ว่ากันว่ารัฐมนตรีหูคนนี้เกิดในตระกูลหู ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง และเป็นนักบำเพ็ญเพียรชั้นสูงผู้หนึ่ง เขาเคยได้เรียนรู้คำสอนและคาถาของลัทธิเต๋าจากนักพรตเต๋าผู้มีพลังแข็งแกร่งมากท่านหนึ่ง เขาอายุยังน้อย แต่ก็ได้รับการฝึกฝนขั้นสูงระดับจนถึงระดับสามแล้ว ทั่วทั้งทิศตะวันตกเฉียงใต้ เขาคือคนที่มีพรสวรรค์ที่หาตัวได้ยากมากเขายกกาน้ำชาที่ชงเสร็จแล้ว เทลงในถ้วยน้ำชาและผลักไปข้างหน้า แล้วพูดว่า “คุณหยวน เชิญชิมชาถ้วยนี้ดูสิครับ”ฉันจึงเดินเข้าไปและนั่งลงตรงข้ามเขา มือเรียวถือชาไว้ในมือทั้งสองข้างและจิบไปหนึ่งที เพียงแค่จิบครั้งเดียวก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่วริมฝีปากและฟัน ชาสีเหลืองอำพันไหลเข้าสู่ร่างกายและถูกห้อมล้อมด้วยพลังจิตจาง ๆ โดยไม่คาดคิดพลังงานจิตนั้นหายากอย่างที่สุด แม้แต่อาหารกับยาที่ฉันทำยังเทียบไม่ได้ นี่เป็นชาแห่งจิตวิญญาณ ในยุคนี้ชาแห่งจิตวิญญาณถือว่าเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย“เป็นชาที่ดีจริง ๆ” ฉันอุทานขึ้นพลันมุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย “เมื่อเทียบกับยาต้มถ่ายพิษปาเจินของคุณแล้ว ของเหล่านี้แทบอะไรไม่ได้หรอกครับ”ฉันยิ้มตอบ “องค์กรของคุณช่วยฉันได้มาก และฉัน
หลังจากที่ฉันเปิดจิตสำนึกแห่งสวรรค์ ฉันจึงรู้สึกไวต่อจิตวิญญาณของคนอื่น พวกเราอยู่ใกล้กันมากและเขาก็ไม่สามารถป้องกันฉันได้ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่ามีเลือดไหลอยู่ในจิตวิญญาณของเขาร่างบางยิ้มและเอ่ยต่อ “อาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ฉันเลยเรียนรู้มาจากเขาค่ะ”หูชิงหยูเม้มริมฝีปาก ชาถ้วยเมื่อกี้ทำให้เขารู้สึกสบายสมองและสดชื่นชานี้ดีต่อพลังจิตของเขาจริงหรือ?ดวงตาของเขาร้อนผ่าวเมื่อมองมาที่ฉัน “คุณหยวน...คุณสามารถรักษาผมได้ไหม?”“ตอนนี้ยังไม่ได้” ฉันตอบกลับทันที “วัตถุดิบยาในมือของฉันมีไม่ครบ ถึงแม้ว่าบาดแผลของคุณจะไม่หนัก แต่มันผ่านมาหลายปีแล้ว ถ้าต้องรักษาก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาไห้หายได้ภายในวันเดียว”ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และต้มกาน้ำชาอีกครั้ง หลังจากชาเดือดเขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณหยวน คุณจดรายการให้ผม ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบยาอะไร ผมสามารถหามาได้ทั้งนั้น”“ฉันขอดูพลังจิตของคุณก่อน” ฉันยืนขึ้นและเดินไปที่ข้างหลังเขา จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ศีรษะของเขาและปล่อยพลังจิตเข้าไปข้างในพลังจิตของเขาเหมือนหมอกสีขาว และในหมอกนั้นมีเมฆสีแดงเลือดลอยดิ้นอยู่ตลอดเวลา เมฆสีแดงเลือดนั้นย
