แชร์

เมืองตะวัน

ผู้เขียน: Sanassetong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-19 21:17:03

ระหว่างกินข้าวมู๋จินเป่าก็ให้ลี่หลินเข้าไปในมิติ เพราะจิ้งจอกเก้าหางเด่นเกินไปทำให้หลายคนสนใจนัก หลี่หลินเข้าไปในมิติล่องหนก็ตกใจยิ่งนัก มีบ่อน้ำอมฤต ป่าสมุนไพร ถ้ำอีกด้วย พอหลี่หลินเข้าไปเจ้าอสูรสองตัวก็ออกมาพูดคุยกัน จึงทำให้อสูรงูเห่าทั้งสองตนมองมู๋จินเป่าใหม่ และช่วยกันจัดของให้มู๋จินเป่า

ในการกินอาหารกับพี่ชายในครั้งนี้ ห่าวอู๋อวี่มีความสุขที่สุดในระหว่างเจ็ดปีที่ผ่านมานี้

"ท่านพี่พวกเรารอจินเป่ากับพี่ซิงอีหาประสบการณ์ ในสำนักตะวันเลือนสักปี แล้วเราออกไปหาประสบการณ์นอกมิตินี้กันเถอะ ข้ากับจินเป่าเราคุยกันแล้วเรามีเป้าหมายที่เหมือนกัน ยุทธภพนี้ไม่ว่าจะมิติใดๆข้าคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่มีอำนาจที่สุด ถ้าเรามั่วแต่อยู่ที่นี้เราจะเก่งกันได้อย่างไร ข้าว่าข้าจะให้จื่ออี้เฉินไปคอยปกป้องเจ้าในสำนักตะวันเลือนดีหรือไม่"

ห่าวอู๋อวี่กล่าวกับคุณชายใหญ่และมู๋จินเป่า ทำให้คุณชายใหญ่มองมู๋จินเป่า และประเมินนาง หญิงสาวที่หน้าตางามจับจิตแต่มีวรยุทธแค่ขั้นศิลาแปดดาวแต่มีสัตว์อสูรอยู่ตั้งขั้นนภา สายตาของน้องชายสีของตนมีปัญหาหรือไม่

"ท่านไม่ต้องทำมากถึงเพียงนั้น ข้ามีลี่หลินอยู่และไห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

    เมื่อกลับจวนตระกูลห่าวอู๋แล้ว มู๋จินเป่ากับซิงอีก็พักที่เรือนรับรองของเรือนคุณชายสี่ พอเข้าห้องได้ ซิงอีก็ขัดผิวให้มู๋จินเป่าพลางพูดคุยกัน"พี่ซิงอีตอนนี้ข้ารู้ว่ามีมิติที่ไม่ใช่ที่เราอยู่เพิ่มขึ้นอีกสองมิติแล้ว แต่ข้าก็ไม่รู้ภูมิหลังของเราว่าอยู่มิติใดกันแน่ ตอนนี้เราต้องหาประสบการณ์ที่นี้และออกไปตามหาภูมิหลังกัน"มู๋จินเป่ากล่าวกับพี่ซิงอี"แล้วที่เจ้าบอกว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้าเล่า แล้วเรื่องเจ้ากับท่านห่าวอู๋อวี่อีก มันแปลกๆนะ พวกเจ้าสองคนเหมือนมีใจให้กัน ใจตรงกันแทบทุกเรื่องเลย"ซิงอีถามด้วยความสงสัย"ก็บอกแล้วไงเดียวข้าเล่าให้ฟังขัดตัวเสร็จก่อนแล้วกันนะ และพี่ล่ะทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ หลังจากที่ข้าแทงต้นหลิวต้องแสงจันทร์ข้าก็สลบไปเลย ตื่นขึ้นมาก็ไม่ทันได้คุยสิ่งใดกับท่านห่าวอู๋อวี่เลยด้วยซ้ำก็ถูกตามไล่ล่าจนข้าถูกงูยักษ์จับไปที่ถ้ำอสรพิษนี้แหละ"มู๋จินเป่ากล่าวกับซิงอี ซิงอีจึงเล่าให้ฟังว่าตนเป็นอย่างไรบ้างและตอนนี้ก็เหลือผลหลิวต้องแสงจันทร์เพียงสองผลเพราะแบ่งรักษา เจ้าอีกาดำ "หลังจากนี้เจ้าก็ต้องรีบฝึกฝน ใช้ผลหลิวต้องแสงจันท์ในการฝึกฝนเถอะจะได้มีวรยุทธ์พุ่งขึ้นเหม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ทดสอบเข้าสำนัก

    หลังจากกินข้าวกันเสร็จห่าวอู๋เจียง ก็ชวนทุกคนให้อยู่ต่อเพราะต้องการจะมอบตำราให้มู๋จินเป่าเพราะว่านางมีวรยุทธน้อยที่สุดเพื่อจะได้ฝึกวรยุทธ ให้อยู่ในระดับที่เข้าศึกษาได้ และให้ห่าวอู๋หรงตามสหายที่นามว่าหลี่ชุนชุนมา"ถ้าเจ้าสองคนไม่ให้ข้าพูดคุยกับสำนักให้ก็ไม่เป็นไร แต่ข้าว่าเจ้าคนนั้นวรยุทธยังไม่ถึงขั้นในการรับคัดเลือกด้วยซ้ำ เจ้าหาตำราจากข้าได้เพื่อที่จะเร่งฝึกวรยุทธให้เข้าสำนักได้"ห่าวอู๋เจียงส่งคนไปขนตำรามา พลางคุย กับมู๋จินเป่า "พวกข้าทั้งสองไม่ปฏิเสธตำราของท่านเจ้าค่ะ พวกข้าขอดูก่อนว่าอันใดที่พวกข้าสนใจ แต่กฎของการเข้าไปศึกษาในสำนักตะวันเลือนได้กำหนดว่าต้องมีวรยุทขั้นจิตตราขึ้นไปจริง ๆ หรือ ท่านห่าวอู๋อวี่ไม่เคยบอกข้านิ ข้าคิดว่าผู้ที่มีพลังวรยุทธ จะได้เข้าทดสอบทุกคน เพื่อจะคัดเลือกว่าผ่านหรือไม่ ไม่ใช่หรอกหรือ"มู๋จินเป่ากล่าวพลางมองหน้าห่าวอู๋เจียง เดิมทีตนคิดจะเพิ่มวรยุทธแต่ดูแบบนี้แล้วไม่จำเป็นแล้วล่ะ รอดูการทดสอบเถอะว่าจะผ่านหรือไม่"มันก็ใช่ที่ว่าสำนักเขาไม่ได้กำหนดตายตัว แต่ถ้าเจ้ามีวรยุทธน้อยในการทดสอบไม่ผ่านก็เสียเวลาอยู่ดี เอาแบบนี้เดียวข้าจะไปพูดคุยให้เจ้าทั้งสองคน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ป่าอาคม

    "เป็นพวกคุณหนูใหญ่เอง เราหนีกันเถอะ"ซิงอีที่เห็นมู๋จินเป่าแล้วจึงเอ่ยขึ้นก่อนจะกระอักเลือดออกมา"พี่ซิงอีเราเล่นกับพวกนางสักหน่อยเถอะ เอาถุงมิติมาก่อนแล้วเราไปร่วมเล่นกัน สัตว์อสูรทั้งหลายพวกเจ้าเล่นสนุกได้ในรูปแบบของมนุษย์นะ พวกเจ้าเหนื่อยกับการหาอัญมณีสีแดงมานานแล้ว เล่นกับพวกเขาหน่อยเถอะ"มู๋จินเป่ากล่าว พลางมองผู้ทดสอบทั้งหลายต่อสู้กับจรเข้ตาไฟอยู่ ตอนนี้จรเข้ตาไฟสบักสบอมมาก มู๋จินเป่าเลยโบกมือเก็บมันเข้าไปในมิติของนางเอง พร้อมกับถุงมิติสองใบของซิงอี และหยิบขวดน้ำอมฤตออกมาให้สัตว์อสูรของนางกับซิงอีได้ดื่ม พอทุกคนได้ดื่มก็หายเหนื่อย"อ๊ามาแล้วหรือน้องสาว ไม่เจอกันนานเจ้ามีวรยุทธ์กับเขาด้วยหรือ แต่ก่อนเจ้ามีวรยุทธเหนือข้ามากนะแต่ตอนนี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก เจ้ามีเพื่อนกับเขาด้วยหรือ 5555+ ทิ้งให้พี่เลี้ยงสู้ผู้เดียวเกือบตายแต่ตัวเองก็ไปมีเพื่อนใหม่ วรยุทธของเพื่อนเจ้ามากจนข้ามองไม่ออกแล้วอย่างไรเล่า พวกข้ามีคนมากกว่าเจ้านิ5555+ ทุกคนจับพวกนี้แล้วยึดป้ายหยกมาทำลายเดียวนี้ เรื่องสัตว์อสูรตนนั้นเดียวออกจากที่นี่ไปก่อนค่อยว่ากันใหม่"มู๋จินเหอเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงกรูเข้าไปเพื่อแย่งป้ายหย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ต้นหยางเหมย

    หลังจากออกจากป่าอาคมแล้ว ทั้งสองก็ได้มาอยู่ดินแดนต้องห้าม พอทั้งสองเกาะกลุ่มกันแล้วก็มาปรากฏตัวอยู่ในที่เดียวกัน "ครั้งนี้มีผู้เข้าทดสอบที่ผ่านด่านจากป่าอาคมสองร้อยห้าสิบสามคน ในดินแดนต้องห้ามมีป้ายเข้าสำนักเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบป้าย ผู้ใดหาป้ายเข้าสำนักได้และรักษาได้เป็นเวลาสามวันถือว่าผ่านด่าน ป้ายชั้นดีมีสีม่วงมีห้าป้าย ป้ายชั้นกลางมีสีเขียวมีสี่สิบห้าป้าย ป้ายชั้นต่ำมีสีแดงหนึ่งร้อยป้าย เริ่มทำภาระกิจหาป้ายได้ในบัดนี้"เสียงประกาศดังขึ้น "ป้ายเข้าสำนักเป็นแบบไหนน่ะ แล้วที่พี่ซิงอี บอกว่าข้าจะต้องได้ที่หนึ่งในสิบข้าต้องได้ป้ายสีม่วงหรือไม่ก็ป้ายสีเขียว ถ้าเราหาป้ายสีเขียวหรือสีม่าวได้เราต้องหาสองอัน เราจะได้ลำดับพอพอกัน เพื่อในการเรียนเราจะได้เรียนในระดับเดียวกัน เราเริ่มกันเถอะเดียวจะไม่ทันเขา"มู๋จินเป่ากล่าวกับซิงอี"ไม่มีใครบอกอะไรเราเลยจริงๆ เราก็ลืมถามเสียด้วยว่ามันคือสิ่งใด แล้วจะหาได้อย่างไรกัน"ซิงอีกกล่าว และทั้งสองก็เดินไปเรื่อยๆ "เราให้สัตว์อสูรออกมาเป็นเพื่อนดีกว่าไหมเพราะเราไม่พบใครเลยสักคน"ซิงอีกล่าวอีก"ก็ดีเหมือนกันเนาะจะได้ให้สัตว์อสูรไปสอบถามกับสัตว์อสูรด้วย"ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แลกเปลี่ยน

    หลังจากทั้งสองนอนก็ถอดจิตไปยังมิติล่องหนของมู๋จินเป่า "อะไรกันนิเจ้าได้ป้ายสีม่วงอีกแล้วหรือ เราก็ไม่ต้องหาอีกแล้วสินะ แล้วนี้อะไรล่ะ"ซิงอีถามขึ้นอย่างดีใจ"เราไม่ต้องการหาอีกแล้วก็จริงแต่เราจะต้องรักษาป้ายไว้ให้ได้ตลอดการทดสอบนี้ ทางทีดีเราต้องหาป้ายสีแดงมาบังหน้าก่อนไม่อย่างนั้นคนอาจรู้ได้ว่าเรามีมันแล้ว และนี้ก็คือต้นไม้ที่เจ้ากระต่ายหยกขุดมาไง"มู๋จินเป่ากล่าวพลางเดินไปที่ต้นหยางเหมยที่ตอนนี้ตื่นแล้วและมีชีวิตชีวาขึ้นมากเพราะ อยู่ในที่ที่มีไอวิเศษที่อบอุ่นและใกล้แหล่งน้ำอมฤต"ข้าจะให้เจ้าออกไปได้ข้าไม่ต้องการกักขังเจ้าหรอก ข้าต้องการแค่ป้ายสีม่วงเข้าสำนักตะวันเลือนก็เท่านั้น ถ้าเจ้าตกลงมอบป้ายให้ข้า ข้าจะเอาเจ้าไปส่งทันที"มู๋จินเป่ากล่าว พลางมองต้นหยางเหมยที่สั่นลำต้นไปมา พลางกล่าวออกมา ในน้ำเสียงที่เป็นเสียงเด็กน้อยที่แสบอยู่พอตัว"ข้าให้ป้ายเจ้าก็ได้ไม่เห็นจะยากเลยสักนิด แต่ข้าไม่ออกไปหรอก ข้าจะอยู่ในนี้ ไม่ไป! ไม่ไป! ไม่ไป! ข้าจะอยู่ ข้าให้เจ้าเลย แต่ข้าต้องได้อยู่ที่นี่ ให้ไอ้กระต่ายมันขุดรูตรงนี้ให้ข้าด้วยข้าจะอยู่ใกล้ๆบ่อน้ำอมฤต ถ้าเจ้าต้องการพืชวิเศษไว้ใช้งาน ข้าไม่ใช้ปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ป้ายเข้าสำนักสีม่วง

    ร่างทั้งสี่ก็โผล่บริเวณแหล่งน้ำชั้นสาม เป็นแหล่งน้ำทีอุดมสมบรูณ์ มีพื้นดินอยู่ไม่มากนัก มองแล้วคล้ายๆทะเล ไม่มีต้นไม้สักต้น มีเพียงโขดหิน ถึงว่าทำไม่ ชั้นนี้มีการต่อสู่แย่งป้ายกันง่ายดายเหลือเกิน เพราะไม่มี ที่ใดให้หลบหนีด้วยซ้ำ ซิงอีลากสังขารของมู๋จินเป่าเดินไปหาที่นั่งพัก นางรู้ดีว่ามู๋จินเป่าไว้ใจตนจึงส่งกระแสจิตเข้าไปในมิติ ปล่อยให้ตนดูแลร่างของนางภายในมิติ ทุกคนมุงดูจิ้งจอกเก้าหาง และเจ้าก้อนหิมะสีขาวที่มีแขนมีขาวิ่งได้ มันกำลังพองตัวและพ่นหิมะออกมาเป็นจำนวนมากจนห่อหุ้มร่างของจิ้งจอกเก้าหางสักพักใหญ่ๆร่างจิ้งจอกเก้าหางก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์และลุกขึ้นนั่งสมาธิ"เพียงสามวันสัตว์อสูรตนนี้ก็จะมีสัญาญชีพที่ปกติ"เสียงเจ้าก้อนหิมะกล่าวและมันก็พุ่งตัวลงน้ำแล้วเงียบไปทันที มู๋จินเป่าจึงส่งกระแสจิตออกจากมิติไป นางพบร่างของนางนอนอยู่บนโขดหินโดยซิงอีกำลังย่างปลาที่สือยวี่จับมาให้ หลังจากที่เห็นมู๋จินเป่าตื่นแล้วซิงอีก็เรียกมากินปลา"เป็นยังไงบ้างลี่หลินมีอาการน่าเป็นห่วงหรือไม่"ซิงอีถามด้วยความเป็นห่วง พลางมองมู๋จินเป่าเดินเข้ามาหาและนั่งลงข้างๆนาง"เหลือเพียงอีกชั้นเดียวแล้วเราก็ไปครบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง    ลำดับที่หนึ่ง

    หลังจากที่ทุกคนปรากฏตัวขึ้นใต้แท่นพิธีคัดนักศึกษาเข้าสำนัก มีอาจารย์ที่คัดเลือกอยู่เพียงสิบกว่าท่านแค่นั้น ส่วนผู้เข้าศึกษาบางคนก็ไม่ได้เข้าทดสอบเพราะรู้จักคนใหญ่คนโตในสำนัก หลีชุนชุนเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าศึกษา ทั้งที่ไม่ได้เข้าทดสอบ นางมองมายังมู๋จินเป่าพร้อมกับทำท่าทีเย้ยหยันอย่างเต็มที่ นางคิดว่ามู๋จินเป่าจะไม่ติดหนึ่งในสิบด้วยซ้ำเพราะนางไม่ได้ป้ายเข้าสำนักสีม่วง ทางด้านมู๋จินเป่าออกมาจากดินแดนต้องห้ามก็เดินตามหาซิงอีเพื่อจะได้ให้ป้ายเข้าสำนักสีม่วงและอัญมณีสีแดงกับป้ายหยกที่มีรายชื่อของซิงอีติดอยู่ก็เจอเข้ากับกลุ่มของบุรุษที่เคยช่วยนางเอาไว้ "กลุ่มพวกท่านได้ป้ายสีเขียวครบทุกคนแล้วหรือ"มู๋จินเป่าถามขึ้นอย่างแผ่วเบา"ขาดอีกสองป้ายเหมือนเดิมนั้นแหละช้้นเวหาไม่พบของดีๆกันเลย ดีนะที่เอาชีวิตรอดได้ พวกเจ้าเอาป้ายเขียวหรือไม่ เดียวพวกข้าสี่คนใช้ป้ายสีแดงได้ เดียวเข้าไปแล้วค่อยหาทางไปอยู่ร่วมกัน"บุรุษผู้นั้นกล่าวพลางมองมู๋จินเป่าด้วยใจจริง สักพัก จางหยงกับจางซินและซิงอีก็เดินมาหานาง พอดี"นี้ป้ายเข้าสำนักสีเขียวสองป้ายของพวกเจ้า รับไปเถอะแล้วก็เอาป้ายเข้าสำนักสีแดงออกมาให้ข้าด้วย"จางซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ปรมาจารไป๋อวิ๋น

    หลังจากทดสอบเข้าสำนักได้สำเร็จแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อนเจ็ดวัน ที่ทางสำนักให้เวลากับนักศึกษาทุกคน มู๋จินเป่าและซิงอีถูกผู้นำตระกูลห่าวอู๋เรียกไปพบถึงสามครั้ง แต่ห่าวอู๋อวี่ไม่พาไปเพราะสตรีที่ชื่อหลี่ชุนชุนอยู่ที่เรือนใหญ่ของตระกูลห่าวอู๋ตลอดเวลา ตนไม่ต้องการพบหน้านางจึงปฏิเสธทุกครั้งที่มีคนมาชวนไปเรือนใหญ่ ก่อนวันเข้าสำนักห่าวอู๋อวี่ได้เข้าไปพบอาจารย์ใหญ่ในสำนัก ซึ่งคือปรมาจารย์ไป๋อวิ่นที่ดำรงตำแหน่งนี้อยู่"ไม่พบกันเสียตั้งนาน ตอนที่ข้าเรียกเจ้ามาเรื่องทดสอบเด็กใหม่เข้าสำนักเจ้าก็รีบไปยิ่งนัก ข้ายังไม่ได้พบกับเจ้าเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ เจ้าว่าเด็กจินเป่าเด็กใหม่ลำดับหนึ่งเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ข้าว่าในตัวนางมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่แน่นอน"อาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้น"ข้ามาก็เพื่อสิ่งนี้แหละท่านอาจารย์ สัตว์อสูรงูเห่าดำตัวนั้นมันเป็นของข้าเองนั้นแหละ ข้ามาวันนี้ข้าต้องการให้ท่านอาจารย์ดูแลนางแทนข้า นางน่าจะศึกษาสำเร็จภายในหนึ่งปี และเราจะออกเดินทางดังที่ข้าเคยหวังไว้ในอดีต ที่ข้าเคยถามอาจารย์เรื่องมิติอื่นๆ เราสองคนมีใจตรงกันที่จะออกเดินทางท่องโลก และนี้ผลหลิวต้องแสงจันทร์ที่ข้าไปตามหามารักษาพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรเขากวางสามร้อยยอด

