เถิงหลานถือกาต้มน้ำที่หักอยู่ในมือ เขาพูดเสียงตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว “ฉัน ฉันตีเขาแล้ว!”[โอ้ว ที่แท้เขาก็ไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้น][ฉันคิดว่าเขาจะกลัวจนฉี่รดกางเกงไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือแอดมินได้จริง ๆ][น้องชาย นายทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้สำเร็จแล้ว สู้ ๆ! ถ้านายสามารถผ่านเรื่องทั้งหมดครั้งนี้ไปได้ ต่อไปพี่ชายจะเป็นแฟนคลับของนายเอง]ฉันหยิบกริชไม้ท้อออกมาแล้วโยนให้เขา “ต่อสู้เป็นไหม?”เขาชะงักไปพักหนึ่ง “เมื่อก่อนเคยรับละครกำลังภายใน ก็เลยได้เรียนเคล็ดลับสองอย่างกับอาจารย์คนหนึ่งมา”แต่นี่มันก็ไม่ต่างกับสู้ไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?ไม่สนใจแล้ว อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ต้องก็มีแรงมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว“ถือดาบไม้ท้อไว้ดี ๆ เด็กคนนี้เก่งมาก!” ฉันยกดาบไม้ท้อขึ้นและมองดูเด็กไม่ปกติที่กำลังโมโหอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด เขาเป็นเหมือนศัตรูตัวร้ายขณะเดียวกันที่ในห้องนอนของลวี้สาม ถังหมิงหลีได้เปิดกล่องตู้นิรภัยในตู้เสื้อผ้าออกกล่องตู้นิรภัยอันนี้มองดูแล้วเหมือนกับของเก่าโบราณ อันที่จริงมันถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา เขาต้องใช้ทักษะและความพยายามอยู่พักหนึ่งถึงจะเปิดมันออกได้แสงจันทร์ส่
การตัดแบบนี้ทำให้พลังทั้งหมดในร่างของเขาหมดไป หัวของผีน้อยหล่นลงมาจากคอแล้วกลิ้งตกพื้นเถิงหลานคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำสำเร็จ เจ้าตัวตะลึงไปพักหนึ่งถึงจะพูดอย่างตื่นเต้นออกมา “ฉัน ฉันตัดหัวของเขาได้จริง ๆ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันฆ่าผีตัวหนึ่งได้จริง ๆ”[ไม่เลว เด็กนี่ยังมีอนาคตที่สามารถสอนได้][เถิงหลาน ฉันจะไม่พูดว่าคุณเป็นเด็กขี้ขลาดอีกแล้ว ฉันขอโทษกับคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ คุณเก่งมาก!][เปลี่ยนเป็นแฟนคลับแล้ว! ดอกไม้ในแจกันอย่างเขาก็หล่อเหมือนกันนะ]ฉันคลานขึ้นมาจากบนพื้นพร้อมยกนิ้วโป้งให้เขา “เก่งมาก”เถิงหลานทำหน้าภาคภูมิใจ ทว่าจู่ ๆ เขาก็เบิกตากว้างมองที่ใบหน้าของฉัน ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ต่อสู้กับผีน้อยบนพื้น หมวกที่ใส่อยู่หลุดออก หน้ากากเองก็ถูกดึงขาดไปแล้ว ดังนั้นใบหน้ารูปไข่ของฉันก็ได้ถูกเปิดเผยอย่างละเอียดต่อหน้าเขาฉันตกใจไปพักหนึ่งและรีบหยิบหมวกมาสวม เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าเธอจะสวยขนาดนี้ ดาราหญิงในบริษัทของพวกเราหลายคนล้วนมีชื่อเสียงมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเทียบกับเธอได้เลยสักคน เธอเพรียบพร้อมขนาดนี้จะเป็นแอดมินไปทำไม? มาเป็นนักแสดงโดยตรงดีกว่า บริษัทกำลังวางแผ
เถิงหลานถามฉันด้วยเสียงต่ำ “คนคนนี้มีที่มายังไงเหรอ? เขาสืบสายเลือดมาจากทหารพิเศษหรือเปล่า?”ฉันพูดอย่างจำใจว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่นอน”ดวงตาของเถิงหลานมีแสงแวบแห่งความพออกพอใจฉายเข้ามา พลันเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ทักษะของนายใช้ได้เลย สนใจมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันไหม? ส่วนเรื่องค่าตอบแทน นายสามารถเรียกมาได้ตามสบาย”ถังหมิงหลียิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันกลัวว่านายจะจ่ายไม่ไหวนะ”“โอ๊ะ?” เถิงหลานยิ้มร่า “ยังไม่ทันบอกราคาเลย นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะจ่ายไม่ไหว?”ถังหมิงหลียิ้มอย่างเหยียดหยาม พลันสีหน้าของเถิงหลานก็สงบลงทันที ดาราหนุ่มคิดในใจ นี่คือกำลังดูถูกเขาเหรอ?แต่หมอก็นี่ค่อนข้างหยิ่งจริง ๆมีผู้ชมในห้องไลฟ์สดเกินสองล้านคนไปแล้ว และส่วนใหญ่ต่างก็กำลังหัวเราะ[เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ให้จอมเผด็จการของพวกเราไปเป็นบอดี้การ์ดเหรอ? ฉายาของเขาคือจอมเผด็จการนะ นี่คือคนที่เปรียบเป็นเหมือนราชาต่างหาก][ฮึ ฮึ จอมเผด็จการไว้หน้าคุณแล้วนะ ไม่อย่างนั้นคงใช้ฝ่ามือทักทายคุณไปนานแล้ว][ฉันผิดไปแล้ว ฉันคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดที่แกล้งไม่มีสมอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีสมองจริง ๆ]
