แชร์

หอพลัง

ผู้เขียน: Sanassetong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 11:47:20

"ท่านอาจารย์เรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่หรือ เมื่อคืนพวกข้าอยู่กับแม่นางทั้งสองทั้งคืนเลยนะ แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปทำร้ายพวกเขากันล่ะ"

บุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ในลำดับสูงกล่าวกับท่านอาจารย์

"พวกเจ้าอยู่ระดับเดียวกันไม่รู้หรอกหรือว่าซิงอีมีสัตว์อสูรเป็นจระเข้ตาไฟมันจะลงมือตอนไหนก็ได้นิ"

มู๋จินฮุยกล่าว

"แล้วพวกเจ้าก็เห็นแล้วนิว่ามีแส้อะไรที่ไหนแล้วกระจกที่พวกเจ้าขโมยไปก็ไม่เห็นมี แล้วเมื่อคืนแม่นางซีอีกับแม่นางจินเป่าก็นำสัตว์อสูรออกมาอยู่กับพวกเราทั้งคืน แล้วพวกเราก็นำสัตว์อสูรของพวกเราออกมาด้วยถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ถามอีก 7 คนที่อยู่ในนี้สิเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันทั้งคืน"

บุรุษผู้นั้นกล่าว

"พวกเราก็เพิ่งรู้ว่าแม่นางซิงอีกับแม่นางจินเป่าเป็นแค่สาวชาวป่าธรรมดา แต่พวกเราก็ไม่รังเกียจนางหรอกนะที่จะศึกษากับพวกเราในสำนัก พวกเจ้าไม่ต้องคิดแทนพวกข้าขนาดนั้น เพราะพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรท่านอาจารย์โปรดเห็นใจแม่นางทั้งสองเถอะ ที่ถูกใส่ร้ายที่ถูกขโมยของ และข้าก็เป็นคนนึงที่เป็นพยานให้แม่นางทั้งสองได้"

สตรีในระดับสูงกล่าว การกระทำทุกอย่างท่านอาจารย์ที่เพิ่งสอนวิชาด้านจิตใ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ป่าพนาตะวัน

    หลังจากจบคาบเรียนในวันนั้น มู๋จินเป่ากับซิงอีก็ขอคำปรึกษาจากจางหยงอยู่บ่อยๆ เพราะตนกลัวว่าในคาบเรียนต่อไปจะเป็นการต่อสู้แบบใช้พลังวรยุทธ ซึ่งทั้งสองคนไม่เก่งด้านนี้เลยสักนิดแต่ในคาบเรียนครั้งหน้าก็เป็นอีกเดือนต่อไปแล้ว ทั้งสี่จึงปรึกษากันว่าหลังจากครึ่งเดือนที่เรียนในสำนักเสร็จสิ้นแล้วจะต้องออกหาประสบการณ์"ท่านพี่ถ้าครั้งหน้าท่านพี่กับจินเป่าเหลือเพียงสองคนเท่านั่น แล้วที่ท่านพี่สอนนางไป ท่านพี่จะไม่เสียดายหรอกหรือที่ต้องมาสู้กับคนที่ตัวเองสอน555"จางซินถามพลางหัวเราะและมองหน้าจางหยง"จะเหลือสองคนได้อย่างไรกัน ข้าพึ่งร่ำเรียนวิชาการต่อสู้โดยการใช้วรยุทธเพียงเท่านี้ แค่ครึ่งเดือนข้าคิดว่ายังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไรหรอก ข้าแค่ไม่อยากขายหน้าก็แค่เท่านั้น จึงให้ท่านจางหยงสอนให้เล็กน้อย แต่ถ้าเหลือสองคนจริงๆ ข้าและท่านจางหยงจะทำให้ดีที่สุด จะได้รู้ว่าอาจารย์หรือลูกศิษย์ที่เก่งกว่ากันฮ่าๆๆเป็นไง"มู๋จินเป่ากล่าว "ถึงเจ้าจะไม่เคยเรียนการต่อสู้ด้วยวรยุทธก็ตาม แต่ดูเจ้าแล้วเจ้าหัวไว้ใช้ได้เลยทีเดียว ข้าก็เกรงเหมือนกันว่าในการเรียนครั้งหน้าในวิชาต่อสู้ ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะชนะข้าได้เพรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ภารกิจล้มเหลว

