บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 411 - บทที่ 420

625

บทที่ 411

ในอีกฝั่งหนึ่ง ฉีหมิงขมวดคิ้ว และมีท่าทางที่ดูขุ่นเคืองใจเมื่อฮุ่ยอี๋ เห็นว่าเขาไม่พูดไม่จา ก็รู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น แทบอยากจะเอาร่างของตนเองแนบไปบนตัวของเขา: " เจ้าไม่รู้จริงๆหรือว่า ข้ารอเจ้าอยู่ที่สวนจักรพรรดิทุกวัน เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจ้า? "“แต่เจ้า? กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นข้าทุกครั้ง!”นางสูดจมูก แล้วกล่าวว่า " ฉีหมิง เจ้าจงใจใช่หรือไม่?"ฉีหมิงพยายามอดทนสุดขีดและพูดกับนางว่า "องค์หญิงพูดจาเหลวไหลอะไร ข้าน้อยจะไปคู่ควรกับความชื่นชอบขององค์หญิงได้อย่างไร องค์หญิงอย่ามาล้อเล่นกับข้าน้อยเลย"ฮุ่ยอี๋โต้กลับไปว่า: " เหตุใดถึงไม่คู่ควร? ใครกล้าบอกว่าไม่คู่ควร ข้าจะให้เสด็จพ่อของข้าลากเขาไปประหาร... "ฉีหมิงเอามือกุมหน้าผาก รู้สึกหดหู่ใจและรู้หงุดหงิดอยู่ในใจเขาแย่งถ้วยเหล้ามาจากในมือของฮุ่ยอี๋ เรียกนางกำนัลเอาชาสร่างเมามาให้นางหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า: "องค์หญิงดื่มมากเกินไปแล้ว ช่วยพยุงองค์หญิงไปพักผ่อนที!"นางกำนัลสองสามคนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ฮุ่ยอี๋กลับดุว่า: "พวกเจ้าไสหัวออกไป ข้าจะให้ฉีหมิงส่งข้ากลับวังด้วยตนเอง!"ไป๋อวี้ถังก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 412

หลังจากที่ทุกคนกินอิ่มแล้ว ก็พากันจากไปกลุ่มละสามถึงห้าคน เหลือเพียงโต๊ะของพวกหลินซวงเอ๋อร์ที่ยังไม่แยกย้ายองค์จักรพรรดิเสด็จกลับวังภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ ก่อนออกเดินทาง เขาอยากพาฮุ่ยอี๋กลับไปวังพร้อมกันแต่ฮุ่ยอี๋ปฏิเสธ และยืนกรานที่จะอยู่กับหลินซวงเอ๋อร์องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนางได้ ดังนั้นจึงกำชับให้ฉีหมิงและคนอื่นๆพานางกลับไปที่วังอย่างปลอดภัยฉีหมิงเอามือกุมหน้าผาก ในขณะนี้ เขาอยากรักษาระยะห่างจากฮุ่ยยี่ และอยู่ห่างจากฮุ่ยอี๋ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจะไปส่งนางกลับวังได้อย่างไร!ฉีหมิงลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้ไป๋อวี้ถังแล้วกล่าวว่า "ข้าน้อยมีงานที่จะต้องสะสางอยู่ที่จวน จึงไม่สะดวกที่จะส่งองค์หญิงกลับวัง รบกวนท่านสมุหราชเลขาธิการส่งองค์หญิงกลับไปอย่างปลอดภัยด้วย"ไป๋อวี้ถังไม่เต็มใจที่จะรับเรื่องยุ่งยากนี้ จึงลุกขึ้นก่อนแล้วกล่าวว่า "บังเอิญจริงๆ ข้าเองก็มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ ตอนนี้จะต้องไปแล้ว ดังนั้นใต้เท้าฉีไปส่งองค์หญิงจะเหมาะสมมากกว่า" พูดจบ ไม่สนใจว่าฉีหมิงจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เดินล่วงหน้าไปก่อนฉีหมิง: "...."แน่นอนว่า ถ้าอยากจะฉกฉ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 413