    ไม่นานทั้งสิบสองก็เดินทางผ่านมาราวๆห้าวันแล้ว แต่ก็ไม่พบว่าจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้เลย พวกเขายังรู้สึกว่าภายนอกยังมีเสียงลิงร้องนกร้องบ้าง บางครั้งก็ยังมีเสียงจั๊กจั่นเรไร บรรยากาศที่เดินผ่านมานั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว ไป๋อวิ้นนำแผนที่มากางออก "ในแผนที่ก็ไม่ได้บอกด้วยสิว่าจุดที่มีสมุนไพรเขากวางสามร้อยยอดนั้น มีสิ่งใดที่อยู่ข้างๆพอที่จะสังเกตได้บ้าง นางเพียงแต่บอกว่าผ่านจุดนี้ไปก็จะพบแต่เราเดินอยู่จุดนี้มานานแล้ว ยังไม่สิ้นสุดเลยหรือ หรือว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ทูตวิญญาณตนนั้นตนเดียว จะมีอย่างอื่นอีกก็เป็นได้"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น หลิวเหยียนได้แต่เปิดห่อผ้าดูเจ้าทูตวิญญาณที่ตอนนี้เกราะนั้นเริ่มระเหยออกไปมากแล้วเหลืออีกไม่กี่วันแล้วมันน่าจะออกจากเกาะได้แล้ว"ต้องรอถามเจ้าทูตตัวนั้น"เจ้ากระต่ายจิ๋วกล่าวขึ้น"ใครอนุญาตให้เจ้าถามมันกันล่ะ ในเมื่อตอนที่มันอยู่จุดเดิมนั่นไม่มีใครต้องการมัน เป็นข้าผู้เดียวที่แบกมาเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกราะนี้หนักเอาการอยู่ ในเมื่อข้าเป็นผู้แบกมา เพราะฉะนั้นข้าก็ต้องได้ครอบครองเจ้าทูตวิญญาณนี้ และข้าจะไม่ให้พวกเจ้าถามมันด้วย ว่าเขากวางสามร้อยยอดนั้นอยู่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แบ่งผู้อื่นบ้าง

    "ตู้ม"เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของทั้งสามที่เปื้อนไปด้วยโคลนนอนราบอยู่บนพื้น และทั้งสองที่ยืนมองเกราะใสๆแล้วมีตัวทูตอยู่ด้านใน ยืนอยู่ตรงกลางของทั้งสามคนที่นอนอยู่ โคลนที่มีอยู่นั้นเหือดแห้งไปหมด ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่อยู่บนร่างของบุรุษทั้งสามที่เคยตกลงไปเท่านั้น บริเวณพื้นดินไม่มีหลุมไม่มีบ่อแต่อย่างใดเป็นพื้นเรียบเหมือนไม่เคยมีโคลนเกิดขึ้นมาก่อน หากร่างกายของทั้งสามไม่เปื้อนโคลน ก็ต้องคิดว่ามันเป็นภาพลวงตาแน่นอนแต่ภาพของทั้งสามยังนอนป้าพูดกับพื้นแล้วร่างกายเปิดควรไปเกือบที่จะถึงจมูกด้วยซ้ำเจ้าซินจึงนำน้ำอมฤตไปล้างบุรุษทั้งสาม ไม่นานพวกเขาทั้งสามก็ลุกขึ้นได้และพากันยืนมองตัวทูตที่มีเกาะใสๆน้ำหุ้มอยู่ "นั่นมันตัวทูตวิญญาณหนึ่ง มันเป็นของดีเลยทีเดียวข้าว่าในการเดินทางนั้นพวกเจ้าแต่ละคนได้รับแต่สิ่งของดีๆซึ่งพวกข้าเองยังไม่ได้รับเลย และครั้งนี้ก็เป็นที่พวกข้าถูกโคลนดูดไว้ จึงทำให้พวกเจ้าได้เจออย่างนี้ พวกเจ้าไม่คิดจะแบบสิ่งนี้กับผู้อื่นบ้างรู้หรือ พวกข้ามาเสี่ยงที่ป่าอมตะนี้ก็เพื่อแม่นางผู้นั้น ใจว่าอยากกลับมาที่ใดกันในเมื่อมาแล้วของดีๆก็น่าจะแบบกันบ้าง"หลิวเหยียนกล่าวขึ้น ทุกคนที่ไ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ทูต

    ไม้ที่พยุงร่างของทั้งสามนั้นไว้พวกเขาอยู่ได้เพียงสักครู่ก็ค่อยๆเลื่อนลงไปเรื่อยๆและตอนนี้โคลนที่ดูดพวกเขาลงไปนั้นก็เกือบจะถึงคางอยู่แล้ว ห่าวอู๋อวี่คิดว่ายิ่งตัวเองส่งวรยุทธลงไปยังโคลนดูดนั้นมันก็จะดูดบุคลที่อยู่ข้างในลงไปเรื่อยๆ และผู้ที่อยู่ด้านบนไม่มีใครยอมให้ใครลงไปยังคนดูดเนื่องจากว่ารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะช่วยได้หรือจะทำให้ตัวเองลงไปข้างใต้นั่นอีกทำให้ท้องเพิ่มภาระผู้ที่อยู่ด้านบนอีก "เกือบจะถึงปากพวกเขาอยู่แล้วพวกเราทำอย่างไรดีล่ะเจ้าจิ๋วเราทำอย่างไรดีตอนนี้พวกข้าต้องพึ่งเต้าแล้วอ่ะ"จางซินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายจิ๋วมองหน้าเจ้านายของตัวเองและสื่อสารให้เจ้านายรู้ว่ามันจะพุ่งลงไป ให้เจ้านายคอยเรียกมันถ้าถึงเวลาอันสมควร หากว่ามันสื่อสารกับเจ้านายไม่ได้เนื่องจากมันไม่สามารถตรวจดูได้ว่าด้านล่างนั้นมีสิ่งใดอยู่ จึงไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเจ้านายได้หรือไม่ มันกระโดดเข้าในคนดูทันทีทุกคนต่างด้าวใจเพราะไม่อยากให้มันลงไปเสี่ยงเลย จางซินจึงโทษตัวเองว่าพูดกดดันมันจนมันต้องกระโดดลงไป"จินเป่าข้าขอโทษเรื่องที่ข้าทำให้เจ้าจิ๋วนั้นคิดที่จะกระโดดลงไป ข้าแค่คิดว่ามันจะหน้ามี

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   โคลดูด

    "ดินแดนต่อไปเป็นภาพที่ว่างเปล่าที่มารดาของข้าวาดไว้สิ้นสุดที่แห่งนี้ก็จะถึงแล้วล่ะ"ไป๋อวิ่นตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นเต้นอีกแล้ว ท่าทางเขาราวกับเหนื่อยมากๆ ที่ผ่านมาไม่สนุกเลยสักนิด ทุกคนอยู่ในอันตรายแทบตลอดเวลา ตอนที่เขามาเพียงลำพังไม่อันตรายถึงเพียงนี้ "แล้วพวกเราจะพบกับอะไรอีกนะ"ซิงอีถามกับทุกคน ไม่มีใครรู้และตอบอะไรทั้งนั้นต่างคนต่างเร่งเดินทาง พวกเขาเดินทางผ่านอากาศร้อนราวๆสองวัน พวกเขามีน้ำอมฤตกินระหว่างทางจึงรู้สึกไม่เหนื่อยมาก หลังจากทุกคนรู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่แล้ว ก็รู้ตัวแล้วว่าออกจากดินแดนฤดูร้อนแล้ว"ข้าว่าเราพักผ่อนสักหน่อยดีกว่าจะได้มีแรงที่จะเดินต่อ ทั้งสิบสองพากันนั่งพัก หลังจากนั่งพักกันเสร็จ ทั้งสิบสองก็พากันเดินทางต่อ พวกเขาเดินผ่านป่าที่สองข้างทางเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตพอสมควร บ้างก็มีเถาวัลย์พันไปพันมารอบต้นไม้มีเสียงนกเสียงลิงเสียงค้างที่ดังตลอดเวลา ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้มาก มีหลายครั้งที่ห่าวอู๋อวี่สัมผัสถึงสิ่งที่แปลกประหลาดแต่เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเดินมานั้นมันก็เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรชุบชีวิต

    "เจ้าจิ๋วกลับมาแล้วมันไม่ได้รับอันตรายใดๆด้วยเจ้าจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสำเร็จแล้วหรือทำไมเจ้าถึงขึ้นมาได้"จางซินถามขึ้น แต่เจ้ากระต่ายหยกก็ค้านที่จะคุยกับจางซินเช่นเคย มันต้องสื่อสารกับเจ้านายของมันเป็นดีที่สุดไม่ต้องพูดให้คนพวกนี้เยาะเย้ยตนด้วย"มันจะปล่อยพวกเราไปแล้ว แต่เราดันทำลูกของมันตายไปสองตน มันต้องการให้เราคืนชีวิตของลูกมัน ถึงจะปล่อยเราไปไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสู้กับมันให้ถึงที่สุดตอนนี้มันเหลือลูกอยู่เจ็ดตัว ส่วนตัวแม่มันก็ตัวใหญ่มาก"จินเป่ากล่าวแทนเจ้ากระต่ายจิ๋ว เจ้ากระต่ายจิ๋วคายหญ้าตายฝืนออกมาสองเส้นแล้วยื่นให้กับจินเป่า"สมุนไพรตายฝื้น เจ้าพอจะกลั่นได้หรือไม่จางซิน "จินเป่ากล่าวถามและนางก็ยื่นสมุนไพรตายฟื้นให้กับจางซินและนำเห็ดสมุนไพรสีเขียวขี้ม้าให้อีกสองต้น จ้างซินรับมาทั้งสองอย่าง แล้วนางก็ย้อนดูตำราว่ามีตำราเล่มไหนบ้างที่ตนเคยพบเกี่ยวกับสมุนไพรชุบชีวิตบ้าง"สมุนไพรชุบชีวิตน่าจะใช้ได้นะ ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่ามันมีตัวสมุนไพรตัวไหนบ้าง ที่ข้าจำได้ว่ามันน่าจะมีหญ้าตายแล้วฟื้นหนึ่งอย่าง"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จางซินจึงส่งกระแสจิตเข้าไปในมิติ แล้วหาตำราสมุนไพรชุบชีวิตและ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   บีซั่ว

    เมื่อพวกเขาเดินมาสักระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าอากาศนั้นอบอ้าวมาก คล้ายๆกับฤดูฝนที่ฝนจะตกแต่ไม่ตก พอเดินมาสักพักก็พบกับอากาศที่แห้งแล้ง"เราน่าจะเข้าสู่ฤดูสุดท้ายแล้วเป็นแน่ ฤดูร้อน หวังว่าคราวนี้จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเราเกิดอันตรายอีกแล้วนะ"จางซินกล่าวขึ้นยังมิวายที่จะพูดเหน็บแนมหลิวเหยียน แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธเคืองมากมายนัก พวกเขาเดินไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำ ซิงอีจึงแจกน้ำอมฤตแก่ทุกคน เมื่อทุกคนกินแล้วก็เดินทางไปเรื่อยๆด้วยความที่ร้อนและเหนื่อย แต่พวกเขาทุกคนก็อดทน ห่าวอู๋อวี่แบกจินเป่าด้วย เขาไม่คิดว่ามันเหนื่อยไปด้วยซ้ำ เพราะเขาป้องกันตัวเองตลอดเวลาด้วยเกาะวรยุทธของเขานั้น เขาสามารถทำให้มันอุ่นได้ร้อนได้เย็นได้ทั้งนั้น ผู้ที่มีวรยุทธที่เด่นแล้วมักจะไม่พหนาวไม่ร้อน เขาจะควบคุมให้ตัวเองรู้สึกสบายอยู่ตลอดเวลา "ข้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ใต้พื้นทรายที่เราเดินมา เอาเป็นว่าพวกเราต้องคอยระวังแล้วล่ะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ตอนนี้ไม่มีผู้ใดคัดค้านพวกเขาจ้องที่จะระวังตัวตลอดเวลา ห่าวอู๋อวี่กระชับจินเป่าแล้วเขาก็เดินไปด้วยความระมัดระวังทุกฝีก้าวแต่เมื่อเดินไปราวๆครึ่งก้านธูปก็ไม่มี

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผ่านฤดูฝน

    "ทำไมพวกสัตว์เหล่านี้มันหลีกเลี่ยงเรา ไหนเจ้าจิ๋วบอกว่ามันพุ่งไปทำร้ายเจ้าจิ๋วนั่นไงแต่ทำไมมันเห็นพวกเรา ณ เวลานี้มันถึงหลีกหนีได้ล่ะ"หลิวเหยียนถามขึ้น"ข้าคิดว่าสถานที่นี้ไม่ใช่หน้าที่ของมันที่จะปกป้องล่ะมั้งมันน่าจะมีจุดเดียวที่มันปกป้องก็คือจุดกลางป่าที่มีต้นเห็ดยักษ์ที่เจ้าจิ๋วไปเจอก็ได้ เพราะป่านี้อะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้นนั่นแหละ ดูอย่างเช่นตัวอึ่งอ่างนั้นนะสิใหญ่โตกว่าอึ่งอ่างปกติเป็นไหนๆ"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็สนใจแต่เก็บเห็ดพิษสีของตัวเองที่ตัวเองรับผิดชอบเมื่อเก็บได้แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบกับเห็ดพิษยักษ์ที่เจ้ากระต่ายหยกนั้นกล่าวถึง ห่าวอู๋อวี่รวบรวมเห็ดพิษทั้งหมดและเขาก็ค่อยๆนำไปหยอดตรงรูที่เท่ากับกำปั้นนั้นแต่ละสี หลิวเหยียนที่ไม่ค่อยเชื่อเจ้ากระต่ายหยกสักเท่าไหร่เลยคิดที่จะลองดีเพราะมันเห็นพวกสัตว์อสูรที่เจ้ากระต่ายหยกบอกว่ากำลังจะวิ่งลุมมัน แต่ในตอนที่เห็นกลุ่มเขานั้นต่างก็เดินหลีกหนีพวกเขาไป หลังจากที่เขาได้ยื่นถุงเห็ดพิษให้ห่าวอู๋อวี่ แล้วเขาก็ทำท่าเดินๆอยู่ด้านหลังของสหายทุกคน เมื่อมองแล้วไม่มีสหายผู้ใดสนใจเขาจึงวิ่งตรงไปยังอีกฟากของต้นเห็ดพิษยักษ์

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เห็ดพิษ

    หลังจากที่เจ้ากระต่ายหยก วิ่งออกไปถามทางกลางสายฝน ก็พบเข้ากับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเป็นจำนวนมาก พวกมันต่างมานั่งร้องเสียงระงมไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าจะเป็นอึ่งอ่าง กบและเขียดต่างๆ นั้นต่างก็ร้องแล้วโยกตัวไปมา สัตว์ในป่าแห่งนี้แลดูจะใหญ่กว่าธรรมชาติเสียเหลือเกินเจ้ากระต่ายหยกมันพุ่งไปทางทิศตรงข้ามกับที่มันเดินมา มันต้องการรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้มีจุดสิ้นสุดอยู่หรือไม่ แต่มันยังไปได้ไม่นานนัก มันก็พบกับเห็ดพิษชนิดหนึ่ง แต่ต้นมันใหญ่ราวๆกับมนุษย์เลยทีเดียว และบนลำต้นของมันก็มีรูขนาดกำมือยัดเข้าไปได้ และแต่ละรูนั้นเป็นสีต่างๆ เมื่อมันมองแล้วมันกะจะวิ่งผ่านต้นเห็ดต้นนั้นก็เหมือนมีแรงผลักมันให้ล้มลง เหล่าคางคกกบและเขียดต่างๆกระโดดเข้ามารุมมัน เสียงร้องดังวี๊ดๆเกิดขึ้น ดังลั่นสนั่นทั่วทั้งผืนดินแล้วก็เหมือนมีสัตว์หรืออะไรสักอย่างที่พุ่งเข้ามายังจุดกลางที่มันอยู่ มันไม่สามารถที่จะต้านทานพวกเหล่านี้ได้ มันส่งกระแสจิตสื่อสารไปหาเจ้านายมันทันที ก่อนที่สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายจะกระโดดเข้าไปรุมมัน มันก็หายแว๊บไปทันตา ภายใต้เรือนที่จางซินนำออกมา ให้พวกเขาอยู่ซึ่งอยู่ดีๆก็มีเสียงร้องกรีด และเสียงสนั่นหวั่นไหวเหม

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผ่านฤดูหนาว

    พวกเขานั่งรอกันไม่นาน หิมะก็เกิดสั่นไหวอีกหนึ่งรอบและเจ้าเนียนเสวี่ยตัวหัวหน้าฟูงก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้แววตาของมันดำมืด มันสามารถมองเห็นทั้งสิบสองได้แล้ว ถามว่ามันดีใจไหนมันบอกเลยว่าดีใจมาก แล้วเหล่าเนียนเสวียนนั้นเมื่อพูดแล้วเขาก็ต้องทำให้ได้ ทั้งเสียดายเลือดที่หอมนั้นที่เต็มไปด้วยคุณค่าที่มันก็ต้องการอยู่ แต่เมื่อแลกกับดวงตาที่สดใสแล้วมันย่อมแลกกับดวงตามากกว่า"ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีดวงตาที่มองเห็นอีกครั้ง พวกเจ้าจงไปเถอะเหล่าเนียนเสวี่ยของพวกข้าจะไม่ติดตามพวกเจ้าไป ให้พวกเจ้าเดินทางไปกันเอง หากพวกเจ้าเดินทางไปยังหิมะนี้ราวๆสองวัน พวกเจ้าก็จะออกจากดินแดนหิมะนี้ได้แล้ว"หัวหน้าเนียนเสวี่ยกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เสียดายอยู่ไม่น้อยแล้วมันก็จากไป"แค่นี้เองหรือ พวกเรารักษาดวงตาให้มัน แต่มันกลับขึ้นมาบอกว่าให้เราไปกันเอง อีกสองวันก็ จะออกจากดินแดนแห่งนี้ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ เจ้าตัวยักษ์นี่ช่างแร้งน้ำใจเสียเหลือเกินช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียเหลือเกินจะให้สิ่งใดพวกเราตอบแทนบ้างก็ไม่ได้"หลิวเหยียนกล่าวขึ้น เขาไม่เห็นด้วยที่มันจากไปดื้อๆแบบนี้"ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะต่อสู้กับ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status