บททั้งหมดของ ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง: บทที่ 171 - บทที่ 180

1022

บทที่ 171

จั๋วซือหรานหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ เดิมทีนางคิดว่าผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่จากสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลยยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนจริงจังและคนตรงไปตรงมา จั๋วซือหรานแทบจะมองเห็นความประหลาดใจในดวงตาของเขาจะเห็นได้ว่าขบวนรถม้าของตระกูลเฟิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของผู้อาวุโสใหญ่ และแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังคาดไม่ถึงเลยจากรถม้าคันแรกของตระกูลเฟิง มีชายคนหนึ่งสวมชุดของคนรับใช้ของตระกูลเฟิงกระโดดลงรถม้าและเดินไปหาจั๋วซือหรานเขาพูดด้วยความเคารพว่า " แม่นางจั๋วจิ่วขอรับ อรุณสวัสดิ์ขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองเขา“ข้าน้อยได้รับคำสั่งมาหาท่าน เพื่อมอบ…” คนรับใช้ตของระกูลเฟิง กล่าวด้วยความเคารพจั๋วซือหรานขัดจังหวะเขา “คำสั่งของใคร”“ ซื่อจื่อ …และคำสั่งของผู้อาวุโสทั้งหลายขอรับ” หลังจากคนรับใช้ตอบแล้ว เขาพูดเรื่องของเมื่อครู่นี้ต่อ “มอบของขวัญตอบให้ท่านขอรับ”คนรับใช้ถือใบรายการของขวัญด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ทราบว่าใบรายการของขวัญได้ระบุของขวัญกี่ชิ้น มันถูกม้วนเป็นม้วนและถูกปิดผนึกด้วยกระดาษสีแดง เขาส่งมอบให้กับจั๋วซือหรานห
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 172

“ก็หนูติดธุระน่ะแม่” จั๋วซือหรานพูดและยิ้ม “แต่ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านอ๋องไม่ใช่คนไร้เหตุผล และท่านอ๋องมีช่องทางทราบข่าวของข้าอย่างรวดเร็วแน่ ๆ ท่านอ๋องต้องเข้าใจหนูแน่ ๆ”แม้ว่าเป็นอย่างนั้นก็จริง ๆ แต่อวิ๋นเหนียงยังคงรู้สึกการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเล็กน้อย คิ้วของนางบิดเบี้ยวเล็กน้อย "แม่ไม่กังวลว่า ท่านอ๋องจะไม่เข้าใจ"แม้ว่าอวิ๋นเหนียงไม่เคยพยเฟิงบหยียน แต่ฟังจากข่าวรือของชาวบ้าน นางฟังออกว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่อ่อนน้อมถ่อมตนและดีเยี่ยม มิฉะนั้น เขาจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นที่หนึ่งในบรรดาหนุ่ม ๆ อันหล่อเหลาและดีเยี่ยมในเมืองหลวง“แม่กังวลเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงจะไม่เข้าใจหนู” อวิ๋นเหนียงกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะคิดว่าหนูไม่เสียมารยาท วันหลังพวกเขาจะหาเรื่องหนู ”จั๋วซือหรานยิ้มเมื่อนางได้ยินคำพูดของท่านแม่"หนูไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใจหนู เฟิงเหยียนต้องเข้าใจหนูก็พอ นอกจากนี้ ท่านแม่คงมองออกว่า หนูไม่ใช่คนที่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาอาจมีอคติกับหนูอยู่บ้าง แต่หลังจากเมื่อวานเป็นต้นไป คงไม่ใช่เช่นนั้นแล้วเจ้าค่ะ”ผู้อาวุโสใหญ่ยืนฟังคำพูดของ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 173

