หลังจากทดสอบเข้าสำนักได้สำเร็จแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อนเจ็ดวัน ที่ทางสำนักให้เวลากับนักศึกษาทุกคน มู๋จินเป่าและซิงอีถูกผู้นำตระกูลห่าวอู๋เรียกไปพบถึงสามครั้ง แต่ห่าวอู๋อวี่ไม่พาไปเพราะสตรีที่ชื่อหลี่ชุนชุนอยู่ที่เรือนใหญ่ของตระกูลห่าวอู๋ตลอดเวลา ตนไม่ต้องการพบหน้านางจึงปฏิเสธทุกครั้งที่มีคนมาชวนไปเรือนใหญ่ ก่อนวันเข้าสำนักห่าวอู๋อวี่ได้เข้าไปพบอาจารย์ใหญ่ในสำนัก ซึ่งคือปรมาจารย์ไป๋อวิ่นที่ดำรงตำแหน่งนี้อยู่"ไม่พบกันเสียตั้งนาน ตอนที่ข้าเรียกเจ้ามาเรื่องทดสอบเด็กใหม่เข้าสำนักเจ้าก็รีบไปยิ่งนัก ข้ายังไม่ได้พบกับเจ้าเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ เจ้าว่าเด็กจินเป่าเด็กใหม่ลำดับหนึ่งเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ข้าว่าในตัวนางมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่แน่นอน"อาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้น"ข้ามาก็เพื่อสิ่งนี้แหละท่านอาจารย์ สัตว์อสูรงูเห่าดำตัวนั้นมันเป็นของข้าเองนั้นแหละ ข้ามาวันนี้ข้าต้องการให้ท่านอาจารย์ดูแลนางแทนข้า นางน่าจะศึกษาสำเร็จภายในหนึ่งปี และเราจะออกเดินทางดังที่ข้าเคยหวังไว้ในอดีต ที่ข้าเคยถามอาจารย์เรื่องมิติอื่นๆ เราสองคนมีใจตรงกันที่จะออกเดินทางท่องโลก และนี้ผลหลิวต้องแสงจันทร์ที่ข้าไปตามหามารักษาพี
"ในชั้นเรียนวิชานี้ข้าจะให้ลูกศิษย์ทุกคนทดสอบทางด้านจิตใจ ข้ามีห้องให้ทั้งหมดสิบห้อง แต่ละห้องจะให้นักศึกษาแต่ละคนเลือกเข้าไปด้านใน ให้อยู่ในนั้นเป็นเวลาห้าชั่วโมง ถ้าครบห้าชั่วยามโดยจอภาพหน้าห้องว่างปล่าวผู้นั้นถือว่าผ่าน ข้ามีอัญมณีสีม่วงให้ทั้งหมดสิบก้อนถ้าใครผ่านจะได้รับอัญมณีสีม่วงในจำนวนที่เท่าๆกัน ผู้ที่ผ่านแล้วครั้งหน้าจะไม่ได้เข้าจนกว่าเพื่อนจะผ่านหมด แต่ครั้งหน้าข้าไม่มีอัญมณีสีม่วงให้แล้วนะ555 ได้เฉพาะคนที่ทดสอบจิตใจได้ครั้งแรกเท่านั้น วิธีที่ง่ายคือเข้าไปข้างในแล้วทำจิตใจให้สงบห้ามคิดสิ่งใด เพราะถ้าพวกเจ้าคิดสิ่งใด ข้าก็จะเห็นทันที555 ถ้าเจ้าคิดถึงบุรุษหรือสตรีคนรักข้าก็จะเห็นกับเจ้าด้วย หรือถ้าผู้ใดเผลอหลับข้าก็จะเห็นความฝันของคนนั้น ข้าจะนั้งตรงกลางเพื่อสังเกตุเห็นจอหน้าห้องของทุกๆคนไม่ต้องห่วง "อาจารย์วิชาด้านจิตใจสอน เพราะผู้ที่อยู่ระดับสูงมักจะต้องจิตใจเข้มแข็งอยู่แล้ว ทุกคนเดินตามอาจารย์ไปก็เห็นห้องที่มีประตูเรียงกันสิบห้องเป็นขนาดครึ่งวงกลม เหมือนที่อาจารย์กล่าวไว้ไม่มีผิด มีตั่งนั่งตรงกลางไว้เพื่อนั่งมองหรือจะนอนก็ได้มองเห็นได้ทุกๆห้องที่เรียงกันเป็นครึ่งวงกลม มี
