Share

บทที่ 412

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หลังจากที่ทุกคนกินอิ่มแล้ว ก็พากันจากไปกลุ่มละสามถึงห้าคน เหลือเพียงโต๊ะของพวกหลินซวงเอ๋อร์ที่ยังไม่แยกย้าย

องค์จักรพรรดิเสด็จกลับวังภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ ก่อนออกเดินทาง เขาอยากพาฮุ่ยอี๋กลับไปวังพร้อมกัน

แต่ฮุ่ยอี๋ปฏิเสธ และยืนกรานที่จะอยู่กับหลินซวงเอ๋อร์

องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนางได้ ดังนั้นจึงกำชับให้ฉีหมิงและคนอื่นๆพานางกลับไปที่วังอย่างปลอดภัย

ฉีหมิงเอามือกุมหน้าผาก ในขณะนี้ เขาอยากรักษาระยะห่างจากฮุ่ยยี่ และอยู่ห่างจากฮุ่ยอี๋ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจะไปส่งนางกลับวังได้อย่างไร!

ฉีหมิงลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้ไป๋อวี้ถังแล้วกล่าวว่า "ข้าน้อยมีงานที่จะต้องสะสางอยู่ที่จวน จึงไม่สะดวกที่จะส่งองค์หญิงกลับวัง รบกวนท่านสมุหราชเลขาธิการส่งองค์หญิงกลับไปอย่างปลอดภัยด้วย"

ไป๋อวี้ถังไม่เต็มใจที่จะรับเรื่องยุ่งยากนี้ จึงลุกขึ้นก่อนแล้วกล่าวว่า "บังเอิญจริงๆ ข้าเองก็มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ ตอนนี้จะต้องไปแล้ว ดังนั้นใต้เท้าฉีไปส่งองค์หญิงจะเหมาะสมมากกว่า" พูดจบ ไม่สนใจว่าฉีหมิงจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เดินล่วงหน้าไปก่อน

ฉีหมิง: "...."

แน่นอนว่า ถ้าอยากจะฉกฉ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 413

    เขาอยากคุยกับนาง อยากอยู่กับนางตามลำพัง อยากโอบกอดนาง อยากจะบอกนางว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาคิดถึงนางมากแค่ไหน...นางคงจะไม่รู้ว่า เขาคิดถึงนางคิดถึงจนแทบจะเป็นบ้า...น้ำเสียงของฮุ่ยอี๋ ยังคงดังก้องอยู่ข้างหูไม่หยุด ฉีหมิงไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังเลย แค่รู้สึกว่าน่ารำคาญสุดขีด“เจ้ามีอะไรให้เก่งกาจหรือ ข้าชื่นชอบเจ้า ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้า…”“ให้เจ้าไปส่งข้ากลับวัง ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง...”“ ฉีหมิง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลย? เจ้าคงจะคิดว่า ข้าจงใจตามตื้อเจ้าใช่ไหม?”“เจ้าอย่าภาคภูมิใจจนเกินไป...ข้าไม่ได้ตามตื้อเจ้าเสียหน่อย!”“เฮ้! เจ้าพูดออกมาสิ? เหตุใดเจ้าถึงเอาแต่มองซวงเอ๋อร์? ซวงเอ๋อร์เป็นคนของท่านลุงของข้า ไม่ได้เป็นคนของเจ้า มองแล้วจะไปมีประโยนช์อะไร…”เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาจับจ้องมาที่ซวงเอ๋อร์อยู่ตลอดเวลา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เลิกเสื้อคลุมขึ้น แล้วคลุมคนที่อยู่ในอ้อมแขนเอาไว้ทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกว่า ถ้าปล่อยให้ฉีหมิงมองอีกครั้ง อาจะเสียหายครั้งใหญ่ได้!เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์แล้วลุกขึ้น แล้วกล่าวกับฉีหมิงว่า: " ในเมื่อองค์จักรพรรดิสั่งให้ใต