หลิ่วเย่ฟังเสียงฝีเท้านั้น นางรู้สึกเจ้าของเสียงนี้อารมณ์ดีมาก และเจ้าของผู้นี้เดินอย่างสบาย ๆหลิ่วเย่ตาบอดข้างหนึ่ง แต่หูของนางยังคงดีมาก ดังนั้นนางได้ยินการเคลื่อนไว้ของข้างนอกอย่างชัดเจนนี่ไม่ใช่เสียงฝีเท้าของฝูซาง ฝูซางเป็นคนรอบคอบ นางทำงานได้ทั้งรวดเร็วและดี ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยมีจังหวะผ่อนคลายเช่นนี้ และนางมักจะรีบร้อนเล็กน้อยส่วนฝูซูกับจั๋วหวาย ฝีเท้าของพวกเขามีชีวิตชีวาและอ่อนเยาว์หน่อย หากจะบอกว่าพวกเขาเดิน พวกเขากระโดดและวิ่งไป ๆ มา ๆ มากกว่าฮูหยินเป็นผู้ที่อ่อนโยน วิธีการพูดและการกระทำเหมือนฝีเท้าของฮูหยิน เสียงฝีเท้าของฮูหยินนุ่มนวลและเสียงฝีเท้าที่ผ่อนคลายเช่นนี้ หลิ่วเย่จำคนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น...หญิงสาวผู้นั้นมีพรสวรรค์อันโดดเด่น นางอายุน้อยและงามเสมือนนางฟ้า บางทีอาจเป็นเพราะนางดีทุกอย่าง นางไม่ต้องใจร้อนในเรื่องใด ๆ ดังนั้นนางจึงดูสบาย ๆ และผ่อนคลายอยู่เสมอหรืออาจเป็นเพราะในฐานะที่เป็นลูกสาวคนโต นางต้องแบกรับความกดดันมากกว่าผู้อื่น นางจึงไม่กล้าเดินและกระโดดมากเกินไป นางเลยก้าวได้ทีละก้าวเท่านั้น เดินอย่างสบาย ๆ และมั่นคงเมื่อหลิ่วเย่จำเสียงฝีเท้าได้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 174

จั๋วซือหรานกล่าวและมองหลิ่วเย่ นางยิ้มแต่ไม่มีรอยยิ้มตั้งแต่จั๋วซือหรานเดินเข้าห้อง หลิ่วเย่จ้องมองจั๋วซือหรานด้วยดวงตาข้างที่ยังมองได้จั๋วซือหรานมองนางแล้วพูดเบา ๆ “ หลิ่วเย่ ไม่เจอกันนานเลย”ริมฝีปากแตกของหลิ่วเย่สั่น นางขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่นางไม่พูดอะไร นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และสุดท้ายนางก็แค่เรียกจั๋วซือหรานด้วยเสียงแหบ "คุณหนู..."จั๋วซือหรานเลิกคิ้วและมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ "นางพูดได้และสารภาพได้อยู่นี่"เดิมทีนางนึกว่าหลิ่วเย่อาจถูกวางยาและเป็นใบ้ หรือหมดสติ หรืออะไรบางอย่างโดยไม่คาดคิดนางยังมีสติอยู่และยังพูดได้ด้วยนั่นเป็นอาการที่ยังสามารถสารภาพได้ ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ ถึงไปหานางจั๋วซือหรานสับสนเล็กน้อยผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “นางกลัวตาย นางบอกว่าหากเราไม่ช่วยชีวิตนาง นางจะไม่สารภาพ หากนางไม่สารภาพ ข้าจะเหนื่อยใจ”จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของผู้อาวุโสใหญ่ สำหรับคนซื่อสัตย์อย่างเขา แม้ว่าเขาจะต้องการให้ความยุติธรรมแก่นางจริง ๆ เขาก็ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนเนื่องจากเขาไม่มีสิทธิ์จัดการฉินตวนหยาง ซึ่งผู้ที่เป็นข้าราชการแห่งราชสำนัก เขาจึงต้องหาทางแก้ไขจากหลิ่วเย่ หา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 175

การกระทำของฝูซางว่องไวมาก นางก็มัดหลิ่วเย่ให้แน่นตามคำแนะนำของจั๋วซือหรานในเวลาอันสั้นฝูซางกับฝูซูเป็นผู้ติดตามที่แท้จริง ผู้ติดตามไม่แตกต่างกับคนรับใช้ผู้ติดตามสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ กับเจ้านายได้ ตัวอย่างเช่น เด็กรับใช้ของเจ้านายสามารถไปเรียนที่สถานศึกษากับเจ้านาย เด็กรับใช้ของเจ้านายยังสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้านายได้เช่นกันแม้ว่าเด็กรับใช้ไม่ได้เรียนและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจังเหมือนเจ้านาย แต่การที่สามารถอยู่ข้างกายของเจ้านายนั้นได้ความรู้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง บางทีเด็กรับใช้อาจจะเป็นผู้ทรงพลังก็ได้นะกล่าวโดยสรุป ฝูซางกับฝูซู ฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้าของร่างเดิม พวกเขาอาจไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่น แต่ความสามารถของพวกเขาก็เหนือกว่าคนรับใช้อย่างหลิ่วเย่ตั้งเยอะฝูซางมัดหลิ่วเย่ไว้อย่างรวดเร็วแม้ว่าหลิ่วเย่จะรู้ว่าจั๋วซือหรานจะรักษานาง แต่นางก็ยังตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้"คุณห คุณหนูอยากทำอะไร ปล่อยข้าไป ปล่อยข้า"แต่เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่นางตื่นตระหนกอย่างมาก เสียงของนางยังฟังอ่อนแออย่างมากฝูซางไม่สนใจนางกำลังพู
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 176

