บททั้งหมดของ รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์: บทที่ 71 - บทที่ 80

706

บทที่ 71

“เรื่องนี้...ให้เจ้าจัดการ” จ้าวเสวียนจีสีหน้านิ่งสงบและเย็นชาพลางเอ่ยว่า “แต่จุดประสงค์มิใช่เพื่อขัดขวางมิให้องค์รัชทายาทเปิดประชุมราชการเช้า แต่เพื่อลดทอนบารมีของเขา ฉะนั้น แม้องค์รัชทายาทจะไม่อาจทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้ เจ้าและข้าก็ต้องออกหน้าทำให้สำเร็จ”หวังเถิงฮ่วนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “ท่านราชเลขาเพราะเหตุอันใดหรือ”จ้าวเสวียนจีค่อยๆ ตอบว่า “องค์รัชทายาทต้องการเปิดประชุมราชการ แน่นอนว่าเขาอยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในการว่าราชการ แต่เขาดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอยู่แล้ว ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังไม่สวรรคต เขาก็ยังคงมีอำนาจชอบธรรมอยู่ หากเจ้าและข้าประจันหน้ากับองค์รัชทายาท ประการแรกคือจะดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย” “ประการที่สอง หากเปิดประชุมราชการเช้า องค์รัชทายาทก็จะได้เข้าสู่เวทีการต่อสู้ทางการเมืองสูงสุดของแคว้นอย่างแท้จริง และจะเผยจุดอ่อนมากมาย อย่าลืมว่าการเปิดประชุมราชการหรือไม่ แท้จริงแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเรามากนัก เพราะว่าการว่าราชการล้วนอยู่ในอำนาจของสำนักราชเลขาฉะนั้น การให้องค์รัชทายาทเข้าร่วมฟังการประชุมและร่วมปรึกษาหารือจะมีประโยชน์อะไร ไม่มีใครฟังคำสั่งของเขา คำสั่งของ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 72

เรื่องที่น่าสลดที่สุดในชีวิตคือการที่คนหัวขาวส่งคนหัวดำ ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหูหลานเซิ่งประกอบด้วยสามชั่วอายุคน ยามนี้อายุเกินสี่สิบแล้ว จะให้กำเนิดบุตรอีกคนคงสายเกินไปเสียแล้วเท่ากับว่าไม่มีทายาทสืบสกุลค่ำคืนนี้ หูหลานเซิ่งมาหาเถิงไหว ขอร้องเถิงไหวอี้ให้หาวิธีเอาศพบุตรชายของเขาออกจากหอเถิงหวัง เพื่อนำกลับมาประกอบพิธี แต่สำหรับเรื่องใหญ่เช่นนี้ องค์รัชทายาทสั่งการด้วยพระองค์เอง เถิงไหวอี้จึงบ่นพึมพำ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวนี้ ซานเป่าพร้อมกับองครักษ์ผ้าแพรเดินทางมาถึง ก่อนที่เถิงไหวอี้จะเอ่ยปาก หูหลานเซิ่งที่โดนความโกรธแค้นครอบงำก็กระโจนเข้าใส่ทันที จากนั้น...เขาถูกองครักษ์ผ้าแพรใช้มีดกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว “ซานเป่า ไอ้สุนัขถูกตอน! ความแค้นที่ฆ่าบุตร ย่อมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันมิได้ ข้าจะฆ่าเจ้าพันมีดหมื่นแล่!!!” หูหลานเซิ่งที่ถูกกดอยู่กับพื้นยังคงตะโกนและสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง ซานเป่ายิ้มอย่างอ่อนโยนและเดินไปหาหูหลานเซิ่งอย่างเชื่องช้า แล้วยกขาเหยียบหน้าหูหลานอย่างแรงโดยไม่ให้รู้ตัว การเหยียบหน้าครั้งนี้ หูหลานเฉิงส่งเสียงกรีดร้อง เลือดและฟันพุ่งออกมา ช่างน่าสังเวชอย่างยิ่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 73

