การกระทำของฝูซางว่องไวมาก นางก็มัดหลิ่วเย่ให้แน่นตามคำแนะนำของจั๋วซือหรานในเวลาอันสั้นฝูซางกับฝูซูเป็นผู้ติดตามที่แท้จริง ผู้ติดตามไม่แตกต่างกับคนรับใช้ผู้ติดตามสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ กับเจ้านายได้ ตัวอย่างเช่น เด็กรับใช้ของเจ้านายสามารถไปเรียนที่สถานศึกษากับเจ้านาย เด็กรับใช้ของเจ้านายยังสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้านายได้เช่นกันแม้ว่าเด็กรับใช้ไม่ได้เรียนและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจังเหมือนเจ้านาย แต่การที่สามารถอยู่ข้างกายของเจ้านายนั้นได้ความรู้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง บางทีเด็กรับใช้อาจจะเป็นผู้ทรงพลังก็ได้นะกล่าวโดยสรุป ฝูซางกับฝูซู ฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้าของร่างเดิม พวกเขาอาจไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่น แต่ความสามารถของพวกเขาก็เหนือกว่าคนรับใช้อย่างหลิ่วเย่ตั้งเยอะฝูซางมัดหลิ่วเย่ไว้อย่างรวดเร็วแม้ว่าหลิ่วเย่จะรู้ว่าจั๋วซือหรานจะรักษานาง แต่นางก็ยังตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้"คุณห คุณหนูอยากทำอะไร ปล่อยข้าไป ปล่อยข้า"แต่เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่นางตื่นตระหนกอย่างมาก เสียงของนางยังฟังอ่อนแออย่างมากฝูซางไม่สนใจนางกำลังพู
ในขณะนี้ จั๋วซือหรานได้ดึงมือของนางออกแล้วหลิ่วเย่ถูกความเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก และในช่วงที่นางยังเบลออยู่ นางได้ยินเสียงของจั๋วซือหราน "ก็ไม่เลว ลำไส้ไม่ได้เสียกมากนัก ถือว่าเจ้าโชคดี"ลูกตาดำที่ไร้ชีวิตชีวาของหลิ่วเย่เหลือบมองจั๋วซือหรานอีกครั้งจากนั้นนางก็เห็นจั๋วซือหรานเริ่มหยิบเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดออกมาจั๋วหลานกับฝูซางไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่านางหยิบเครื่องมือออกมาที่ไหน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าเครื่องมือพวกนี้คืออะไรอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่ของที่ใช้กับผู้ที่ได้รับมีบาดเจ็บทั่วไปหลิ่วเย่มองเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่รู้จักแต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ และเมื่อเห็นเครื่องมือโลหะแวววาวเหล่านั้น หลิ่วเย่ก็ไม่กล้าขยับตัวแม้ว่านางถูกมัดไว้แน่น แต่ก่อนหน้านี้ นางยังบิดตัวเล็กน้อย แต่ในเวลานี้ เมื่อนางเห็นเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมาและนางรู้ดีว่านางได้รับบาดเจ็บที่ไหน ดังนั้นนางเห็นเครื่องมือเย็น ๆ เหล่านี้ เมื่อนางรู้ว่าของเหล่านี้จะถูกใช้ที่ไหนหลิ่วเย่สั่นเบาลง“ ฝูซาง ไปเอาน้ำร้อนมา” จั๋วซือหราน
ทันทีที่จั๋วหลานเดินเข้ามา เขาเห็นจั๋วซือหรานใช้เครื่องมือที่ดูเหมือนกรรไกร นางกำลังคีบ... เข็มโค้งที่ดูเหมือนเบ็ดตกปลา แล้วจี้ไปที่ท้องของหลิ่วเย่มือของเขาไม่นิ่ง และกะละมังก็ตกบนพื้น เสียงนั้นดังก้อง ซึ่งทำให้ฝูซางสะดุ้งแต่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิ ไม่ต้องพูดถึงนางตกใจ นางไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว และนางไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยในการเคลื่อนไหวเลยนางปักเข็มอย่างแม่นยำ จากนั้นดึงเข็มแล้วดึงด้าย...