บททั้งหมดของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์: บทที่ 291 - บทที่ 300

1316

บทที่ 291 เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง

กวนเซี่ยวยิ้มและถามว่า “ดูท่าทางวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีทีเดียวนะ?”ฟางรั่วหยิบกาเหล้าขึ้นมา และรินใส่แก้วเกล้าให้กับกวนเซี่ยว“ได้พบคุณชายกวน ข้าก็ต้องอารมณ์ดีสิเจ้าคะ”กวนเซี่ยวสยายชุดคลุมออก และนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้า“ดูไม่เหมือนเจ้าเลยนะ”ฟางรั่วยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง เหตุใดจึงต้องหาเหตุผลเฉพาะเจาะจง คุณชายกวนชอบใบหน้าแบบนี้ เหมือนไม่เหมือนจะสำคัญตรงไหนกันเจ้าคะ”กวนเซี่ยวชนแก้วกับนางหนึ่งที“คำพูดของเจ้าก็เหตุผลเหมือนกันนะ ขอเพียงข้าชอบ ข้าไม่สนใจเปลือกนอกหรอก”ฟางรั่วกระตุกยิ้มมุมปากและพูดว่า “ข้าไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้ภายใน ดื่มเหล้ากันเถอะเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นกวนเซี่ยวดื่มทีเดียวหมดแก้ว ฟางรั่วก็เม้มปาก จู่ๆ สายตาก็สาดแสงแห่งความเสียใจออกมา แต่ไม่นานก็มลายหายไป“ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่อินเรียกข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”กวนเซี่ยววางแก้วเหล้าลง ฟางรั่วก็รินเหล้าให้เขาอีกแก้ว“เรื่องของเจ้านาย ข้าจะรู้ได้อย่างไร”นางถอนหายใจเบาๆ และถามขึ้นว่า “การแก้แค้นสำหรับท่าน มีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”กวนเซี่ยวพูดด้
Read More

บทที่ 292 เจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย

“อาโฉ่ว?”กวนเมิ่งถิงประหลาดใจอย่างมาก“ท่านอ๋องต้องการเขาไปทำอะไร?”ทันทีที่พูดจบ เสียงของกวนลี่จือก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู“เจ้าสุนัขนั่นหนีไปแล้ว และไม่ได้กลับมาที่จวนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ข้าเองก็กำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน”กวนเมิ่งถิงรีบตำหนิในทันที “อวดดี เห็นว่าท่านอ๋องอยู่ตรงนี้ ยังกล้าเสียงดังโวยวาย”กวนลี่จือได้เดินจากด้านนอกเข้ามาในบ้านเมื่อเห็นเย่จั้น เขาก็อดตกใจไม่ได้ รีบค้อมตัวลงอย่างลนลาน“ลี่จือขอถวายบังคมจิ้งอ๋อง”เย่จั้นพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เจ้าบอกว่าอาโฉ่วหนีไปแล้ว เป็นเพราะอะไรกัน?”กวนลี่จือกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนบ่ายข้าด่าเขาไปไม่กี่คำ เขาก็หนีออกจากจวนไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เจ้าสุนัขตัวนี้ทั้งอัปลักษณ์และโง่เง่า รู้วิชาการต่อสู้เล็กน้อย เอาจริงๆ ข้าก็ชอบเขามาก คงจะเป็นการดีที่สุดหากเขาตายข้างนอก”กวนเมิ่งถิงถามต่อว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตามหาคนคนนี้ทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”เย่จั้นหรี่ตาลง และเหลือบมองกวนลี่จือคนผู้นี้ไร้ความรู้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คำพูดของเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก“ข้าสงสัย
Read More

บทที่ 293 การโต้แย้งที่ดุเดือด

ระหว่างที่พูด เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วประสานมือคำนับและพูดว่า “ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วพูด “ไม่ต้องมากพิธี เสด็จอารีบร้อนเข้ามาในวัง มีข่าวคราวอะไรหรือไม่?”“กระหม่อมทำงานไม่สำเร็จราบรื่น และจับพรรคพวกของอาซือหลานไม่ได้ อาโฉ่วก็ไม่ได้กลับจวนเสนามาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว คาดว่าเป็นเพราะถูกเปิดเผยตัวตน จึงได้หนีไปแล้ว หากหวังซุ่นที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวยังอยู่ข้างกายอาซือหลาน คิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะจับตัวเข้าได้”เย่จั้นลดสายตาลงต่ำ สีหน้ารู้สึกผิดเย่จิ่งอวี้เข้าใจในทันที“ความหมายของเสด็จอาก็คือ พวกเขาปลอมตัวเป็นคนได้งั้นหรือ?”เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะจับตัวได้ยากจริงๆหากไม่รีบจัดการอาซือหลานให้สิ้น ผู้คนก็จะเกิดอันตรายได้แม้แต่เสือก็ยังงีบหลับได้ ต่อให้คุ้มกันเข้มงวดเพียงใด ก็อาจเกิดความประมาทขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเย่จั้นพูดว่า “เป็นจริงดังนั้น”เย่จิ่งอวี้จับที่สันจมูกอย่างอดไม่ได้ เกิดความกลัดกลุ้มในใจขึ้นมากเมื่อเห็นคิ้วของเขาไม่คลายลง อินชิงเสวียนลัง
Read More