เขาอยากคุยกับนาง อยากอยู่กับนางตามลำพัง อยากโอบกอดนาง อยากจะบอกนางว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาคิดถึงนางมากแค่ไหน...นางคงจะไม่รู้ว่า เขาคิดถึงนางคิดถึงจนแทบจะเป็นบ้า...น้ำเสียงของฮุ่ยอี๋ ยังคงดังก้องอยู่ข้างหูไม่หยุด ฉีหมิงไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังเลย แค่รู้สึกว่าน่ารำคาญสุดขีด“เจ้ามีอะไรให้เก่งกาจหรือ ข้าชื่นชอบเจ้า ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้า…”“ให้เจ้าไปส่งข้ากลับวัง ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง...”“ ฉีหมิง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลย? เจ้าคงจะคิดว่า ข้าจงใจตามตื้อเจ้าใช่ไหม?”“เจ้าอย่าภาคภูมิใจจนเกินไป...ข้าไม่ได้ตามตื้อเจ้าเสียหน่อย!”“เฮ้! เจ้าพูดออกมาสิ? เหตุใดเจ้าถึงเอาแต่มองซวงเอ๋อร์? ซวงเอ๋อร์เป็นคนของท่านลุงของข้า ไม่ได้เป็นคนของเจ้า มองแล้วจะไปมีประโยนช์อะไร…”เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาจับจ้องมาที่ซวงเอ๋อร์อยู่ตลอดเวลา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เลิกเสื้อคลุมขึ้น แล้วคลุมคนที่อยู่ในอ้อมแขนเอาไว้ทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกว่า ถ้าปล่อยให้ฉีหมิงมองอีกครั้ง อาจะเสียหายครั้งใหญ่ได้!เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์แล้วลุกขึ้น แล้วกล่าวกับฉีหมิงว่า: " ในเมื่อองค์จักรพรรดิสั่งให้ใต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 414

รถม้าโคลงเคลงเล็กน้อย ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนศีรษะนางพยายามดิ้นรนออกไปจากอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิง คลานไปที่หน้าต่าง แล้วเปิดม่านเพื่อสูดอากาศตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ลมยามค่ำคืนจึงค่อนข้างจะหนาวเล็กน้อยทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็รั้งเอวนางเอาไว้ จากนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็เหยียดแขนออกไป แล้วดึงนางกลับเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง“ลมยามค่ำคืนหนาวเย็นมาก เดี๋ยวซวงเอ๋อร์จะเป็นหวัดเอาได้” เยี่ยเป่ยเฉิงจัดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวให้นาง แล้วพันตัวนางเอาไว้แน่นหลินซวงเอ๋อร์เมามาก นางซกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิง สายตาพร่ามัว และมองเห็นเพียงเงาสองอันที่ทับซ้อนกันแต่เมื่อนางได้ยินเสียง นางก็รู้ว่า คนที่กอดนางเอาไว้คือสวามีของนาง---เยี่ยเป่ยเฉิงนางขยี้ตา พยายามอย่างหนักที่จะมองใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงให้ชัดเจนในที่สุดใบหน้าที่พร่ามัวทั้งสองก็ทับซ้อนเข้าด้วยกันทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เทพแห่งสงครามแห่งต้าซ่งหล่อเหลาสง่างาม หล่อเกือบจะเหมือนภูตมาร แต่หลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกว่า คืนนี้เขาหล่อเหลาที่สุด หล่อเกินไปเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าที่หล่อเหลาเย้ายวนของเขาด้วยความมึนเมา แ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 415

นี่เป็นครั้งที่สองที่นางเริ่มจูบเขาก่อนครั้งแรก อยู่ภายใต้การบังคับชักจูงของเขา นางจูบเขาอย่างไม่เต็มใจ และเคลื่อนไหวงุ่มง่ามมาก แต่ถึงกระนั้น ก็สามารถปลุกเร้าเปลวไฟในร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดายแต่คราวนี้ ห็นได้ชัดว่าทักษะของนางช่ำชองขึ้นมามากจูบนี้แตกต่างจากการยับยั้งชั่งใจที่เคยนางเคยแสดงออกในอดีตอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเต็มไปด้วยความลุกล้ำที่รุนแรง และความปรารถนาที่อยากจะครอบครองอันแรงกล้า...ในขณะนี้ หลินซวงเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ?นางคิดว่า ชายคนนี้เป็นของนาง เป็นของนางเพียงคนเดียวเท่านั้น...นางไม่ต้องการแบ่งปันเขากับใคร และไม่มีใครสามารถแย่งเขาไปจากนางได้ความคิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ตอนนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วนางเป็นของเขาเพียงผู้เดียว เขาก็ควรจะเป็นของนางคนเดียวเท่านั้น แบบนี้ถึงจะยุติธรรมนอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมของผลไม้จางๆระหว่างริมฝีปากและฟันของนาง ซึ่งมีกลิ่นหอมมากสมองของเยี่ยเป่ยเฉิงว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่งขณะที่เขากำลังจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์กลับหยุดเคลื่อนไหวนางผงะร่างกายออกไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ถอนริมฝีปากออกมาด้วย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 416

หลังจากที่ฮุ่ยอี๋ล้มลงก็อยู่ในอาการที่มึนงง นอนคว่ำหน้าไม่ได้สติอยู่บนพื้นชั่วขณะลมยามราตรีพัดแรงมาก พักจนทำให้ฮุ่ยอี๋รู้สึกหนักศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆตอนที่มองดูฉีหมิงขับรถม้าออกไป นางยังคิดว่าฉีหมิงกำลังล้อเล่นกับนางในค่ายไม่มีใครอยู่สักคนเดียว มีแค่นางที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวที่นี่นางลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ จึงไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ นางคลำหาหญ้าที่สะอาด แล้วนั่งยองๆอยู่ที่นั่นอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก และรอให้ฉีหมิงกลับมารับนางอย่างไร้เดียงสาแต่นางรอแล้วรอเล่า รอนานเท่าไหร่ก็ไม่เห็นฉีหมิงกลับมาเสียทีลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาความหนาวเย็นมา และได้พัดเอาความเมาของนางออกไปเล็กน้อยฮุ่ยอี๋สวมชุดค่อนข้างที่จะบาง ตอนนี้จึงรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อยฮุ่ยอี๋แบมือไว้ แล้วเป่าลมหายใจลงไปในฝ่ามือ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เต็มไปด้วยหมอกสีขาวค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงเหน็บหนาวมากฮุ่ยอี๋จามไปหนึ่งครั้ง ลูบจมูกสีแดงเล็กน้อยของตนเอง และยังคงนั่งยองๆรออยู่ที่พื้นนัยน์ตาที่เมามายเต็มไปด้วยความพร่ามัว เมื่อรอจนเบื่อแล้ว นางก็กอดเข่า แล้ววางคางเอาไว้ที่บนหัวเข่า นัยน์ตาที่สับสนคู่หนึ่งจับ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 417

สายตาของฮุ่ยอี๋มองไปที่พื้นดินที่อยู่บริเวณรอบๆ แต่ก็ไม่พบอาวุธใดๆที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้เลย นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงทำได้แค่จ้องมองหมาป่า และค่อยๆถอยหลังกลับไปทีละเล็กทีละน้อยคิดไม่ถึงว่า เท้าจะไปเหยียบกิ่งไม้ก้านหนึ่งเข้า กิ่งไม้แห้งหักจนเกิดเสียงที่ดังคมชัด ทำให้สัตว์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเกรี้ยวโกรธทันทีหมาป่าชั่วร้ายแยกเขี้ยวยิงฟัน ขุดกรงเล็บของมันหลายครั้ง ไม่นานรอยกรงเล็บที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นฮุ่ยอี๋คิดว่า อีกสักครู่ถ้ารอยกรงเล็บนั้นปรากฏขึ้นบนร่างกายของตนเอง คงจะฉีกร่างของนางออกเป็นสองส่วนแน่เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฮุ่ยอี๋ก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปหมาป่าชั่วร้ายก้มโค้งตัว ลงแรงไปที่เท้าหน้า แล้วกระโจนออกไป ในทิศทางที่ฮุ่ยอี๋อยู่อย่างรวดเร็ว...เงาสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมลงมา ฮุ่ยอี๋หวาดกลัวมากจนต้องกรีดร้องออกมา นั่งยองๆลงบนพื้นแล้วกุมศีรษะเอาไว้ท่ามกลางท้องฟ้าในยามราตรี ลูกศรอันแหลมคมยิงผ่านอากาศ ลอยผ่านเหนือศีรษะของฮุ่ยอี๋ฮุ่ยอี๋ได้ยินเพียงเสียงเห่าหอนอันน่าสังเวชทันทีที่เงยหน้าขึ้น ฮุ่ยอี๋ก็เห็นฉีหมิงกำลังขี่ม้า ออกมาจากความมืด เขาถื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 418