หลิ่วเย่ส่งเสียงคำรามแหลมออกมาจากลำคอของนางดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากจั๋วหลานทำกะละมังตกบนพื้น ฝูซางตกใจจนกระโดดในที่เดิม หรือเสียงคำรามอันแหลมคมที่ออกมาจากลำคอหลิ่วเย่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิเลยเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ แต่เธอก็ยังสามารถทำสิ่งที่เธอทำอยู่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสีหน้าของเธอนี่คือคุณสมบัติทางจิตตวิทยาที่แพทย์ควรมี และในความคิดเห็นของจั๋วซือหราน นี่เป็นเรื่องธรรมชาติแต่ในสายตาของคนด้านข้าง นี่คือคุณสมบัติที่ทรงพลังอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากผ
จั๋วซือหรานไม่มีการคัดค้านใด ๆ ดังนั้นนางเอื้อมมือและตบจุดฝังเข็มสามสี่จุดของหลิ่วเย่หลิ่วเย่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่านางจำได้ว่าก่อนที่นางหมดสติ นางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนแต่ในขณะนี้ ปากของนางไม่ถูกผ้ายัดใส่แล้ว ดังนั้นนางจึงอ้าปากและคำรามอย่างเสียงดังจั๋วซือหรานยกมือปิดหูไว้ นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "อย่าตะโกน"หลังจากหลิ่วเย่กรีดร้องอีกสองสามครั้ง นางเริ่มค่อย ๆ มีสติกลับมา และนางพูดเสียงแหบแห้งว่า "ข้ายังไม่ตายหรือ ข้า... ยังมีชีวิตอยู่หรือ"ภายใต้ความเจ็บปวดสุดขีดของก่อนหน้านี้ นางอยากตายจริง ๆ ก่อนที่นางหมดสติ นางนึกว่านางต้องตายแน่ ๆแต่ตอนนี้นางมีสติกลับมา นางเริ่มรู้สึกนางโชคดีนางลดสายตาลงและอยากดูบาดแผลของตัวเอง นางรู้ดีว่าบาดแผลที่หน้าท้องของนางเป็นอย่างไรจั๋วซือหรานหันไปสั่งฝูซาง "ไปเอากระจกมา ส่องให้นางดูสิ"ฝูซางรีบไปเอากระจกมา นางแก้ผ้าปิดแผลของหลิ่วเย่เมื่อเห็นรอยแผลบนท้องเหมือนตะขาบง แม้น่ากลัวมาก แต่ก็ดีกว่าการสภาพที่ถูกผ่าท้องครั้งก่อนมากจริง ๆหลิ่วเย่ตกใจเล็กน้อย นางมองจั๋วซือหรานหนึ่งแวบ ราวกับว่านาง
เดิมทีจั๋วซือหรานว่าจะไปจวนเฟิงทันที ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น นางยังคงต้องให้เกียรติท่านอ๋องหน่อย ไม่ได้เพื่ออะไร แต่อย่างน้อยเขาหน้าตาดีและเรื่องที่นางแข่งกับตระกูลเหยียน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็เพิกเฉยต่อมิตรภาพระหว่างเขากัตระกูลเหยียน และเข้าร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียนเขายังทำร้ายตัวเองเช่นนั้นและให้พวกเขารักษาเขาจั๋วซือหรานสรุปได้ว่า เฟิงเหยียนต้องมีวิธีโดยเฉพาะในการควบคุมความอาการบาดเจ็บของเขาดังนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาต้องมาเป็นผู้ป่วยในการแข่งขันทักษณะการแพทย์ระหว่างนางกับตระกูลเหยียน เขาคงไม่ต้องทำร้ายตัวเองถึงขั้นนั้นหรอกและเขารักษาสัญญาได้ค่อนข้างดี การแข่งขันเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ และวันนี้เขาสั่งคนส่งของขวัญหมั้นมาที่ประตูจวนของนางทันที แม้ว่าสัญญาการแต่งงานระหว่างนางกับเขาจะไม่เป็นความจริง แต่ดูจากของขวัญหมั้น เขาก็ไม่ได้ละเลยนางดังนั้นจั๋วซือหรานจึงตัดสินใจว่า เมื่อทำธุระทางนี้เสร็จ นางจะไปจวนเฟิงทันที อย่างน้อยก็อย่าทำให้เฟิงเหยียนรู้สึกลำบากใจต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงแต่ในขณะนี้นางยังยอมหยุดฝีเท้าเพราะคนตรงหน้าเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างห