"ท่านอาจารย์เรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่หรือ เมื่อคืนพวกข้าอยู่กับแม่นางทั้งสองทั้งคืนเลยนะ แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปทำร้ายพวกเขากันล่ะ"บุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ในลำดับสูงกล่าวกับท่านอาจารย์ "พวกเจ้าอยู่ระดับเดียวกันไม่รู้หรอกหรือว่าซิงอีมีสัตว์อสูรเป็นจระเข้ตาไฟมันจะลงมือตอนไหนก็ได้นิ"มู๋จินฮุยกล่าว"แล้วพวกเจ้าก็เห็นแล้วนิว่ามีแส้อะไรที่ไหนแล้วกระจกที่พวกเจ้าขโมยไปก็ไม่เห็นมี แล้วเมื่อคืนแม่นางซีอีกับแม่นางจินเป่าก็นำสัตว์อสูรออกมาอยู่กับพวกเราทั้งคืน แล้วพวกเราก็นำสัตว์อสูรของพวกเราออกมาด้วยถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ถามอีก 7 คนที่อยู่ในนี้สิเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันทั้งคืน"บุรุษผู้นั้นกล่าว "พวกเราก็เพิ่งรู้ว่าแม่นางซิงอีกับแม่นางจินเป่าเป็นแค่สาวชาวป่าธรรมดา แต่พวกเราก็ไม่รังเกียจนางหรอกนะที่จะศึกษากับพวกเราในสำนัก พวกเจ้าไม่ต้องคิดแทนพวกข้าขนาดนั้น เพราะพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรท่านอาจารย์โปรดเห็นใจแม่นางทั้งสองเถอะ ที่ถูกใส่ร้ายที่ถูกขโมยของ และข้าก็เป็นคนนึงที่เป็นพยานให้แม่นางทั้งสองได้"สตรีในระดับสูงกล่าว การกระทำทุกอย่างท่านอาจารย์ที่เพิ่งสอนวิชาด้านจิตใ
หลังจากจบคาบเรียนในวันนั้น มู๋จินเป่ากับซิงอีก็ขอคำปรึกษาจากจางหยงอยู่บ่อยๆ เพราะตนกลัวว่าในคาบเรียนต่อไปจะเป็นการต่อสู้แบบใช้พลังวรยุทธ ซึ่งทั้งสองคนไม่เก่งด้านนี้เลยสักนิดแต่ในคาบเรียนครั้งหน้าก็เป็นอีกเดือนต่อไปแล้ว ทั้งสี่จึงปรึกษากันว่าหลังจากครึ่งเดือนที่เรียนในสำนักเสร็จสิ้นแล้วจะต้องออกหาประสบการณ์"ท่านพี่ถ้าครั้งหน้าท่านพี่กับจินเป่าเหลือเพียงสองคนเท่านั่น แล้วที่ท่านพี่สอนนางไป ท่านพี่จะไม่เสียดายหรอกหรือที่ต้องมาสู้กับคนที่ตัวเองสอน555"จางซินถามพลางหัวเราะและมองหน้าจางหยง"จะเหลือสองคนได้อย่างไรกัน ข้าพึ่งร่ำเรียนวิชาการต่อสู้โดยการใช้วรยุทธเพียงเท่านี้ แค่ครึ่งเดือนข้าคิดว่ายังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไรหรอก ข้าแค่ไม่อยากขายหน้าก็แค่เท่านั้น จึงให้ท่านจางหยงสอนให้เล็กน้อย แต่ถ้าเหลือสองคนจริงๆ ข้าและท่านจางหยงจะทำให้ดีที่สุด จะได้รู้ว่าอาจารย์หรือลูกศิษย์ที่เก่งกว่ากันฮ่าๆๆเป็นไง"มู๋จินเป่ากล่าว "ถึงเจ้าจะไม่เคยเรียนการต่อสู้ด้วยวรยุทธก็ตาม แต่ดูเจ้าแล้วเจ้าหัวไว้ใช้ได้เลยทีเดียว ข้าก็เกรงเหมือนกันว่าในการเรียนครั้งหน้าในวิชาต่อสู้ ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะชนะข้าได้เพรา
หลังจากที่มู๋จินเป่าแทงกริชไปที่หน้าท้องของเสือดาวแล้ว ก็กลิ้งหลบเสือดาวทันที เสือดาวที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก็กระโดดหันหน้ามาใส่มู๋จินเป่าอีกครั้งและมองหน้านาง มู๋จินเป่าจึงเตรียมท่าต่อสู้อีกครั้ง สัตว์อสูรเสือดาวก็ร้องโฮ่ง! และวิ่งหนีไป เมื่อเพื่อนมันเห็นว่ามีตัวหนึ่งวิ่งไปแล้วพวกมันจึงออกวิ่งตามกันไป คนที่ต่อสู้กับเสือเสือดาวเมื่อสักครู่นี้ร่างกายของเขาก็มีบาดแผลเป็นจำนวนมาก"ดีจริงๆที่พวกท่านมาช่วยข้าไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้านมันไม่ไหวเป็นแน่ เดิมทีข้าคิดว่าเสือดาวแค่ไม่กี่ตัว แต่พอข้ามาต่อสู้กับมันจริงๆมันเรียกพวกมันมา ข้าต่อสู้ทุกกระบวนท่าแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แล้วเราก็สมควรที่จะไปจากตรงนี้เถอะข้ากลัวว่าที่มันหนีหายไปมันอาจจะไปตามพวกมันมาก็ได้"บุรุษที่ต่อสู้อยู่กับเสือดาวเมื่อคู่นี้กล่าวขึ้น พลางมองหน้ามู๋จินเป่าและก็เห็นวรยุทธของนางก็ตกใจว่านางมีวรยุทธที่ต่ำ แต่ทำไมถึงแทงเข้าไปในหนังของเสือดาวตัวนั้นได้ ตนใช้วรยุทธอยู่สักพักก็ไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรเสือดาวเป็นอะไรได้สักตัวเดียว"กริชของเจ้าช่างคมอะไรเช่นนี้ ให้ข้าขอดูหน่อยจะได้หรือไม่"บุรุษแปลกหน้าที่ต่
วันนี้ก็เป็นวันที่กลับมาเรียนอีกครั้งของเดือนใหม่ และวันนี้ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ มู๋จินเป่าและซิงอี ได้ฝึกฝนการควบคุมวรยุทธโดยการใช้จิตเพ่งไปที่ฝ่ามือแล้วก่อให้เกิดวรยุทธที่ฝ่ามือขึ้นได้แล้ว นางสองคนใช้เวลาสามวันที่กลับมาจากป่านภาตะวัน ในการฝึกฝนจึงทำให้ตอนนี้เริ่มชำนาญมากขึ้นแล้ว พอรู้ว่าตัวเองจะเรียนวิชาอะไรทุกคนก็เดินไปยังลานต่อสู้ทันที หลังจากทุกคนมาถึงลานต่อสู้แล้ว ข่าวของหลี่ชุนชุน กับคุณชายสี่ตระกูลห่าวอู๋ เรื่องมาถึงหูของซิงอีทำให้นางเดือดดานเป็นอย่างมาก"เจ้าได้ยินหรือไม่จินเป่า ข่าวของแม่นางหลี่ชุนชุน กับท่านห่าวอู๋อวี่มันคือสิ่งใดกัน เจ้าไม่ได้อยู่กับเขาเพียงแค่ 2 เดือนเขาก็เปลี่ยนใจไปจากเจ้าแล้วหรือ แล้วแบบนี้เจ้าจะทำเช่นไร"ซิงอีกระซิบถามมู๋จินเป่า"มันไม่มีสิ่งใดหรอกพี่ซิงอี แม่นางหลี่ชุนชุน ให้บิดาของนาง ไปขอสานความสัมพันธ์ให้นางและห่าวอู๋อวี่ แต่บิดาของท่านห่าวอู่อวี่ไม่ได้ตกลง จึงเรียกท่านห่าวอู๋อวี่ไปคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่มีสิ่งใดหรอกท่านพี่"มู๋จินเป่ากล่าว"เจ้ารู้สิ่งนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อเจ้าก็อยู่กับข้าในสำนักนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เจ้าแอบไปหากันตอนใดหรือ"ซิงอี
หลังจากที่ทั้งสี่ ไปจับจ่ายสิ่งของมาทำหม้อไฟเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเตรียมหม้อไฟ พอถึงเวลาจัดงานเลี้ยง มู๋จินเป่าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยล้ากับการเรียนวิชาการต่อสู้วันนี้ นางจึงทำชาดอกฮวาซึ่งต้มด้วยน้ำอมฤตทำให้ผู้ดื่มกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก ในการนั่งกินหม้อไปคืนนี้ทุกคนก็คุยกันแต่เรื่องของคุณชายตระกูลห่าวอู๋กับคุณหนูตระกูลหลี่ จนทำให้ซิงอีโมโหขึ้นมา พอซิงอีหันมามองมู๋จินเป่านางก็สนุกสนานไปกับพวกเขาทำให้ซิงอีโกรธไปกันใหญ่ ทางด้านหลี่ชุนชุน เมื่อรู้ว่าหลายคนรับรู้เรื่องของนางแล้ว นางจึงต้องการความจริงว่าข่าวของนางมาได้อย่างไร