บทที่ 294 ความตื่นตระหนกของสุนัข

ตอนที่เย่จั้นกลับไปถึงจวนอ๋อง กวนเซี่ยวก็ฟื้นขึ้นพอดีเมื่อเห็นชายชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆ กวนเซี่ยวตกใจเล็กน้อย“ท่านอ๋อง?”เย่จั้นพยักหน้า“คุณชายน้อยไปอยู่ที่เรือนจุ้ยหงได้อย่างไร?”หัวสมองของกวนเซี่ยวมึนงงเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปเรือนจุ้ยหงเพื่อพบอินสิงอวิ๋น สุดท้ายดื่มกับฟางรั่วเพียงไม่กี่แก้ว เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยเหตุใดฟางรั่วต้องทำเช่นนี้?นางวางยาตัวเองด้วยเหตุผลอะไร?ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของเขา แต่เขากลับยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่ปิดบังท่านอ๋อง ข้ามีคนรักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ครั้งนี้ข้าอยากไปพบนาง”เย่จั้นลุกขึ้นยืน และเดินมาที่ข้างเตียง ถามขึ้นด้วยสายตาที่บีบเคล้น “ก่อนหน้านี้เรือนจุ้ยหงถูกปิด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณชายน้อยต้องรู้อยู่แล้ว เหตุผลนี้ไม่รู้สึกเหมือนการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลยหรือ?”กวนเซี่ยวลุกขึ้นนั่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “รู้แน่นอน แต่ข้ายังอยากไปดูจริงๆ”“ดูอะไร? ทั้งที่คุณชายน้อยรู้ว่าคนในเรือนจุ้ยหงถูกจับไปที่กรมยุติธรรมหมดแล้ว หรือว่ายังมีคนที่เรือนจุ้ยหงที่ทำให้คุณชายน้อยเป็นห่วง?”เย่จั้นสายตานิ่งสงบ น้ำเ
Read More

บทที่ 295 เอาฝ่าบาทมาเป็นหนูทดลอง

ณ ตำหนักฉู่เยว่พระอาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า ตำหนักฉู่เยว่ก็ปิดประตูตำหนักแล้วเห็นได้ว่า สองแม่ลูกคู่นี้ถ่อมตัวมากเลยทีเดียวเพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นตัวอักษรสามตัวนี้ อินชิงเสวียนต่างก็นึกถึงพระปีศาจเสวียนเจินผู้นั้นวันนั้นตอนที่เขาตาย สิ่งที่มองเห็นคือตรงนี้ไม่ผิดแน่ ไม่รู้ว่าเขาและอันไท่ผินมีความสัมพันธ์อะไรกัน?เมื่อคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าให้กับเสี่ยวอานจื่อ“ไปเคาะประตูเรียกสิ”เสี่ยวอานจื่อรีบไปเคาะประตู เพียงครู่หนึ่งก็มีคนถามขึ้น “ผู้ใด?”“เหยาเฟยเหนียงเหนียงแห่งตำหนักจินหวู ฝูอี้อ๋องโปรดมาพบด้วย”ด้านในเงียบเสียงลงทันที คาดว่ากำลังไปรายงานให้ทราบเพียงเวลาสิบห้านาที ประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยดเย่จิ่งหลานที่สวมชุดผ้าสีแดงเข้มปรากฏตัวที่ประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก“ขอถวายบังคมเสด็จพี่สะใภ้”อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงเอาของเล็กน้อยมาให้ท่าน”เสี่ยวอานจื่อยื่นทุเรียนไปให้ในทันที แม้มันจะมีกลิ่นเหม็น แต่รสชาติมันช่างหอมหวานเสียจริง เมื่อนึกถึงรสชาติหวานละมุนของทุเรียน เสี
Read More