สีหน้าของนางดูแข็งทื่อเล็กน้อย และนางก็เริ่มพูดติดอ่าง "ท-ทำไม...ทำไมข้าต้องถูกกฎตระกูลลงโทษด้วย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้คนรับใช้ที่เจ้าเล่ห์นั้น ข้าไม่ได้ฆ่านาง เป็น... เป็นท่านพ่อของข้าต่างหาก เพราะท่านพ่อรู้ว่าทาสจะทนทุกข์ทรมานไม่ได้และต้องใส่ร้ายข้าแน่ ๆ ท่านจึงลงมือจัดการนาง"จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไร นางมองจั๋วหรูซินด้วยความรังเกียจ แม้ว่านางจะไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อคุณท่านจั๋วลิ่วก็ตามแต่คุณท่านจั๋วลิ่วในฐานะที่เป็นบิดายังปฏิบัติดีต่อจั๋วหรูซินดีมากเขารู้ชัดเจนว่าเหล่าผู้อาวุโสอาจใช้หลิ่วเย่เป็นเหยื่อล่อ แต่เขายังคงโจมตีหลิ่วเย่ในเมื่อคืนนี้ เพราะเขาต้องการปกป้องจั๋วหรูซิน ตราบใดที่หลิ่วเย่เสียชีวิตโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ แม้ว่าตัวเขาเองจะถูกลงโทษ เขาทำผิดเพียงแค่ฆ่าคนรับใช้อย่างน้อยจั๋วหรูซินถูกถอนคำกล่าวหาว่า นางร่วมมือกับบุคคลภายนอกและทำร้ายลูกพี่ลูกน้องเดิมทีจั๋วซือหรานคิดว่าจั๋วหรูซินมาที่นี่เพื่อขอนางอภัยคุณท่านจั๋วลิ่ว แต่นางไม่คาดคิดว่า จั๋วหรูซินมาที่นี่เพื่อโยนความผิดทั้งหมดให้กับคุณท่านจั๋วลิ่วเดิมทีจั๋วซือหรานแค่ดูถูกนาง แต่ตอนนี้จั๋วซือหร
เมื่อเห็นร่างของเจ้านายของเขาหายไปในความมืด ฉูนจวีนก็รู้สึกจนปัญญาเขารู้นิสัยของเจ้านายของเขา ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าเจ้านายของเขาชอบแม่นางจั๋วจิ่วแต่เขามองออก เจ้านายปฏิบัติต่อแม่นางจั๋วจิ่วไม่เหมือนปฏิบัติต่อผู้อื่นบางทีอาจเป็นเพราะแม่นางจั๋วจิ่วสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้านายได้ แต่ฉูนจวีนรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่านั้น เพราะก่อนเมื่อวานนี้ แม่นางจั๋วจิ่วไม่เคยรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้านายเลยแต่ดูเหมือนว่ท่านปฏิบัติต่อแม่นางจั๋วจิ่วไม่เหมือนที่เคยปฏิบัติต่อผู้อื่น เมื่อคิดลึกหน่อย คงทราบดี นั่นไม่น่าแปลกใจ เพราะแม่นางจั๋วจิ่วมีความสามารถ มีเสน่ห์ และกล้าหาญจริง ๆเป็นเรื่องปกติมากที่เจ้านายจะชื่นชมนางโดยไม่คาดคิด แม่นางจั๋วจิ่ว... เก่งมากด้วย ฉูนจวีนรู้สึกผู้หญิงมักจะหลงไหลในเสน่ห์ของเจ้านายแต่เมื่อดูการกระทำและทัศนคติของแม่นางจั๋วจิ่ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร...ดูเหมือนนางไม่เกิดอารมณ์หวั่นไหวกับเจ้านายเลยฉูนจวีนถอนหายใจเบา ๆ เขารีบเดินตามเฟิงเหยียน......จั๋วหรูซินยินคำพูดของจั๋วซือหราน นางไม่เชื่อคำพุดนั้น“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับเฟิงเหยียนหรือ” นางส่ายหัว “เป็นไปไม
“ก็แค่ตัวตลก”......จั๋วซือหรานไปที่จวนของตระกูลเฟิง พูดตามตรง นางค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทางนี้อาจเป็นเพราะนางแอบเข้ามาหลายครั้ง จนกระทั่งนางยังไม่ถึงทางเข้าหลักของจวนเฟิง แค่เห็นกำแพงของจวนเฟิง นางก็อยากปีนเข้าไปทันทีจั๋วซือหรานเดินถึงที่ประตูจวนเฟิง นางเห็นคนรับใช้หลายคนของจวนเฟิงยืนอยู่ที่นั่น“ จั๋วจิ่วมาเยี่ยม โปรดส่งข่าวและแจ้งให้ทราบด้วย” จั๋วซือหราน กล่าวอย่างสุภาพคนรับใช้หลายคนไม่กล้าละเลย