ในขณะนี้ จั๋วซือหรานได้ดึงมือของนางออกแล้วหลิ่วเย่ถูกความเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก และในช่วงที่นางยังเบลออยู่ นางได้ยินเสียงของจั๋วซือหราน "ก็ไม่เลว ลำไส้ไม่ได้เสียกมากนัก ถือว่าเจ้าโชคดี"ลูกตาดำที่ไร้ชีวิตชีวาของหลิ่วเย่เหลือบมองจั๋วซือหรานอีกครั้งจากนั้นนางก็เห็นจั๋วซือหรานเริ่มหยิบเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดออกมาจั๋วหลานกับฝูซางไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่านางหยิบเครื่องมือออกมาที่ไหน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าเครื่องมือพวกนี้คืออะไรอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่ของที่ใช้กับผู้ที่ได้รับมีบาดเจ็บทั่วไปหลิ่วเย่มองเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่รู้จักแต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ และเมื่อเห็นเครื่องมือโลหะแวววาวเหล่านั้น หลิ่วเย่ก็ไม่กล้าขยับตัวแม้ว่านางถูกมัดไว้แน่น แต่ก่อนหน้านี้ นางยังบิดตัวเล็กน้อย แต่ในเวลานี้ เมื่อนางเห็นเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมาและนางรู้ดีว่านางได้รับบาดเจ็บที่ไหน ดังนั้นนางเห็นเครื่องมือเย็น ๆ เหล่านี้ เมื่อนางรู้ว่าของเหล่านี้จะถูกใช้ที่ไหนหลิ่วเย่สั่นเบาลง“ ฝูซาง ไปเอาน้ำร้อนมา” จั๋วซือหราน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 177

ทันทีที่จั๋วหลานเดินเข้ามา เขาเห็นจั๋วซือหรานใช้เครื่องมือที่ดูเหมือนกรรไกร นางกำลังคีบ... เข็มโค้งที่ดูเหมือนเบ็ดตกปลา แล้วจี้ไปที่ท้องของหลิ่วเย่มือของเขาไม่นิ่ง และกะละมังก็ตกบนพื้น เสียงนั้นดังก้อง ซึ่งทำให้ฝูซางสะดุ้งแต่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิ ไม่ต้องพูดถึงนางตกใจ นางไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว และนางไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยในการเคลื่อนไหวเลยนางปักเข็มอย่างแม่นยำ จากนั้นดึงเข็มแล้วดึงด้าย...หลิ่วเย่ส่งเสียงคำรามแหลมออกมาจากลำคอของนางดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากจั๋วหลานทำกะละมังตกบนพื้น ฝูซางตกใจจนกระโดดในที่เดิม หรือเสียงคำรามอันแหลมคมที่ออกมาจากลำคอหลิ่วเย่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิเลยเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ แต่เธอก็ยังสามารถทำสิ่งที่เธอทำอยู่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสีหน้าของเธอนี่คือคุณสมบัติทางจิตตวิทยาที่แพทย์ควรมี และในความคิดเห็นของจั๋วซือหราน นี่เป็นเรื่องธรรมชาติแต่ในสายตาของคนด้านข้าง นี่คือคุณสมบัติที่ทรงพลังอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากผ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 178

จั๋วซือหรานไม่มีการคัดค้านใด ๆ ดังนั้นนางเอื้อมมือและตบจุดฝังเข็มสามสี่จุดของหลิ่วเย่หลิ่วเย่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่านางจำได้ว่าก่อนที่นางหมดสติ นางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนแต่ในขณะนี้ ปากของนางไม่ถูกผ้ายัดใส่แล้ว ดังนั้นนางจึงอ้าปากและคำรามอย่างเสียงดังจั๋วซือหรานยกมือปิดหูไว้ นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "อย่าตะโกน"หลังจากหลิ่วเย่กรีดร้องอีกสองสามครั้ง นางเริ่มค่อย ๆ มีสติกลับมา และนางพูดเสียงแหบแห้งว่า "ข้ายังไม่ตายหรือ ข้า... ยังมีชีวิตอยู่หรือ"ภายใต้ความเจ็บปวดสุดขีดของก่อนหน้านี้ นางอยากตายจริง ๆ ก่อนที่นางหมดสติ นางนึกว่านางต้องตายแน่ ๆแต่ตอนนี้นางมีสติกลับมา นางเริ่มรู้สึกนางโชคดีนางลดสายตาลงและอยากดูบาดแผลของตัวเอง นางรู้ดีว่าบาดแผลที่หน้าท้องของนางเป็นอย่างไรจั๋วซือหรานหันไปสั่งฝูซาง "ไปเอากระจกมา ส่องให้นางดูสิ"ฝูซางรีบไปเอากระจกมา นางแก้ผ้าปิดแผลของหลิ่วเย่เมื่อเห็นรอยแผลบนท้องเหมือนตะขาบง แม้น่ากลัวมาก แต่ก็ดีกว่าการสภาพที่ถูกผ่าท้องครั้งก่อนมากจริง ๆหลิ่วเย่ตกใจเล็กน้อย นางมองจั๋วซือหรานหนึ่งแวบ ราวกับว่านาง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 179