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 414

    รถม้าโคลงเคลงเล็กน้อย ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนศีรษะนางพยายามดิ้นรนออกไปจากอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิง คลานไปที่หน้าต่าง แล้วเปิดม่านเพื่อสูดอากาศตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ลมยามค่ำคืนจึงค่อนข้างจะหนาวเล็กน้อยทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็รั้งเอวนางเอาไว้ จากนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็เหยียดแขนออกไป แล้วดึงนางกลับเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง“ลมยามค่ำคืนหนาวเย็นมาก เดี๋ยวซวงเอ๋อร์จะเป็นหวัดเอาได้” เยี่ยเป่ยเฉิงจัดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวให้นาง แล้วพันตัวนางเอาไว้แน่นหลินซวงเอ๋อร์เมามาก นางซกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิง สายตาพร่ามัว และมองเห็นเพียงเงาสองอันที่ทับซ้อนกันแต่เมื่อนางได้ยินเสียง นางก็รู้ว่า คนที่กอดนางเอาไว้คือสวามีของนาง---เยี่ยเป่ยเฉิงนางขยี้ตา พยายามอย่างหนักที่จะมองใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงให้ชัดเจนในที่สุดใบหน้าที่พร่ามัวทั้งสองก็ทับซ้อนเข้าด้วยกันทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เทพแห่งสงครามแห่งต้าซ่งหล่อเหลาสง่างาม หล่อเกือบจะเหมือนภูตมาร แต่หลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกว่า คืนนี้เขาหล่อเหลาที่สุด หล่อเกินไปเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าที่หล่อเหลาเย้ายวนของเขาด้วยความมึนเมา แ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 415

    นี่เป็นครั้งที่สองที่นางเริ่มจูบเขาก่อนครั้งแรก อยู่ภายใต้การบังคับชักจูงของเขา นางจูบเขาอย่างไม่เต็มใจ และเคลื่อนไหวงุ่มง่ามมาก แต่ถึงกระนั้น ก็สามารถปลุกเร้าเปลวไฟในร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดายแต่คราวนี้ ห็นได้ชัดว่าทักษะของนางช่ำชองขึ้นมามากจูบนี้แตกต่างจากการยับยั้งชั่งใจที่เคยนางเคยแสดงออกในอดีตอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเต็มไปด้วยความลุกล้ำที่รุนแรง และความปรารถนาที่อยากจะครอบครองอันแรงกล้า...ในขณะนี้ หลินซวงเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ?นางคิดว่า ชายคนนี้เป็นของนาง เป็นของนางเพียงคนเดียวเท่านั้น...นางไม่ต้องการแบ่งปันเขากับใคร และไม่มีใครสามารถแย่งเขาไปจากนางได้ความคิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ตอนนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วนางเป็นของเขาเพียงผู้เดียว เขาก็ควรจะเป็นของนางคนเดียวเท่านั้น แบบนี้ถึงจะยุติธรรมนอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมของผลไม้จางๆระหว่างริมฝีปากและฟันของนาง ซึ่งมีกลิ่นหอมมากสมองของเยี่ยเป่ยเฉิงว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่งขณะที่เขากำลังจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์กลับหยุดเคลื่อนไหวนางผงะร่างกายออกไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ถอนริมฝีปากออกมาด้วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 416

    หลังจากที่ฮุ่ยอี๋ล้มลงก็อยู่ในอาการที่มึนงง นอนคว่ำหน้าไม่ได้สติอยู่บนพื้นชั่วขณะลมยามราตรีพัดแรงมาก พักจนทำให้ฮุ่ยอี๋รู้สึกหนักศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆตอนที่มองดูฉีหมิงขับรถม้าออกไป นางยังคิดว่าฉีหมิงกำลังล้อเล่นกับนางในค่ายไม่มีใครอยู่สักคนเดียว มีแค่นางที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวที่นี่นางลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ จึงไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ นางคลำหาหญ้าที่สะอาด แล้วนั่งยองๆอยู่ที่นั่นอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก และรอให้ฉีหมิงกลับมารับนางอย่างไร้เดียงสาแต่นางรอแล้วรอเล่า รอนานเท่าไหร่ก็ไม่เห็นฉีหมิงกลับมาเสียทีลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาความหนาวเย็นมา และได้พัดเอาความเมาของนางออกไปเล็กน้อยฮุ่ยอี๋สวมชุดค่อนข้างที่จะบาง ตอนนี้จึงรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อยฮุ่ยอี๋แบมือไว้ แล้วเป่าลมหายใจลงไปในฝ่ามือ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เต็มไปด้วยหมอกสีขาวค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงเหน็บหนาวมากฮุ่ยอี๋จามไปหนึ่งครั้ง ลูบจมูกสีแดงเล็กน้อยของตนเอง และยังคงนั่งยองๆรออยู่ที่พื้นนัยน์ตาที่เมามายเต็มไปด้วยความพร่ามัว เมื่อรอจนเบื่อแล้ว นางก็กอดเข่า แล้ววางคางเอาไว้ที่บนหัวเข่า นัยน์ตาที่สับสนคู่หนึ่งจับ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 417

