[ฮ่า ฮ่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีแอดมิน พี่ชายด้านบน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บนโลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถแปลก ๆ กี่คนแล้ว?] มีผู้ชมโห่แย้งขึ้น[อนิจจา เดิมทีฉันคิดว่าตัวฉันเองเป็นอัจฉริยะในศิลปะการต่อสู้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะเก่งกว่าฉันอีก วันนี้ฉันไม่มีการโต้แย้งแอดมินแล้วล่ะ]เมื่อพูดจบเขาก็ให้รางวัลเป็นมงกฎสิบอันแก่ฉันเถิงหลานมองมาที่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่าจริง ๆ แล้วฉันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เหมือนกันใบหน้าของถังหมิงหลีเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ “จุนเหยา นี่เธอ...ควบคุมพลังภายในได้แล้วเหรอ?”ฉันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร จึงทำได้เพียงตอบไปส่ง ๆ ไม่แปลกที่เขาจะตกใจมาก เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ เลย แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันกลับสามารถระเบิดพลังภายในของตัวเองได้จริงเสียอย่างนั้น? ในโลกของศิลปะการต่อสู้นั้นยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ถึงแม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถระเบิดพลังภายในเพื่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้นางฟ้าหยุนเซี๋ยยิ้มบาง “เด็กคนนี้ยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง พลังจิตที่พวกเราฝึกฝนนั้นบริสุ
“ลัทธิหมอผี?”หัวหน้าจินอธิบายเพิ่ม “มันคือลัทธิดั้งเดิมที่อยู่ในฝั่งพม่า ว่ากันว่ามีอยู่ในสมัยรัฐเปียว รัฐบาลพม่าเคยไล่โจมตีพวกเขาอย่างหนัก ทว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก ซึ่งไม่มีวิธีจะหาที่อยู่ของพวกเขาเจอ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้ามาสร้างปัญหาที่เมืองซานเฉิง!”มีความเย็นชาในแววตาของหัวหน้าจินฉายชัดออกมา “นี่พวกมันไม่เห็นหัวคนในแผนกพิเศษของพวกเราเลยสินะ”“หัวหน้า ตรวจเจอข้อมูลของคนคนนี้แล้ว” เสี่ยวหลินหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วพูดว่า “เขาชื่อหลี่อี้ เขาเติบโตมาในเขตที่อยู่อาศัยนี้ เมื่อห้าปีที่แล้ว ครอบครัวของพวกเขาและครอบครัวของลวี้สามทะเลาะกันหนักมากด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ผ่านไปไม่กี่วันพ่อของเขาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลี่อี้เห็นกับตาว่าลวี้สามเป็นคนขับรถชน แต่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ไม่ยอมไปเป็นพยานให้ หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานที่ทางใต้แล้วก็หายตัวไปเลย”ฉันเข้าใจแล้ว เขาโกรธแค้นเพื่อนบ้านพวกนี้ จึงเดินทางไปทางใต้ของพม่า และมีโอกาสได้ร่วมมือกับพวกลัทธิหมอผีโดยบังเอิญ เขาถึงได้เรียนรู้ทักษะมาพอประมาณและนำรูปปั้นเทพชั่วร้ายกลับมาเพื่อล้างแค้นคนพวกนี้หัวหน้าจินมองมาที่ฉัน
นางฟ้าหยุนเซี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางคงได้ฆ่าเธอแน่“สาวน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” เธอเอ่ยถามร่างบางขยับแขนขาเล็กน้อย “ก็โอเคค่ะ แค่รู้สึกปวดหัว” “ไม่เป็นไร อีกสักพักก็จะดีขึ้น” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “บางทีครั้งนี้เรื่องร้ายอาจจะกลายเป็นดีก็ได้” “ร้ายกลายเป็นดีเหรอคะ?” ฉันรู้สึกสับสน“บนโต๊ะของเธอมีแก้วอยู่หนึ่งใบ เธอลองเพ่งไปที่มันแล้วพยายามทำให้มันขยับ”ฉันเพ่งมองไปยังแก้วใบนั้น และมองมันมาแล้วเกือบสิบนาที อยู่ ๆ มันก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อยจริง ๆฉันเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “นางฟ้า