ทว่าพักหลังมานี่ เขาแทบไม่ได้ส่งดอกไม้มากเลย แต่เปลี่ยนมาส่งเครื่องปรุงยาจีนแทน ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีราคาสูงลิ่ว อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่รับไว้เช่นเคย แต่เขาก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะส่งมันมาจุนเหยาขมวดคิ้ว พลันคิดว่า เขาคงไม่คิดจะตามตื๊อเธอไปเรื่อย ๆ หรอกใช่ไหม?ก็แค่เคยเจอกันสองครั้ง จะมามีความรู้สึกต่อกันสักแค่ไหนเชียว? เขาสนใจที่หน้าตาหรือว่าฝีมือทางการแพทย์กันแน่?แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่มีความรู้สึกสนใจเขาเลยแม้แต่นิดใครจะไปรู้ว่าฉันจะหาเรื่องใส่ตัว ถึงขนาดเอาปัญหามาถึงบ้านล่ะในขณะที่ฉันกำลังปรุงยาวิเศษอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ความจริงจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้ แต่ทว่าลักษณะของการเคาะมันดูรีบเร่งจนน่าสงสัย และเสียงเคาะนั่นก็ดังขึ้นกว่าเดิม ฉันจึงเดินไปเปิดประตู แต่ทันทีที่เปิดออกไป สีหน้าของฉันก็ซีดเผือดราวเจอผีด้านนอกประตูมีหญิงวัยกลางคนสวมชุดดำยืนอยู่ ใบหน้าของหล่อนถูกเติมแต่งอย่างสวยงาม ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่มีความสามารถในการทำงานระดับสูง ทันใดนั้นหล่อนก็เดินตรงเข้ามาร่างเล็กงุนงง คนคนนี้เป็นใคร ฉันไม่เคยรู้จักมักจี้กับหล่อนด้วยซ้ำ“คุณเป็นใครคะ?” จุนเหยาถามด้วยน
“คุณชายลู่มีผู้หญิงที่เต็มใจร่วมหลับนอนกับคุณเยอะแยะ ทำไมถึงต้องมาเสียแรงกับฉันด้วย” จุนเหยารีบเร่งฝีเท้าและหันหลังกลับบ้านอย่างไว โดยไม่ได้สังเกตเห็นแววตามาดร้ายของลู่ฉี่หลินดูเสียงเข้มเอ่ยกรอด “คนอย่างลู่ฉี่หลิน ถ้าอยากได้อะไร ก็ต้องคว้าเอามาให้ได้”ถังหมิงหลียังไม่กลับจากการไปทำธุระที่เมืองหลวง แต่ฉันเห็นว่าตอนนี้ใกล้จะครบหนึ่งอาทิตย์ที่หยุดพักผ่อนแล้ว จึงเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการไลฟ์สดในครั้งถัดไปร่างเล็กกดดูความคิดเห็นของผู้ชม ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่าอยากเข้าร่วมไลฟ์สดกับฉันด้วย แถมยังยินดีจ่ายค่าธรรมเนียมราคาสูงเพื่อได้เข้าร่วมอีกด้วย มือเรียวลูบที่คางอย่างใช้ความคิด จะว่าไปก็น่าสนใจดีนะ การเปิดให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วม สามารถเพิ่มรายได้ที่มีอยู่ให้มากขึ้น และดึงดูดผู้ชมใหม่ ๆ ให้เข้ามาสนับสนุนช่องไลฟ์สดของฉันด้วยแต่ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ฉันจึงลองปรึกษากับถังหมิงหลี เขาเองก็เห็นด้วยที่จะเชิญผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมในไลฟ์สด แต่อาจจะมีข้อแม้คือต้องเป็นผู้ฝึกตน นักรบ หรือผู้มีพลังวิเศษเท่านั้น จะเป็นคนธรรมดาไม่ได้เด็ดขาด และในการเลือกสถานที่ลี้ลับก็จะต้องไม่เฮี