พวกเขาอาจได้รับคำสั่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพานางเข้าไปข้างในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ก็พานางไปที่ห้องโถงด้านหน้า“อยู่ข้างในขอรับ เชิญคุณหนูจั๋วจิ่วเข้ามาขอรับ” คนรับใช้ยืนที่ด้านข้างและทำท่าทางเชิญชวน เขาพูดด้วยความเคารพจั๋วซือหรานเดินเข้าไป แต่ก่อนที่นางจะเดินถึงบันไดยาวที่อยู่หน้าประตูห้องโถงหน้า นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามนางจากด้านหลังคนที่มาคิดไม่ดีจั๋วซือหรานได้ยินเสียงลมที่มาจากทางอากาศ นางไม่หันตัวกลับมา แต่เพียงขยับตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยมีดาบที่ไม่ได้หุ้มฝักแทงเข้าข้างหูของนางจั๋วซือหรานเหลือบเห็นดาบจากมุมตาของนาง นางรู้สึกดาบนี้คุ้น ๆ ตอนที่นางเพิ่งข้ามเ
ไม่มีคนสังเกตเห็น ว่าที่ข้างเวที เจ้าสำนักหอจันทร์เงินที่หน้าตาอ่อนโยนหล่อเหลา เวลานี้มีสีหน้าปั้นยากมากตราประทับจันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น ขมวดเป็นก้อนจากการขมวดคิ้วแน่นของเขาแล้ว!คนอื่นอาจไม่รู้ แต่อินเจ๋ออันชัดเจนอย่างที่สุด!ผีเสื้อปีกระยับตัวเดียวของนางเผชิญหน้ากับราชาแมงมุมหน้าผีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกัน? ผีเสื้อปีกระยับตัวหนึ่งถ้าเผชิญหน้ากับแมงมุมหน้าผีมันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!แต่ผีเสื้อปีกระยับนั่นไม่ใช่ของจั๋วซือหราน!อินเจ๋ออันเข้าใจเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็รู้ถึงอันดับการออกสัตว์ประหลาดของซางถิงแล้ว ยกที่สามคือ...ผีเสื้อปีกระยับผีเสื้อปีกระยับที่ไม่มีประโยชน์! เป็นของซางถิง!ส่วนราชาแมงมุมหน้าผีที่พลังกับขนาดร่างกายสะกดไปทั้งเวทีนั่น เป็นของจั๋วซือหรานต่างหาก!อินเจ๋ออันดูถูกนางไปจริงๆ ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เสียใจอย่างมาก เสียใจอย่างมากจริงๆ แค่คิดขึ้นมาใจก็รวดร้าวแล้วตอนนี้เอง ในห้องหรูบนหอในห้องหรูของตระกูลซาง เสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น “นี่เลย นี่เลย คุณหนูสี่ ราชาแมงมุมหน้าผีตัวนี้ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้ากับคนเหล่านั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเก
พอสิ่งมหึมานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งลานก็เงียบกริบไปทันที!ทุกคนหวาดกลัวกันจนกระทั่งกลั้นหายใจ!หนึ่งคือเพราะมนุษย์นั้นจะเกิดความกลัวได้ง่ายต่อสิ่งของที่ใหญ่โตมหึมานี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในยีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายยิ่งไปกว่านั้น ตัวมนุษย์เองก็หวาดกลัวกับแมลงประเภทแมงมุมอยู่แล้วโดยเฉพาะแมงมุมที่ดูฉูดฉาดและร่างหายมหึมาขนาดนี้ตอนนี้เอง เจ้าตัวโตที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันบนลานประลองก็คุมสถานการณ์ไปทั้งหมดแล้ว!ใหญ่แล้วหรือ? นี่มันยังย่อไว้หน่อยแล้วด้วยนะ ไม่อย่างนั้นบนเวทีนี้ มันเดินไม่กี่ก้าวก็คงจะสุดทางแล้วแมงมุมหรือ? ขาขนปุกปุยทั้งแปดกับแขนเคียวนั่น แล้วยังมีปากที่แหลมคมอีก มองอย่างไรก็เป็นแมงมุม ไม่ใช่ปูอย่างแน่นอนฉูดฉาดหรือ? ลายดอกไม้บนหลังกับท้องของมัน เหมือนกับใบหน้าผีที่กำลังร้องไห้กำลังหัวเราะอยู่อย่างไรอย่างนั้นนี่คือที่มาของชื่อมัน“แมงมุมหน้าผี!”“นี่มันแมงมุมหน้าผี! น่ากลัวเหลือเกิน!”