เดิมทีจั๋วซือหรานว่าจะไปจวนเฟิงทันที ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น นางยังคงต้องให้เกียรติท่านอ๋องหน่อย ไม่ได้เพื่ออะไร แต่อย่างน้อยเขาหน้าตาดีและเรื่องที่นางแข่งกับตระกูลเหยียน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็เพิกเฉยต่อมิตรภาพระหว่างเขากัตระกูลเหยียน และเข้าร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียนเขายังทำร้ายตัวเองเช่นนั้นและให้พวกเขารักษาเขาจั๋วซือหรานสรุปได้ว่า เฟิงเหยียนต้องมีวิธีโดยเฉพาะในการควบคุมความอาการบาดเจ็บของเขาดังนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาต้องมาเป็นผู้ป่วยในการแข่งขันทักษณะการแพทย์ระหว่างนางกับตระกูลเหยียน เขาคงไม่ต้องทำร้ายตัวเองถึงขั้นนั้นหรอกและเขารักษาสัญญาได้ค่อนข้างดี การแข่งขันเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ และวันนี้เขาสั่งคนส่งของขวัญหมั้นมาที่ประตูจวนของนางทันที แม้ว่าสัญญาการแต่งงานระหว่างนางกับเขาจะไม่เป็นความจริง แต่ดูจากของขวัญหมั้น เขาก็ไม่ได้ละเลยนางดังนั้นจั๋วซือหรานจึงตัดสินใจว่า เมื่อทำธุระทางนี้เสร็จ นางจะไปจวนเฟิงทันที อย่างน้อยก็อย่าทำให้เฟิงเหยียนรู้สึกลำบากใจต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงแต่ในขณะนี้นางยังยอมหยุดฝีเท้าเพราะคนตรงหน้าเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างห
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 180

สีหน้าของนางดูแข็งทื่อเล็กน้อย และนางก็เริ่มพูดติดอ่าง "ท-ทำไม...ทำไมข้าต้องถูกกฎตระกูลลงโทษด้วย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้คนรับใช้ที่เจ้าเล่ห์นั้น ข้าไม่ได้ฆ่านาง เป็น... เป็นท่านพ่อของข้าต่างหาก เพราะท่านพ่อรู้ว่าทาสจะทนทุกข์ทรมานไม่ได้และต้องใส่ร้ายข้าแน่ ๆ ท่านจึงลงมือจัดการนาง"จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไร นางมองจั๋วหรูซินด้วยความรังเกียจ แม้ว่านางจะไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อคุณท่านจั๋วลิ่วก็ตามแต่คุณท่านจั๋วลิ่วในฐานะที่เป็นบิดายังปฏิบัติดีต่อจั๋วหรูซินดีมากเขารู้ชัดเจนว่าเหล่าผู้อาวุโสอาจใช้หลิ่วเย่เป็นเหยื่อล่อ แต่เขายังคงโจมตีหลิ่วเย่ในเมื่อคืนนี้ เพราะเขาต้องการปกป้องจั๋วหรูซิน ตราบใดที่หลิ่วเย่เสียชีวิตโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ แม้ว่าตัวเขาเองจะถูกลงโทษ เขาทำผิดเพียงแค่ฆ่าคนรับใช้อย่างน้อยจั๋วหรูซินถูกถอนคำกล่าวหาว่า นางร่วมมือกับบุคคลภายนอกและทำร้ายลูกพี่ลูกน้องเดิมทีจั๋วซือหรานคิดว่าจั๋วหรูซินมาที่นี่เพื่อขอนางอภัยคุณท่านจั๋วลิ่ว แต่นางไม่คาดคิดว่า จั๋วหรูซินมาที่นี่เพื่อโยนความผิดทั้งหมดให้กับคุณท่านจั๋วลิ่วเดิมทีจั๋วซือหรานแค่ดูถูกนาง แต่ตอนนี้จั๋วซือหร
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1617181920
...
103
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status