นางจึงแอบไปพบกับห่าวอู๋หรง"เรื่องอยู่ในจวนเจ้าในวันนั้นมีผู้ใดรับรู้บ้าง ข้าสงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้คนที่อยู่ในสำนักตะวันเลือนเขาถึงรู้กัน คนผู้นั้นคือแม่นางซิงอี นางพูดเหมือนรู้เรื่องของข้ายังไงยังงั้น ทั้งที่ข้าไม่เคยเห็นนางออกจากสำนักเลยแม้แต่น้อย ที่ๆพวกนางไปก็มีแต่ป่าตะวันแค่นั้นเอง ต้องมีคนในจวนเจ้าออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วเจ้าคิดดูเถอะว่าข้าจะเสียหายขนาดไหนถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับข้า"หลีชุนชุนกล่าวกับสหาย"เรื่องของวันนั้นในส่วนของข้า ท่านพ่อก็ให้ทุกคนปิดข่าวเรื่องนี้
มู๋จินเป่าเดินมาถึงเรือนอาจารย์ใหญ่ก็พบกับห่าวอู๋อวี่ทำให้นางดีใจเป็นอย่างมาก พออาจารย์ใหญ่เห็นมู๋จินเป่ากับหลี่หลินเดินมาก็เรียกทั้งสองนั่งลง" แม่นางจิ้งจอกเก้าหางขนของเจ้าตอนนี้ก็ขาวราวหิมะงดงามยิ่งนัก "อาจารย์ใหญ่ปรมาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้นพลางลืมตัว มู๋จินเป่าเห็นสายตาที่ปรมาจารย์มองลี้หลินก็เกิดสงสัยในตัวปรมาจารย์"นี่คือสัตว์อสูรของข้า งั้นเดี๋ยวข้าเก็บสัตว์อสูรของข้าก่อนก็แล้วกัน แล้วจะได้คุยกันสะดวกขึ้น"มู๋จินเป่ากล่าวพลางเก็บลี่หลินเข้ามิติล่องหน"งั้นเจ้าสองคนจะคุยอะไรกันก็คุยเถอะ แม่นางจินเป่าเดี๋ยวเจ้าคุยกับลูกศิษย์เก่าของข้าแล้ว ข้าขอคุยอะไรกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น"งั้นท่านอาจารย์ก็คุยกับจินเป่าก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าคุยธุระของข้าทีหลัง เพราะข้าน่าจะคุยนานอยู่"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ข้าก็ไม่ได้มีสิ่งใดมากหรอก ข้าแค่อยากบอกว่าต่อไปนี้ที่เจ้าเรียนเสร็จทุกวันให้เจ้ามาหาข้าที่เรือน ข้าจะสอนวิชาควบคุมมิติให้เจ้า ก็แค่เท่านั้น เพราะตอนนี้ข้าดูดูเจ้านมิติของเจ้าก็เป็นได้แค่ที่เก็บของดีๆนี้เอง"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น ทำให้จินเป่าตกใจกับคำพูดของปรมาจารย์มาก"ไ
จางหยงหยิบแผนที่มาและกางออก และอ่านหมายเหตุที่อยู่ด้านล่างของแผนที่"ทิศอุดรไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีเขียวอยู่ในถ้ำหินจันทรา สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือมังกรฟ้าทิศประจิมไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีแดงอยู่ที่ดินแดนยอดเมฆ สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือ หงส์เพลิงทิศบรูพาไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีฟ้าอยู่ที่หุบเขาสายลม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือพยัคฆ์ขาวทิศอาคเนย์ไข่มุกบรรพกาลสีดำ อยู่ที่บึงหนาม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือเต่าดำรู้แล้วเราอยู่ทิศบรูพา เราสู้กับเสือขาว เราต้องอยู่ที่หุบเขาแห่งสายลมเป็นแน่ เราต้องหาพยัคฆ์ขาวมันน่าจะเป็นผู้นำของพวกเสือขาวเหล่านี้เป็นแน่"จางหยงกล่าวขึ้นพรางชี้ไปที่จุดที่อยู่ขวามือของแผนที่ "งั้นพวกเราก็พักรักษาตัวที่นี่ก่อนเมื่อทุกคนหายดีแล้วพวกเราจะออกเดินทางตามหาพยัคฆ์ขาวและหาแหล่งของไข่มุกบรรพกาลกัน"จินเป่ากล่าว พลางมองไปยังแผนที่ ซึ่งตรงกลางจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่รากของมันคลุมปราสาทหรือซากปรักหักพังอะไรสักอย่างอยู่ใต้รากของมัน นางจึงสันนิษฐานว่าจุดนั้นคือจุดตรงกลางของหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ที่ต้องเอาไข่มุกทั้งสี่ไปเปิดหีบที่อยู่ด้านในเป็นแน่ หลังจากพักถึงสามวันทุกคนก็หายดีและวันรุ่งข
"นักศึกษา...............สำนักพายัพได้ออกจากการแข่งขันและออกจากหุบเขาบรรพกาลแล้วอย่างปลอดภัย"เสียงประกาศดังก้องทำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันทุกคนได้ยินนักศึกษาของสำนักตะวันเลือนก็ตกใจเช่นกันเพราะหลังจากที่ตนมาโผล่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ก็ได้เจอกับฝูงเสือขาวจำนวนหนึ่งทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เมื่อสี่วันที่แล้วหลังจากที่บรรดาท่านอาจารย์ส่งพวกตนเข้ามา ก็ตกไปยังที่ที่หนึ่งที่มีฝูงเสือขาวกำลังหากินอยู่ ผู้ที่ไม่รู้ตัวก็โดนเสือขาวขย้ำจนเกิดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ทุกคนก็หันกลับมาสู้กับพวกเสือขาวไม่มีผู้ใดคิดที่จะยอมแพ้และหักหยกเพื่อกลับออกไป แต่พวกที่เตรียมการต่อสู้ตลอดเวลาก็ลงมือต่อสู้ได้ทันที ฝูงเสือขาวมีราวๆหนึ่งร้อยตัว พวกนักศึกษามีเพียงสิบคนทุกคนจึงสู้สุดฝีมือ และปล่อยสัตว์อสูรของตนออกมาสู้รบด้วย เพียงเข้ามาในหุบเขาบรรพกาลไม่เท่าไหร่ทุกคนก็ต้องปล่อยของออกมาอย่างเต็มตัว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้เลย จินเป่าปล่อยให้จิ้งจอกเก้าหางลี่หลินออกมาเพียงตนเดียว เพราะนางรู้ดีว่าทุกที่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ จะมีลูกแก้วคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาจึงต้องทำอะไรให้รอบคอบ จินเป่าใช้มิ
ทางด้านสำนักศึกษาพายัพก็ได้มาโผล่ตรงจุดบริเวณป่าดงดิบซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงทำให้มองแล้วต้นไม้สวยงามดี สำนักศึกษาพายัพนี้มีบุรุษที่เข้าร่วมเพียงสองคนและส่วนใหญ่ที่เหลือก็จะเป็นสตรี ซึ่งสตรีทุกคนก็ชอบดอกไม้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว "ท่านพี่ลี่อินดูดอกไม้พวกนี้สิเหมาะกับท่านจริงๆนะ"สตรีนางหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นพลางชี้ให้ดู ดอกไม้สีแดงสดที่บานสะพรั่งเป็นป่าสวยงามยิ่งนัก"ดูอย่างเดียวก็พอนะ พวกสตรีนี่ช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ ดอกไม้งามแต่เจ้าได้ฟังท่านอาจารย์บอกหรือไม่ว่า ป่าแห่งนี้มีพืชพันธุ์ที่มีพิษ เห็นดอกไม้งามก็หลงเสียแล้ว