“ข้ากลัวแมงมุม ขนข้าลุกไปหมดแล้ว!”“ข้าก็ด้วย!”“แมงมุมหน้าผีที่ใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเป็นระดับราชาแล้วกระมัง? ครั้งนี้จั๋วซือหรานแพ้แน่แล้ว!”เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ถึงอย่างไร ความจริงก็จะสอนให้เขาเป็นคนเอง ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นที่ปากแข็งกับนางก่อนหน้า เจ้าพวกที่ควรตบฉาดก็ตบไปแล้วไม่มีเขาก็ไม่ได้น้อยลง หรือมีเขามาสักคนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรตอนที่จั๋วซือหรานกลับมาถึงห้องพักผ่อน ก็เห็นเจี่ยงเทียนซิงรออยู่ที่นั่นแล้ว“ทำไมยังมาด้วยตัวเองอีกล่ะ?” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเจี่ยงเทียนซิงยิ้มๆ “ในเมื่อชนะแล้วนี่ ก็ต้องมาฉลองชัยชนะของเจ้าสักหน่อยไหม”จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ “เพิ่งจะยกเดียวเอง ยกต่อไปต่างหากที่สำคัญ”เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ ตอบมาว่า “ข้ารู้สึกว่าฉลองล่วงหน้าได้ เจ้าเป็นคนที่มีความคิดดีดีอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจพอต่อเรื่องนี้ เจ้าไม่มีทางบุ่มบามเห็นด้วยหรอก”จั๋วซือหรานยิ้มๆ ไม่พูดจา“แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายกนี้เจ้าจะสู้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจี่ยงเทียนซิงเดิมทีคิดว่าความหมายของจั๋วซือหรานคือรอยกต่อไปแล้วค่อยเริ่มต่อสู้ ยกนี้แค่สู้ให้ชนะอย่างหวุดหวิด แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าข่มกดดันไว้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่ชนะอย่างหวุดหวิดแน่นอน ตอนท้ายยังดูค่อนข้างอหังการอีกด้วย จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “หลักๆ คือคิ
“ให้ตายเถอะ...”ทุกคนเห็นแค่ จั๋วซือหรานที่เดิมทีเต้นรำอยู่ท่ามกลางพายุห่าฝนแส้ที่หนาแน่นเวลานี้นั่งลงมาแล้ว...อยู่บนตัวซางถิง?พูดให้ถูกต้องคือ นางกดเขาอยู่บนเวทีหินต้องห้ามไปแล้วหัวเข่าข้างหนึ่งของนางยันไว้ที่หน้าอกเขา แต่การเคลื่อนไหวนี้ ไม่ใช่จุดสำคัญที่ควบคุมเขาไว้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้คนอื่นต้องทึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ คือสองดาบที่พาดไขว้อยู่บนคอซางถิง ดาบสองเล่มสลับไขว้อยู่บนคอเขา คมดาบหันเข้าด้านใน ขังคอของเขาเอาไว้ที่ร่องตัดสลับของคมดาบราวกับว่าขอแค่เขาขยับตัว นางแค่ออกแรงเบาๆ ก็เด็ดหัวเขาออกมาได้แล้ว!เพียงแค่มอง ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คนที่เห็นอดกลั้นหายใจขึ้นไม่ได้ขณะที่บนเวทีมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น ในห้องหรู เฟิงหร่านก็ส่งเสียงตกตะลึงออกมา“เขา...คนนั้นตายหรือยัง?” เฟิงหร่านถามขึ้น เสียงดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะจากมุมมองของนาง มองเห็นแค่แผ่นหลังของจั๋วซือหราน คุกเข่ากดหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้สองมือกุมดาบไขว้กดลงไปมองแล้วเป็นการเคลื่อนไหวที่จะเอาชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวแบบประหัตประหารแต่เพราะถูกแผ่นหลังของจั๋วซือหรานบังไว้ ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่รู้ว่า
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค