แชร์

ตอนที่ 1 คุณหนูรองสกุลซู

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-22 13:45:37

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปจนเข้าปลายเหมันตฤดู นับจากวันที่ซูเยว่ซินฟื้นจากอาการป่วย วันนี้ก็นับได้เกือบหกเดือนแล้ว และถึงแม้ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิง จะส่งสารมาตามตัวบุตรสาวให้กลับจวน ทว่าซูเยว่ซินกลับไม่ยินยอมที่จะกลับไป อีกทั้งฝีมือการฝึกวรยุทธ์ของนาง ก็ดูจะก้าวหน้าขึ้นไปทุกวัน มีหรือที่นางจะกลับไปให้มารดาเคี่ยวกรำงานของสตรีเรือนหลังให้แก่นาง

นางรู้ดีว่าถึงเยี่ยงไรแล้ว สงครามชายแดนเมืองโหย่วถิงในครานี้ บิดาและพี่ชายจะเป็นผู้ชนะศึก ก่อนพิธีปักปิ่นของนางในอีกสองปีข้างหน้าอย่างแน่นอน นางเองก็อยากที่จะมีส่วนร่วม เป็นส่วนหนึ่งในสนามรบ ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับบิดาและพี่ชาย ถามว่านางกลัวหรือไม่ นางตอบได้เลยว่าไม่กลัว เพราะจะมีสิ่งใดที่น่ากลัวไปยิ่งกว่า การถูกคนที่รักทรยศและหักหลังอีก

"คุณหนูรอง ท่านจะไม่กลับจวนตระกูลซูในยามนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ" สาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซินถามนางออกมาในขณะที่ส่งลูกธนูให้

“ไม่…ข้าจะกลับไปพร้อมกับท่านพ่อและพี่ใหญ่”

นางตอบก่อนที่จะรับลูกธนูมาจากมือของสาวรับใช้ จากนั้นจึงใส่เข้าไปในคันธนู แล้วง้างสายจนสุดแขน ลูกธนูถูกปล่อยไปอย่างมั่นคง มุ่งสู่เป้าหมายอย่างไม่ลังเล

ชิงหลวนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูรองก็นึกประหลาดใจ จากคุณหนูที่ไม่ค่อยชอบการสู้รบ แต่ที่ร้องตามบิดากับพี่ชายมาชายแดนเป็นเพราะอยากมาเที่ยวเล่น เพราะอยู่ในจวนถูกซูฮูหยินเคี่ยวกรำเรื่องงานของสตรี ทว่ายามนี้คุณหนูรองกลับมาสนใจฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งผ่านไปไม่นานคุณหนูรองของนางก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพสกุลซูอย่างไม่มีผู้ใดโต้แย้ง

ซูเยว่ซินแต่งกายด้วยชุดเกราะของทหาร มุ่งหน้าสู่สนามรบขับไล่พวกข้าศึกศัตรูไปพร้อมกับบิดาและพี่ชาย ที่ท่านแม่ทัพซูยินยอมให้บุตรสาวคนเล็กออกรบด้วยกัน เป็นเพราะเขาอยากให้นางแข็งแกร่ง และนางเองก็ผ่านการฝึกฝนวรยุทธ์ และประลองกับเหล่าทหารกล้าของเขามาไม่น้อย นางพิสูจน์ให้เขาได้เห็นแล้วว่า นางมีฝีมือไม่แพ้กับบุตรชายคนโตเลย เช่นนั้นแล้วเขาจึงไม่มีสิ่งใดต้องให้เป็นกังวล

“ท่านพ่อ เหตุใดซินเอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นสตรีที่ดุดันเช่นนั้นไปได้ล่ะขอรับ นางไม่กลัวโลหิต หรือแม้แต่ร่างกายที่บาดเจ็บของเหล่าทหารเลย ยามที่ข้าได้เห็นนางถือทวนฟาดฟันกับพวกศัตรูอยู่บนหลังม้า ทุกท่วงท่าช่างองอาจเหนือบุรุษยิ่งนัก บางคราข้าก็แอบนึกกังวลว่า เกรงว่าภายภาคหน้า ว่าที่น้องเขยของข้าจะรับมือนางไม่ได้” ซูเยว่คงพูดคุยกับบิดาในขณะที่มองน้องสาวที่ควบม้าใช้ทวนสังหารพวกทหารฝั่งศัตรูอยู่เบื้องหน้า