โปรดจำไว้ทุกอย่างในที่นี่ย่อมอันตรายเสมอ"บุรุษในกลุ่มกล่าวขึ้นอย่างเบื่อหน่ายที่พวกสตรีสนใจดอกไม้"ป่าดงดิบในหุบเขาบรรพกาลนี้อยู่ทางทิศไหนของป่าหรือ ผู้ใดที่รับแผนที่มา จากท่านอาจารย์ช่วยแจ้งข้าได้หรือไม่ว่าตอนนี้เราอยู่ทิศใดกัน"มู๋ลี่อินถามขึ้นหลังจากที่ตื่นจากภวังค์ เมื่อบุรุษผู้หนึ่งกล่าวเตือนสติให้หลุดจากดอกไม้ที่สวยงาม เพราะมีผู้กล่าวถึงเรื่องพิษของพืชพันธุ์จึงทำให้นางตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง"ข้าเองข้าเป็นผู้รับแผนที่มา ถ้าจำไม่ผ
หลังจากร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจังมาเป็นเวลาเดือนครึ่งก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้เข้าแข่งขันระดับสำนักกันแล้ว ในตอนเช้าปรมาจารย์ไป๋อวิ่น ก็พานักศึกษาทุกคนที่อยู่ระดับสูง ออกไปจากสำนักเดินทางไปในทางทิศใต้ของสำนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง หนึ่งก้านธูปก็เจอกับสำนักอีกสองสำนักที่พานักศึกษามาสำนักล่ะสิบคน"ทั้งสามสำนักก็มากันครบแล้ว วันนี้ทั้งสามสำนักจะทำการแข่งขันกัน โดยที่ทั้งสามสำนัก จะส่งตัวแทนของนักศึกษา แต่ละสำนัก สำนักละสิบคน สำนักแรกสำนักศึกษาตะวันเลือนของปรมาจารย์ไป๋อวิ่น สำนักที่สองสำนักศึกษาพระจันทร์เสี้ยวของปรมาจารย์หรูตรงหยาง สำนักที่สามสำนักศึกษาพายัพของปรมาจารย์หวงเฟยเฟย ซึ่งนักเรียนทั้งสามสิบคนต้องเข้าไปในหุบเขาบรรพกาล ในเวลาครึ่งเดือน นักศึกษาจะทำการ ค้นหาไข่มุกแห่งบรรพกาลทั้งสี่ทิศ เมื่อหาครบทั้งสี่ทิศแล้ว จะมีเพียงผู้เดียวที่สามารถนำไข่มุกไปยังกลางหุบเขาบรรพกาล และนำไปเปิดหีบกลางหุบเขาบรรพกาลสำเร็จ สำนักนั้นถือว่าชนะ ในครั้งนี้มีอยู่แค่สามสำนัก หากสำนักใดได้ไข่มุกแห่งบรรพกาลถึงสองทิศสามารถรวบรวมไข่มุกทั้งสี่ เข้าไปในใจกลางหุบเขาบรรพกาลได้เป็นสำนักแรก แต่มีกฎว่าต้องเป็นสตร
หลังจากที่เรียนวิชาปรุงสมุนไพรแล้วซิงอีรู้สึกว่าตนถนัดวิชานี้ นางจึงศึกษาตำราที่ท่านห่าวอู๋อวี่ให้นางมา ส่วนมู๋จินเป่าเองก็ฝึกฝนวิชามิติโน้มถ่วง โดยการบีบเส้นลมปราณให้เข้ากับมิติล่องหนของตนหลังจากใช้เวลานานเกือบถึงเดือน นางก็ผลึกเส้นลมปราณทั้งสิบสองเส้นกับมิติเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้แล้ว หลังจากที่มิติล่องหนกับเส้นลมปราณทั้งสิบสองเชื่อมต่อกัน มู๋จินเป่าเองก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาที่นางสร้างเกราะป้องกันนางเพียงแค่คิดก็มีเกาะป้องกันโปร่งใสแต่มันดูไม่แข็งแกร่งเท่าเกาะป้องกันอย่างวรยุทธ์เอาเสียเลย มันเป็นเหมือนจะนุ่มเสียมากกว่า "พี่ซิงอีท่านลองแทงข้าทีเถอะ ถ้าอยากรู้ว่าเกาะป้องกันของข้าจะเหนียวนุ่มขนาดไหน " มู๋จินเป่ากล่าว "เจ้าจะบ้าหรือจะให้ข้าแทงเจ้าได้อย่างไร " ซิงอีกล่าวด้วยความตกใจ "ก็แค่ลองแทงดูเฉยๆ ข้ าแค่อยากรู้ขอบเขตของเกาะป้องกัน เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวข้าไปหาท่านอาจารย์ใหญ่ดีกว่า ข้าจะได้ให้เขาสอนต่อไป" มู๋จินเป่ากล่าวแล้วเดินจากไป "เจ้าผลึกเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นกับมิติล่องหนได้แล้วหรือถึงมาหาข้า หรือว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยได้เรียนเพราะพ
เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาเรียนวิชาปรุงยา ลำดับแรกอาจารย์ก็สอนให้แยกสมุนไพรว่าสมุนไพรไหนสดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ และสมุนไพรไหนเก็บมานานแล้ว หลังจากสอนให้จำแนกเสร็จแล้วก็ให้ทดสอบทุกคนในชั้นทดสอบได้ดี โดยเฉพาะจางหยงและจางซิน หลังจากเรียนเรื่องสมุนไพรเก่าใหม่แล้ว อาจารย์ก็ให้นักศึกษาทุกคนไปเก็บสมุนไพรกันได้และพรุ่งนี้เช้าก็จะมาเข้าเรื่องการปรุงสมุนไพร "อาจารย์ให้ไปเก็บสมุนไพรแต่ให้เราอ่านแค่ลักษณะของสมุนไพรแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นสมุนไพร ที่ท่านอาจารย์ต้องการกันล่ะ แต่ที่ท่านอาจารย์สอนเรามาว่าให้สัมผัสลูปไปลูปมาก็จะรู้ว่าสมุนไพรไหนเก่าสมุนไพรใหม่ๆ แต่ข้าไม่ได้ทำตามที่อาจารย์เลยนะ ก็รู้สึกว่าข้าแค่สัมผัสและได้กลิ่นสมุนไพร ข้าก็รู้แล้วว่าอันไหนใหม่ว่าอันไหนเก่า ข้ารู้แล้วแหละจินเป่าถ้าจะศึกษาวิชาปรุงสมุนไพรแบบเต็มตัว ข้าดูแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่เหมาะกับข้า" ซิงอีกล่าว "ซิงอีเจ้าเองก็สัมผัสสมุนไพรเก่าสมุนไพรใหม่เหมือนกับคนตระกูลข้าเลย ครอบครัวข้าเป็นนักปรุงสมุนไพรข้าเลยได้เลือดจากตระกูลมา มีแต่พี่จางหยงนั้นแหละที่ไม่ได้กลิ่นของสมุนไพร แต่พี่เขาเก่งไงถึงจำแนกมันออกได้เร็วกว่าข้าเสียอีก"
มู๋จินเป่าเดินมาถึงเรือนอาจารย์ใหญ่ก็พบกับห่าวอู๋อวี่ทำให้นางดีใจเป็นอย่างมาก พออาจารย์ใหญ่เห็นมู๋จินเป่ากับหลี่หลินเดินมาก็เรียกทั้งสองนั่งลง" แม่นางจิ้งจอกเก้าหางขนของเจ้าตอนนี้ก็ขาวราวหิมะงดงามยิ่งนัก "อาจารย์ใหญ่ปรมาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้นพลางลืมตัว มู๋จินเป่าเห็นสายตาที่ปรมาจารย์มองลี้หลินก็เกิดสงสัยในตัวปรมาจารย์"นี่คือสัตว์อสูรของข้า งั้นเดี๋ยวข้าเก็บสัตว์อสูรของข้าก่อนก็แล้วกัน แล้วจะได้คุยกันสะดวกขึ้น"มู๋จินเป่ากล่าวพลางเก็บลี่หลินเข้ามิติล่องหน"งั้นเจ้าสองคนจะคุยอะไรกันก็คุยเถอะ แม่นางจินเป่าเดี๋ยวเจ้าคุยกับลูกศิษย์เก่าของข้าแล้ว ข้าขอคุยอะไรกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น"งั้นท่านอาจารย์ก็คุยกับจินเป่าก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าคุยธุระของข้าทีหลัง เพราะข้าน่าจะคุยนานอยู่"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ข้าก็ไม่ได้มีสิ่งใดมากหรอก ข้าแค่อยากบอกว่าต่อไปนี้ที่เจ้าเรียนเสร็จทุกวันให้เจ้ามาหาข้าที่เรือน ข้าจะสอนวิชาควบคุมมิติให้เจ้า ก็แค่เท่านั้น เพราะตอนนี้ข้าดูดูเจ้านมิติของเจ้าก็เป็นได้แค่ที่เก็บของดีๆนี้เอง"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น ทำให้จินเป่าตกใจกับคำพูดของปรมาจารย์มาก"ไ
หลังจากที่ทั้งสี่ ไปจับจ่ายสิ่งของมาทำหม้อไฟเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเตรียมหม้อไฟ พอถึงเวลาจัดงานเลี้ยง มู๋จินเป่าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยล้ากับการเรียนวิชาการต่อสู้วันนี้ นางจึงทำชาดอกฮวาซึ่งต้มด้วยน้ำอมฤตทำให้ผู้ดื่มกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก ในการนั่งกินหม้อไปคืนนี้ทุกคนก็คุยกันแต่เรื่องของคุณชายตระกูลห่าวอู๋กับคุณหนูตระกูลหลี่ จนทำให้ซิงอีโมโหขึ้นมา พอซิงอีหันมามองมู๋จินเป่านางก็สนุกสนานไปกับพวกเขาทำให้ซิงอีโกรธไปกันใหญ่ ทางด้านหลี่ชุนชุน เมื่อรู้ว่าหลายคนรับรู้เรื่องของนางแล้ว นางจึงต้องการความจริงว่าข่าวของนางมาได้อย่างไร นางจึงแอบไปพบกับห่าวอู๋หรง"เรื่องอยู่ในจวนเจ้าในวันนั้นมีผู้ใดรับรู้บ้าง ข้าสงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้คนที่อยู่ในสำนักตะวันเลือนเขาถึงรู้กัน คนผู้นั้นคือแม่นางซิงอี นางพูดเหมือนรู้เรื่องของข้ายังไงยังงั้น ทั้งที่ข้าไม่เคยเห็นนางออกจากสำนักเลยแม้แต่น้อย ที่ๆพวกนางไปก็มีแต่ป่าตะวันแค่นั้นเอง ต้องมีคนในจวนเจ้าออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วเจ้าคิดดูเถอะว่าข้าจะเสียหายขนาดไหนถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับข้า"หลีชุนชุนกล่าวกับสหาย"เรื่องของวันนั้นในส่วนของข้า ท่านพ่อก็ให้ทุกคนปิดข่าวเรื่องนี้
วันนี้ก็เป็นวันที่กลับมาเรียนอีกครั้งของเดือนใหม่ และวันนี้ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ มู๋จินเป่าและซิงอี ได้ฝึกฝนการควบคุมวรยุทธโดยการใช้จิตเพ่งไปที่ฝ่ามือแล้วก่อให้เกิดวรยุทธที่ฝ่ามือขึ้นได้แล้ว นางสองคนใช้เวลาสามวันที่กลับมาจากป่านภาตะวัน ในการฝึกฝนจึงทำให้ตอนนี้เริ่มชำนาญมากขึ้นแล้ว พอรู้ว่าตัวเองจะเรียนวิชาอะไรทุกคนก็เดินไปยังลานต่อสู้ทันที หลังจากทุกคนมาถึงลานต่อสู้แล้ว ข่าวของหลี่ชุนชุน กับคุณชายสี่ตระกูลห่าวอู๋ เรื่องมาถึงหูของซิงอีทำให้นางเดือดดานเป็นอย่างมาก"เจ้าได้ยินหรือไม่จินเป่า ข่าวของแม่นางหลี่ชุนชุน กับท่านห่าวอู๋อวี่มันคือสิ่งใดกัน เจ้าไม่ได้อยู่กับเขาเพียงแค่ 2 เดือนเขาก็เปลี่ยนใจไปจากเจ้าแล้วหรือ แล้วแบบนี้เจ้าจะทำเช่นไร"ซิงอีกระซิบถามมู๋จินเป่า"มันไม่มีสิ่งใดหรอกพี่ซิงอี แม่นางหลี่ชุนชุน ให้บิดาของนาง ไปขอสานความสัมพันธ์ให้นางและห่าวอู๋อวี่ แต่บิดาของท่านห่าวอู่อวี่ไม่ได้ตกลง จึงเรียกท่านห่าวอู๋อวี่ไปคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่มีสิ่งใดหรอกท่านพี่"มู๋จินเป่ากล่าว"เจ้ารู้สิ่งนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อเจ้าก็อยู่กับข้าในสำนักนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เจ้าแอบไปหากันตอนใดหรือ"ซิงอี