[ฮ่า ฮ่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีแอดมิน พี่ชายด้านบน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บนโลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถแปลก ๆ กี่คนแล้ว?] มีผู้ชมโห่แย้งขึ้น[อนิจจา เดิมทีฉันคิดว่าตัวฉันเองเป็นอัจฉริยะในศิลปะการต่อสู้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะเก่งกว่าฉันอีก วันนี้ฉันไม่มีการโต้แย้งแอดมินแล้วล่ะ]เมื่อพูดจบเขาก็ให้รางวัลเป็นมงกฎสิบอันแก่ฉันเถิงหลานมองมาที่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่าจริง ๆ แล้วฉันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เหมือนกันใบหน้าของถังหมิงหลีเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ “จุนเหยา นี่เธอ...ควบคุมพลังภายในได้แล้วเหรอ?”ฉันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร จึงทำได้เพียงตอบไปส่ง ๆ ไม่แปลกที่เขาจะตกใจมาก เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ เลย แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันกลับสามารถระเบิดพลังภายในของตัวเองได้จริงเสียอย่างนั้น? ในโลกของศิลปะการต่อสู้นั้นยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ถึงแม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถระเบิดพลังภายในเพื่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้นางฟ้าหยุนเซี๋ยยิ้มบาง “เด็กคนนี้ยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง พลังจิตที่พวกเราฝึกฝนนั้นบริสุ
“ลัทธิหมอผี?”หัวหน้าจินอธิบายเพิ่ม “มันคือลัทธิดั้งเดิมที่อยู่ในฝั่งพม่า ว่ากันว่ามีอยู่ในสมัยรัฐเปียว รัฐบาลพม่าเคยไล่โจมตีพวกเขาอย่างหนัก ทว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก ซึ่งไม่มีวิธีจะหาที่อยู่ของพวกเขาเจอ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้ามาสร้างปัญหาที่เมืองซานเฉิง!”มีความเย็นชาในแววตาของหัวหน้าจินฉายชัดออกมา “นี่พวกมันไม่เห็นหัวคนในแผนกพิเศษของพวกเราเลยสินะ”“หัวหน้า ตรวจเจอข้อมูลของคนคนนี้แล้ว” เสี่ยวหลินหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วพูดว่า “เขาชื่อหลี่อี้ เขาเติบโตมาในเขตที่อยู่อาศัยนี้ เมื่อห้าปีที่แล้ว ครอบครัวของพวกเขาและครอบครัวของลวี้สามทะเลาะกันหนักมากด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ผ่านไปไม่กี่วันพ่อของเขาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลี่อี้เห็นกับตาว่าลวี้สามเป็นคนขับรถชน แต่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ไม่ยอมไปเป็นพยานให้ หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานที่ทางใต้แล้วก็หายตัวไปเลย”ฉันเข้าใจแล้ว เขาโกรธแค้นเพื่อนบ้านพวกนี้ จึงเดินทางไปทางใต้ของพม่า และมีโอกาสได้ร่วมมือกับพวกลัทธิหมอผีโดยบังเอิญ เขาถึงได้เรียนรู้ทักษะมาพอประมาณและนำรูปปั้นเทพชั่วร้ายกลับมาเพื่อล้างแค้นคนพวกนี้หัวหน้าจินมองมาที่ฉัน
