บททั้งหมดของ ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง: บทที่ 51 - บทที่ 60

121

บทที่ 51

แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนใจร้าย สำหรับคนที่ไม่ดีกับตน อย่าคิดฝันจะได้เอาเปรียบกันแม้แต่น้อย!จนกระทั่งมาถึงร้าน ก็ได้ยินเสียงทะเลาะดังออกจากด้านใน“พ่อบ้านหลิน หลายวันก่อนคุณหนูของข้าส่งคนมาแจ้งแล้ว นับแต่นี้ไปไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนหลินโหวอีก ดังนั้นบัญชีเงินทั้งหมดล้วนส่งคืนให้สกุลซ่ง เจ้าอย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่เงินเชื่อก็ไม่ได้” ผู้จัดการร้านซ่งอวี้ปฏิเสธเสียงเฉียบ“ผู้จัดการซ่ง บัญชีของร้านตลอดสองปีมานี้ส่งไปให้จวนของพวกเรามาโดยตลอด เรื่องจิปาถะเช่นนี้จะพูดให้ชัดเจนอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”“มิหนำซ้ำ เดิมทีร้านนี้ก็เป็นของจวนสกุลหลินของพวกเรา แม่นางซ่งเพียงให้เจ้ามาช่วยพวกเราดูแล บัดนี้นับว่าถอนหมั้นแล้ว ร้านก็เป็นของพวกเรา ที่สมควรไปก็คือพวกเจ้าต่างหาก!”พ่อบ้านหลินโมโหกระทืบเท้าอย่างโอหังพลางชูคอขึ้น “พวกเจ้าจงไปเดี๋ยวนี้เลย ห้ามมิให้นำของทั้งหมดไป หาไม่แล้วก็คือขโมย!”“สิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเราสกุลซ่งนำมา พวกเจ้ายังคิดละโมบกระนั้นรึ? อย่าได้ทำเกินไปนัก!”ซ่งอวี้โมโหจนสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก เมื่อแรกตอนพวกเขารับช่วงต่อร้านนี้ ภายในทั้งเก่าทั้งโทรม เพียงแต่ตกแต่งซ่
Read More

บทที่ 52

“ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ชัดเจน! หาไม่แล้วให้ฮูหยินผู้เฒ่าของเจ้าไปพูดให้กระจ่างในศาลก็ย่อมได้ เงินของสกุลซ่งของข้า คนสารเลวเช่นเจ้าคิดจะโลภก็โลภได้กระนั้นรึ?”ซ่งจืออวี้เผยสีหน้ารังเกียจ ยกมือตบไปหนึ่งฉาด ตบเสียจนตาสองข้างของหลินเทามองเห็นดาวสีทองเขานับว่าเข้าใจแล้วเพราะเหตุใดน้องหญิงห้าจึงต้องพาอันธพาลมามากเพียงนี้ คนสกุลหลินเหล่านี้ช่างไร้ศักดิ์ศรีไร้ยางอายโดยแท้!“ท่าน...เหตุใดท่านตบคนเล่า?” หลินเทาเปล่งเสียงลนลาน“ข้าอยากตบก็ตบ เจ้าคนมีตาหามีแววไม่ ข้าตบหลินจือเยว่เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ เจ้านับเป็นตัวอะไร?”ซ่งจืออวี้ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ยกมือตบใบหน้าอีกด้านของหลินเทาอีกหนึ่งฉาด คราวนี้จึงบวมเป่งเหมือนกันทั้งสองข้าง คล้ายหัวหมูก็มิปาน“ติดหนี้พวกเราแปดล้านตำลึงยังไม่คืน ยังคิดหมายตาร้านของพวกเราอีก มิใช่พูดว่าหลินโหวเป็นขุนนางมือสะอาด ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์กระนั้นหรือ? ช่างเป็นคนไร้ยางอายมาอาศัยรวมกันโดยแท้ ไสหัวไป!”หลินเทาได้ยินเพียงว่าคุณชายสามสกุลซ่งวู่วามไร้สมอง ไฉนเลยจะคิดได้ว่าเขาเป็นคนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ไม่พูดพร่ำก็ตบเขาแล้ว ตกใจเสียจนเขาต้องกุมศีรษะรีบขยับถอยหลัง“ท่
Read More