ฉัน นี่ฉัน…”“ยินดีด้วย เธอได้ปลดล็อคพลังจิตของเธอแล้ว หรือจะเรียกอีกอย่างว่า การหยั่งรู้แห่งสวรรค์ก็ได้” นางฟ้าหยุนเซี๋ยเอ่ย “นี่เป็นทักษะที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ฝึกตนอย่างเรา ตอนนี้ทักษะการฝึกฝนของเธอยังต่ำมาก อีกหน่อยพอฝึกฝนไปเรื่อย ๆ มันก็จะยิ่งดีขึ้น อีกทั้งการหยั่งรู้แห่งสวรรค์ของเธอก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามมา แล้วเธอจะพบว่ามันมีประโยชน์มากมายเลยล่ะ”ฉันปิดตาลงพยายามรู้สึกถึงสิ่งรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง เมื่อฉันเอาตนเองเป็นศูนย์กลางได้แ
คิดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็ตอบตกลงไป วันต่อมาป้าหลี่ก็พาฉันมายังคลับส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมกับความบันเทิงทุกรูปแบบที่ควรมีที่นี่ เป็นสถานบันเทิงของคนรวยฉันพยายามดึงหมวกลงมาเพื่อปกปิดใบหน้าของตนเองกว่าครึ่งหน้าไว้เมื่อมาถึงห้องครัวด้านหลัง ป้าหลี่ก็เอ่ย “อาหลิง คนที่เธอให้ฉันตามหา ฉันหามาได้แล้วนะ เธอมาดูสิว่าโอเคไหม”หญิงสาวสวยคนที่ชื่ออาหลิงนั่นย่างเข้ามา เธอแต่งหน้าอย่างประณีต สวมชุดกี่เพ้าสีแดง เอวเรียวบาง และช่องว่างระหว่างคิ้วนั้นชวนมองอย่างเย้ายวนใจหล่อนมองฉันอย่างประเมินคร่าว ๆ พร้อมกับเอ่ย “นี่คือเชฟที่ป้าหามาเหรอ?”“ใช่จ่ะ” ป้าหลี่เอ่ยอย่างสุภาพ “ทำไมกลางค่ำกลางคืนถึงได้ใส่หมวกปิดแมส? คงไม่ได้ป่วยเป็นอะไรหรอกนะ?” อาหลิงมองฉันด้วยความรังเกียจ“ไม่มีหรอกจ่ะ ไม่มี ไม่มีแน่นอน” ป้าหลี่ส่งสายตามาทางฉัน “รีบถอดแมสออกเร็วเข้า”หยวนจุนเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอดแมสกับหมวกออกอาหลิงชะงักไป หล่อนมองมาที่ฉันอยู่สักพักกว่าที่จะเรียกสติกลับคืนมาได้ป้าหลี่รีบว่าต่อทันที “ดูแล้วโอเคไหมจ๊ะ?”“แล้วฝีมือเป็นไง?” อาหลิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ดูจากท่าทางของหล่อ
อาหลิงเดินบิดสะโพกกลับเข้ามาอีกครั้งและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทำไมยังไม่เสร็จอีก? ยังอยากจะทำงานต่อไหมเนี่ย?”ฉันชี้ไปยังชามซุปตรงหน้าพร้อมเอ่ย “เมนูแรกเสร็จแล้วค่ะ”อาหลิงตวาดด้วยความโมโห “นี่มันเมนูอะไรของเธอ! เธอจงใจกวนฉันเหรอ?”ฉันตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “พี่อาหลิง วางใจเถอะค่ะ เมนูนี้ต้องทำให้แขกประทับใจอย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ พี่ก็ลองยกไปเสิร์ฟได้เลยค่ะ”แน่นอนว่าอาหลิงไม่เห็นด้วย แต่ก็มีคนเร่งรัดมา หล่อนจึงโมโหพลางตวัดตามามองฉันอย่างชั่วร้าย “เธอรอฉันอยู่นี่ ถ้าแขกไม่พอใจขึ้นมา ฉันจะมาจัดการกับเธอ”จากนั้นหล่อนก็เรียกสาวเสิร์ฟมาแล้วส่งซุปชามนี้ให้เวลานี้ภายในห้องส่วนตัวสุดหรู ชายวัยกลางคนกำลังดูแลแขกวัยเยาว์ท่านหนึ่ง และรอบข้างก็ยังมีคนใหญ่คนโตอีกสองสามท่าน ข้าง ๆ ตัวพวกเขาแต่ละคนมีหญิงสาวสวยดุจดอกไม้งามราวหยกนั่งขนาบข้างอยู่ขณะเดียวกัน สาวเสิร์ฟได้นำซุปยกเข้ามาเสิร์ฟให้กับแขก “เรือลำเล็กค่ะ”แค่พวกเขาเห็นก็หัวเราะออกมาทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า เถ้าแก่เจิ้ง เมนูนี้ของคุณดูน่าสนใจนะ ชามน้ำใสหนึ่งชาม ข้างบนมีใบไม้ลอยอยู่หนึ่งใบ เพราะฉันนั้นจึงได้ชื่อว่าเรือลำเล็ก เชฟที่นี่นี่มีอาร
“เดี๋ยวก่อน” หยินเฉิงเหยายกมือห้ามเขา จากนั้นก็ก้าวยาว ๆ ออกไปทันทีที่เขาออกไป ผู้คนรอบข้างก็เผยสีหน้าเป็นอันรู้กัน“เหอะ ๆ พระเอกอกหักพ่ายแพ้ราบคาบ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ยิ่งฐานะของคุณชายหยินสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เชียดใกล้ผู้หญิงมากเท่านั้น เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ก็คงไม่หวั่นไหวหรอกกับเรื่องแบบนี้หรอก”“เถ้าแก่เจิ้ง โดยรวมแล้วงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ถือว่าดูดีมากนะ คุณนี่มีของดีอยู่กับตัวเยอะจริง ๆ” สีหน้าของเถ้าแก่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ทุกท่านสบายใจได้นะครับ ทุกคนล้วนเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง แน่นอนว่าจะขาดทุกท่านไปไม่ได้หรอกครับ”หยวนจุนเหยากลับมายังห้องครัวด้วยความโกรธเคือง ส่วนเชฟคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ฉันจึงรีบจัดการเก็บของเตรียมกลับ ทว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็พร่ามัว หยินเฉิงเหยายืนอยู่ตรงหน้าฉัน พลางก้มหน้ามามองฉันเงียบ ๆแค่เห็นหน้าเขา ความโกรธในใจฉันก็เริ่มแผดเผาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “คุณหยิน หลีกทางด้วยค่ะ”หยินเฉิงเหยายังคงไม่ขยับ เขาแน่นิ่งราวกับภูเขาลูกใหญ่ ฉันกัดฟันกรอด “คุณหยินคงไม่ได้อยากจ
เมื่อสองปีก่อน ลูกชายของป้าหลี่เพิ่งจะสอบติดข้าราชการ เขาเป็นความภาคภูมิใจของหล่อนเสมอมาป้าหลี่พูดพลางร้องไห้ “ป้าก็มีลูกชายแค่คนเดียว เขาเป็นความหวังเดียวของป้า หนูช่วยส่งสารป้าหน่อยเถอะ”หล่อนเอ่ยไปพร้อมกับลงไปนั่งคุกเข่า และฉันก็ไม่มีทางเลือก เมื่อก่อนป้าเองก็เคยช่วยพวกเราสองพี่น้องมาเยอะ “เอาเถอะค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะไม่มีครั้งหน้าอีก”ป้าหลี่หยุดร้องไห้และคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน “จุนเหยา ครั้งนี้หนูปีนขึ้นมาสำเร็จแล้ว ไม่ช้าก็เร็วหนูจะได้โบยบินไปถึงกิ่งสูงสุดอย่างนกฟีนิกซ์” ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อหล่อนเห็นว่าสีหน้าฉันไม่ดีเท่าไหร่ จึงเอ่ยต่อทันควัน “พอดีป้าเคี่ยวเนื้ออยู่บนเตา หนูไปทำเรื่องของหนูเถอะ ป้าไม่รบกวนแล้ว”พูดจบหล่อนก็วิ่งไปเร็วราวกับควัน ฉันมองบัตรที่อยู่ในมือ นี่คงเป็นความคิดของหยินเฉิงเหยาสินะ เขาก็ยังเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมผ่านไปไม่กี่วัน ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปใช้เงินเลย แต่ไปซื้อวัตถุดิบหายากจากร้านยามาไม่น้อย วัน ๆ ฉันเอาแต่แช่น้ำยา กินอาหารตุ๋นยาจีน ค่อย ๆ ทำไปจนรู้สึกว่าพลังงานจิตภายในของตัวเองเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันมีอะไรบางอย
ฉันยิ้มพลางเก็บกวาดโต๊ะไปด้วย “น้ำยาสำหรับอาบเตรียมไว้พร้อมแล้ว นายรีบไปแช่เถอะ”ถังหมิงหลีมองไปยังแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเก็บโต๊ะ พลันเกิดความรู้สึกเปี่ยมล้นขึ้นในใจ มันเป็นความคิดที่อยากจะคอยดูแลซึ่งกันและกันตลอดไป จุนเหยาใช้โอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังแช่น้ำยาอยู่ ค้นหาพวกกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญในอินเตอร์เน็ต แต่หามาสักพักก็ไม่เจอกระทู้ดี ๆ ที่น่าสนใจ พอดีกับตอนนั้นเอง ฉันเจอข้อความหนึ่งที่เกินมาในทีวี มันเป็นฉายาทางเน็ตที่มีชื่อว่า ‘ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่าหญิงห้าวแห่งโรงเรียนศิลปะ’ในข้อความนั้นบอกไว้ว่า เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ณ วิทยาลัยสอนศิลปะแห่งหนึ่งในเมืองซานเฉิง เคยมีหญิงสาวคนหนึ่งมากระโดดตึก หญิงสาวคนนี้เป็นตัวตลกของโรงเรียน ว่ากันว่าหล่อนเคยแสดงเป็นตัวประกอบเล็ก ๆ สองสามเรื่องในบทนางสนมวังหลัง ต่อมาหล่อนก็ได้รับการโหวตผ่านเว็บไซต์หนึ่งให้เป็นหญิงงามสี่พันปีแห่งหว๋าเซี่ยขณะที่ชีวิตหล่อน ณ ตอนนั้นกำลังพุ่ง มันไม่มีทางที่หล่อนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายได้เลยเพื่อนร่วมห้องของหล่อนเล่าว่า บ่ายวันนั้นหล่อนได้รับซีดีแผ่นหนึ่ง และเมื่อไม่กี่วันก่อนหล่อนได้เช