หลังจากฟังคุณยายพูดเรื่องการหย่าร้างของพ่อแม่แล้ว จุนเหยาก็ได้รู้ว่าพ่อของตนได้แต่งงานเป็นลูกเขยในตระกูลร่ำรวย และมีลูกชายกับภรรยาใหม่ด้วยกันหนึ่งคน นานวันเข้าบริษัทก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ในใจของเขาคงคิดว่า ฉันอาจจะเป็นความอับอายที่สุดในชีวิตของเขาก็ได้มั้ง“พ่อคะ ดูสิ หนูสวมสร้อยคอหยกเส้นนี้แล้วสวยมากเลย งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่เดือนหน้า หนูจะต้องสะกดสายตาผู้คนได้แน่นอนค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจหยวนเหวินพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นก็ซื้อเลยสิ”“คุณผู้หญิงหยวนต้าเป็นลูกค้าประจำของทางร้านเรา ดังนั้นทางเราจะมอบส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์ รวมทั้งหมดเป็นเงินยี่สิบสามล้าน”หยวนเหวินไม่แม้แต่จะตกใจกับจำนวนเงิน “ตราบใดที่ลูกสาวของผมมีความสุข เงินแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร” หญิงสาวดีใจจนตาหยี ฉันกำมือแน่น แม้แต่ค่าเลี้ยงดูของฉันเขาก็ไม่เคยคิดจะส่งให้สักนิด แต่เขากลับใจกว้างซื้อเครื่องประดับให้หญิงสาวคนนี้“โอ๊ย ขวดหยกใบนี้สวยจังเลย” หญิงสาวเหลือบตามองขวดหยกที่ฉันใช้เป็นตัวอย่างสินค้า เธอหยิบขึ้นมาหมุนดูรอบ ๆ “ฉันจะเอาอันนี้”เถ้าแก่รูปร่างอ้วนกล่าว “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขวดหยกใบนี
เจ้าของร้านกัดฟันแน่น เพราะอย่างไรของทั้งหมดก็ต้องทิ้งไป “เอาล่ะ ๆ ฉันจะยอมหน่อยแล้วกัน อันใหญ่หนึ่งร้อย อันเล็กห้าสิบ”“งั้นฉันก็จะเอาแค่สองกระถางเล็กนี่” ฉันหยิบกระถางออกจากมือของเด็กหนุ่มแล้วยื่นเงินหนึ่งร้อยหยวนให้เขาไป“เดี๋ยวสิ” ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนว่า “ฉันขอซื้อกระถางต้นไม้นั่น ใบละห้าร้อย” จุนเหยาขมวดคิ้วและหันหลังไปมอง กลับกลายเป็นหยวนเหวินและลูกสาวของเขาหญิงสาวเชิดคางขึ้นอย่างผู้ชนะ ท่าทีเดียวกันกับตอนที่หยิบขวดหยกไป เพราะเมื่อครู่ฉันหยิบขวดหยกปาดหน้าเธอไป ตอนนี้เธอจึงกลับมาเอาคืนฉันแล้วเด็กน้อยเสียจริง“เงินและสินค้าซื้อขายแล้ว ของสิ่งนี้เป็นของฉัน” ฉันเอ่ยเบา ๆ หญิงสาวพ่นลมหายแรง ๆ “ฉันให้กระถางละหนึ่งพัน”เจ้าของร้านเบิกตากว้างเมื่อได้ยินราคา ก่อนจะรีบวิ่งมาหาฉัน พลันเอ่ย “ฉันไม่ขายกระถางต้นไม้นี้ให้เธอ และฉันจะคืนเงืนให้เธอหนึ่งร้อยหยวน”ฉันหันหลังกลับและเลี่ยงไม่รับเงินจากเขา แล้วพูดเสียงดังขึ้นอีก “ทำไมพวกร้านแหล่งรวมหยกถึงได้เป็นแบบนี้? เงินก็จ่ายแล้ว ยังจะเอาของคืนไปขายในราคาที่แพงขึ้นอีก นี่พวกคุณยังทำการค้าขายอยู่ไหม? ขนาดแค่กระถางต้นไม้ยังไม่สนใจกฎการซ
