บททั้งหมดของ แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย: บทที่ 331 - บทที่ 340

950

บทที่ 331

การแต่งกายของราชทูตหนานเจียงแตกต่างจากแคว้นอื่น บุรุษจะมีรอยสักเป็นรูปสัญลักษณ์ทางความเชื่ออยู่บนใบหน้า สตรีจะมีผ้าคลุมหน้า และสวมเสื้อตัวสั้นเผยให้เห็นบั้นเอวเล็กพวกเขาเป็นชนเผ่าต่างถิ่น ชำนาญการเลี้ยงแมลงมีพิษ และมีธรรมเนียมปฏิบัติแปลกประหลาด ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหลายแคว้นดูจากที่พวกเขาเข้ามาในท้องพระโรง ผู้คนพากันหลบหลีกแทบไม่ทัน บรรยากาศสรวลเสเฮฮาแต่เดิมพลันหยุดชะงัก สายตาที่ทอดมองไปแฝงด้วยการดูหมิ่นและการรังเกียจโดยเฉพาะสตรีที่เผยบั้นเอวผู้นั้น ช่างขัดต่อจารีตประเพณีเสียจริง!“กระหม่อมถวายบังคมฮ่องเต้ฉี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตาของนางพลันฉายแววความประหลาดใจแวบหนึ่งในบรรดาราชทูตหนานเจียงมีสตรีเพียงคนเดียวสตรีผู้นี้ก็คือหร่วนฝูอวี้ที่นางเพิ่งส่งกลับไปเมื่อสองวันก่อน!หร่วนฝูอวี้อยู่ในชุดสีแดง ผ้าคลุมบนใบหน้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหน้าพิลาศล้ำดวงนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนดวงตาของนางมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทำให้คนที่มองรู้สึกอ่อนระทวย งุนงง และคลั่งไคล้ขึ้นมาทันทีเหล่าบุรุษด้านหนึ่งก็ตำหนิว่านางไม่รู้จักกาละเทศะ แต่อีกด้านหนึ่งก็อดจ้องมองนางไม่ได้สีหน้าของเฟิ่ง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 332

หร่วนฝูอวี้มองฮองเฮาหนานฉีที่อยู่ในตำแหน่งสูงอย่างพินิจพิเคราะห์ฮองเฮาผู้นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้าไปมองเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่าทางของเขาดูเฉยเมย ราวกับว่านั่งเฉย ๆ รอดูเสือต่อสู้กันจากบนภูเขา ราชทูตหนานเจียงกลับทอดสายตามายังฮองเฮา“ฮองเฮา ท่านคิดว่าสตรีผู้นี้เป็นเช่นไร?”เหล่าพระสนมพากันมองมาทางเฟิ่งจิ่วเหยียน ในความเห็นส่วนตัว พวกนางหวังว่าฮองเฮาจะปฏิเสธราชทูตหนานเจียงผู้นี้สตรีในวังหลวงนั้นมีมากพอแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถามราชทูตด้วยท่าทีเคร่งขรึม“ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบใจ แต่ให้นางมาเป็นบ่าวรับใช้ข้า จะไม่ทำให้นางลำบากใจหรือ?”แววตาของราชทูตหนานเจียงพลันเปลี่ยนไปบ่าวรับใช้?พวกเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น!เมื่อหร่วนฝูอวี้ได้ยิน นางก็ยกยิ้มมุมปากหากเทียบกับฮ่องเต้ฉีผู้นั้น นางชอบฮองเฮาผู้นี้มากกว่าจะพูดอย่างไรดี รู้สึกตรงใจอย่างมาก ราชทูตหนานเจียงยังคงตรึกตรองการมอบหร่วนฝูอวี้ให้กับฮ่องเต้ฉีก็เพื่อให้นางทำลายชะตากรรมของหนานฉี และลอบสังหารจักรพรรดิอย่างเงียบ ๆหากนางเป็นบ่าวรับใช้ของฮองเฮา นางจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 333

เมื่อเห็นว่าแคว้นตนเสียประโยชน์ เหล่าขุนนางของหนานฉีก็คัดค้านทันที“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! อย่าว่าแต่เหมืองหินเซวียนอิงที่ยังขุดไม่สำเร็จ หินเซวียนอิงที่ได้ก็ยังไม่รู้จำนวนเป็นที่แน่นอนด้วย ถึงแม้จะได้ปริมาณมากพอ แต่นั่นก็ต้องแจกจ่าย นี่ก็ต้องแจกจ่าย เกรงว่าจะเหลือเพียงน้อยนิด!”“กระหม่อมเห็นด้วยกับข้อเสนอ! นี่ไม่เท่ากับทำงานหนักโดยเสียเปล่าให้กับแคว้นอื่นหรอกหรือ?”เหล่าราชทูตสีหน้าดูไม่พอใจ และโต้แย้งกลับทันที“เหตุใดต้องทำงานหนักโดยเสียเปล่า แคว้นจ้าวของเรายินดีจ่ายห้าแสนตำลึงเป็นค่าแรงช่าง!”“ฮ่องเต้ฉี เป่ยเยว่ก็ยินดีจ่ายเงินห้าแสนตำลึงเช่นกัน!”ขุนนางอาวุโสผมขาวโพนผู้หนึ่งของหนานฉีโมโหโกรธเกรี้ยว “นี่เป็นปัญหาเรื่องเงินทองรึ! สิ่งล้ำค่าอย่างหินเซวียนอิงมีมูลค่าเท่าใด? เชื่อว่าพวกเจ้าต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ!”แน่นอนว่าพวกเขารู้หินเซวียนอิงเป็นของหายากมีจำนวนน้อยหลายร้อยปีมานี้มีเฉพาะที่แคว้นเป่ยเยี่ยนเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนอุดมด้วยหินเซวียนอิง จึงได้หลอม “มังกรไฟ” ที่ทรงพลังขึ้นมา ในสมรภูมิรบไม่มีสงครามครั้งใดพ่ายแพ้ จนกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 334

เหล่าราชทูตถูกเชือกมัดรอบเอวและดิ้นไม่หลุดเมื่อเห็นม้าเริ่มวิ่งเร็วขึ้น พวกเขาจำต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอด สองขาจะวิ่งแซงสี่ขาได้อย่างไร ผ่านไปสักพักพวกเขาก็ล้มลงกับพื้น และถูกกระชากลากถูทั้งเป็น ถึงแม้จะเป็นพื้นทราย พวกเขาก็ไม่อาจทนรับความทรมานได้เช่นกันหลังจากวิ่งไปสองสามรอบก็มีเสียงกรีดร้องของผู้คนที่รายล้อมอยู่ด้านบนสนามอาภรณ์ของพวกเขาถูกขูดจนฉีกขาด ส่วนเนื้อหนังก็ถูกครูดจนถลอก บนพื้นยังมีร่องรอยของคราบเลือด... พวกเขายังคงร้องขอความเมตตา“ฮ่องเต้ฉี! ฮ่องเต้โปรดไว้ชีวิตด้วย!” “ฮ่องเต้ฉี...กระหม่อมมิกล้า...กระหม่อมมิกล้าแล้ว!” ราชทูตที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดมาก เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการร้องขอความเมตตาของคนเหล่านั้นเขาดื่มสุราและกินอาหารตามเดิม เขาไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าจะร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตทว่าบรรยากาศของงานเลี้ยงเริ่มคุกรุ่น ผู้คนแทบไม่กล้าหายใจ ยกเว้นแต่หร่วนฝูอวี้ ถึงแม้ราชทูตหนานเจียงของนางจะอยู่ในสนามม้าด้วย นางยังคงกินดื่มตามเดิมโดยไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย ทั้งยังให้นางกำนัลเติมสุราให้อีก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 335

เหลียนซวงกลับเข้ามาในตำหนัก นางรีบทูลให้ฮองเฮาทรงทราบเรื่องที่ต้องเข้าร่วมบรรทมเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจัดเรียงอาวุธลับ เมื่อนางได้ยินเช่นนี้พลันขมวดคิ้ว“หลิวซื่อเหลียงพูดรึ?”เหลียนซวงส่ายหัว“เขาไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เขาหมายความเช่นนั้นเพคะ“เขายังบอกอีกว่า นอกจากหรงเฟยผู้ล่วงลับ ฝ่าบาททรงไม่เคยเรียกพระสนมคนใดจากวังหลังมาที่ตำหนักจื้อเฉินเลย...บ่าวได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกหวาดกลัวเพคะ“ฮองเฮา คืนนี้ท่านต้องร่วมบรรทมจริงหรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยท่าทีเรียบเฉย“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ทว่าตอนนี้ยังมีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรีบไปทำ”เหลียนซวงตั้งใจฟังคำสั่งเดิมทีคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอันใด ผลสุดท้ายคือฮองเฮาแค่ให้นางนำยาเม็ดมาบดเป็นผง โดยบอกว่าเป็นยาเพื่อป้องกันมดแมลงทว่าช่วงเวลานี้ในวังก็ไม่มีแมลงมีพิษ งู หรือมด ยามค่ำคืนเฟิ่งจิ่วเหยียนมาถึงตำหนักจื้อเฉิน ขันทีผิวขาวเกลี้ยงเกลาผู้หนึ่งก็พานางเข้าไปด้านในห้องบรรทมของฮ่องเต้ดูงดงามโอ่โถงกว่าห้องทั่ว ๆ ไปจากประตูหลักเข้ามาถึงห้องโถงหลักจะปูพื้นด้วยอิฐหยกขาวรวมเก้าสิบเก้าก้อนตัวอักษรเคลือบทองคำว่า “ตำหนักจื้อเฉิน”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 336