    สายตาของฮุ่ยอี๋มองไปที่พื้นดินที่อยู่บริเวณรอบๆ แต่ก็ไม่พบอาวุธใดๆที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้เลย นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงทำได้แค่จ้องมองหมาป่า และค่อยๆถอยหลังกลับไปทีละเล็กทีละน้อยคิดไม่ถึงว่า เท้าจะไปเหยียบกิ่งไม้ก้านหนึ่งเข้า กิ่งไม้แห้งหักจนเกิดเสียงที่ดังคมชัด ทำให้สัตว์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเกรี้ยวโกรธทันทีหมาป่าชั่วร้ายแยกเขี้ยวยิงฟัน ขุดกรงเล็บของมันหลายครั้ง ไม่นานรอยกรงเล็บที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นฮุ่ยอี๋คิดว่า อีกสักครู่ถ้ารอยกรงเล็บนั้นปรากฏขึ้นบนร่างกายของตนเอง คงจะฉีกร่างของนางออกเป็นสองส่วนแน่เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฮุ่ยอี๋ก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปหมาป่าชั่วร้ายก้มโค้งตัว ลงแรงไปที่เท้าหน้า แล้วกระโจนออกไป ในทิศทางที่ฮุ่ยอี๋อยู่อย่างรวดเร็ว...เงาสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมลงมา ฮุ่ยอี๋หวาดกลัวมากจนต้องกรีดร้องออกมา นั่งยองๆลงบนพื้นแล้วกุมศีรษะเอาไว้ท่ามกลางท้องฟ้าในยามราตรี ลูกศรอันแหลมคมยิงผ่านอากาศ ลอยผ่านเหนือศีรษะของฮุ่ยอี๋ฮุ่ยอี๋ได้ยินเพียงเสียงเห่าหอนอันน่าสังเวชทันทีที่เงยหน้าขึ้น ฮุ่ยอี๋ก็เห็นฉีหมิงกำลังขี่ม้า ออกมาจากความมืด เขาถื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 418

    หลังจากกลับมาถึงจวน ตงเหมยก็ต้มชาสร่างเมาให้หลินซวงเอ๋อร์อีกชามหลินซวงเอ๋อร์ดื่มชา และอาบน้ำร้อน ตอนนี้ความเมามายได้หายไปแล้ว ในที่สุดก็กลับมามีสติอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนเองเพิ่งทำกับเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็แทบอยากจะขุดหลุมแล้วมุดเข้าไปข้างในหลินซวงเอ๋อร์เอามือปิดหน้าเอาไว้ อายเกินกว่าจะพบเจอใครช่างน่าอายมากจริงๆ แม้ว่าจะคลั่งไคล้รูปลักษณ์ที่งดงามของเขามากแค่ไหน แต่นางก็ควรจะสงวนท่าทีมากกว่านี้เมื่อสักครู่นางนางทำอะไรลงไป?นางกอดเยี่ยเป่ยเฉิงเอาไว้ทั้งจูบทั้งแทะ แถมยังพูดคำเลี่ยนๆเช่นนั้นกับเขาอีก...เหตุใดนางถึงได้พูดคำที่โจ๋งครึ่มแบบนั้นออกมาได้? เลินเล่อเกินไปแล้ว...หลินซวงเอ๋อร์สาบานว่า ต่อไปนางจะไม่ดื่มมั่วซั่วอีก ไม่ว่ารสชาติจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม...นางซุกตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเยี่ยเป่ยเฉิงเลยอาจเป็นเพราะนางอาบน้ำนานเกินไป เยี่ยเป่ยเฉิงจึงรอไม่ไหวเล็กน้อย จึงเรียกนางผ่านฉากกั้นลม“ ซวงเอ๋อร์ อาบน้ำเสร็จแล้วหรือยัง? เหตุใดถึงได้อาบนานขนาดนั้น?” เสียงของเขาแฝงไปด้วยร้อนใจเล็กน้อย ถ้านางยังไม่ส่งเสียง เขาก็คงจะเดินอ้อมฉากกั้นลมแล้วเดิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 419