“ข้าว่าดีเสียอีก บุรุษใดจะได้ไม่กล้ารังแกนาง”

ท่านแม่ทัพซูบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ไม่นานนักเหล่าข้าศึกที่ยังเหลือรอดจากการปะทะ ก็รีบพากันล่าถอยกลับไปตั้งหลักในค่ายของฝ่ายตน ท่านแม่ทัพซูไม่ได้สั่งให้ทหารของตนตามไป เพราะเกรงว่าจะเจอกับแผนการดักซุ่มของอีกฝ่าย กองทัพทหารของตระกูลซูจึงล่าถอยกลับไปยังค่ายทหารชายแดนเมืองโหย่วถิงเช่นกัน

การออกรบในครานี้ทางฝั่งของกองทัพตระกูลซู สูญเสียกำลังทหารไปไม่ถึงร้อย และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงห้าสิบ เป็นเพราะมีแม่ทัพที่แข็งแกร่ง อีกทั้งมีรองแม่ทัพอย่างคุณชายใหญ่ซูเยว่คง และยังมีทหารอาสาที่แม้จะมีรูปร่างเล็กทว่ากลับมีฝีมือยิ่งกว่าพวกทหารทั่วไป ซึ่งคนนอกไม่มีผู้ใดรู้เลย ว่าคนผู้นั้นก็คือบุตรีคนเล็กของท่านแม่ทัพซูนั่นเอง เหล่าทหารกล้าต่างพากันนับถือคุณหนูรองที่มีความกล้าหาญยิ่งกว่าบุรุษ นางไม่ได้เป็นภาระของท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพ ทว่านางกลับเป็นกำลังสำคัญให้แก่กองทัพของพวกตน

“สมแล้วที่เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพ คุณหนูรองช่างทำให้ข้าน้อยรู้สึกนับถือยิ่งนัก” อู่จง กุนซือของกองทัพตระกูลซูเอ่ยชมคุณหนูรองออกมาในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะในครานี้

“ท่านกุนซือชมข้าเกินไปแล้ว ฝีมือข้ายังห่างไกลจากท่านพ่อและพี่ใหญ่นัก” ซูเยว่ซินกล่าวออกมาอย่างถ่อมตน

เหล่าทหารทุกคนต่างพากันรู้สึกชื่นชมคุณหนูรอง เช่นเดียวกับที่ท่านกุนซือชื่นชมนางออกมา เพราะถึงแม้นางจะยังเยาว์วัย แต่ทว่ากลับมีวรยุทธล้ำเลิศได้ถึงเพียงนี้ย่อมมิใช่ธรรมดา

แท้จริงแล้วในชีวิตก่อนของซูเยว่ซินนั้น ก็เคยฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แต่ทว่านางไม่เคยเข้าสู่สนามรบเช่นในชีวิตนี้ ในชีวิตก่อนนั้นนางเลือกที่จะละทิ้งความสามารถนี้ไปหลังจากเข้าสู่วัยปักปิ่น และทันทีที่ได้พบกับบุรุษที่สวมหน้ากากเป็นคนดีผู้นั้น นางก็ไม่กล้าที่จะกล่าวถึงความสามารถของนางออกมาให้ผู้ใดได้ฟังอีก นางต้องเสแสร้งแกล้งเป็นสตรีที่บอบบาง จนสุดท้ายคนพวกนั้นย่ามใจคิดว่านางอ่อนแอ จึงลงมือกับนางอย่างเย็นชา

สองปีต่อมา

ซูเยว่ซินอยู่ในค่ายทหารที่ชายแดนจนครบกำหนดเวลาที่นางล่วงรู้ ว่าเหล่าข้าศึกจากแคว้นต้าเยี่ยน จะเข้ามาสู้รบกับกองทัพของสกุลซูเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่เปลี่ยนกันรับผลัดกันรุกมานานเกือบสองปี จากเด็กหญิงวัยสิบสามในวันนั้น กลายมาเป็นสตรีวัยแรกแย้มในวันนี้ ซูเยว่ซินกลับไม่เคยนึกเสียใจเลย ที่นางได้สูญเสียวัยเด็กเช่นเด็กหญิงคนอื่นๆ ไป เพราะมีแต่ตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นางถึงจะสามารถปกป้องตัวนางเองและคนที่นางรักได้

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ศึกครานี้ลูกอยากจะขอร่วมด้วย”

สตรีที่มีใบหน้าหมดจดเกล้าผมเฉกเช่นบุรุษ สวมชุดเกราะเยี่ยงทหาร มือหนึ่งถือทวนที่เป็นอาวุธประจำกายตั้งแต่ออกรบกับบิดาและพี่ชายมากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทั้งแม่ทัพซูและรองแม่ทัพอย่างซูเยว่คงต่างรู้ดี ว่าศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก สองพ่อลูกไม่อยากให้บุตรสาวและน้องสาวต้องออกไปเสี่ยงอันตรายกับพวกเขาด้วย แต่ทว่าพวกเขากลับต้องพ่ายแพ้ในความมุ่งมั่นของนาง อีกทั้งนางยังเชื่อมั่นว่าครานี้กองทัพตระกูลซูจะต้องเป็นฝ่ายที่รบชนะ

และเพราะไม่มีคราใดเลย ที่ซูเยว่ซินบอกว่าชนะแล้วพวกเขาจะพบกับความพ่ายแพ้ ในครานี้เองก็เช่นกัน นางบอกว่าจะรบชนะและจะเป็นศึกครั้งสุดท้าย เหล่าทหารกล้าต่างเชื่อในคำพูดราวกับเป็นดั่งคำทำนายของคุณหนูรอง ที่ยังไม่เคยพลาดตั้งแต่นางได้กล่าวออกมา พวกเขานับถือทั้งฝีมือและความหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าของนางยิ่ง

ศึกชี้ชะตาของสองแคว้น ณ ชายแดนเมืองโหย่วถิงเริ่มต้นขึ้นในยามเหม่า เสียงแตรสัญญาณรบดังขึ้นกึกก้อง ณ ลานกว้าง เหล่าทหารกล้าของทางฝั่งเมืองโหย่วถิงต่างรู้สึกฮึกเหิม สามพ่อลูกตระกูลซูต่างไม่มีผู้ใดหลบอยู่ด้านหลัง มีท่านแม่ทัพผู้องอาจเป็นด่านหน้า บุตรทั้งสองขนาบข้างซ้ายขวา แม้ศึกในครานี้คุณหนูรองบอกว่าจะชนะ แต่ก็หาได้มีผู้ใดประมาทไม่หรือย่ามใจไม่ ครั้นสิ้นเสียงคำสั่งออกรบของท่านแม่ทัพ ทหารทั้งสองแคว้นก็เดินหน้าเข้าหากัน

เสียงของคมดาบที่ปะทะกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณชายแดนเมืองโหย่วถิง ทำให้ชาวเมืองต่างพากันรู้สึกหวาดหวั่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดยอมทิ้งเมืองนี้แล้วหนีไป เพราะต่างก็เชื่อมั่นในกองทัพตระกูลซู ท่านแม่ทัพซูและคุณชายใหญ่สกุลซูเปรียบเสมือนเทพแห่งสงคราม เข้าสู่สนามรบคราใดไม่มีทางที่เขาจะไม่ปลิดชีพแม่ทัพของอีกฝ่าย จนพวกข้าศึกศัตรูที่ได้ยินชื่อเสียงของเขาต่างพากันหวาดเกรง

การต่อสู้ระหว่างกองทัพของทั้งสองแคว้นเป็นไปอย่างดุเดือด ทว่าสตรีที่แต่งกายเฉกเช่นเดียวกับเหล่าบุรุษ ซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าศึกกำลังยกทวนทิ่มแทงข้าศึกศัตรูอย่างไม่หวาดหวั่น ภายในใจของนางยามนี้รู้สึกฮึกเหิมยิ่งนัก นางเพิ่งจะได้รู้ก็ในวันนี้ว่า เส้นทางชีวิตของนางในชีวิตก่อนนั้นช่างน่าเบื่อ หากรู้ว่าตนเองจะมีจุดจบที่น่าสมเพชเวทนาเช่นนั้น นางคงจะเลือกเดินบนเส้นทางนี้กับบิดาและพี่ชายมาตั้งแต่ต้นแล้ว

“เจ้า…มิได้บาดเจ็บตรงที่ใดใช่หรือไม่” เสียงของซูเยว่คงดังมาจากทางด้านหลัง เขาฝ่าทหารฝ่ายตรงข้ามเข้ามาหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านพี่…ท่านรีบไปจัดการแม่ทัพฝั่งนั้นช่วยท่านพ่อเถิดเจ้าค่ะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” หญิงสาวบอกพี่ชายโดยไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่นิด สองมือของนางยังคงจับทวนแน่น ยกขึ้นตวัดลงฟาดฟันไปยังข้าศึกศัตรู คนแล้วคนเล่าที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายเพราะนาง ทว่านางกลับหาได้ใส่ใจไม่

ซูเยว่คงได้ยินน้องสาวบอกเช่นนั้นจึงห้อม้าเร่งรุดไปยังที่บิดาอยู่ สองพ่อลูกช่วยกันจัดการแม่ทัพและรองแม่ทัพของฝั่งตรงข้าม จนในที่สุดกองทัพทหารของตระกูลซูก็ได้รับชัยชนะ เพราะแม่ทัพและรองแม่ทัพของแคว้นต้าเยี่ยนถูกท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพซูสังหารจนสิ้นใจภายในสามกระบวนท่า ครั้นสิ้นแม่ทัพแล้วมีหรือที่เหล่าทหารกล้าของอีกฝ่ายจะหลงเหลือกำลังใจที่จะสู้ต่อ บ้างก็ล่าถอยบ้างก็หลบหนี กองทัพตระกูลซูไล่ต้อนทหารของพวกแคว้นต้าเยี่ยนจนเตลิดกลับดินแดนของตนแทบจะไม่ทัน

เสียงโห่ร้องดีใจของทหารฝั่งเมืองโหย่วถิงดังกึกก้อง คุณหนูรองตระกูลซูได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพธิดาประจำกองทัพ เพราะนอกจากนางจะทำให้เหล่าทหารกล้ามีขวัญกำลังใจแล้ว คำทำนายของนางยังช่วยให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิม ไม่ยอมแพ้ต่อข้าศึกศัตรูที่บุกมาโจมตีอีกด้วย ท่านกุนซือได้แต่อึ้งงัน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณหนูรองเคยกล่าวออกมานั้นจะเกิดขึ้นจริงอีกครา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานถึงสองปีนี้ก็ถึงเวลาจบลงเสียที

ซูเยว่ซินใช้เวลาอยู่ในกองทัพร่วมกับบิดาและพี่ชายนานถึงสองปี จวบจนวันสุดท้ายที่สงครามสงบลง หากเป็นในชีวิตก่อน นางนั้นไม่เคยคิดที่จะลงสู่สนามรบด้วยตัวนางเองเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าคนที่เคยตายมาแล้วหนหนึ่งเช่นนาง ยังจะไปกลัวอะไรกับการตายอย่างมีเกียรติอีก

“วันพรุ่งนี้ก็กลับจวนกันได้แล้วนะเจ้าคะ”

ชิงหลวนกล่าวออกมาในขณะที่เก็บสัมภาระของคุณหนูรองใส่หีบใบใหญ่ เสื้อผ้าอาภรณ์ของซูเยว่ซินนั้นต่างจากคุณหนูตระกูลทั่วไป นอกจากอาภรณ์ที่มีแต่สีดำและสีแดงแล้ว ก็หาได้มีสีอื่นปะปนไม่ เครื่องประดับก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าสาวรับใช้บางคนเสียอีก เห็นทีกลับไปนางคงต้องบอกนายหญิง ว่าคุณหนูใช้ชีวิตไม่เหมือนกับสตรีทั่วไป ให้นายหญิงช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับให้คุณหนูเสียใหม่

“อืม…ใกล้จะได้ย้ายที่อยู่ใหม่กันอีกแล้วสินะ” ซูเยว่ซินสางผมของตนพลางพึมพำออกมา

ชิงหลวนหาได้ฟังประโยคหลังที่คุณหนูกล่าวออกมาไม่ เพราะนางมัวแต่สนใจเก็บสัมภาระอยู่ ตัวนางนั้นดีใจยิ่งนักที่จะได้กลับไปยังจวนตระกูลซูเสียที หากมิใช่เพราะต้องอยู่คอยรับใช้คุณหนูรอง มีหรือที่นางจะอยากอยู่ในค่ายทหารที่มีแต่กลิ่นอับของเหล่าบุรุษที่ไม่ชื่นชอบการอาบน้ำเช่นนี้ การมาอยู่ที่นี่นานถึงสองปีทำให้ชิงหลวนไร้ความรู้สึกตื่นเต้นยามที่ได้พบเจอพวกบุรุษไปเลย

สาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซินเร่งมือเก็บสัมภาระจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ปรนนิบัติคุณหนูรองให้เข้านอน ก่อนที่นางจะออกไปนอนยังกระโจมส่วนตัวของนางซึ่งอยู่ติดกัน ทิ้งให้ซูเยว่ซินที่แสร้งนอนหลับเปิดเปลือกตาออกมองความมืดอยู่เพียงลำพัง นางพยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่นางเคยประสบพบเจอมาในชีวิตก่อน อีกไม่นานตระกูลซูจะได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท พระราชทานจวนหลังใหม่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงให้ ตระกูลซูจึงต้องย้ายจากเมืองชายแดนโหย่วถิงไปยังเมืองหลวง

ในงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ หลังจากพิธีปักปิ่นของนางเพียงแค่เจ็ดวัน นางจะรับเทียบเชิญจากกู้ฮูหยิน และได้พบกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ที่แฝงตัวเข้ามาทำทีอยากสนิทสนมกับนาง ด้วยความที่ชีวิตก่อนยังไม่มีสหายข้างกายเลยสักคน ทำให้นางเผลอเปิดใจให้อีกฝ่ายได้เข้ามา และหลังจากที่นางได้เป็นสหายกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ยังไม่ทันถึงสามเดือน นางก็ได้พบกับผู้ชายสารเลว ทั้งสองเป็นคู่รักที่ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูล

คนหนึ่งลูกอนุอีกคนก็เป็นลูกอนุไม่ต่างกัน เพราะสถานะต่ำต้อยทว่าจิตใจกลับใฝ่สูง อยากจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ทั้งสองจึงจงใจเข้าหาคุณหนูรองจากจวนแม่ทัพที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเช่นนาง แม่ทัพที่มีอำนาจอยู่ในมือ ผู้ใดในเมืองหลวงต่างก็ให้ความนับถือยำเกรงบิดาของนาง ในครานี้นางจะไม่ให้คนพวกนั้นได้สมหวังอีก

นางจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นวันที่กู้มู่หรงน้องสาวต่างมารดาของกู้อี้เหวิน เด็กสาววัยสิบสามที่เป็นน้องแท้ๆ ของกู้มู่เฉิน มีเรื่องกับหลูเจียงหลี เพราะเป็นบุตรีของภรรยาเอก ทำให้กู้มู่หรงมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง และไม่ค่อยชอบสตรีที่เสแสร้ง นางเป็นเด็กที่ชอบสังเกตผู้คนจากการพูดจา มีหลายประโยคที่กู้มู่หรงกล่าวเหน็บแนมหลูเจียงหลี ที่ได้รับเทียบเชิญมาเพราะสนิทกับกู้อี้เหวิน พี่ชายต่างมารดา ซึ่งเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งจะมารู้ในภายหลังเช่นกัน

วันนั้นอีกฝ่ายจงใจใส่ร้ายคุณหนูสามสกุลกู้ว่า เด็กหญิงคิดที่จะผลักนางให้ตกน้ำ แต่ทว่าพลาดท่าทำให้คุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่เดินสวนทางกันตกน้ำไปแทน แท้จริงแล้วเป็นฝีมือสาวรับใช้ของหลูเจียงหลี ที่เป็นฝ่ายลงมือแทนเจ้านาย คราแรกนางคิดจะผลักกู้มู่หรงให้ตกลงไปในน้ำ แต่เป็นคุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่ไม่ระวัง เดินสวนทางแทรกเข้ามาพอดี ทำให้เป็นฝ่ายที่ต้องตกลงไปน้ำแทน

เหตุการณ์ในครานั้นทำให้กู้มู่หรงถูกลงโทษ และทำให้คุณหนูทั้งสองตระกูลไม่ชอบหน้ากัน แม้แต่นางเองในครานั้นก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจ ในนิสัยของคุณหนูสามสกุลกู้ จวบจนได้ออกเรือนไปกับกู้อี้เหวิน นางกับกู้มู่หรงก็ไม่เคยเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ไม่มีวันใดที่คุณหนูสามสกุลกู้จะไม่หาเรื่องให้นางต้องเดือดร้อนเลยสักวัน นี่ก็คงจะเป็นแผนการของชายหญิงสารเลวคู่นั้นมาตั้งแต่แรก พวกเขาไม่ต้องการให้นางเป็นมิตรกับผู้ใดเลย

ในครานี้ซูเยว่ซินจึงคิดที่จะผูกมิตรไมตรีกับคุณหนูสามสกุลกู้ และคุณหนูใหญ่สกุลเจียง นางจะช่วยไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้ใดอีก ไม่ว่าจะเป็นกู้มู่หรงหรือเจียงซีหรูก็ตาม และผู้ที่นางเลือกเมินเฉยในครานี้ ก็คือหลูเจียงหลี สตรีร้ายกาจที่ไม่ควรเข้าไปผูกไมตรีด้วยตั้งแต่ต้น ชีวิตก่อนนางเคยเลือกเส้นทางใด ชีวิตนี้นางขอเลือกเดินอีกเส้นทาง นางจะไม่มีทางกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้คนพวกนั้นชักจูงนางได้อีก

“จะไม่มีวัน...ที่พวกเจ้าได้สมหวังเป็นแน่ ชีวิตก่อนข้าเคยได้รับสิ่งใดจากพวกเจ้ามา ข้าก็จะตอบแทนสิ่งนั้นกลับไปให้พวกเจ้าเช่นเดียวกัน”

รอยยิ้มเยือกเย็นเผยออกมาจากเจ้าของดวงหน้างาม น้ำเสียงที่พึมพำออกมากลับฟังดูแล้วให้ความรู้สึกเยือกเย็น บ่งบอกให้รู้ว่า ผู้ที่เพิ่งพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ภายในใจของนางนั้นเจ็บช้ำมากเพียงใด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 2 ย้ายเข้าเมืองหลวง

    ขบวนกองทัพทหารของสกุลซูเคลื่อนทัพกลับเมืองโหย่วถิง หลังจากสงครามชายแดนเมืองโหย่วถิงจบลง ซูฮูหยินที่ได้ยินเรื่องราวของบุตรีมาโดยตลอด ก็อดที่จะรู้สึกเป็นห่วงซูเยว่ซินไม่ได้ ไปคลุกคลีอยู่กับเหล่าบุรุษมาตั้งนานเกือบสามปี กลับมาครานี้นางจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะจับบุตรสาว ให้มาเรียนรู้งานของสตรีในเรือนหลัง เพราะอีกไม่นานบุตรสาวก็จะเข้าสู่วัยปักปิ่นแล้ว ซูเยว่ซินเองก็รู้แก่ใจดี ว่ากลับจวนมาแล้วนางต้องพบเจอกับเรื่องอันใด ทว่านางก็ไม่มีหนทางที่จะหลบลี้หนีหน้ามารดาไปได้“มีสตรีใดบ้าง ออกไปวิ่งเพ่นพ่านอยู่ในสนามรบกับพวกบุรุษเยี่ยงเจ้า ตั้งแต่นี้ต่อไป ให้อยู่แต่ในเรือน คอยเรียนรู้งานของสตรีกับแม่” ซูฮูหยินกล่าวออกมาทันทีหลังจากที่ต้อนรับการกลับมาของสามีและลูกๆ เสร็จทั้งใต้เท้าซูและซูเยว่คงต่างพากันนึกขันแกมเอ็นดูซูเยว่ซิน ทว่าหามีผู้ใดกล้าช่วยนางพูดเกลี้ยกล่อมมารดาสักคน แต่มิเป็นอันใดเพราะอีกไม่นานตระกูลซูก็ต้องย้ายจวนไปอยู่ในเมืองหลวงอยู่ดี ท่านแม่ของนางก็จะได้ควบคุมนางจนกว่าจะถึงวันนั้น ซึ่งนับจากวันนี้ก็เหลือเพียงอีกแค่ไม่กี่วันแล้ว“เจ้าค่ะท่านแม่”ครั้นได้ยินบุตรสาวตอบออกมาเยี่ยงนั้น ซูฮูหยินก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 3 จวนพระราชทาน