“คุณกล้าดียังไง!” เขาตะโกนด้วยสีหน้าซีดเซียว “ผมคือคนของตระกูลลู่แห่งจินหลิง ผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไปแน่!”ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะหันกลับมาจ้องเขาอย่างเย็นชา “คุณกำลังบังคับให้ฉันฆ่าคุณอยู่นะ”เขากำหมัดและพยายามจะยืนขึ้น แต่ขาของเขาอ่อนแรงเกินไปมือเรียวตบเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย “นี่คือบทเรียนสำหรับสิ่งที่คุณทำในวันนี้ ถ้าเป็นอาจารย์ของฉัน ท่านไม่ปล่อยคุณไว้แน่ นี่ถือว่าฉันมีเมตตาแล้วนะ”ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันก็ต้องกุเรื่องอาจารย์ขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นการขู่ไม่ให้เขามารังแกฉันได้อีกเขามองมาที่ฉันด้วยสายตาเกลียดชังและอาฆาตแค้น ส่วนฉันก็ปรายตามองเขาอย่างเยือกเย็นและทิ่มแทงจนเข้าไปถึงกระดูก พลันหมุนตัวเดินออกจากห้องไปตอนนี้ฉันมีธุระที่สำคัญกว่าต้องทำนั่นคือ การค้นหาสมุนไพรสีม่วงที่ส่งกลิ่นหอมแปลก ๆ ออกมาต้นนั้น!ลุงเฝิงมีกลิ่นนั่นติดตัวอยู่ จุนเหยาจึงเดินตามกลิ่นนั้นไปและพบว่าเขาพักอยู่ในห้องดีลักซ์อีกห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นบนมือเรียวเคาะประตู ทว่าทันทีที่เขาเปิดประตู ฉันก็ยื่นมือออกไปสับที่คอหอยของเขาทันที เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องเบา ๆ หรือกระทั่งเห็นรูปร่างหน้า
ขณะที่กำลังพูด หล่อนก็ยื่นรูปถ่ายรูปหนึ่งให้คุณนายลู่ดู ลู่ฉี่หลินถึงกับแสดงอาการเหลือเชื่อผู้ช่วยหยูกล่าว “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ สองสามเดือน เนื้องอกบนใบหน้าของหล่อนก็หายไปหมดเลย อีกทั้งยังได้เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ แถมบ้านที่หล่อนอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็เคยเป็นบ้านของตระกูลร่ำรวยในพื้นที่ โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมบ้านราคาแพงขนาดนั้นถึงตกไปอยู่ในมือของหล่อนได้”คุณนายลู่ค่อย ๆ เดินไปที่หน้าต่างพลางมองวิวภูเขาด้านนอก “แปลกจัง หรือว่าหล่อนจะเจอกับเรื่องประหลาดมหัศจรรย์?”ลู่ฉี่หลินจำ “อาจารย์” ที่จุนเหยากล่าวก่อนหน้านี้ได้ แต่ตอนนี้เขาแค่อยากรักษาอาการเจ็บป่วย เขาจึงไม่ได้พูดออกไป และเลือกพูดเพียง “แม่ครับ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เราไปลงมือกับน้องชายของหล่อนดีกว่าไหมครับ?”ผู้ช่วยหยูกล่าว “อ้างตามข้อมูลที่เราหาเจอ หยวนจุนเหยารักและทะนุถนอมน้องชายคนนี้มาก ถ้าเราจับเขาไว้ในเงื้อมมือได้ เธอจะเชื่อฟังเราอย่างแน่นอนค่ะ”คุณนายลู่ชำเลืองมองลูกชายของตน ในวันนี้ดวงตาของเขาดูเป็นทุกข์ ทำให้จิตใจคนเป็นแม่รู้สึกเจ็บปวดหล่อนเป็นคนฉลาดหลักแหลม ถ้าเป็นเรื่องอื่น หล่อนจะไม่บุ่มบ่ามขนาด
