“ตอนนี้ท่านเป็นตัวประกันของข้าแล้วนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยความคิดตนเองอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ซึ่งคั่นบังด้วยผ้าบางเฟิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ มองนางอยู่เงียบๆจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “พวกเขาก็แค่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเพราะขโมยพลังท่านมา ดังนั้นจึงมาเพ่งเล็งข้านี่ไง”“อืม” เฟิงเหยียนพยักหน้า “พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าขโมยมา เป็นสิ่งของที่เดิมทีควรเป็นของพวกเขา”“ข้าจะขโมยซะอย่าง” เสียงของจั๋วซ์อหรานฟังแล้วเหมือนมีความเอาแต่ใจกับเกเรอยู่หน่อยๆ “ข้าขโมยมาแล้วด้วย”เฟิงเหยียนมองคางนางที่อยู่ในท่าทีประมาณว่า “ข้าไม่สนข้าไม่สนข้าจะเอา” หางตาก็เหมือนจะยกโค้งขึ้นมาหน่อยจั๋วซือหรานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขายังดี ทั้งคิดจะรักษาท่าน ทั้งไม่อยากให้พลังที่ทำร้ายท่านได้ต้องสิ้นเปลือง นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานเดินพาเฟิงเหยียนออกมาพอเห็นภาพถนนรอบๆ ที่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เม้มขึ้นเบาๆเพียงแค่เป็นคนในเมืองหลวง ก็จะจำภาพถนนรอบๆ นี้ได้ไม่ยากนัก ถนนที่เงียบสงัดเช่นนี้จะตรงไปที่ใดกันนะ
Read more