    จากเมืองโหย่วถิง ขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซู ต้องใช้เวลาเดินทางนานนับเดือน กว่าจะถึงเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ระหว่างทางซูเยว่ซินได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย แต่ทว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เหมือนกับในชีวิตก่อนของนางแทบจะไม่มีผิดเพี้ยน เช่นรถม้าของจวนที่พวกสาวรับใช้โดยสารมา ล้อเกิดพังระหว่างทางจนเสีย หรือมีเหตุการณ์โจรป่าดักปล้นพวกพ่อค้าท่านพ่อและพี่ชายของนาง ได้ออกหน้าช่วยเหลือพวกพ่อค้าที่ถูกปล้น นำเหล่าทหารกล้าของตระกูลซูที่ติดตามขบวนมาด้วย จัดการปราบปรามกลุ่มโจรจนพวกมันไม่กล้าที่จะกลับมาก่อเหตุไปนานอีกหลายปี และระหว่างทางก่อนที่จะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางและสาวรับใช้อาวุโสบางคน ก็พากันเจ็บป่วยด้วยโรคไข้ป่า ดีที่นางเตรียมยารักษามาด้วย เพราะนางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทำให้ทั้งท่านแม่ และสาวรับใช้อาวุโส รอดพ้นจากปากประตูผีมาได้ ผิดกับชีวิตก่อนที่กว่าจะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางก็ต้องเสียสาวรับใช้อาวุโสไปถึงสองคน“หากไม่ได้ซินเอ๋อร์ที่เตรียมยามาด้วย มีหวังแม่กับพวกสาวรับใช้อาวุโสเหล่านี้ คงไม่มีชีวิตรอดไปถึงเมืองหลวงแล้วเป็นแน่”ซูฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงภูมิใจ บุตรสาวของ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 4 ผูกมิตร

    จวนแม่ทัพที่แต่ก่อนนี้เคยเป็นจวนว่างเปล่า ทว่ายามนี้กลับคึกคักขึ้นมา เพราะว่าเจ้าของจวนคนใหม่นั้นมากด้วยบารมี ผู้คนต่างอยากที่จะเข้าหา เพื่อมาผูกมิตรกับเขา ทำให้ฮูหยินและลูกๆ ของเขา พลอยได้รับไมตรีไปด้วย ยามนี้ซูเยว่ซินรู้ดี ว่าทุกคนที่เข้ามาล้วนแล้วแต่ก็มีเป้าหมาย ผู้ใดบ้างหว่านพืชจะไม่หวังผล ค้าขายจะไม่หวังกำไร ขุนนางเหล่านี้เองก็เช่นกัน ชีวิตก่อนนางไร้เดียงสาและซื่อเซ่อจนเกินไป ทำให้ตามคนไม่ทัน ไม่เคยคิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะหวังผลประโยชน์อันใดจากนาง ทว่าในชีวิตนี้นางมิใช่สตรีที่เคยซื่อเซ่อ และไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเหล่านี้อีกแล้ว“บุตรีของท่านจะเข้าวัยปักปิ่นแล้วกระมัง”ใต้เท้าจ้ง เจ้ากรมการกลาโหมที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ทัพซูเอ่ยถามออกมา เขามีบุตรชายคนรองในวัยไล่เลี่ยกันกับบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพ ทำให้เขานึกสนใจในตัวของบุตรีคนรองของท่านแม่ทัพขึ้นมา หากได้เกี่ยวดองกันจะดีเพียงใด“อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้ากับฮูหยินก็จะจัดพิธีปักปิ่นให้นางแล้วขอรับ” ท่านแม่ทัพซูหารู้ไม่ ว่าท่านใต้เท้าจ้งนั้น แอบหมายตาบุตรีของเขาเอาไว้ให้บุตรชายคนรองของตน เขาจึงตอบออกมาตามความจริง“โอ้…ดีจริง หา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 5 พบเจอ

    เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซินออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ“คุณชายให

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23

บทล่าสุด

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 - 1 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    แขนเรียวเสลาทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ราวกับต้องการปลอบใจ ใบหน้างามเห่อร้อน ใจก็เต้นโครมคราม ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมา มือหนาอีกข้างจับไปที่เรือนผมด้านหลังของหญิงสาว แล้วดึงใบหน้างามให้โน้มลงมา ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มหญิงสาวตรงไปยังเตียงนอนที่อยู่หลังม่านกั้น สองร่างโรมรันกันอย่างไร้ซึ่งความละอาย ไม่นานนักอาภรณ์ที่สวมใส่ติดกายก็หลุดลุ่ย เสียงครางต่ำของหญิงสาวดังขึ้นมา ยามที่ริมฝีปากหนาจุมพิตไปตามลำคอระหง ชายหนุ่มขบเม้มหนักเบาตามแรงอารมณ์ หญิงสาวเผยสีหน้าเย้ายวนชวนลุ่มหลงออกมาทันทีที่สองร่างสอดประสานกันดั่งฉินเส้อ เสียงครางต่ำก็ดังขึ้นปะปนไปกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าด กว่าเมฆจะเคลื่อน น้ำค้างจะพรมก็ทำเอาทั้งสองร่างพากันไร้เรี่ยวแรงกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มถอดถอนตัวตน แล้วผละกายไปนอนแผ่หลาอยู่ข้างกายสตรีงาม เขายอมรับเลยว่าสตรีเช่นหลูเจียงหลีนั้น เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นสตรีเพื่อให้เขาได้ระบายอารมณ์ ยามนี้ความขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายทำงานล้มเหลวซ้ำๆ จึงค่อยๆ บางเบาลงไปหลังจากอาบน้ำและสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงกลับมานั่งคุยกันเช่นเดิม กู้อี้เหวินอารมณ์ดีข