ภายใต้การไล่ล่าตามรายชื่อขององครักษ์ผ้าแพร ขุนนางเมืองหลวงรู้สึกเหมือนชีวิตของขุนนางไร้ค่า เพราะองครักษ์ผ้าแพรอำมหิตเหลือเกิน เพียงตอบรับไม่ตรงใจ จะโดนทุบตีทันที หากโชคดีหน่อยก็แค่โดนคนเดียว โชคไม่ดีก็โดนรุมทั้งตระกูล ในช่วงแรกยังมีขุนนางบางคนที่ดื้อรั้น ปากตะโกนว่าจะยืนหยัดร่วมชะตากรรมกับขุนนางอื่นที่ร่วมต่อต้านความเผด็จการขององค์รัชทายาท ทว่าหลังจากโดนทุบตี ถึงตระหนักได้ว่าองครักษ์ผ้าแพรกล้าสังหารคนจริงๆ จึงดูเชื่อฟังขึ้นมา หลังจากมีข่าวลือหลายหระแสออกจากจวนของมหาอำมาตย์หวังเถิงฮ่วน เหล่าขุนนางระดับสูงก็เงียบเสียงลง ค่ำคืนแรกของหิมะตกหนักทั่วเมืองหลวง เริ่มต้นด้วยเสียงเอะอะโวยวาย และจบลงอย่างเงียบงัน ค่ำคืนอันเงียบสงัด ทุกคนต่างรอคอยเช้าวันใหม่อย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้มีคนไม่ได้นอนและนอนไม่หลับกี่คน พวกเขาอดนอนท่ามกลางหิมะถึงยามอิ่น รีบลุกขึ้นสวมชุดราชสำนัก แล้วออกจากจวนของตนภายใต้การจับจ้องขององครักษ์ผ้าแพรโดยไม่พูดไม่จา และรวมตัวมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ด้านนอกประตูอู่ของพระราชวัง ขุนนางพลเรือนและทหารหลายร้อยคนรวมตัวกัน จัดเรียงแถวตามลำดับ และยืนรออย่างเงียบ ๆ ในค่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 74

บนบัลลังก์ทองคำตรงกลางสุด เก้าอี้มังกรอันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดเหนือแผ่นดินตั้งวางเด่นเป็นสง่า หลี่เฉินเดินขึ้นไปบนบัลลังก์ทองคำและมาถึงเก้าอี้มังกร เขายกมือวางบนเก้าอี้มังกร เพียงการกระทำนี้ หัวใจของขุนนางราชสำนักเต้นรัวจนแทบออกจากอก จ้าวเสวียนจีหรี่ตาลง จิตสังหารพุ่งทะยาน ซูเจิ้นถิงขมวดคิ้ว ค่อยข้างดูกังวลเก้าอี้มังกรทองคำบนแท่นสูงในท้องพระโรง มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่นั่งได้ ใต้หล้านี้ นอกจาฮ่องเต้ ไม่ว่าองค์รัชทายาท องค์หญิง หรือไทเฮาผู้มีสถานะสูงศักดิ์เพียงใด หากกล้าแตะต้อง ล้วนต้องตายไม่มีข้อละเว้นนี่คือกฎมนุษย์บรรพบุรุษ และเป็นหลักธรรมอันยิ่งใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าหลี่เฉินเข้าใกล้บัลลังก์ด้วยความโลภ หรือเพียงต้องการสัมผัสรสชาติของอำนาจนั่งทั่วหล้า นั่งทั่วหล้า ก็คือนั่งลงบนบัลลังก์มังกร ชายใดไม่อยากบ้างทว่าขอเพียงหลี่เฉินนั่งลง แม้แต่ฮ่องเต้ต้าสิงลุกขึ้นจากเตียงในเวลานี้ ก็ช่วยหลี่เฉินจากความผิดมหันต์นี้ไม่ได้ ทุกคนจ้องมองหลี่เฉิน ไม่ยอมพลาดสักกิริยาบท บางคนตั้งตารอ บางคนกังวล ใจคนซับซ้อนและร้อนรน และแสดงออกมาอย่างสุดขีดในความเงียบงันนี้ทว่าหลี่เฉินมิใช่คนโ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 75

ประเด็นแรกที่องค์รัชทายาทเปิดประชุมราชการเช้า คือการผลักดันซูเจิ้นถิงขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญเนื่องจากพัวพันคดีกบฏในอดีต ซูเจิ้นถิงจึงถูกฮ่องเต้ถอดถอนจากตำแหน่ง แม้จะยังคงมียศเป็นขุนนางสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพใหญ่และราชาแห่งผู้ชนะ แต่ล้วนเป็นเพียงตำแหน่งลวงโดยปราศจากอำนาจใดๆยามนี้หลี่เฉินต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ยิ่งไปกว่านั้น ซูเจิ้นถิงยังเป็นแม่ทัพที่ทรงอิทธิพลและได้รับการยกย่องอย่างยิ่งในกองทัพ เขาจึงมิอาจไม่เรียกใช้คนเช่นนี้ได้ทว่าข้อเสนอนี้ย่อมก่อให้เกิดเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มขุนนางฝ่ายพลเรือน“องค์รัชทายาท กระหม่อมขอคัดค้าน”หูเสี่ยนพีรองเสนาบดีกรมยุทธการออกมาคัดค้านเดิมทีเขาคือผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะรับตำแหน่งต่อจากเถิงไหวอี้ที่ถูกถอดถอน เพราะด้วยบารมีของซูเจิ้นถิงแล้ว หูเสี่ยนพีคงไม่มีวันได้ขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธการแน่นอน“ท่านแม่ทัพซูเป็นขุนนางสายพระญาติ ยศศักดิ์สูงส่งเกินกว่าตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธการที่เป็นเพียงขุนนางขั้นสอง หากเป็นเช่นนี้ มิใช่ขัดต่อระเบียบราชสำนักหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดไตร่ตรองอีกครั้งด้วย”หูเสี่ยนพีเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจดีว่าซูเ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 76

จักรวรรดิต้าฉินมีความคล้ายคลึงกับยุคก่อนที่หลี่เฉินจะทะลุมิติมาทั่วทั้งแคว้นแบ่งออกเป็นสิบสามเมือง แต่ละเมืองมีขุนนางสูงสุดเรียกว่าปลัด และการปกครองกับการทหารจะแยกออกจากกัน ทหารชั้นสูงสุดเรียกว่าผู้บัญชาการของกรมบัญชาการนอกเหนือจากสิบสามเมืองแล้ว ยังมีเขตปกครองนครบาลอย่างจื๋อลี่ใต้และเมืองหลวง ไม่มีผู้บัญชาการ แต่มีหน่วยบัญชาการทหารสูงสุดและองครักษ์อวี่หลินที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้องครักษ์อวี่หลินมีทหารจำนวนสามหมื่นนาย หน่วยบัญชาการทหารสูงสุดปกครองกองซ้าย ขวา หน้า หลัง และกลาง รวมห้ากองทัพ โดยแต่ละกองมีทหารจำนวนหกหมื่นนาย ทำหน้าที่ปกป้องเมืองหลวงหน่วยบัญชาการทหารสูงสุดในนามแล้ว มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการทหารทั่วหล้า เป็นหน่วยทางการทหารที่สูงที่สุดของจักรวรรดิต้าฉินทว่านับตั้งแต่การสถาปนาจักรวรรดิขึ้นมา เพื่อป้องกันการรวมศูนย์อำนาจทางทหารมากเกินไป ฮ่องเต้ทุกยุคสมัยจึงลดทอนอำนาจของหน่วยบัญชาการทหารสูงสุดมาโดยตลอด เหลือไว้เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น จวบจนบัดนี้ หน่วยบัญชาการทหารสูงสุดได้เปรียบเสมือนสัตว์มงคลของหน่วยราชการ ฉะนั้น คำสั่งของหลี่เฉินที่ให้รวมพลทหารทั่งหล้า ก็เพื่อการนี
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 77

การต่อสู้ทางการเมือง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการแสดงละครหลี่เฉินโยนก้อนอิฐล่อหยก ใช้ตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธการล่อสหายผู้โง่เขลาอย่างหูเสี่ยนพีติดกับ และยังมีหูหวังเถิงฮ่วนคอยสนับสนุนอีกด้วย ขณะที่สวมบทบาทตัวละครอย่างแนบเนียน หลี่เฉินใช้ไพ่ของหน่วยบัญชาการทหารสูงสุดโจมตีกลุ่มพลเรือนจนตั้งตัวไม่ทัน รวมกับความช่วยเหลืออันน่าทึ่งของหูเสี่ยนพี ยามนี้ซูเจิ้งถิงได้เปรียบกว่า กลุ่มขุนศึกต่างสามัคคีกัน เป้าหมายของหลี่เฉินก็บรรลุไปเกินครึ่งแล้ว การเมืองเป็นเพียงการเล่นกับใจคนหูเสี่ยนพีที่ตกหลุมพลางยังไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย เขารู้สึกเพียงว่าหายนะร้ายแรงกำลังจะมาถึง จึงล้มนั่งลงกับพื้น ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก อ้อนวอนขอความเมตตาจากหลี่เฉิน "องค์รัชทายาทโปรดทรงเมตตาด้วย กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้น” หลี่เฉินเหลือบมองหูเสี่ยนพีพลางเอ่ยเสียงราบเรียบ “รองเสนาบดีกรมยุทธการหูเสี่ยนพี พูดจาโอหังอวดดีในท้องพระโรง ดูหมิ่นวีรบุรุษ มัวเมาในอำนาจ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของจริยธรรม ถอดถอนตำแหน่ง สอบสวนดำเนินคดี ส่งเข้าคุกให้หน่วยบูรพาสืบสวน เพื่อปลอบประโลมด
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 78

ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา “รากฐานของจักรวรรดิ ต้องอาศัยทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนปกครองบ้านเมือง ฝ่ายทหารปกครองแผ่นดิน ทั้งสองฝ่ายล้วนขาดไม่ได้ เปรียบเสมือนเสาหลักสองต้นที่ค้ำจุนแคว้น ด้วยเหตุนี้ ทายาทของวีรบุรุษผู้ภักดี จอมทัพอันดับหนึ่ง ผู้เป็นที่รักของเหล่าทหาร สมกับความกล้าหาญของวีรบุรุษผู้ภักดี ข้าจึงแต่งตั้งซูเจิ้นถิงเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งหน่วยบัญชาการทหารสูงสุด ควบคุมกองทัพทหารทั่วหล้า มอบอำนาจเบ็ดเสร็จในการบัญชาการทหารรักษานครบาลจำนวนสามแสนนาย ด้วยความมุ่งหวังให้แผ่นดินที่แสงอาทิตย์ส่องถึงและสายน้ำไหลผ่าน ล้วนเป็นดินแดนฉิน อาศัยดาบอันคมกริบของท่านซู แผ่ขยายบารมีของแคว้นสู่ดินแดนอันไกลโพ้น รับพระราชโองการ”เมื่อพระราชโองการฉบับนี้ ลงประทับตราพระราชลัญจกรและตราประทับขององค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว จะคัดสำเนาส่งให้กับสำนักราชเลขาเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะส่งไปที่ทุกเมืองประกาศให้ราษฎรทราบ ห้ามมิให้ผู้ใดฝ่าฝืน”เมื่อพระราชโองการประกาศแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้ซูเจิ้นถิงเอ่ยปากคนแรก ก้มกราบลงสามครั้งคำนับเก้าคำครั้ง และเอ่ยด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “กระ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 79

เจียงโจวตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบร้องตะโกนว่า “องค์รัชทายาทโปรดไว้ชีวิตด้วย กระหม่อมไม่ทราบว่าเรื่องจะบานปลายเพียงนี้ กระหม่อมก็กำลังคิดหาวิธีไล่พวกเขาออกไป ทว่าผู้ประสบภัยเหล่านั้นดื้อรั้นนัก ไล่แล้วก็กลับมา กระหม่อมจนปัญญาแล้วจริงๆ” “ตำราเซิ่งเสียน สุนัขคาบไปกินแล้วรึ!” เจียงโจวไม่อธิบายคงดีกว่า แต่ทันทีที่เขาอธิบาย จิตสังหารของหลี่เฉินก็เดือดพล่านอีกครั้ง “ราชสำนักแต่งตั้งเจ้าเป็นขุนนาง และเป็นถึงผู้ว่าการเมืองหลวง ภายใต้โอรสสวรรค์ เพื่อให้เจ้าขับไล่ผู้ประสบภัยรึ! ผู้ประสบภัยไปที่ใดก็มิใช่ดินแดนของต้าฉิน มิใช่ราษฎรของต้าฉินอย่างนั้นหรือ!” “เจ้าไม่คิดบรรเทาภัยพิบัติและเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ยังจะขับไล่พวกเขาออกไป เพียงคำพูดนี้ของเจ้า ข้าไม่สังหารเจ้า คงไม่อาจระบายความเกลียดแค้นที่ติดอยู่ในใจไปได้!” “ลากขุนนางชั่วช้าออกไปสอบปากคำและสังหารทันที ตรวจค้นจวนของเขา เนรเทศสามพันลี้ในสามชั่วโครตให้ และยึดเป็นของหลวงทั้งหมด!” เจียงโจวนึกไม่ถึงว่าการร้องขอความเมตตาจะนำไปสู่การทำลายล้างตระกูลของเขา เขากลัวมากจนเนื้อตัวสั่นไม่หยุด อยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกองครักษ์ที่ถือดา
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 80

“เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยามนี้ไม่ว่าจะลงโทษหรือเอาผิดก็เป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุ ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เหตุการณ์ที่องค์รักษ์อวี่หลินสังหารหมู่ผู้ประสบภัยนั้น มีทั้งแง่มุมดีและแง่มุมเลวร้าย แม้ชีวิตผู้คนหลายพันคนจะสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย แต่ความผิดพลาดได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรีบช่วยเหลือผู้ประสบภัย มิฉะนั้น จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของราชสำนักในสายตาของราษฎร”คำพูดของจ้าวเสวียนจี ทำให้หลี่เฉินหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลยอีกทั้งเป็นเรื่องที่หลี่เฉินกังวลจริง ๆเขาจึงมิได้พูดแทรก และรอให้จ้าวเสวียนจีพูดต่อจ้าวเสวียนจีมิได้หยุดพูด หายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ กระหม่อมขอเสนอแนะให้องค์รัชทายาทมีราชโองการให้คัดเลือกบุคคลผู้มีจิตใจเมตตา สามารถเป็นตัวแทนของราชวงศ์ และมากด้วยความสามารถลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อปลอบประโลมราษฎร”เมื่อได้ยินประโยคนี้ จุดประสงค์ของจ้าวเสวียนจีก็ชัดเจนขึ้นแล้วขุนนางทั้งราชสำนัก ใครบ้างที่สามารถเป็นตัวแทนของราชวงศ์ได้ไม่มีผู้ใดนอกจากองค์รัชทายาททว่าองค์รัชทายาททรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
678910
...
71
DMCA.com Protection Status