ระยะห่างระหว่างโต๊ะทรงงานกับเก้าอี้พนักพิงนั้น สามารถรองรับจำนวนคนได้เพียงคนเดียวเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่หลังชนกับโต๊ะทรงงาน จึงได้หันมาประชันหน้ากับเซียวอวี้เซียวอวี้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง ร่างกายครึ่งบนยังคงนั่งหลังตรง ทว่า...เขามิชอบความรู้สึกที่ต้องแหงนหน้าขึ้นไปมองนางเช่นนี้เลยเขามิรู้ว่า เหตุใดนางถึงทำเช่นนี้จู่ ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาหา...หากว่าต้องการพุ่งตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดนั้น เหตุใดนางจึงยืนตัวตรงเช่นนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้คิดสิ่งใดมาก นางขยับเขยื้อนร่างกายของตนเองเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะ ด้านหลังบนโต๊ะทรงงานมีแมลงพิษรูปร่างคล้ายหนอนอยู่ตัวหนึ่งลำตัวเล็ก มีสีน้ำตาล รูปร่างมิได้โดดเด่นมากนักนางที่รู้จักมักจี่กับหร่วนฝูอวี้มาก่อน เพียงพริบตาเดียวย่อมจดจำได้ในทันทีว่า มันคือ “แมงมุมพันร่าง”!ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ธรรมดาไร้พิษสง ทว่า หากมันได้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์เมื่อใดนั้น มันจะแพร่พันธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ แพร่พันธ์ออกไปโดยไม่มีที่สิ้นสุดแมลงพวกนี้จักกัดกินอวัยวะภายใน ทั้งยังเกาะติดอยู่ในกระดูกมนุษย์ กัดกินจนกระทั่งเหลือเพียงหนั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 337

ทันทีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกวางลงบนเตียงนั้น นางก็ได้สติขึ้นมาในทันทีนางกัดลงไปที่ริมฝีปากของเซียวอวี้อีกครั้งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งราวกับกำลังกระตุ้นนาง พลางเรียกร้องให้นางใช้แรงกัดเพิ่มขึ้นไปอีกเฟิ่งจิ่วเหยี่ยนใช้แรงผลักเขาออกมา ทำให้นางกลับสู่ห้วงของความเป็นจริงในทันทีเซียวอวี้ผละจากริมฝีปากของนาง พลางซุกไปที่ลำคอของเฟิ่งจิ่วเหยียนคล้ายกับว่าพยายามจะควบคุมอารมณ์บางอย่างหากแต่ลมหายใจอุ่น ๆ ยังคงอยู่ตรงนั้นจมูกเรียวโด่งของเขาสัมผัสอยู่ที่ซอกคอของนาง ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันเร่าร้อนที่กำลังแผดเผานางได้ในทันทีนางพยายามออกแรงดันเขาอีกครั้ง เพื่อที่จะพยายามลุกขึ้นยืนเสียงแหบแห้งของเซียวอวี้พลางเอ่ยที่ข้างหูของนางว่า“จักอยู่ที่นี่หรือไม่?”ที่นี่คือตำหนักจื้อเฉินแม้แต่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ที่เขาเคยโปรดปราน นางก็หาได้เคยเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ไม่ที่เขาเอ่ยถามออกมาเช่นนี้ ก็เพื่อถามนางว่า อยากจะร่วมบรรทมกับเขาหรือไม่เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรีบตอบออกมาในทันที“หม่อมฉันต้องกลับไปแล้วเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ปฏิเสธออกไปตรง ๆ เพื่อป้องกันมิให้เซียวอวี้เคืองใจความ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 338

กลางดึกในยามราตรี หร่วนฝูอวี้ที่ยังมิได้เข้านอนนั้นยามจื่อที่มีพลังงานหยินอยู่มาก ทำให้นางต้องนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง พลางจุดธูปหอมไปด้วยเพื่อฝึกฝนหนอนพิษเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนมากมายจากด้านนอกนั้น นางก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที พร้อมทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย็นชาดีนัก นางจักได้ใช้พวกเขาในการฝึกฝนหนอนกู่ตัวใหม่ของนาง...ปั้งชายชุดดำพลบันบุกเข้าไปด้านในในทันทีห้องเล็ก ๆ กลับเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหร่วนฝูอวี้แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับพวกเขา นางเพียงโบกมือไปมา ชั่วพริบตา แมลงพิษที่มีรูปร่างคล้ายกับตั๊กแตนตำข้าวก็ถูกโยนออกมาใส่พวกเขาในทันทีพวกมันบินไปตกอยู่บนร่างของชายชุดดำเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทั่วร่างของเหล่าชายชุดดำก็เกิดอาการแผ่ร้อนออกมาเขารู้สึกแปลก ๆ ออกมาในทันที ก่อนจะร้องตะโกนถอดเสื้อผ้าออกมา พลางตะโกนออกมาว่าร้อนความรู้สึกราวกับทั่วร่างถูกแผดเผา ถึงแม้จะถอดอาภรณออกมาหมดทั้งตัวแล้ว พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าร้อนอยู่ชายชุดดำที่ทนไม่ไหวนั้น จึงรีบกระโดดออกจากหน้าต่างไปในทันทีใบหน้าของเฉินจี๋จึงเผยความเย็นชาและแข็งกระด้างออกมาสตรีหนานเจียงผู้นี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 339

เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเงยหน้าขึ้น พลางใช้สายตาเอ่ยห้ามปรามนางหร่วนฝูอวี้พลางทำท่าทีเหมือนรู้สึกผิดเมื่อถูกจับได้ พร้อมทั้งค่อย ๆ เอามือเปลี่ยนไปลูบไล้หน้ากากเหล็ก ราวกับว่าทำเช่นนี้คล้ายกับตนเองกำลังลูบใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่“หนาวยิ่งนัก…ให้ข้า…ได้เห็นใบหน้าของเจ้า ได้หรือไม่?”ถึงแม้ว่านางจะทำตัวไร้เหตุผลไปบ้าง ทว่า นางกลับรู้จักวางตัวยิ่งนักไม่ว่านางจะทะเลาะกับซูฮ่วนเช่นไร เขามิเคยโกรธนางเป็นจริงเป็นจังเลยสักครั้ง ทั้งยังมิเคยตัดขาดความสัมพันธ์กับนางอีกด้วย ทว่า หากนางล่วงเกินกฎของซูฮ่วนโดยการถอดหน้ากากของเขาออกมาละก็ มิตรภาพระหว่างพวกนางก็จะสิ้นสุดลงเฟิ่งจิ่วเหยียนมิตอบ หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้หร่วนฝูอวี้เช่นเดิมหร่วนฝูอวี้ที่กำลังภายในฟื้นคืนมาส่วนหนึ่งนั้น จึงเริ่มเอ่ยวาจาแทะโลมออกมาว่า“เจ้าที่เห็นเรือนร่างของข้าเช่นนี้แล้ว เจ้าจักรับผิดชอบอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันกายกลับมาล้างมือ พลางเอ่ยขึ้นมาว่า“ข้าได้ยินว่าเจ้าจักแต่งเข้ามาเป็นสนม”หร่วนฝูอวี้พลางเอ่ยถามกลับด้วยรอยยิ้มล้อเลียนว่า“อะไรกัน เจ้าหึงงั้นรึ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันกลับมามองนางด้วยความเย็นชา ในแววตาขอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 340

โรงพักแรม ยามที่ราชทูตหนานเจียงตื่นขึ้นมายามเที่ยงวัน ก็พบว่าหร่วนฝูอวี้หายตัวไปแล้วระหว่างการเดินทางนั้น หร่วนฝูอวี้มักจะหายออกจากกลุ่มคณะไป นั่นจึงทำให้ราชทูตคิดว่าเป็นเรื่องปกติพวกเขาจึงคิดว่าหร่วนฝูอวี้ไปหาซูฮ่วนผู้นั้นอีกแล้วยามที่เขาถูกม้าลากไปเมื่อนั้น ร่างกายยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย ทั้งยังบวมปวดออกมาอีกด้วย จึงไม่คิดจะละความพยายามในการตามหาตัวหร่วนฝูอวี้ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น หากแต่ราชทูตคนอื่น ๆ ก็นอนอยู่บนเตียง พลางร้องให้คร่ำครวญกับอาการบาดเจ็บของตนเองเช่นกันราชทูตจากแคว้นซีหนี่ว์ยังคงดื้อรั้น ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของนางจะยังมิอาจลงจากเตียงมาได้ แต่นางก็ยังเอ่ยออกมาว่า“พวกเราแคว้นซีหนี่ว์จักมิยอมให้มีการผูกขาดเหมืองหินเซวียนอิงอย่างแน่นอน!“ทุกท่าน! ตราบใดที่พวกเราร่วมมือกัน พวกเราย่อมสามารถทำให้แคว้นหนานฉียอมจำนนต่อพวกเราได้อย่างแน่นอน!“เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากแคว้นหนานฉีสามารถทำตามใจตนเองได้เมื่อใด รัฐเหลียงของเราในวันนี้ย่อมเป็นของพวกเราในวันพรุ่งนี้!”ห้องของราชทูตแดนเหนือที่อยู่ข้าง ๆ กันนั้น เดิมทีทั่วร่างก็เจ็บปวดรวดร้าวจนต้องนอนพักรัก
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
3233343536
...
95
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status