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    หลังจากที่กลับถึงเรือนซูซานแล้ว สาวรับใช้ก็ยกน้ำเข้ามาให้คุณหนูรองได้ล้างหน้าล้างตา ชิงหลวนทำหน้าที่สางผมให้ซูเยว่ซิน ส่วนชิงหลัวไปเตรียมอาภรณ์สำหรับใส่นอนให้คุณหนูรองเปลี่ยน ชิงหรงจัดเตรียมที่หลับที่นอน ครั้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเยว่ซินจึงสั่งให้สาวรับใช้ของนางไปนอนเช่นกัน ชิงหลวนดับไฟจากโคมก่อนที่นางจะออกจากห้องนอนของคุณหนูรองไปเป็นคนสุดท้ายซูเยว่ซินที่แสร้งล้มตัวลงนอนแล้ว กลับมิอาจข่มตานอนให้หลับได้ นางกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด คุณชายใหญ่กู้มู่เฉิน ถึงได้กล้าแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม จนตัวนางเองยังไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งหลังจากที่เขาสูญเสียผู้เป็นมารดาและบิดาในเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก พลันคิดได้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นคือความผิดของผู้ใด ความแค้นที่คับแน่นอยู่ในอกก็ทำให้นางพึมพำออกมา“เจียงหลีผู้โง่เขลา ในเมื่อเจ้าทำงานให้เขาไม่สำเร็จ เจ้าคิดว่าเขาจะยังมีไมตรีต่อเจ้าอยู่อีกหรือ แท้จริงเจ้าก็เป็นสตรีที่โง่งมไม่ต่างไปจากตัวข้าในชีวิตก่อนเลย แต่เป็นเพราะชีวิตก่อนข้าหลงเชื่อ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 - 1 เทศกาลชมจันทร์

    สตรีทั้งสองรีบออกจากงานเทศกาลไป โดยไม่สนใจบรรยากาศอันน่าสนุกสนานภายในงานอีก หลูเจียงหลีอยากเอาอกเอาใจกู้อี้เหวิน เพราะมีเพียงแต่เขาเท่านั้น ที่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลูได้อย่างไม่ยากลำบาก และในภายภาคหน้านางก็อาจจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกายของเขา กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลกู้ก็เป็นได้รถม้าของตระกูลหลูถูกบังคับขับเคลื่อนให้ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลกู้ นางให้เถียวเอ๋อร์ลงไปบอกบ่าวผู้คุ้นกันประตูจวน ให้ไปแจ้งคุณชายรองกู้อี้เหวิน ว่าคุณหนูสี่สกุลหลูมาขอพบ พร้อมกับหยิบเงินเพื่อเป็นรางวัลให้อีกฝ่ายไปสองเหวิน บ่าวผู้นั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้คุณชายรองทราบทันที ผ่านไปนานเกือบหนึ่งเค่ออีกฝ่ายจึงกลับออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด“คุณชายรองบอกว่า วันนี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ยามเซิน ขอเชิญคุณหนูสี่ไปพบคุณชายรองที่โรงเตี๊ยมเซียงซีแทนขอรับ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น หลูเจียงหลีจึงยินยอมที่จะกลับไปแต่โดยดี นางรู้ว่ายามนี้อาจจะเป็นเพราะท่านใต้เท้ากู้นั้นกำลังพำนักอยู่ที่จวน ทำให้กู้อี้เหวินไม่สะดวกที่จะออกมาพบหน้านาง เพราะคุณชายรองกู้ไม่ใช่บุตรในภรรยาเอก อีกทั้งยังสอบไม่ติดร

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 เทศกาลชมจันทร์

    แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากันอีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่าง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 5 พบเจอ

    เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซินออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ“คุณชายให

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status