“งั้น...ฉันยังเอาเขากลับมาได้ไหม?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน“ได้”ทว่าขณะที่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็เอ่ยขัดเสียก่อน “รอให้เธอผ่านไปถึงระดับเก้าก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นเธอก็จะสามารถใช้เครื่องมือวิเศษของจักรวาลเพื่อข้ามผ่านภพภูมิไปยังโลกอื่น ๆ ได้”มือเรียวกำหมัดแน่น การคุยกับพลังที่เก้าก็เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา พึ่งขึ้นไปข้างบนไม่ทันไรก็ตกลงมาด้านล่างในเสี้ยววิระดับเก้า มันช่างห่างไกลอะไรอย่างนี้ ตลอดชีวิตนี้ฉันจะมีโอกาสผ่านไปถึงระดับเก้าจริง ๆ ไหมนะ?“แทนที่จะกังวลเรื่องนี้ เธอไปกังวลเรื่องตัวเองก่อนไม่ดีกว่าเหรอ” พลังที่เก้ากล่าว “คนที่ต้องการจับตัวเธอมาถึงแล้ว”จุนเหยาสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากข้างนอก ก่อนจะเอนตัวไปที่ประตูและมองออกไป พบว่ามีชายร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสองสามคนกำลังมุ่งตรงมาทางนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลสังเกตว่าพวกเขามีบางอย่างผิดปกติ จึงเข้ามาขัดขวาง แต่ก็โดนพวกมันสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งจนล้มลงไปนอนกับพื้นพวกนี่เป็นคนของตระกูลลู่หรือเปล่า?พวกเขาจะมาจับน้องชายของฉัน จากนั้นก็ใช้อำนาจคุกคามเพื่อให้ฉันช่วยรักษาลู่ฉี
เลขาของนายกเทศมนตรีเหลือบมองเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “นายกเทศมนตรีของเราบอกว่าเขามีมิตรภาพกับอาจารย์จางอยู่บ้าง ซึ่งอาจารย์จางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนมือหนึ่งของประเทศในเมืองหลวง ที่ท่านสามารถแนะนำให้คุณชายลู่ได้”ลู่ฉี่หลินยังต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกคนเป็นแม่ขัดเอาไว้ก่อน สีหน้าของหล่อนซีดเซียวทว่ายังคงเก็บอาการไว้ “พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ คืนนี้เราจะไปจากเมืองซานเฉิงค่ะ”เลขาของนายกเทศมนตรีพยักหน้าตอบ “ถ้าคุณทั้งสองเข้าใจแล้วก็ดีค่ะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำ งั้นฉันไปก่อนนะคะ”หลังจากที่หล่อนจากไป ลู่ฉี่หลินก็ถามแม่ของเขาอย่างโกรธเคือง “แม่ ทำไมแม่ถึง…”คุณนายลู่ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หุบปาก! ที่นี่คืออาณาบริเวณของคนอื่น ถึงยังไงพวกเราก็คือคนต่างแดน ถ้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าก็มีแต่จะเสียเปรียบ เรากลับจินหลิงกันก่อนแล้วค่อยไปปรึกษาหาวิธีกันใหม่”จุนเหยาป้อนซุปไก่ผ่านท่ออาหารเข้าไปในกระเพาะของอันอี้ สีหน้าของเขามีเลือดฝาดเล็กน้อยและดูดีขึ้นมากเมื่อห่มผ้าให้อันอี้เสร็จก็หันไปดูเย่เซียนหลัว “เซียนหลัว ช่วงนี้คุณรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอก เหงื่อออกตอนกลางคืน และปวดหัวในตอนเช้าใ