บทที่ 296 อาฆาตแค้น

เมื่อออกจากตำหนักฉู่เยว่ ฟ้าก็มืดลงแล้วอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไปที่ตำหนักเฉิงเทียนเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งหลานเคยทำการผ่าตัดให้สัตว์เพียงเท่านั้น นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้เย่จิ่งหลานช่างไร้ความน่าเชื่อถือจริงๆ อย่าได้มีโรคแทรกซ้อนตามมาเลยนะ!เมื่อนึกได้ว่าหลายวันนี้เย่จิ่งอวี้เอาแต่กินข้าวโจ๊ก ในใจก็ไม่อาจทนได้เห็นว่าเขาช่วยนางมาหลายครั้ง อินชิงเสวียนตัดสินใจทำแป้งถั่วเหลืองให้เขาแทนเมื่อแยกตัวออกจากอวิ๋นฉ่ายและเสี่ยวอานจื่อ อินชิงเสวียนก็เข้าไปในมิตินำแป้งถั่วเหลืองห่อในกระดาษมัน ห่อเสร็จก็นำไปที่ตำหนักเฉิงเทียนหลี่เต๋อฝูกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็ยิ้มและพูดว่า“เหยาเฟยเหนียงเหนียงเสด็จมาแล้วหรือ”“ใช่ ฝ่าบาทบรรทมแล้วหรือยัง?”“ยังพ่ะย่ะค่ะ พระสนมสวีเพิ่งมาเมื่อครู่ และกำลังพูดคุยกับฝ่าบาทอยู่ด้านใน”เมื่อได้ยินว่าสวีจือย่วนอยู่ด้วย อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วมาได้เร็วทันเวลาพอดี“เข้าไปได้หรือไม่?”หลี่เต๋อฝูยิ้มและพูดว่า “ได้สิพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับเหยาเฟยเหนียงเหนียง กระหม่อมจะไปทูลเดี๋ยวนี้”ไม่นานนัก หลี่เต๋
Read More

บทที่ 297 คนรวยใช้เงินมือเติบ

อินชิงเสวียนไม่ได้มีแผนการอะไร เพียงแต่อยากออกไปเย้าหยอก เพื่อให้อาซือหลานรู้ว่าตัวเองออกมาแล้วแต่เมื่อฝ่าบาทถามขึ้นมา ก็ต้องสร้างข้อแก้ตัว เมื่อพูดไปได้ครู่หนึ่ง ตัวเองก็รู้สึกง่วงนอนเย่จิ่งอวี้กำลังรอข้อความต่อไป เมื่อหันหน้ามา กลับพบว่าอินชิงเสวียนนอนขดตัวหลับอยู่ข้างกายเขาแล้วเขายิ้มด้วยความหลงใหล และแบ่งผ้าห่มครึ่งหนึ่ง ห่มบนตัวของอินชิงเสวียนจากนั้นก็นอนลงช้าๆ ประสานนิ้วทั้งสิบกับนางเมื่อฟังเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะและตื้นเขิน เย่จิ่งอวี้รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นฟ้าสว่างแล้วเมื่อคิดจะพลิกตัว อินชิงเสวียนก็ลุกขึ้นนั่งแล้ว“เหตุใดไม่นอนต่ออีกหน่อยเล่า?”เสียงของเย่จิ่งอวี้มีความแหบแห้งในยามเช้า เสียงดูเนือยๆ และมีเสน่ห์อินชิงเสวียนขยี้ตา พูดเสียงฮึดฮัด “ข้านอนตื่นสายอีกแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นท่าทางสะลึมสะลือของนาง เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปาก“ไม่หรอก เจ้านอนต่อได้นะ”อินชิงเสวียนมองเห็นพระอาทิตย์ดวงโตนอกหน้าต่าง คาดว่าตอนนี้น่าจะแปดโมงกว่าแล้ว จึงรีบคลานไปข้างเตียงและสวมรองเท้า“มีเรื่องสำคัญต้องทำ จับอาซือหลานให้ไ
Read More