บทที่ 53

นี่มันช่าง...โหดร้ายกับเขาเกินไปแล้วซ่งอี้อันได้ยินเสียงคุ้นหูของจ้าวซูหว่านตั้งแต่แรกแล้ว เขาหลุบตาส่ายหน้า เป็นสัญญาณว่าเขาอยากฟังต่อไปเห็นดังนั้น พวกซ่งรั่วเจินทั้งสองคนก็มิได้จากไป ฟังทั้งสองคนฉุดกระชากกันพลางพูดเรื่องหน้าไม่อาย“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร? หลังตัวไร้ประโยชน์อย่างซ่งอี้อันผู้นั้นกลายเป็นคนตาบอด ข้าก็อยากถอนหมั้น ท่านให้ข้ารออยู่ตลอด ยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้ ข้าถอนหมั้นแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็ให้ท่านทั้งหมดแล้ว ท่านจะไม่สู่ขอข้าไม่ได้นะ”“ตอนแรกคนของท่านสมควรลงมือหนักยิ่งกว่านี้ ฆ่าเขาให้ตายแต่แรก เรื่องก็ไม่ยุ่งยากมากถึงเพียงนี้แล้ว”“บัดนี้ข้าตั้งครรภ์แล้ว ข้ารอได้ แต่ลูกในท้องสามารถรอได้กระนั้นหรือ?”ฉินเซี่ยงเหิงจับข้อมือจ้าวซูหว่าน “ซูหว่าน เจ้าต้องเชื่อความจริงใจของข้าที่มีต่อเจ้า ข้าต้องสู่ขอเจ้าเป็นแน่ หากมิใช่เพราะเจ้ากับซ่งอี้อันหมั้นหมายกัน พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว”“มิสู้...เจ้าไปหาซ่งอี้อัน ร้องไห้ต่อหน้าเขาสักรอบหนึ่ง พูดว่าเจ้ามีใจให้ข้า แต่ข้าห่วงใยความรู้สึกของเขาจึงไม่ยอมอยู่ร่วมกับเจ้า เจ้าตาบอดคนนั้นรู้ว่าตนเองไม่เหมาะสมกับเจ้า จะต้อง
Read More

บทที่ 54

สามพี่น้องพบคู่ชู้รักแล้วก็ไม่มีแก่ใจกินข้าวอีก จ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิงช่างน่ารังเกียจนัก เกรงว่าอีกไม่นานจะต้องมาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าซ่งอี้อันเป็นแน่“ฉินเซี่ยงเหิงใช่พี่ชายของฉินซวงซวงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากถามซ่งอี้อันชะงัก ฉับพลันก็ดึงสติกลับมาได้ “ใช่แล้ว เขาคือบุตรของท่านแม่ทัพฉิน”“สองพี่น้องคู่นี้เกรงว่าจะสมคบคิดกันกระมัง? ไม่เช่นนั้นจะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้หรือ?” ซ่งจืออวี้ตะลึงงันพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี คนไร้ยางอายอยู่ร่วมกันโดยแท้!ซ่งรั่วเจินย้อนคิดถึงรายละเอียดในนิยายที่เคยอ่านก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็นึกเรื่องสำคัญมากหนึ่งเรื่องขึ้นได้“พี่รอง ก่อนหน้านี้เฉินเซี่ยงเหิงมาจวนพวกเราบ่อย ๆ จ้าวซูหว่านเองก็มาดูเรียงความของท่านบ่อย ๆ ใช่หรือไม่?”ซ่งอี้อันหันหน้ามาพูดเสียงเข้ม “เจ้าหมายความว่า...”“ตามที่ข้ารู้มา แม้ฉินเซี่ยงเหิงจะศึกษาได้ไม่เลว แต่ก็ยังต่างชั้นกับท่านไม่น้อย ก่อนหน้านี้ก็มาขอให้ท่านสอนบ่อย ๆ บัดนี้ดวงตาทั้งสองข้างของท่านมืดบอด การสอบฤดูใบไม้ผลิเองก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขา...”“อีกเดี๋ยวข้าจะนำเรียงความของข้าส่งไปให้ท่านอาจารย์ดู”
Read More

บทที่ 55

“สองปีมานี้ นางใส่ใจดูแลข้า ดูแลจวน เทียบกับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นแล้วยังดีกว่าไม่รู้กี่มากน้อย!”หลินรั่วหลานนึกถึงตอนที่ฉินซวงซวงแต่งเข้ามา อย่าว่าแต่เรื่องสินเดิมที่ว่างเปล่าเลย ยังสร้างความเดือดร้อนให้ลูกชายต้องอับอายขายหน้าอีก เพียงแต่งเข้ามาก็ถูกทางการจับตัวไป ยังต้องให้ลูกชายหาหนทางไปพานางออกมาอีกด้วยไหนเลยจะเทียบเคียงซ่งรั่วเจินได้?“ท่านแม่ ข้ากับซวงซวงแต่งงานกันแล้ว ข้าไม่มีวันแต่งงานกับซ่งรั่วเจินเป็นอันขาด ภายภาคหน้าขอท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีก ให้ซวงซวงรอในคุกอยู่ตลอดก็มิใช่เรื่องดี ท่านหาทางช่วยข้ารวบรวมเงินหนึ่งแสนตำลึงที ข้าจะไปไถ่ตัวนางออกมา”หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น ซวงซวงรออยู่ข้างในมากหนึ่งวัน ที่เสียไปก็คือหน้าของเขา เขารู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องยังมีเงินอยู่ในมือแน่นอน“นางแพศยาคนนั้นทำเรื่องน่าขายหน้าพรรค์นี้ด้วยตนเอง ยังต้องให้พวกเรานำเงินไปไถ่อีกรึ?” หลินรั่วหลานเอ่ยถามเสียงแหลม “ให้สกุลฉินหาทางเอาเองเถอะ!”“บัดนี้ซวงซวงเป็นคนของพวกเราสกุลหลินแล้ว”สีหน้าหลินจือเยว่หนักแน่น เขารักเพียงซวงซวง แม้ครั้งนี้ซวงซวงจะทำผิดจริง แต่เขารู้ว่าซวงซวงทำถึงเพียงนี้ก็เพราะ
Read More

บทที่ 56

“ฝ่าบาท กระหม่อม กระหม่อมกำลังหาทาง...”หลินจือเยว่เหงื่อผุดดุจเม็ดฝน เขาประเมินการตัดสินใจเฉียบขาดของสกุลซ่งต่ำไป ถึงขั้นแม้เสียหน้าก็ต้องทำลายเขาให้ได้!“เจ้าคิดวิธีอันใดได้เล่า? ได้ยินว่าสองปีมานี้ เจ้าไม่เพียงยกมารดาเฒ่าในจวนให้แม่นางซ่งดูแล ตนเองอยู่ที่ชายแดนยังเขียนจดหมายขอเงินสกุลซ่งบ่อยครั้ง ตอนแต่งงานเจ้าก็สู่ขอภรรยาหลวงที่มีศักดิ์ทัดเทียมกันมาหยามเกียรติแม่นางซ่งอีกด้วย เจ้าช่างไม่สมควรเป็นคนยิ่งนัก!”ฮ่องเต้กริ้วหนัก ก่อนนี้ชมชอบหลินจือเยว่มากเพียงใด บัดนี้ก็คับข้องหมองใจมากเพียงนั้นสีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าซ่งจืออวี้ไม่เพียงพูดเรื่องหนี้สิน แม้แต่เรื่องเหล่านี้ก็กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทจนหมดสิ้น นี่...นี่ช่างเป็นการตัดอนาคตของเขาโดยแท้!“ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็ไม่คิดว่ารักษามารดาต้องใช้เงินมากเพียงนี้ นับตั้งแต่รู้เรื่องกระหม่อมก็คิดหาทางชดใช้ เพียงแต่ว่าจำนวนเงินนั้นไม่น้อยนัก จึงทำให้เสียเวลาไปหลายวัน...”เห็นหลินจือเยว่เปิดปากก็โยนความรับผิดชอบไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน ซ่งจืออวี้ย่อมไม่อาจยอมรับ“ฝ่าบาท น้องหญิงของกระหม่อมถูกหลินโหวทำร้ายจิตใจ ปรารถ
Read More

บทที่ 57

“หลินโหว แม่นางฉินเป็นคนเคียงหมอนของเจ้า วันแต่งงานเจ้าพูดไปทุกถ้อยคำว่านางจิตใจดีมีเมตตา รู้จักนางดี บัดนี้กลับพูดว่าไม่รู้เรื่อง เจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักถึงขั้นมองจิตใจชั่วร้ายโหดเหี้ยมของคนเคียงหมอนไม่กระจ่าง นี่ไม่เลอะเลือนเกินไปหน่อยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบหลินจือเยว่สายตาโง่งม ถูกกล่าวโทษเพิ่มอีกหนึ่งข้อแล้วกระนั้นหรือ?“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก พูดไปแล้วทั้งหมดล้วนต้องโทษนักต้มตุ๋นผู้นั้นที่ทำร้ายผู้คนมากถึงเพียงนี้” หลินจือเยว่อธิบายราชครูสวีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “นั่นเพราะโง่เขลาเบาปัญญา ทำร้ายตนเองทั้งสิ้น!”หนึ่งคนต่อหนึ่งคนกล่าวโทษ สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าซ่งหลานจือเป็นหรือตาย ก็สูญเสียอำนาจใหญ่ไปแล้ว ภายในราชสำนักอย่างมากที่สุดก็มีแม่ทัพไป๋ที่ยินดีช่วยพูดแทนพวกเขาเท่านั้น เหตุใดราชครูสวีกับฉู่อ๋องก็ล้วนปกป้องจวนสกุลซ่งเล่า?ซ่งจืออวี้เองก็มองอย่างโง่งมตอนมาตีกลองร้องทุกข์ในวันนี้ แท้จริงแล้วเขาเองก็กระวนกระวายใจ แต่บัดนี้คนที่สามารถกระทำเรื่องนี้ได้ก็เหลือเพียงเขาคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด มิหนำซ้ำน้องหญิงห้ายังช่วยเขาคิดคำพูดดี ๆ ไว้
Read More

บทที่ 58

ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจมาก แม้แต่ซ่งอี้อันก็กินข้าวมื้อกลางวันมากขึ้นอีกหนึ่งชาม“ฝ่าบาทตรัสว่าครั้งนี้ทำให้เจ้าต้องเสียใจแล้ว รางวัลพระราชทานเหล่านี้ล้วนมอบให้เจ้า” ซ่งจืออวี้วางผ้าไหมสูจิ่นและปิ่นมุกลงตรงหน้าซ่งรั่วเจิน ทั้งยังพูดกับหลิ่วหรูเยียน “ฝ่าบาทยังรับสั่งว่าท่านพ่อไม่รู้เป็นหรือตาย พระองค์ทรงจำทุกเรื่องที่ท่านพ่อทำเพื่อราชสำนักไว้หมดแล้ว จะต้องไม่ปล่อยให้คนรังแกสกุลซ่งของพวกเราแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนขอบตาแดงเรื่อ “ฝ่าบาทยังจำนายท่านได้...”“ท่านแม่ ไม่ช้าก็เร็วท่านพ่อจะต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบ “ท่านดูผ้าไหมสูจิ่นเหล่านี้ ข้าดูแล้วสีดอกไม้นี้เหมาะกับท่านมาก ยังมีปิ่นมุกดอกโบตั๋นนี้อีก เหมาะกับท่านยิ่งนัก”หลิ่วหรูเยียนมองผ้าไหมและเครื่องประดับ อารมณ์ดีขึ้นหลายส่วน “นี่ล้วนเป็นฝ่าบาทพระราชทานให้เจ้า เจ้านำไปตัดชุดสวย ๆ มากหน่อยเถอะ”“ฝ่าบาทพระราชทานให้มากเพียงนี้ ท่านแม่ก็เลือกเอามากหน่อยเถิด ที่เหลือข้าค่อยนำไปตัดเสื้อผ้าก็ยังนับว่าพอเหลือ”“ได้ แม่รู้ว่าเจ้ากตัญญู”หลิ่วหรูเยียนสั่งให้บ่าวรับใช้ถือผ้าไหมสูจิ่น ก่อนจะออกไปพร้อมรอย
Read More

บทที่ 59

อ้างว่ามาหาเจ้าของร่างเดิมและปรากฏตัวข้างกายซ่งอี้อัน ยิ่งไปกว่านั้นยังใจกล้าสารภาพรัก ถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องหลายครั้งกลับไม่ตัดใจ ซ่งอี้อันถึงได้ค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดจนใจที่เนื้อแท้ของจ้าวซูหว่านไม่ใช่คนสงบเสงี่ยม ทว่าซ่งอี้อันควบคุมตนเองรักษามารยาท แม้หมั้นหมายแล้วก็ไม่เคยล่วงเกินเลยแม้แต่น้อย จ้าวซูหว่านไม่อาจข่มความเปล่าเปลี่ยวได้จึงไปคบหากับฉินเซี่ยงเหิง กลิ่นเหม็นเน่าบนตัวของทั้งสองคนผสานเข้ากันได้ดี ชายโรคจิตกับหญิงแพศยา บัดนี้ลอบสานสัมพันธ์ลึกซึ้งจนตั้งครรภ์แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้ ซ่งรั่วเจินก็ต้องลอบสบถในใจ!“ข้าไม่เข้าใจ” ซ่งรั่วเจินพูดอย่างไม่เกรงใจจ้าวซูหว่านตาแดงก่ำ “รั่วเจิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะต้องการตีตัวออกห่างจากข้า ข้าเป็นสหายที่ดีของเจ้ามาโดยตลอด ยามนี้ข้าไม่มีโอกาสเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว ข้าเองก็เสียใจมาก เหตุใดพวกเจ้าต้องโทษข้าด้วยเล่า?”ซ่งรั่วเจิน “...” นี่มันดอกบัวขาว[1]ดอกใหญ่มากเชียวล่ะ“จ้าวซูหว่าน จะพูดอะไรก็ต้องมีมโนธรรม หลังเจ้าถอนหมั้น พวกเราสกุลซ่งเคยว่าอะไรสักคำหรือไม่?”“พี่รองของข้าช่วยเจ้าจึงตาบอด หากเป็นคนมีมโน
Read More

บทที่ 60

ภายในเรือนจ้าวซูหว่านเห็นว่าซ่งรั่วเจินกับหลินจืออวี้จากไปแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอี้อันมีอุปนิสัยอบอุ่นอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะพวกซ่งรั่วเจินสองคนนั้นยุแยง เมื่อครู่ก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นบัดนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน ขอเพียงนางใช้ลูกไม้เล็กน้อย ซ่งอี้อันจะต้องให้อภัยนางแน่นอน ชนิดที่ว่าคิดแทนนางและฝากฝังนางไว้กับพี่เซี่ยงเหิง เมื่อถึงเวลานั้นนางก็สามารถแต่งเข้าจวนสกุลฉินได้อย่างไรเสียพี่เซี่ยงเหิงก็น่าสนใจกว่าเจ้าหนอนหนังสือผู้นี้มากนัก!“พี่อี้อัน ข้ารู้ว่าท่านยังมีโทสะภายในใจ รั่วเจินเองก็แค้นข้า แต่ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ไม่มีทางเลือกจริงๆ...”ขอบตาจ้าวซูหว่านเปียกรื้น ท่าทางน้อยใจเหลือหลาย “หากข้าสามารถเลือกได้ ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่านแน่นอน ข้ารู้สึกอย่างไรกับท่าน ท่านก็รู้”ซ่งอี้อันฟังเสียงร้องไห้ตัดพ้อของฝ่ายหญิงเงียบ ๆ สมองย้อนคิดถึงวันวาน หากไม่ได้ยินบทสนทนานั้นของจ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าความรู้สึกของจ้าวซูหว่านก่อนหน้านี้เป็นความเท็จพวกเขาถอนหมั้นกันเพียงสองสามวัน นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูก็รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาท
Read More
ก่อนหน้า
1
...
45678
...
13
DMCA.com Protection Status