจวนที่ขโมยเรียนวิชาแพทย์ยังเข้ามาเป็นหม
Read more

บทที่ 277

องค์ชายสามแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อก่อนเห็นว่าน้องเจ็ดของเขาผู้นี้นั้นฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เพียงเพื่อสตรีนางหนึ่ง เขาถึงได้หน้ามืดตามัวขนาดนี้โรคที่กระทั่งเจ้าสำนักโอวหยางยังรักษาไม่ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าสตรีอย่างอวิ๋นฝูหลิงจะรักษาได้ต่อให้นางจะมีความสามารถจริง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวขอแค่เล่นอุบายกับตัวยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อให้นางเป็นฮว่าถัว[1]กลับชาติมาเกิด ก็ไม่อาจรักษาอาการของเสด็จพ่อได้ถึงตอนนั้นเซียวจิ่งอี้ก็จะถูกลงโทษไปพร้อมกันด้วยหากจะทำให้โทษทัณฑ์นี้ร้ายแรงมากขึ้น จะกล่าวหาว่าพวกเขาวางแผนปลงพระชนม์ฝ่าบาทก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงถึงตอนนั้นพอถูกตั้งข้อหาว่าวางแผนปลงพระชนม์ ไม่ว่าจะเซียวจิ่งอี้จะได้รับความโปรดปรานมากเพียงไร ก็สามารถขดรากถอนโคเขาออกมาได้ทั้งยวง แล้วเขาก็จะไม่อาจสร้างความคุกคามใด ๆ ได้อีกส่วนคนที่เหลือนั้น บางคนเป็นกังวล บางคนลำพองใจ แล้วก็มีคนที่ยืนมองดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยไทเฮากวาดตามองอวิ๋นฝูหลิงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองเซียวจิ่งอี้ “ในเมื่อเจ้ากล้ารับรอง เช่นนั้นก็ให้นางรักษาฝ่าบาทเถิด”“รักษาหายย่อมได้รับพระร
Read more

บทที่ 278

มีบางคนที่เห็นแล้วไม่สบอารมณ์นัก ถึงกับอดเบ้ปากออกมาไม่ได้ ทั้งยังโน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับคนข้าง ๆ อีก“นี่ยังไม่ทันได้ตรวจพระอาการเลย นางก็วางท่าใหญ่โตเสียแล้ว ถึงกับให้เจ้าสำนักโอวหยางไปเป็นลูกมือนางเชียวหรือ?”“พูดจาเสียใหญ่โต หากอีกประเดี๋ยวรักษาฝ่าบาทไม่ได้ นางได้เจอดีแน่!”“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอันใดขึ้นกับเจ้าสำนักโอวหยาง ก่อนหน้านี้ก็ช่วยพูดแทนแม่นางอวิ๋น ยามนี้ยังจะมาลดตัวเป็นฝ่ายออกตัวว่าจะเป็นผู้ช่วยให้นางอีก?”อวิ๋นกานซงพูดได้ถูกจังหวะยิ่ง ทั้งยังเติมเชื้อไฟความไหม้พอใจให้แก่ทุกคนอีก“พวกเราจะมีใครบ้างที่ไม่ใช่หมอมีชื่อ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวก็ยังคิดจะปีนขึ้นไปเหยียบอยู่บนหัวพวกเราหรือไร?”“ข้ากลับละอยากดูนักว่านางจะมีความสามารถอะไร โรคที่แม้แต่พวกเรายังรักษาไม่ได้ นางที่ยังอ่อนเยาว์จะรักษาได้?”“ออกจะพูดจาใหญ่โตไปสักหน่อย หากนางรักษาไม่ได้ ตัวนางจะตายไปคนเดียวก็แล้วไปเถิด หากพัวพันมาถึงพวกเรา...”ครั้นเหล่าหมอหลวงทั้งหลายได้ยินคำพูดเช่นนี้ของอวิ๋นกานซง ใบหน้าของพวกเขาจึงยิ่งไม่พอใจหนักภายในชั่วพริบตาหมอหลวงเจิ้งมองอวิ๋นกานซงด้วยสายตาที่เหมือนจะยิ้
Read more