บทที่ 298 รางวัลจากมิติ

อินชิงเสวียนนั่งลงข้างพิณ ดีดสายพิณด้วยนิ้วหัวแม่มือของนาง และเสียงที่คมชัดก็ดังออกมาในทันทีทันใดนั้นเจ้าของร้านถามขึ้นราวกับมอบของขวัญล้ำค่า “แม่นางคิดว่าพิณนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”อินชิงเสวียนไม่ค่อยรู้เรื่องพิณ แต่ฟังจากเสียงสะท้อนที่ไม่มีเสียงอื้ออึง ก็รู้สึกว่าไม่เลวทีเดียวจึงพยักหน้า “เป็นพิณที่ดี”เจ้าของร้านยิ้มปากกว้างในทันที “แม่นางสายตาเฉียบแหลมทีเดียว พิณนี้ทำมาจากไม้เพาโลเนียอายุห้าร้อยปี ข้าใช้เงินก้อนโตซื้อมาจากชาวพเนจรผู้หนึ่ง ราคาเปิดหีบหนึ่งพันตำลึงก็เป็นราคาที่เขาตั้งไว้เอง”อินชิงเสวียนเข้าใจทันทีว่านี่คือกฎหากรู้ว่าแพงขนาดนี้ สู้ซื้อพิณมาเล่นเองข้างถนนดีกว่าเจ้าของร้านลูบเคราแล้วพูดว่า “พิณนี้อยู่ในโรงเตี๊ยมมาสามปีแล้ว แต่เปิดหีบน้อยครั้งมาก ทั้งหมดเพียงสามครั้งเท่านั้น แม่นางโปรดปฏิบัติต่อมันด้วยความกรุณา”เย่จั้นนั่งลงอีกด้านของโต๊ะ พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “แน่นอน เถ้าแก่ช่วยเตรียมอาหารมาด้วย”“ได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”เมื่อเจ้าของร้านเดินออกไป อินชิงเสวียนก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย“เล่นหนึ่งครั้งเสียพันตำลึง แพงเกินไปแล้ว”
Read More

บทที่ 299 พิณการเวก

พลังอันมหาศาลของมิติ มาพร้อมกับลมคำรามที่รุนแรง อาซือหลานไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงหมดสติลงไปกับพื้นตรงนั้นสามคนที่เหลือต่างก็ตกใจมาก“นายท่าน!”ไม่รอให้พวกเขาได้สติ ทหารเปลวเพลิงแดงก็จู่โจมเข้ามา และกดพวกเขาไว้กับพื้นอินชิงเสวียนดีใจในทันที นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะจับอาซือหลานได้ง่ายเช่นนี้ ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับความเร็วและพลังของมิติเย่จั้นแทบไม่คิดเหมือนกันว่าจะง่ายดายเช่นนี้ เดิมทีเขาคิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือด และเมื่อเขานึกถึงความเร็วอันน่ากลัวของอินชิงเสวียน ความคิดมากมายก็ผุดขึ้นในแววตาไม่เจอกันเพียงสองวัน การเคลื่อนไหวของร่างกายนางกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ว่องไวจนเขามองไม่ชัดเจนสำหรับฮ่องเต้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายเมื่อมองดูใบหน้าที่คล้ายกับสหายเก่าไม่น้อย ความก็รู้สึกก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่ออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ออกคำสั่ง“พวกเจ้านำคนเหล่านี้กลับไปด้วยทั้งหมด คุ้มกันแน่นหนา ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้”ทันทีที่เย่จั้นพูดจบ ก็พบว่าอินชิงเสวียนโซเซเล็กน้อย จึงรีบยื่นมือไปพยุงนางไว้“เหนียงเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”อินชิงเสวียนฝื
Read More

บทที่ 300 ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ เป็นเพราะใช้กำลังภายใน จึงมีอาการตามมาเล็กน้อย พักผ่อนสักหน่อยก็ดีขึ้นเพคะ”อินชิงเสวียนพูดจบก็นั่งลงที่ศาลาด้านข้าง อ่อนเพลียมากเลยจริงๆ ตอนนี้นางเพียงอยากนอนหลับเท่านั้น และไม่อยากขยับแม้เพียงนิดเดียวเย่จั้นก็พูดว่า “เหนียงเหนียงไม่เป็นอะไรจริงๆ หากไม่ใช่เพราะวิชาการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเหนียงเหนียง คงไม่สามารถจับกุมอาซือหลานได้ง่ายเช่นนี้”เย่จั้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้กับเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งอวี้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก“นางใช้พิณตัวนั้นในโรงเตี๊ยมบรรเลงบทเพลงงั้นหรือ?”เย่จั้นถามขึ้น “ฝ่าบาทรู้จักพิณตัวนั้นด้วยหรือ?”เย่จิ่งอวี้กระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “หีบพิณนั่นถูกเปิดมาสองครั้ง ข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น”เมื่อนึกถึงเสียงดีดพิณราวกับลาร้องในครั้งก่อน เย่จิ่งอวี้ก็หน้าแดงเล็กน้อยเขาเคยคิดจะกลับไปเล่นพิณตัวนั้นอีกครั้ง แต่ไม่นานหลังจากน้ันฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ และมีงานราษฎร์งานหลวงอีกเป็นกอง ทำให้แยกตัวออกไปได้ยากทันใดนั้นเย่จั้นก็นึกได้ว่าก่อนที่ฝ่าบาทจะครองราชย์ เคยถูกขนานนามว่าท่านอ๋องแห่งความสุดยอดท
Read More
ก่อนหน้า
1
...
2829303132
...
132
DMCA.com Protection Status