หลังจากกลับมาถึงจวน ตงเหมยก็ต้มชาสร่างเมาให้หลินซวงเอ๋อร์อีกชามหลินซวงเอ๋อร์ดื่มชา และอาบน้ำร้อน ตอนนี้ความเมามายได้หายไปแล้ว ในที่สุดก็กลับมามีสติอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนเองเพิ่งทำกับเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็แทบอยากจะขุดหลุมแล้วมุดเข้าไปข้างในหลินซวงเอ๋อร์เอามือปิดหน้าเอาไว้ อายเกินกว่าจะพบเจอใครช่างน่าอายมากจริงๆ แม้ว่าจะคลั่งไคล้รูปลักษณ์ที่งดงามของเขามากแค่ไหน แต่นางก็ควรจะสงวนท่าทีมากกว่านี้เมื่อสักครู่นางนางทำอะไรลงไป?นางกอดเยี่ยเป่ยเฉิงเอาไว้ทั้งจูบทั้งแทะ แถมยังพูดคำเลี่ยนๆเช่นนั้นกับเขาอีก...เหตุใดนางถึงได้พูดคำที่โจ๋งครึ่มแบบนั้นออกมาได้? เลินเล่อเกินไปแล้ว...หลินซวงเอ๋อร์สาบานว่า ต่อไปนางจะไม่ดื่มมั่วซั่วอีก ไม่ว่ารสชาติจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม...นางซุกตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเยี่ยเป่ยเฉิงเลยอาจเป็นเพราะนางอาบน้ำนานเกินไป เยี่ยเป่ยเฉิงจึงรอไม่ไหวเล็กน้อย จึงเรียกนางผ่านฉากกั้นลม“ ซวงเอ๋อร์ อาบน้ำเสร็จแล้วหรือยัง? เหตุใดถึงได้อาบนานขนาดนั้น?” เสียงของเขาแฝงไปด้วยร้อนใจเล็กน้อย ถ้านางยังไม่ส่งเสียง เขาก็คงจะเดินอ้อมฉากกั้นลมแล้วเดิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 419

“สวามีจะอ่านตำราไม่ใช่หรือ?เหตุใดถึงไม่ไปอ่านที่ห้องหนังสือสักพักล่ะ...” หลินซวงเอ๋อร์หาข้ออ้างมั่วซั่ว เพราะตอนนี้แค่อยากจะให้เขาออกไป“ไม่อยากอ่านแล้ว สวามีอยากจะกระชับความสัมพันธ์กับซวงเอ๋อร์ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น…”หลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ถูกเขาอุ้มขึ้นมา เยี่ยเป่ยเฉิงเดินจ้ำอ้าวไปที่เตียง ฝีเท้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์เหลือบมองโต๊ะเตี้ยโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงบังเอิญเห็นปกหนังสือเล่มนั้นเข้าพอดีหอมเสน่ห์นารี?เมื่อสักครู่นี้เห็นเขาอ่านอย่างคลั่งไคล้ ยังคิดว่าเขากำลังจัดการกับหนังสือราชการที่สำคัญบางอย่างอยู่ที่แท้ ก็กำลังอ่านหนังสือที่ไม่ไม่เป็นโล้เป็นพายเล่มนี้อยู่...เยี่ยเป่ยเฉิงวางนางลงบนเตียง แล้วยื่นมือออกไปปลดเข็มขัดของนางอย่างกระตือรือร้น“สวามี...วัน วันนี้ข้าไม่ค่อยอยากทำ” หลินซวงเอ๋อร์หลีกเลี่ยงกรงเล็บที่จะเอื้อมไปหานางหลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงได้ต่อต้านเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่านางชอบเขามาก และอยากเข้าใกล้เขามากเช่นกัน มีแต่เรื่องในมุ้งเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ที่นางหวาดกลัว หวาดกลัวสุดขีดเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 420

ฉีหมิงและฮุ่ยอี๋กำลังรออยู่นอกประตูจวนหลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกมาสายตาของฉีหมิงมองไปที่ข้างหลังเยี่ยเป่ยเฉิง พอไม่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง“ใต้เท้าฉีไม่ส่งองค์หญิงกลับวัง พามาส่งที่นี่เพื่ออะไร?” สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมมาก น้ำเสียงก็เย็นชามากยิ่งขึ้นฉีหมิงกลับดูสงบนิ่งเป็นอย่างมากพวกเขาต่างก็ปัดความรับผิดแล้วจากไป แถมยังจากไปอย่างเด็ดขาด แล้วโยนเรื่องที่ยุ่งยากนี้มาให้เขา ตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกอึดอัดใจ ฉีหมิงจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้“ข้าน้อยแค่ทำตามรับสั่งขององค์หญิง พานางมาส่งที่จวนท่านอ๋อง ”สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึม มองไปที่ฮุ่ยอี๋ด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง“องค์หญิงกับข้าไม่เคยผูกมิตรกันมาก่อน ไม่ทราบว่าองค์หญิงมาทำอะไรที่นี่?”ในวันปกติ ฮุ่ยอี๋แทบอยากจะอยู่ห่างจากเทพแห่งความชั่วร้ายคนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยกับเขาแบบซึ่งๆหน้าแต่ตอนนี้ ฮุ่ยอี๋ดื่มเหล้าจนเมา ทำให้รู้สึกเวียนหัว จึงไม่เข้าใจสีหน้าแววตาที่เย็นชาของเขาตามธรรมชาตินางเพิกเฉยต่อเยี่ยเป่ยเฉิง
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
4041424344
...
63
DMCA.com Protection Status