บทที่ 279

อวิ๋นฝูหลิงหยิบห่อเข็มที่พกติดตัวขึ้นมาใช้มือหนีบเข็มทองขึ้นมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปที่จุดชวีฉือของฮ่องเต้จิ่งผิง ตามด้วยจุดเหอกู่...กระทั่งฝังจนถึงเข็มที่เก้า หน้าผากของอวิ๋นฝูหลิงจึงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อส่วนเหล่าหมอหลวงในตำหนักทั้งหลาย พอเห็นศาสตร์ฝังเข็มของอวิ๋นฝูหลิง ยามนี้จึงเงียบเสียงไม่ปริปากพูด ทั้งยังตกตะลึงกันทั้งหมดกระทั่งหลังฝังเข็มที่สิบสามแล้วเสร็จ มีบางคนถึงกับอดพูดเสียงหลงออกมาไม่ได้ “หรือว่านี่จะเป็นศาสตร์สิบสามเข็มสกุลอวิ๋น!”โอวหยางหมิงมองไปทางคนที่พูด พยักหน้าให้แล้วกล่าวชมเชย “ไม่เลว เป็นศาสตร์สิบสามเข็มสกุลอวิ๋นจริงๆ!”ในใจของโอวหยางหมิงทั้งตื่นเต้นทั้งภาคภูมิใจศาสตร์ฝังเข็มของท่านอาจารย์นั้นใต้หล้านี้ไม่เป็นสองรองใคร ถึงขนาดที่เขียนคัมภีร์ศาสตร์ฝังเข็มออกมาเล่มหนึ่งโดยเฉพาะเขาถือเป็นศิษย์ที่เรียนศาสตร์ฝังเข็มได้ดีที่สุดในบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย ทว่าเรียนมาได้เพียงสองถึงสามในสิบส่วนของท่านอาจารย์เท่านั้นทว่าเมื่อได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงคลำหาจุดแล้วฝังเข็มได้อย่างชำนาญ เห็นได้ชัดว่าศาสตร์ฝังเข็มของนางอยู่เหนือกว่าเขาอีกทั้งศาสตร์ฝังเข็มที่อวิ๋นฝูหลิงใช
Read more

บทที่ 280

“เทียบยานี้...” โอวหยางหมิงมีใบหน้าสองจิตสองใจอวิ๋นฝูหลิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้ รบกวนท่านปู่โอวหยางหาคนไปจัดยามาให้ข้าอย่างครบถ้วนก็พอเจ้าค่ะ”โอวหยางหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย เรียกหมอคนหนึ่งที่ตามมาได้ให้ไปจัดยาที่โรงโอสถหลวงมาเดิมทีคนอื่น ๆ อยากจะดูเทียบยาที่อวิ๋นฝูหลิงเขียนขึ้นสักหน่อย จนใจที่โอวหยางหมิงทำการรวดเร็ว ไม่ได้ให้พวกเขาดูแม้แต่น้อยตอนนั้นเอง อยู่ ๆ เกากงกงที่คอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ ก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ลดแล้ว ฝ่าบาทพระปรอทลงแล้ว!”หมอหลวงเจิ้งและคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น จึงพากันก้าวเข้ามาดู พบว่าความร้อนในพระวรกายของฮ่องเต้จิ่งผิงลดลงมาบ้างแล้ว พระปรอทมิได้สูงอย่างก่อนหน้านี้อีกคิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางอวิ๋นผู้นี้จักเก่งกาจจริง ๆ ใช้เพียงแค่การฝังเข็มก็ทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงพระปรอทลดลงได้ครั้นข่าวกระจายไปถึงด้านหน้าตำหนัก ไทเฮาและคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจออกมายาว ๆสวรรค์คุ้มครอง ในที่สุดพระอาการของฝ่าบาทก็ดีขึ้นเสียทีองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อสวดพระนามของพระพุทธองค์ออกมา แล้วอิงแอบอยู่กับไทเฮาพลางตรัส “เสด็จแม่ ครานี้ต้องขอบคุณเ
Read more
PREV
1
...
2627282930
...
50
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status