ฉินอ๋ายโทรหาฉินนี ฉันจึงเรียกรถตรงไปยังท่าเรือ ในขณะเดียวกันก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นเดินหัวเราะเริงร่าไปยังเรือสำราญที่มีแสงส่องสว่าง ฉันเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ยเรียก “ฉินนี”พลันหญิงสาวสวมชุดยาวสีฟ้าอ่อนก็หันหน้ามา วันนี้เธอแต่งตัวงดงาม ลอนผมยาวสยายอยู่ด้านหลัง ประดับด้วยกิ๊บติดผมและสร้อยเพชร ดูแล้วบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเจ้าหญิง ชายหญิงรอบตัวเธอล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา เมื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวเองที่ใส่ชุดกีฬา สวมหมวกและหน้ากากอนามัย ปิดใบหน้ามิดชิด ใครที่เห็นก็คงคิดว่าเป็นโจรกันทั้งนั้น“คุณคือคุณหยวนเหรอคะ?” ฉินนีมีความอดทนไม่น้อย ก็ใครจะชอบให้คนแปลกหน้าอย่างฉันมายืนจ้องมองกันล่ะ “ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้า “คุณฉินอ๋ายให้ฉันมาเป็นเพื่อนคุณ”เธอโบกมือพลางเอ่ย “มาเถอะ” ฉันเดินตามไปบนเรือ หญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นข้าง ๆ ฉินนีเหลือบมองมาที่ฉันแล้วพูดว่า "นีนีพี่ชายเธอไม่เกินไปหน่อยเหรอ ให้คนตามมาดูเธอเนี่ย?”ฉินนีกลอกตามองบนแล้วเอ่ยตอบ “พี่เขาบอกว่าหล่อนรู้จักวิธีการต่อสู้น่ะ” เด็กสาวในชุดกระโปรงสั้นยิ้มเหยียด “ที่แท้ก็บอดี้การ์ดนี่เอง แต่เธอดูแขนขาเรียว ๆ นี่สิ จะต่อยตีใครเขาได้”“ต
“ทำไมล่ะ เธอไม่กล้าเปิดเหรอ?” ฉันถาม “หรือว่ามีกลโกงอะไรหรือเปล่า?”“ไม่มี ไม่มีแน่นอน” ฉินนีรีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดถ้วยลูกเต๋า หนึ่งจุดหนึ่งลูก สองจุดอีกหนึ่งลูก แต้มรวมเป็นน้อยฉันชนะแล้ว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีนัก และรอยยิ้มที่แสนเย็นชาก็ปรากฎขึ้นที่มุมปากของฉัน ดวงตาของฉันค่อย ๆ กวาดไปที่ใบหน้าของทุกคน กลุ่มเด็กน้อยเหล่านี้ยังกล้าที่จะโกงฉันอีกหรือไม่เสี่ยวฉงผู้เป็นเจ้าแห่งการทอยลูกเต๋าผู้นี้ เมื่อเปิดถ้วยเธอก็จะใช่นิ้วของเธอปัดถ้วยลูกเต๋าทำให้ลูกเต๋าข้างในสั่นไหวอีกครั้งทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ดูเหมือนว่าประสบการณ์ชีวิตของเสี่ยวฉงจะไม่ธรรมดาเสี่ยวฉงจ้องมาที่ฉันอย่างมุ่งร้าย ราวกับจะฟันฉันออกเป็นพัน ๆ ครั้ง จุนเหยายิ้มมุมปากพลันเอ่ย “ผู้แพ้ จะต้องถูกลงโทษด้วยการดื่มเบียร์หนึ่งแก้ว”ทุกคนโล่งใจ แต่เมื่อเห็นฉันหยิบแก้วเบียร์ใบใหญ่ออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปหึ หึ คิดเล่นกับฉัน ก็ดูสิว่าใครจะเล่นใคร “อะไรกัน แพ้ไม่ได้เหรอ?” ฉันยิ้ม “ใครบอกว่าแพ้ไม้ได้” เจียงซ่าวลุกขึ้นยืนในทันที “ทุกคนต่างรู้ว่าฉันคือนี้คือเจ้าแห่งการเดิมพัน ใช่ไหม?”พูดจบเ
ฉันไม่สามารถซ่อนสายตารังเกียจได้ จึงก้มหน้าลงและไม่มองหน้าของเขาแม้แต่นิดเดียว“นาย นายมาที่นี่ทำไม?” ฉันถามอย่างแคลงใจ“คืนนี้ฉันมีนัดคุยเรื่องธุรกิจที่นี่” เขาเอ่ยเบา ๆ “ฉันคิดว่าที่นี่จะเป็นเรือส่วนตัวซะอีก”“เหอะ ๆ” เขาหัวเราะ “เด็กไม่กี่คนจะจองเรือสำราญแบบนี้เองได้ยังไง”ฉันถึงกับพูดไม่ออก“แล้วเธอมาที่นี่ทำไม?” เขาเดินใกล้เข้ามาอีกสองเก้าจนได้กลิ่นมิ้นต์จาง ๆ ออกมาจากตัวเขา ฉันเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน มันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องในวันนั้น พลันตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย“นึกไม่ถึงว่าเธอจะชอบอยู่กับเด็กแบบนี้” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี “นอกใจหรือไง? หรือว่าเธอไม่ชอบถังหมิงลี่แล้วเหรอ? คนที่อยู่ในสายตาของเธอคือใครกันแน่ ใช่คุณชายเจียงที่จับมือถือแขนเธอเมื่อกี้หรือเปล่า? หรือเป็นคุณชายอู๋ที่มองเธอไม่เลิกกันล่ะ?”ฉันไม่ต้องการที่จะปะทะคารม จึงรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป “มันก็ใช่เรื่องของนาย”หยินเฉิงเหยาจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาเย็นชา ฉันจึงจ้องเขากลับตรง ๆ “แล้วนายชี้หน้าฉันทำไม? เราสนิทกันเหรอ? นายเป็นอะไรกับฉัน?” ฉันถามรัวด้วยความเกรี้ยวกราดมือหนาจับไหล่ฉันในทันที นั่นทำให้ฉันตก
ฉันส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่”“ในเมื่อไม่ใช่ เธอก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องแทนมัน” อู่หยู่เจี๋ยเอ่ยเสียงเย็น “เว้นแต่ว่ามันจะคุกเข่าขอโทษฉัน และโขกหัวสามครั้ง ไม่งั้นวันนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะออกจากเรือไปในสภาพที่สมบูรณ์”หยินเฉิงเหยามีท่าทีราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขบขันอย่างมาก “นายมีค่าพอที่จะให้ฉันคุกเข่าเหรอ? รู้ไหมว่าถ้าพ่อแม่นายมาที่นี่ พวกเขาก็ยังต้องให้เกียรติฉัน แล้วนายยังกล้าพูดจาหยาบคายกับฉันอีกเหรอ?” อู๋หยู่เจี๋ยจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้ “ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ฟังกัน ก็คงต้องใช้กำลัง จัดการเลย”ทันทีที่เสียงนั้นเอ่ยขึ้น ชายร่างสูงทั้งสองก็พุ่งเขาหาหยินเฉิงเหยาราวกับกระสุนปืนใหญ่ฉันส่ายหัวและถอนหายใจเบา ๆ เป็นเรื่องจริงที่ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ อู๋หยู่เจี๋ยเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจเป็นทุนเดิม ถึงได้กล้าทำตามใจตัวเองแบบที่ไม่รู้จักภูมิหลังของอีกคนในซินซีย่าคลับแห่งนี้รนหาที่ตายแท้ ๆ แววตาของหยินเฉิงเหยาเย็นชาลง เขาลงมือในทันที มือหนาชกทั้งสองคน คนละหนึ่งหมัด พวกเขาทั้งสองยังไม่ทันได้จับทางว่าเขาต่อยมาได้อย่างไร หน้าอกก็ปะทะแรงกับแรงกระแทก พลันกระเด็นถอยหลังไปราวกับกระสอบทรายทุกคน