ถังหมิงหลียังกำหนดกฎเกณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เรื่องจิตวิญญาณของทีมและการปฏิบัติตามข้อตกลง เมื่อเลือกสมัครเข้าร่วมแล้วจะต้องลงนามในสัญญา ซึ่งผลที่ตามมาทั้งหมดจะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีคนสมัครเป็นจำนวนมาก ฉันดูโพสต์ลงทะเบียนที่ยาวเหยียด คิดไม่ถึงว่าในบรรดาผู้ชมของฉันจะมีผู้มีพลังวิเศษและผู้ฝึกวิชาอยู่มากมาย แถมยังมีนักพรตอีกไม่น้อยเลยด้วยหลังจากหมดเขตสิ้นสุดการรับสมัคร ถังหมิงหลีก็ได้เรียกผู้สมัครที่เลือกไว้ทั้งหมดสิบคนมาสัมภาษณ์ออนไลน์ มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่ผ่านการสัมภาษณ์ ในกลุ่มนี้มีผู้ฝึกวิชาสองคนที่อยู่ในระดับกลางของขั้นหมิงจิน คนหนึ่งชื่อฉินหนานเฉิง อีกคนชื่อเซี่ยชิงหยู ส่วนอีกสองคนเป็นผู้มีพลังวิเศษ คนหนึ่งชื่อว่าถังซิน มีความสามารถประเภทไม้ในระดับที่หนึ่ง ส่วนอีกคนชื่อหวางรุ่ยซี มีความสามารถประเภทดินในระดับที่หนึ่งทว่านักพรตเหล่านั้นกลับถูกถังหมิงหลีคัดออก เพราะมีศักยภาพต่ำ แต่พวกเขาก็ยังโอหังอวดดี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากเข้าร่วมการไลฟ์สดด้วย จึงส่งข้อความมาขอร้องฉันไม่หยุดครั้งนี้ฉันเลือกหมู่บ้านผีสิงแห่งหนึ่งตามตำนานเล่ากันว่า ใต้เขตตงซานทางท
[พวกผู้หญิงข้างบนหยุดผู้ชายสักทีจะได้ไหม? ยังอยากดูไลฟ์สดดี ๆ อยู่หรือเปล่า?]พวกเราเดินไปตามทางบนเขาเรื่อย ๆ หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า “หมู่บ้านตี้เหมิน” ตั้งอยู่บนที่ราบและถูกโอบล้อมด้วยภูเขา มีทางเข้าไปเพียงทางเดียวเท่านั้น ซึ่งมันถูกปกคลุมไปด้วยพุ่มหนามและวัชพืช เพราะไม่มีใครเดินเข้ามาหลายปีแล้วโชคดีที่ทั้งสี่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าพวกเขาเป็นลูกคนรวยที่ถูกเลี้ยงแบบตามใจมาตั้งแต่เด็ก คงจะมีปัญหาอย่างแน่นอนทันใดนั้นถังหมิงหลีก็หยุดชะงักและมองไปรอบ ๆ พร้อมขมวดคิ้ว“ทำไมเหรอ?” ฉันถาม“เหมือนจะมีคนอยู่ในป่า” เขาลดเสียงลง พลันดึงมีดสั้นออกจากรองเท้าบู๊ท ก่อนเดินช้า ๆ ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ ในป่าเงียบสงัดจนน่าประหลาด เงียบจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงนกเสียงแมลงเมื่อจวนจะถึงที่หมาย เราทุกคนก็ได้กลิ่นเลือดอันน่าสะอิดสะเอียนเซี่ยชิงหยูหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาหนึ่งท่อนปัดวัชพืชใต้ต้นไม้ออกไป พบว่าข้างในมีซากกระต่ายและไก่ป่าเปื้อนเลือดเต็มไปหมดมือหนาหยิบกระต่ายตัวหนึ่งขึ้นมา ที่ท้องของมันเหวอะหวะและมีเลือดทะลัก เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “กระต่ายตัวนี้ถูกสัตว์ป่ากัดตายครับ”ฉินหนานเฉิงเปิดซากไก่ป่าสด
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