การตัดแบบนี้ทำให้พลังทั้งหมดในร่างของเขาหมดไป หัวของผีน้อยหล่นลงมาจากคอแล้วกลิ้งตกพื้นเถิงหลานคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำสำเร็จ เจ้าตัวตะลึงไปพักหนึ่งถึงจะพูดอย่างตื่นเต้นออกมา “ฉัน ฉันตัดหัวของเขาได้จริง ๆ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันฆ่าผีตัวหนึ่งได้จริง ๆ”[ไม่เลว เด็กนี่ยังมีอนาคตที่สามารถสอนได้][เถิงหลาน ฉันจะไม่พูดว่าคุณเป็นเด็กขี้ขลาดอีกแล้ว ฉันขอโทษกับคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ คุณเก่งมาก!][เปลี่ยนเป็นแฟนคลับแล้ว! ดอกไม้ในแจกันอย่างเขาก็หล่อเหมือนกันนะ]ฉันคลานขึ้นมาจากบนพื้นพร้อมยกนิ้วโป้งให้เขา “เก่งมาก”เถิงหลานทำหน้าภาคภูมิใจ ทว่าจู่ ๆ เขาก็เบิกตากว้างมองที่ใบหน้าของฉัน ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ต่อสู้กับผีน้อยบนพื้น หมวกที่ใส่อยู่หลุดออก หน้ากากเองก็ถูกดึงขาดไปแล้ว ดังนั้นใบหน้ารูปไข่ของฉันก็ได้ถูกเปิดเผยอย่างละเอียดต่อหน้าเขาฉันตกใจไปพักหนึ่งและรีบหยิบหมวกมาสวม เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าเธอจะสวยขนาดนี้ ดาราหญิงในบริษัทของพวกเราหลายคนล้วนมีชื่อเสียงมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเทียบกับเธอได้เลยสักคน เธอเพรียบพร้อมขนาดนี้จะเป็นแอดมินไปทำไม? มาเป็นนักแสดงโดยตรงดีกว่า บริษัทกำลังวางแผ
เถิงหลานถามฉันด้วยเสียงต่ำ “คนคนนี้มีที่มายังไงเหรอ? เขาสืบสายเลือดมาจากทหารพิเศษหรือเปล่า?”ฉันพูดอย่างจำใจว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่นอน”ดวงตาของเถิงหลานมีแสงแวบแห่งความพออกพอใจฉายเข้ามา พลันเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ทักษะของนายใช้ได้เลย สนใจมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันไหม? ส่วนเรื่องค่าตอบแทน นายสามารถเรียกมาได้ตามสบาย”ถังหมิงหลียิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันกลัวว่านายจะจ่ายไม่ไหวนะ”“โอ๊ะ?” เถิงหลานยิ้มร่า “ยังไม่ทันบอกราคาเลย นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะจ่ายไม่ไหว?”ถังหมิงหลียิ้มอย่างเหยียดหยาม พลันสีหน้าของเถิงหลานก็สงบลงทันที ดาราหนุ่มคิดในใจ นี่คือกำลังดูถูกเขาเหรอ?แต่หมอก็นี่ค่อนข้างหยิ่งจริง ๆมีผู้ชมในห้องไลฟ์สดเกินสองล้านคนไปแล้ว และส่วนใหญ่ต่างก็กำลังหัวเราะ[เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ให้จอมเผด็จการของพวกเราไปเป็นบอดี้การ์ดเหรอ? ฉายาของเขาคือจอมเผด็จการนะ นี่คือคนที่เปรียบเป็นเหมือนราชาต่างหาก][ฮึ ฮึ จอมเผด็จการไว้หน้าคุณแล้วนะ ไม่อย่างนั้นคงใช้ฝ่ามือทักทายคุณไปนานแล้ว][ฉันผิดไปแล้ว ฉันคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดที่แกล้งไม่มีสมอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีสมองจริง ๆ]
[ฮ่า ฮ่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีแอดมิน พี่ชายด้านบน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บนโลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถแปลก ๆ กี่คนแล้ว?] มีผู้ชมโห่แย้งขึ้น[อนิจจา เดิมทีฉันคิดว่าตัวฉันเองเป็นอัจฉริยะในศิลปะการต่อสู้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะเก่งกว่าฉันอีก วันนี้ฉันไม่มีการโต้แย้งแอดมินแล้วล่ะ]เมื่อพูดจบเขาก็ให้รางวัลเป็นมงกฎสิบอันแก่ฉันเถิงหลานมองมาที่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่าจริง ๆ แล้วฉันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เหมือนกันใบหน้าของถังหมิงหลีเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ “จุนเหยา นี่เธอ...ควบคุมพลังภายในได้แล้วเหรอ?”ฉันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร จึงทำได้เพียงตอบไปส่ง ๆ ไม่แปลกที่เขาจะตกใจมาก เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ เลย แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันกลับสามารถระเบิดพลังภายในของตัวเองได้จริงเสียอย่างนั้น? ในโลกของศิลปะการต่อสู้นั้นยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ถึงแม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถระเบิดพลังภายในเพื่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้นางฟ้าหยุนเซี๋ยยิ้มบาง “เด็กคนนี้ยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง พลังจิตที่พวกเราฝึกฝนนั้นบริสุ
“ลัทธิหมอผี?”หัวหน้าจินอธิบายเพิ่ม “มันคือลัทธิดั้งเดิมที่อยู่ในฝั่งพม่า ว่ากันว่ามีอยู่ในสมัยรัฐเปียว รัฐบาลพม่าเคยไล่โจมตีพวกเขาอย่างหนัก ทว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก ซึ่งไม่มีวิธีจะหาที่อยู่ของพวกเขาเจอ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้ามาสร้างปัญหาที่เมืองซานเฉิง!”มีความเย็นชาในแววตาของหัวหน้าจินฉายชัดออกมา “นี่พวกมันไม่เห็นหัวคนในแผนกพิเศษของพวกเราเลยสินะ”“หัวหน้า ตรวจเจอข้อมูลของคนคนนี้แล้ว” เสี่ยวหลินหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วพูดว่า “เขาชื่อหลี่อี้ เขาเติบโตมาในเขตที่อยู่อาศัยนี้ เมื่อห้าปีที่แล้ว ครอบครัวของพวกเขาและครอบครัวของลวี้สามทะเลาะกันหนักมากด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ผ่านไปไม่กี่วันพ่อของเขาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลี่อี้เห็นกับตาว่าลวี้สามเป็นคนขับรถชน แต่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ไม่ยอมไปเป็นพยานให้ หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานที่ทางใต้แล้วก็หายตัวไปเลย”ฉันเข้าใจแล้ว เขาโกรธแค้นเพื่อนบ้านพวกนี้ จึงเดินทางไปทางใต้ของพม่า และมีโอกาสได้ร่วมมือกับพวกลัทธิหมอผีโดยบังเอิญ เขาถึงได้เรียนรู้ทักษะมาพอประมาณและนำรูปปั้นเทพชั่วร้ายกลับมาเพื่อล้างแค้นคนพวกนี้หัวหน้าจินมองมาที่ฉัน
นางฟ้าหยุนเซี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางคงได้ฆ่าเธอแน่“สาวน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” เธอเอ่ยถามร่างบางขยับแขนขาเล็กน้อย “ก็โอเคค่ะ แค่รู้สึกปวดหัว” “ไม่เป็นไร อีกสักพักก็จะดีขึ้น” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “บางทีครั้งนี้เรื่องร้ายอาจจะกลายเป็นดีก็ได้” “ร้ายกลายเป็นดีเหรอคะ?” ฉันรู้สึกสับสน“บนโต๊ะของเธอมีแก้วอยู่หนึ่งใบ เธอลองเพ่งไปที่มันแล้วพยายามทำให้มันขยับ”ฉันเพ่งมองไปยังแก้วใบนั้น และมองมันมาแล้วเกือบสิบนาที อยู่ ๆ มันก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อยจริง ๆฉันเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “นางฟ้า ฉัน นี่ฉัน…”“ยินดีด้วย เธอได้ปลดล็อคพลังจิตของเธอแล้ว หรือจะเรียกอีกอย่างว่า การหยั่งรู้แห่งสวรรค์ก็ได้” นางฟ้าหยุนเซี๋ยเอ่ย “นี่เป็นทักษะที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ฝึกตนอย่างเรา ตอนนี้ทักษะการฝึกฝนของเธอยังต่ำมาก อีกหน่อยพอฝึกฝนไปเรื่อย ๆ มันก็จะยิ่งดีขึ้น อีกทั้งการหยั่งรู้แห่งสวรรค์ของเธอก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามมา แล้วเธอจะพบว่ามันมีประโยชน์มากมายเลยล่ะ”ฉันปิดตาลงพยายามรู้สึกถึงสิ่งรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง เมื่อฉันเอาตนเองเป็นศูนย์กลางได้แ
คิดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็ตอบตกลงไป วันต่อมาป้าหลี่ก็พาฉันมายังคลับส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมกับความบันเทิงทุกรูปแบบที่ควรมีที่นี่ เป็นสถานบันเทิงของคนรวยฉันพยายามดึงหมวกลงมาเพื่อปกปิดใบหน้าของตนเองกว่าครึ่งหน้าไว้เมื่อมาถึงห้องครัวด้านหลัง ป้าหลี่ก็เอ่ย “อาหลิง คนที่เธอให้ฉันตามหา ฉันหามาได้แล้วนะ เธอมาดูสิว่าโอเคไหม”หญิงสาวสวยคนที่ชื่ออาหลิงนั่นย่างเข้ามา เธอแต่งหน้าอย่างประณีต สวมชุดกี่เพ้าสีแดง เอวเรียวบาง และช่องว่างระหว่างคิ้วนั้นชวนมองอย่างเย้ายวนใจหล่อนมองฉันอย่างประเมินคร่าว ๆ พร้อมกับเอ่ย “นี่คือเชฟที่ป้าหามาเหรอ?”“ใช่จ่ะ” ป้าหลี่เอ่ยอย่างสุภาพ “ทำไมกลางค่ำกลางคืนถึงได้ใส่หมวกปิดแมส? คงไม่ได้ป่วยเป็นอะไรหรอกนะ?” อาหลิงมองฉันด้วยความรังเกียจ“ไม่มีหรอกจ่ะ ไม่มี ไม่มีแน่นอน” ป้าหลี่ส่งสายตามาทางฉัน “รีบถอดแมสออกเร็วเข้า”หยวนจุนเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอดแมสกับหมวกออกอาหลิงชะงักไป หล่อนมองมาที่ฉันอยู่สักพักกว่าที่จะเรียกสติกลับคืนมาได้ป้าหลี่รีบว่าต่อทันที “ดูแล้วโอเคไหมจ๊ะ?”“แล้วฝีมือเป็นไง?” อาหลิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ดูจากท่าทางของหล่อ
อาหลิงเดินบิดสะโพกกลับเข้ามาอีกครั้งและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทำไมยังไม่เสร็จอีก? ยังอยากจะทำงานต่อไหมเนี่ย?”ฉันชี้ไปยังชามซุปตรงหน้าพร้อมเอ่ย “เมนูแรกเสร็จแล้วค่ะ”อาหลิงตวาดด้วยความโมโห “นี่มันเมนูอะไรของเธอ! เธอจงใจกวนฉันเหรอ?”ฉันตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “พี่อาหลิง วางใจเถอะค่ะ เมนูนี้ต้องทำให้แขกประทับใจอย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ พี่ก็ลองยกไปเสิร์ฟได้เลยค่ะ”แน่นอนว่าอาหลิงไม่เห็นด้วย แต่ก็มีคนเร่งรัดมา หล่อนจึงโมโหพลางตวัดตามามองฉันอย่างชั่วร้าย “เธอรอฉันอยู่นี่ ถ้าแขกไม่พอใจขึ้นมา ฉันจะมาจัดการกับเธอ”จากนั้นหล่อนก็เรียกสาวเสิร์ฟมาแล้วส่งซุปชามนี้ให้เวลานี้ภายในห้องส่วนตัวสุดหรู ชายวัยกลางคนกำลังดูแลแขกวัยเยาว์ท่านหนึ่ง และรอบข้างก็ยังมีคนใหญ่คนโตอีกสองสามท่าน ข้าง ๆ ตัวพวกเขาแต่ละคนมีหญิงสาวสวยดุจดอกไม้งามราวหยกนั่งขนาบข้างอยู่ขณะเดียวกัน สาวเสิร์ฟได้นำซุปยกเข้ามาเสิร์ฟให้กับแขก “เรือลำเล็กค่ะ”แค่พวกเขาเห็นก็หัวเราะออกมาทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า เถ้าแก่เจิ้ง เมนูนี้ของคุณดูน่าสนใจนะ ชามน้ำใสหนึ่งชาม ข้างบนมีใบไม้ลอยอยู่หนึ่งใบ เพราะฉันนั้นจึงได้ชื่อว่าเรือลำเล็ก เชฟที่นี่นี่มีอาร
“เดี๋ยวก่อน” หยินเฉิงเหยายกมือห้ามเขา จากนั้นก็ก้าวยาว ๆ ออกไปทันทีที่เขาออกไป ผู้คนรอบข้างก็เผยสีหน้าเป็นอันรู้กัน“เหอะ ๆ พระเอกอกหักพ่ายแพ้ราบคาบ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ยิ่งฐานะของคุณชายหยินสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เชียดใกล้ผู้หญิงมากเท่านั้น เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ก็คงไม่หวั่นไหวหรอกกับเรื่องแบบนี้หรอก”“เถ้าแก่เจิ้ง โดยรวมแล้วงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ถือว่าดูดีมากนะ คุณนี่มีของดีอยู่กับตัวเยอะจริง ๆ” สีหน้าของเถ้าแก่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ทุกท่านสบายใจได้นะครับ ทุกคนล้วนเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง แน่นอนว่าจะขาดทุกท่านไปไม่ได้หรอกครับ”หยวนจุนเหยากลับมายังห้องครัวด้วยความโกรธเคือง ส่วนเชฟคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ฉันจึงรีบจัดการเก็บของเตรียมกลับ ทว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็พร่ามัว หยินเฉิงเหยายืนอยู่ตรงหน้าฉัน พลางก้มหน้ามามองฉันเงียบ ๆแค่เห็นหน้าเขา ความโกรธในใจฉันก็เริ่มแผดเผาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “คุณหยิน หลีกทางด้วยค่ะ”หยินเฉิงเหยายังคงไม่ขยับ เขาแน่นิ่งราวกับภูเขาลูกใหญ่ ฉันกัดฟันกรอด “คุณหยินคงไม่ได้อยากจ
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