นางฟ้าหยุนเซี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางคงได้ฆ่าเธอแน่“สาวน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” เธอเอ่ยถามร่างบางขยับแขนขาเล็กน้อย “ก็โอเคค่ะ แค่รู้สึกปวดหัว” “ไม่เป็นไร อีกสักพักก็จะดีขึ้น” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “บางทีครั้งนี้เรื่องร้ายอาจจะกลายเป็นดีก็ได้” “ร้ายกลายเป็นดีเหรอคะ?” ฉันรู้สึกสับสน“บนโต๊ะของเธอมีแก้วอยู่หนึ่งใบ เธอลองเพ่งไปที่มันแล้วพยายามทำให้มันขยับ”ฉันเพ่งมองไปยังแก้วใบนั้น และมองมันมาแล้วเกือบสิบนาที อยู่ ๆ มันก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อยจริง ๆฉันเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “นางฟ้า ฉัน นี่ฉัน…”“ยินดีด้วย เธอได้ปลดล็อคพลังจิตของเธอแล้ว หรือจะเรียกอีกอย่างว่า การหยั่งรู้แห่งสวรรค์ก็ได้” นางฟ้าหยุนเซี๋ยเอ่ย “นี่เป็นทักษะที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ฝึกตนอย่างเรา ตอนนี้ทักษะการฝึกฝนของเธอยังต่ำมาก อีกหน่อยพอฝึกฝนไปเรื่อย ๆ มันก็จะยิ่งดีขึ้น อีกทั้งการหยั่งรู้แห่งสวรรค์ของเธอก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามมา แล้วเธอจะพบว่ามันมีประโยชน์มากมายเลยล่ะ”ฉันปิดตาลงพยายามรู้สึกถึงสิ่งรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง เมื่อฉันเอาตนเองเป็นศูนย์กลางได้แ
คิดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็ตอบตกลงไป วันต่อมาป้าหลี่ก็พาฉันมายังคลับส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมกับความบันเทิงทุกรูปแบบที่ควรมีที่นี่ เป็นสถานบันเทิงของคนรวยฉันพยายามดึงหมวกลงมาเพื่อปกปิดใบหน้าของตนเองกว่าครึ่งหน้าไว้เมื่อมาถึงห้องครัวด้านหลัง ป้าหลี่ก็เอ่ย “อาหลิง คนที่เธอให้ฉันตามหา ฉันหามาได้แล้วนะ เธอมาดูสิว่าโอเคไหม”หญิงสาวสวยคนที่ชื่ออาหลิงนั่นย่างเข้ามา เธอแต่งหน้าอย่างประณีต สวมชุดกี่เพ้าสีแดง เอวเรียวบาง และช่องว่างระหว่างคิ้วนั้นชวนมองอย่างเย้ายวนใจหล่อนมองฉันอย่างประเมินคร่าว ๆ พร้อมกับเอ่ย “นี่คือเชฟที่ป้าหามาเหรอ?”“ใช่จ่ะ” ป้าหลี่เอ่ยอย่างสุภาพ “ทำไมกลางค่ำกลางคืนถึงได้ใส่หมวกปิดแมส? คงไม่ได้ป่วยเป็นอะไรหรอกนะ?” อาหลิงมองฉันด้วยความรังเกียจ“ไม่มีหรอกจ่ะ ไม่มี ไม่มีแน่นอน” ป้าหลี่ส่งสายตามาทางฉัน “รีบถอดแมสออกเร็วเข้า”หยวนจุนเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอดแมสกับหมวกออกอาหลิงชะงักไป หล่อนมองมาที่ฉันอยู่สักพักกว่าที่จะเรียกสติกลับคืนมาได้ป้าหลี่รีบว่าต่อทันที “ดูแล้วโอเคไหมจ๊ะ?”“แล้วฝีมือเป็นไง?” อาหลิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ดูจากท่าทางของหล่อ
อาหลิงเดินบิดสะโพกกลับเข้ามาอีกครั้งและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทำไมยังไม่เสร็จอีก? ยังอยากจะทำงานต่อไหมเนี่ย?”ฉันชี้ไปยังชามซุปตรงหน้าพร้อมเอ่ย “เมนูแรกเสร็จแล้วค่ะ”อาหลิงตวาดด้วยความโมโห “นี่มันเมนูอะไรของเธอ! เธอจงใจกวนฉันเหรอ?”ฉันตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “พี่อาหลิง วางใจเถอะค่ะ เมนูนี้ต้องทำให้แขกประทับใจอย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ พี่ก็ลองยกไปเสิร์ฟได้เลยค่ะ”แน่นอนว่าอาหลิงไม่เห็นด้วย แต่ก็มีคนเร่งรัดมา หล่อนจึงโมโหพลางตวัดตามามองฉันอย่างชั่วร้าย “เธอรอฉันอยู่นี่ ถ้าแขกไม่พอใจขึ้นมา ฉันจะมาจัดการกับเธอ”จากนั้นหล่อนก็เรียกสาวเสิร์ฟมาแล้วส่งซุปชามนี้ให้เวลานี้ภายในห้องส่วนตัวสุดหรู ชายวัยกลางคนกำลังดูแลแขกวัยเยาว์ท่านหนึ่ง และรอบข้างก็ยังมีคนใหญ่คนโตอีกสองสามท่าน ข้าง ๆ ตัวพวกเขาแต่ละคนมีหญิงสาวสวยดุจดอกไม้งามราวหยกนั่งขนาบข้างอยู่ขณะเดียวกัน สาวเสิร์ฟได้นำซุปยกเข้ามาเสิร์ฟให้กับแขก “เรือลำเล็กค่ะ”แค่พวกเขาเห็นก็หัวเราะออกมาทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า เถ้าแก่เจิ้ง เมนูนี้ของคุณดูน่าสนใจนะ ชามน้ำใสหนึ่งชาม ข้างบนมีใบไม้ลอยอยู่หนึ่งใบ เพราะฉันนั้นจึงได้ชื่อว่าเรือลำเล็ก เชฟที่นี่นี่มีอาร