    “สวามีจะอ่านตำราไม่ใช่หรือ?เหตุใดถึงไม่ไปอ่านที่ห้องหนังสือสักพักล่ะ...” หลินซวงเอ๋อร์หาข้ออ้างมั่วซั่ว เพราะตอนนี้แค่อยากจะให้เขาออกไป“ไม่อยากอ่านแล้ว สวามีอยากจะกระชับความสัมพันธ์กับซวงเอ๋อร์ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น…”หลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ถูกเขาอุ้มขึ้นมา เยี่ยเป่ยเฉิงเดินจ้ำอ้าวไปที่เตียง ฝีเท้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์เหลือบมองโต๊ะเตี้ยโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงบังเอิญเห็นปกหนังสือเล่มนั้นเข้าพอดีหอมเสน่ห์นารี?เมื่อสักครู่นี้เห็นเขาอ่านอย่างคลั่งไคล้ ยังคิดว่าเขากำลังจัดการกับหนังสือราชการที่สำคัญบางอย่างอยู่ที่แท้ ก็กำลังอ่านหนังสือที่ไม่ไม่เป็นโล้เป็นพายเล่มนี้อยู่...เยี่ยเป่ยเฉิงวางนางลงบนเตียง แล้วยื่นมือออกไปปลดเข็มขัดของนางอย่างกระตือรือร้น“สวามี...วัน วันนี้ข้าไม่ค่อยอยากทำ” หลินซวงเอ๋อร์หลีกเลี่ยงกรงเล็บที่จะเอื้อมไปหานางหลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงได้ต่อต้านเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่านางชอบเขามาก และอยากเข้าใกล้เขามากเช่นกัน มีแต่เรื่องในมุ้งเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ที่นางหวาดกลัว หวาดกลัวสุดขีดเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 420

    ฉีหมิงและฮุ่ยอี๋กำลังรออยู่นอกประตูจวนหลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกมาสายตาของฉีหมิงมองไปที่ข้างหลังเยี่ยเป่ยเฉิง พอไม่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง“ใต้เท้าฉีไม่ส่งองค์หญิงกลับวัง พามาส่งที่นี่เพื่ออะไร?” สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมมาก น้ำเสียงก็เย็นชามากยิ่งขึ้นฉีหมิงกลับดูสงบนิ่งเป็นอย่างมากพวกเขาต่างก็ปัดความรับผิดแล้วจากไป แถมยังจากไปอย่างเด็ดขาด แล้วโยนเรื่องที่ยุ่งยากนี้มาให้เขา ตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกอึดอัดใจ ฉีหมิงจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้“ข้าน้อยแค่ทำตามรับสั่งขององค์หญิง พานางมาส่งที่จวนท่านอ๋อง ”สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึม มองไปที่ฮุ่ยอี๋ด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง“องค์หญิงกับข้าไม่เคยผูกมิตรกันมาก่อน ไม่ทราบว่าองค์หญิงมาทำอะไรที่นี่?”ในวันปกติ ฮุ่ยอี๋แทบอยากจะอยู่ห่างจากเทพแห่งความชั่วร้ายคนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยกับเขาแบบซึ่งๆหน้าแต่ตอนนี้ ฮุ่ยอี๋ดื่มเหล้าจนเมา ทำให้รู้สึกเวียนหัว จึงไม่เข้าใจสีหน้าแววตาที่เย็นชาของเขาตามธรรมชาตินางเพิกเฉยต่อเยี่ยเป่ยเฉิง

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status