    หลังจากที่มู๋จินเป่าแทงกริชไปที่หน้าท้องของเสือดาวแล้ว ก็กลิ้งหลบเสือดาวทันที เสือดาวที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก็กระโดดหันหน้ามาใส่มู๋จินเป่าอีกครั้งและมองหน้านาง มู๋จินเป่าจึงเตรียมท่าต่อสู้อีกครั้ง สัตว์อสูรเสือดาวก็ร้องโฮ่ง! และวิ่งหนีไป เมื่อเพื่อนมันเห็นว่ามีตัวหนึ่งวิ่งไปแล้วพวกมันจึงออกวิ่งตามกันไป คนที่ต่อสู้กับเสือเสือดาวเมื่อสักครู่นี้ร่างกายของเขาก็มีบาดแผลเป็นจำนวนมาก"ดีจริงๆที่พวกท่านมาช่วยข้าไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้านมันไม่ไหวเป็นแน่ เดิมทีข้าคิดว่าเสือดาวแค่ไม่กี่ตัว แต่พอข้ามาต่อสู้กับมันจริงๆมันเรียกพวกมันมา ข้าต่อสู้ทุกกระบวนท่าแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แล้วเราก็สมควรที่จะไปจากตรงนี้เถอะข้ากลัวว่าที่มันหนีหายไปมันอาจจะไปตามพวกมันมาก็ได้"บุรุษที่ต่อสู้อยู่กับเสือดาวเมื่อคู่นี้กล่าวขึ้น พลางมองหน้ามู๋จินเป่าและก็เห็นวรยุทธของนางก็ตกใจว่านางมีวรยุทธที่ต่ำ แต่ทำไมถึงแทงเข้าไปในหนังของเสือดาวตัวนั้นได้ ตนใช้วรยุทธอยู่สักพักก็ไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรเสือดาวเป็นอะไรได้สักตัวเดียว"กริชของเจ้าช่างคมอะไรเช่นนี้ ให้ข้าขอดูหน่อยจะได้หรือไม่"บุรุษแปลกหน้าที่ต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แรงจูงใจ

    วันนี้ก็เป็นวันที่กลับมาเรียนอีกครั้งของเดือนใหม่ และวันนี้ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ มู๋จินเป่าและซิงอี ได้ฝึกฝนการควบคุมวรยุทธโดยการใช้จิตเพ่งไปที่ฝ่ามือแล้วก่อให้เกิดวรยุทธที่ฝ่ามือขึ้นได้แล้ว นางสองคนใช้เวลาสามวันที่กลับมาจากป่านภาตะวัน ในการฝึกฝนจึงทำให้ตอนนี้เริ่มชำนาญมากขึ้นแล้ว พอรู้ว่าตัวเองจะเรียนวิชาอะไรทุกคนก็เดินไปยังลานต่อสู้ทันที หลังจากทุกคนมาถึงลานต่อสู้แล้ว ข่าวของหลี่ชุนชุน กับคุณชายสี่ตระกูลห่าวอู๋ เรื่องมาถึงหูของซิงอีทำให้นางเดือดดานเป็นอย่างมาก"เจ้าได้ยินหรือไม่จินเป่า ข่าวของแม่นางหลี่ชุนชุน กับท่านห่าวอู๋อวี่มันคือสิ่งใดกัน เจ้าไม่ได้อยู่กับเขาเพียงแค่ 2 เดือนเขาก็เปลี่ยนใจไปจากเจ้าแล้วหรือ แล้วแบบนี้เจ้าจะทำเช่นไร"ซิงอีกระซิบถามมู๋จินเป่า"มันไม่มีสิ่งใดหรอกพี่ซิงอี แม่นางหลี่ชุนชุน ให้บิดาของนาง ไปขอสานความสัมพันธ์ให้นางและห่าวอู๋อวี่ แต่บิดาของท่านห่าวอู่อวี่ไม่ได้ตกลง จึงเรียกท่านห่าวอู๋อวี่ไปคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่มีสิ่งใดหรอกท่านพี่"มู๋จินเป่ากล่าว"เจ้ารู้สิ่งนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อเจ้าก็อยู่กับข้าในสำนักนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เจ้าแอบไปหากันตอนใดหรือ"ซิงอี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เจ้าไม่ใช่สตรี

    หลังจากที่ทั้งสี่ ไปจับจ่ายสิ่งของมาทำหม้อไฟเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเตรียมหม้อไฟ พอถึงเวลาจัดงานเลี้ยง มู๋จินเป่าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยล้ากับการเรียนวิชาการต่อสู้วันนี้ นางจึงทำชาดอกฮวาซึ่งต้มด้วยน้ำอมฤตทำให้ผู้ดื่มกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก ในการนั่งกินหม้อไปคืนนี้ทุกคนก็คุยกันแต่เรื่องของคุณชายตระกูลห่าวอู๋กับคุณหนูตระกูลหลี่ จนทำให้ซิงอีโมโหขึ้นมา พอซิงอีหันมามองมู๋จินเป่านางก็สนุกสนานไปกับพวกเขาทำให้ซิงอีโกรธไปกันใหญ่ ทางด้านหลี่ชุนชุน เมื่อรู้ว่าหลายคนรับรู้เรื่องของนางแล้ว นางจึงต้องการความจริงว่าข่าวของนางมาได้อย่างไร นางจึงแอบไปพบกับห่าวอู๋หรง"เรื่องอยู่ในจวนเจ้าในวันนั้นมีผู้ใดรับรู้บ้าง ข้าสงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้คนที่อยู่ในสำนักตะวันเลือนเขาถึงรู้กัน คนผู้นั้นคือแม่นางซิงอี นางพูดเหมือนรู้เรื่องของข้ายังไงยังงั้น ทั้งที่ข้าไม่เคยเห็นนางออกจากสำนักเลยแม้แต่น้อย ที่ๆพวกนางไปก็มีแต่ป่าตะวันแค่นั้นเอง ต้องมีคนในจวนเจ้าออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วเจ้าคิดดูเถอะว่าข้าจะเสียหายขนาดไหนถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับข้า"หลีชุนชุนกล่าวกับสหาย"เรื่องของวันนั้นในส่วนของข้า ท่านพ่อก็ให้ทุกคนปิดข่าวเรื่องนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เห็นทุกอย่าง

    มู๋จินเป่าเดินมาถึงเรือนอาจารย์ใหญ่ก็พบกับห่าวอู๋อวี่ทำให้นางดีใจเป็นอย่างมาก พออาจารย์ใหญ่เห็นมู๋จินเป่ากับหลี่หลินเดินมาก็เรียกทั้งสองนั่งลง" แม่นางจิ้งจอกเก้าหางขนของเจ้าตอนนี้ก็ขาวราวหิมะงดงามยิ่งนัก "อาจารย์ใหญ่ปรมาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้นพลางลืมตัว มู๋จินเป่าเห็นสายตาที่ปรมาจารย์มองลี้หลินก็เกิดสงสัยในตัวปรมาจารย์"นี่คือสัตว์อสูรของข้า งั้นเดี๋ยวข้าเก็บสัตว์อสูรของข้าก่อนก็แล้วกัน แล้วจะได้คุยกันสะดวกขึ้น"มู๋จินเป่ากล่าวพลางเก็บลี่หลินเข้ามิติล่องหน"งั้นเจ้าสองคนจะคุยอะไรกันก็คุยเถอะ แม่นางจินเป่าเดี๋ยวเจ้าคุยกับลูกศิษย์เก่าของข้าแล้ว ข้าขอคุยอะไรกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น"งั้นท่านอาจารย์ก็คุยกับจินเป่าก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าคุยธุระของข้าทีหลัง เพราะข้าน่าจะคุยนานอยู่"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ข้าก็ไม่ได้มีสิ่งใดมากหรอก ข้าแค่อยากบอกว่าต่อไปนี้ที่เจ้าเรียนเสร็จทุกวันให้เจ้ามาหาข้าที่เรือน ข้าจะสอนวิชาควบคุมมิติให้เจ้า ก็แค่เท่านั้น เพราะตอนนี้ข้าดูดูเจ้านมิติของเจ้าก็เป็นได้แค่ที่เก็บของดีๆนี้เอง"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น ทำให้จินเป่าตกใจกับคำพูดของปรมาจารย์มาก"ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผนึกลมปราณ

    เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาเรียนวิชาปรุงยา ลำดับแรกอาจารย์ก็สอนให้แยกสมุนไพรว่าสมุนไพรไหนสดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ และสมุนไพรไหนเก็บมานานแล้ว หลังจากสอนให้จำแนกเสร็จแล้วก็ให้ทดสอบทุกคนในชั้นทดสอบได้ดี โดยเฉพาะจางหยงและจางซิน หลังจากเรียนเรื่องสมุนไพรเก่าใหม่แล้ว อาจารย์ก็ให้นักศึกษาทุกคนไปเก็บสมุนไพรกันได้และพรุ่งนี้เช้าก็จะมาเข้าเรื่องการปรุงสมุนไพร "อาจารย์ให้ไปเก็บสมุนไพรแต่ให้เราอ่านแค่ลักษณะของสมุนไพรแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นสมุนไพร ที่ท่านอาจารย์ต้องการกันล่ะ แต่ที่ท่านอาจารย์สอนเรามาว่าให้สัมผัสลูปไปลูปมาก็จะรู้ว่าสมุนไพรไหนเก่าสมุนไพรใหม่ๆ แต่ข้าไม่ได้ทำตามที่อาจารย์เลยนะ ก็รู้สึกว่าข้าแค่สัมผัสและได้กลิ่นสมุนไพร ข้าก็รู้แล้วว่าอันไหนใหม่ว่าอันไหนเก่า ข้ารู้แล้วแหละจินเป่าถ้าจะศึกษาวิชาปรุงสมุนไพรแบบเต็มตัว ข้าดูแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่เหมาะกับข้า" ซิงอีกล่าว "ซิงอีเจ้าเองก็สัมผัสสมุนไพรเก่าสมุนไพรใหม่เหมือนกับคนตระกูลข้าเลย ครอบครัวข้าเป็นนักปรุงสมุนไพรข้าเลยได้เลือดจากตระกูลมา มีแต่พี่จางหยงนั้นแหละที่ไม่ได้กลิ่นของสมุนไพร แต่พี่เขาเก่งไงถึงจำแนกมันออกได้เร็วกว่าข้าเสียอีก"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   มิติโน้มถ่วง

    หลังจากที่เรียนวิชาปรุงสมุนไพรแล้วซิงอีรู้สึกว่าตนถนัดวิชานี้ นางจึงศึกษาตำราที่ท่านห่าวอู๋อวี่ให้นางมา ส่วนมู๋จินเป่าเองก็ฝึกฝนวิชามิติโน้มถ่วง โดยการบีบเส้นลมปราณให้เข้ากับมิติล่องหนของตนหลังจากใช้เวลานานเกือบถึงเดือน นางก็ผลึกเส้นลมปราณทั้งสิบสองเส้นกับมิติเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้แล้ว หลังจากที่มิติล่องหนกับเส้นลมปราณทั้งสิบสองเชื่อมต่อกัน มู๋จินเป่าเองก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาที่นางสร้างเกราะป้องกันนางเพียงแค่คิดก็มีเกาะป้องกันโปร่งใสแต่มันดูไม่แข็งแกร่งเท่าเกาะป้องกันอย่างวรยุทธ์เอาเสียเลย มันเป็นเหมือนจะนุ่มเสียมากกว่า "พี่ซิงอีท่านลองแทงข้าทีเถอะ ถ้าอยากรู้ว่าเกาะป้องกันของข้าจะเหนียวนุ่มขนาดไหน " มู๋จินเป่ากล่าว "เจ้าจะบ้าหรือจะให้ข้าแทงเจ้าได้อย่างไร " ซิงอีกล่าวด้วยความตกใจ "ก็แค่ลองแทงดูเฉยๆ ข้ าแค่อยากรู้ขอบเขตของเกาะป้องกัน เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวข้าไปหาท่านอาจารย์ใหญ่ดีกว่า ข้าจะได้ให้เขาสอนต่อไป" มู๋จินเป่ากล่าวแล้วเดินจากไป "เจ้าผลึกเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นกับมิติล่องหนได้แล้วหรือถึงมาหาข้า หรือว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยได้เรียนเพราะพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   หุบเขาบรรพกาล

    หลังจากร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจังมาเป็นเวลาเดือนครึ่งก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้เข้าแข่งขันระดับสำนักกันแล้ว ในตอนเช้าปรมาจารย์ไป๋อวิ่น ก็พานักศึกษาทุกคนที่อยู่ระดับสูง ออกไปจากสำนักเดินทางไปในทางทิศใต้ของสำนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง หนึ่งก้านธูปก็เจอกับสำนักอีกสองสำนักที่พานักศึกษามาสำนักล่ะสิบคน"ทั้งสามสำนักก็มากันครบแล้ว วันนี้ทั้งสามสำนักจะทำการแข่งขันกัน โดยที่ทั้งสามสำนัก จะส่งตัวแทนของนักศึกษา แต่ละสำนัก สำนักละสิบคน สำนักแรกสำนักศึกษาตะวันเลือนของปรมาจารย์ไป๋อวิ่น สำนักที่สองสำนักศึกษาพระจันทร์เสี้ยวของปรมาจารย์หรูตรงหยาง สำนักที่สามสำนักศึกษาพายัพของปรมาจารย์หวงเฟยเฟย ซึ่งนักเรียนทั้งสามสิบคนต้องเข้าไปในหุบเขาบรรพกาล ในเวลาครึ่งเดือน นักศึกษาจะทำการ ค้นหาไข่มุกแห่งบรรพกาลทั้งสี่ทิศ เมื่อหาครบทั้งสี่ทิศแล้ว จะมีเพียงผู้เดียวที่สามารถนำไข่มุกไปยังกลางหุบเขาบรรพกาล และนำไปเปิดหีบกลางหุบเขาบรรพกาลสำเร็จ สำนักนั้นถือว่าชนะ ในครั้งนี้มีอยู่แค่สามสำนัก หากสำนักใดได้ไข่มุกแห่งบรรพกาลถึงสองทิศสามารถรวบรวมไข่มุกทั้งสี่ เข้าไปในใจกลางหุบเขาบรรพกาลได้เป็นสำนักแรก แต่มีกฎว่าต้องเป็นสตร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27

บทล่าสุด

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สายฝนศาสตราวุธ

    "คู่ต่อไปน่าจะไปได้แล้วล่ะ เสียงเงียบหายไปแล้ว"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น เนื่องจากส่วนมากเขามาเพียงลำพังย่อมไม่รู้สถานการณ์เมื่อมาหลายคน และเขาก็คิดเองว่าหากเดินผ่านสายฝนศาสตราวุธนั้น หากใช้คนเดินทางน้อยก็จะสะดวกต่อการกำจัดศาสตราวุธพวกนั้นแต่หากรวมกันเป็นกลุ่มเกรงว่าจะทำร้ายผู้ที่เดินทางร่วมกันเสี่ยงมากกว่าจึงตัดสินใจให้เดินไปครั้งละสองคน"เจ้าพาจินเป่าไปเถอะ พร้อมกับเจ้าสัตว์อสูรนี้ด้วย"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จินเป่าจึงขึ้นหลังห่าวอู๋อวี่ และกระต่ายหยกเองก็กรายร่างของมันเป็นเหมือนดังวัตถุโปร่งแสงสีเขียวหยกแล้วคลุมตัวของจินเป่าไว้ แล้วลี่หลินก็ยืนข้างห่าวอู๋อวี่แล้วออกเดินพร้อมกัน เมื่อลงพื้นดินไปสักพักก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว และก็ได้ยินเสียงกระทบกันดังขึ้น เหมือนเสียงนั้นจะดังกว่าครั้งที่แล้วเสียงโลหะกระทบกันถี่มาก แต่ไม่มีเสียงร้องใดๆเลย จินเป่ามองเห็นสายฝนสตราวุธลงมาห่าใหญ่ ร่างกายของเขาเองไร้รอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวกระต่ายหยกเองห่อหุ้มนางไว้ ลี่หลินใช้กริชด้ามสั้นที่ตนเคยให้ในการต่อต้านสายฝนศาสตราวุธเหล่านั้น นางร่ายรำดั่งเช่นนางรำทั้งหลบทั้งปัดสตราวุธเหล่านั้น ทางด้านห่าวอู๋อวี่เองถึงแม้ว

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แผนที่

    เมื่อปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนี้เป็นคนแรกที่จะปีนขึ้นไปด้านบนเนินสูงนั้น ห่าวอู๋อวี่ก็วางจินเป่าลงและนำสมุนไพรต้มที่มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นต้มให้ออกมาอุ่นและส่งให้ซิงอีเพื่อที่จะป้อนสมุนไพรให้จินเป่า ซิงอีรับน้ำยามาแล้วก็ยิ้มก่อนที่จะป้อน เดียวพวกเจ้าไปกันก่อนนะข้ากับจางหยงจะรอดูพวกเจ้าขึ้นไปก่อน หากมีเหตุผิดพลาดอย่างไรพวกข้าจะได้ช่วยเจ้าได้"ซิงอีหันหน้าไปกล่าวกับห่าวอู๋อวี่ หากจินเป่าตกลงมานางกับจางหยงก็จะต้องคอยรับ ถึงแม้จะไม่สูงมากแต่นางไม่มีแรงเลยสักนิดหากตกมาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้นางเสียชีวิตได้เลย"เจ้านายเดี๋ยวข้าจะขึ้นไปดูข้างบนเสียก่อนหากว่ามีอันตรายใดๆข้าจะได้จัดการให้"ลี่หลินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายหยกก็พยักหัวตาม"ข้าอยากรู้จังว่าเจ้ากระต่ายหยกนั้นมันชื่ออะไร มันเหมือนไม่ค่อยรู้ภาษามนุษย์เลยเจ้านาย มันต้องเรียนภาษามนุษย์อีก"ข้าไม่ได้มีชื่อเรียกเหมือนพวกสัตว์อสูรแบบเจ้าหรอก แล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษามนุษย์มากมาย เพราะข้าแค่อาศัยสื่อสารกับสิ่งที่ข้าองครักษ์ก็เท่านั้นไม่จำเป็นต้องให้สัตว์อสูรหรือมนุษย์มารับรู้'เสียงเด็กน้อยพูดขึ้น ทำให้ลี่หลินขันท่าทีของมัน ที่ไม่ต้องการสื่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เดินทางกัน

    หลังจากออกเดินทางจากวังหลวงก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นอันตรายจึงทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงหมู่บ้านอมตะแล้ว ทำให้จางซินรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยเพราะตอนไปพวกเขารีบร้อน มารดาของของท่านอาจารย์ไป๋อวิ้นก็เอาแต่หยุดพักผ่อนตลอดเส้นทางทำให้พวกเขาล่าช้า "วันนี้พวกเจ้าพักผ่อนในหมู่บ้านข้าเสียก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปกัน อวิ้นจะพาพวกเจ้าเดินทาง"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น ทั้งเจ็ดจึงไปพักผ่อน"ที่ตอนพวกข้าเดินทางไปวังหลวงนะพวกเจ้ารู้ไหม มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นหยุดพักผ่อนเป็นว่าเล่นเลย"จางซินระบายความโกรธออกมา"ปรมาจารย์ของเจ้าก็ชี้แจงแล้วนิ ว่ามารดาของเขาสามารถรับรู้ภัยได้ นางจึงจำเป็นต้องพาพวกเราหยุดบ่อยๆไง เพื่อป้องกันความผิดพลาดและภัยที่เกิดขึ้น"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"จินเป่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหน็ดเหนื่อยหรือไม่"ซิงอีถามขึ้นพร้อมกับป้อนน้ำอมฤตให้นาง ตลอดเส้นทางนางถูกห่าวอู๋อวี่อุ้มแทบตลอดเวลา เวลาลงเดินเองสักพักก็เหนื่อยหอบ จนซิงอีทนไม่ไหวเอ่ยปากให้ห่าวอู๋อวี่อุ้มนางบ้าง ให้นางขึ้นหลังบ้างแต่ห่าวอู๋อวี่เองก็เต็มมาก ครั้นหยุดพักซิงอีก็ปฏิบัติห่าวอู๋อวี่ดังน้องชายตัวเอง ทำให้ห่าวอู๋อวี่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   คาดการณ์ลวงหน้าได้

    "ปรมาจารย์ไป๋อวิ้น ทำไมมารดาของท่านกล่าวว่านางไม่สามารถที่จะเข้าไปในป่าอมตะนั้นได้ ในเมื่อพวกท่านก็อยู่หมู่บ้านอมตะนั้น"จางซินถามขึ้น จึงทำให้จินเป่าสนใจ จึงมองไปดูผู้ที่จางซินกำลังซักถามอยู่ก็เป็นปรมาจารย์ไป๋อวิ้น"ท่านอาจารย์"จินเป่ากล่าวออกมาได้เท่านี้ก็หมดแรง นางไม่สามารถพูดยาวๆได้ เพียงแค่ใช้แรงในการพูดก็หมดแรงเสียแล้วจะให้นางเดินทางไปได้อย่างไรกัน"เจ้าไม่ต้องพูดแล้วลูกศิษย์เจ้าพักผ่อนเถอะ แล้วเรื่องที่มารดาของข้าไม่สามารถเข้าป่าอมตะนั้นได้ ก็เป็นเพราะว่านางเป็นกินรีชั้นสูง ที่พวกเจ้ารับรู้นั่นแหละ ถึงว่าข้าจะได้เป็นกินรีชั้นสูงแล้วแต่ข้าก็ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับมารดาของข้า นางสามารถรับรู้อันตรายที่อยู่เบื้องหน้าได้นางสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนข้าจุดนี้ค่ายังไม่สามารถที่จะฝึกฝนมันได้ ข้าจึงคิดว่าข้าจะไปกับพวกเจ้าได้ เพราะในเมื่อถ้าหากว่าคาดการณ์ถึงอันตรายได้แล้ว เราก็จะเลี่ยงอันตรายเหมือนที่เราเดินทางเข้ามาในวังหลวงนี้ไง เมื่อถึงจุดอันตรายมารดาของข้าก็จะให้พวกเราหยุดขบวนเดิน แล้วให้ผู้ที่เก่งกาจเข้าไปจัดการกับอันตราย แล้วเราก็เดินมากันแบบไร้อันตรายใดๆ แล้วที่มาร

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ทัณฑ์สายฟ้า

    ระหว่างที่จินเป่าฟังห่าวอู๋อวี่ท่องเกร็ดวิชาไปเรื่อยๆ ตอนนี้นางเองทำสิ่งใดไม่ได้ จึงลองขับเคลื่อนวรยุทธ์ภายในและจดจำเคล็ดวิชาที่ห่าวอู๋อวี่ท่องออกมา นางรู้สึกว่าภายในของนางนั้นปั่นป่วนยิ่งนักไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนวรยุทธเหมือนเดิมอีกแล้ว นางจึงล้มเลิกความพยายามแล้วหันมาจดจ่อกับเคล็ดวิชานั้นแทน นางจดจำทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของห่าวอู๋อวี่ได้ดีทุกคำ จนในที่สุดก็ครบเจ็ดวันจินเป่าค่อยค่อยลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำอันโตของนางมองไปซ้ายมองไปขวา เหมือนกับหลายวันก่อนไม่มีผิด นางอยู่ในอะไรสักอย่างที่เป็นสีม่วงลาเวนเดอร์ และมีน้ำสีดำม่วงอยู่รอบๆ กลิ่นน้ำนี้ก็หอมสมุนไพรเอาเสียมากๆ น้ำอุ่นกำลังพอดี จินเป่ารู้สึกไม่สบายหัว จึงมุดลงไปในน้ำสมุนไพรนั้นแล้วโพล่หัวขึ้นมา นางรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก นางมองออกว่าตอนนี้ร่างกายของนางยังไม่สามารถกลับไปฝึกยุทธได้อีก แต่นางก็เคยไร้วรยุทธ์มาแล้วนิ แต่ตอนนั้นตอนที่นางมาอยู่ร่างนี้ใหม่ๆ ร่างกายนางไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนี้เท่านั้นเอง แต่สักวันคงจะดีขึ้น "วันนี้ครบวันที่เจ็ดแล้ว ร่างกายแม่นางน่าจะไม่เย็นอีกแล้วล่ะป่ะพวกเจ้าไปช่วยข้าเอาแม่นางขึ้นมาจากหม้อกัน"หว่าฮว่ากล่าว

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สัตว์มหาอสูร

    "เอาเข้าจริงๆข้าก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันอะไรนั่นแค่เพียงท่านห่าวอู๋อวี่ท่องให้จินเป่าฟังแล้วนางจะดีขึ้น"ซิงอีกล่าวถามความคิดเห็นของสหายท่านอื่น"เจ้าต้องรู้จักเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันก่อนเจ้าลองถามองค์ชายรัชทายาทดูสิว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งใด"จางซินพูดขึ้น"ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทนั้นเคยร่ำเรียนตำราดัชนีสุริยันต์แล้วทำไมไม่ให้องค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องให้จินเป่าฟังล่ะ"ซิงอีกล่าวขึ้นพลางมองไปยังองค์ชายรัชทายาท"ทำเป็นว่าหากองค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องเกล็ดวิชาดัชนีสุริยันให้จินเป่าฟังแล้วเจ้าจะยินยอมอย่างไรอย่างนั้น"จางหยงกล่าวถามขึ้น"มันก็ใช่ที่เจ้าพูดแต่ข้าก็ไม่รู้ไงว่าในเมื่อท่านห่าวอู๋อวี่ไม่รู้เคล็ดวิชาดัชนีสุริยันต์แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าไปท่องให้จินเป่าฟังแล้วจะดีขึ้น"ซิงอีถามขึ้นอีก"ผู้ใดท่องก็ดีขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าน้ำเสียงนั้นเป็นน้ำเสียงที่แม่นางผู้นี้คุ้นเคย และเจ้าสัตว์อสูรจิ๋วนั้นก็เลือกบุรุษผู้นั้นให้ท่องให้เจ้านายมันฟัง มันก็คงจะรู้ความพิเศษพิโสของบุรุษผู้นั้นอยู่ แม่นางผู้นี้ข้ามองดูเจ้าเป็นห่วงแม่นางที่อยู่ในหม้อกลั่นสมุนไพรอยู่หรอก แต่เจ้าก็ต้องหัดฟัง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ดัชนีสุริยันต์

    เมื่อเจ้ากระต่ายกับลี่ลินเข้าไปอยู่ในห้องที่มีหม้อตุ๋นสมุนไพรของจินเป่าอยู่ ลี่หลินเองก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ หม้อหยกใบนั้น นางขับวรยุทธภายใน นางเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในป่านางต้องฝึกควบคุมวรยุทธไปด้วย ส่วนกระต่ายหยกนั้นเป็นสัตว์อสูรประจำต้นหลิวต้องแสงจันทร์ไม่จำเป็นต้องศึกษาเคล็ดวิชาหรือตำราใดๆและไม่ต้องขับเคลื่อนวรยุทธ หากว่ามันบาดเจ็บเพียงรักษาสักพักก็หายขึ้น มันไม่เหมือนสัตว์อสูรแบบหลีหลินถ้ามันบำเพ็ญตบะได้สูงมันก็จะไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกอะไรทั้งสิ้น"เจ้ากระต่ายหยกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าดัชนีสุริยันต์เล่มนี้มีอะไรพิเศษเจ้าถึงเร่งให้ข้าทวงจากองค์ชายรัชทายาทนัก"เสียงห่าวอู๋อวี่ดังขึ้น ทำให้เจ้ากระต่ายหยกดีใจยิ่งนัก ทีห่าวอู๋อวี่มาและเขาก็นำดัชนีสุริยันมาด้วย"ท่อง ต้องท่องเคล็ดวิชา ท่านอ่านเคล็ดวิชาให้เจ้านายฟังได้"เจ้ากระต่ายหยกพยายามพูดภาษามนุษย์พร้อมกับทำท่าทางชี้ไปที่ปากของตัวเองแล้วก็หูของมันเอง"เจ้าจะให้ข้าท่องเคร็ดวิชาดัชนีสุริยันให้นางฟังหรือ"ห่าวอู๋อวี่เองก็ถามขึ้นอย่างสงสัย เจ้าเด็ดน้อยพยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจ เขาเข้าใจความหมายของมัน หลี่หลินจึงลืมตาขึ้นมาดูว่าเขาพูดถึงอะไรกัน ห

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตุ่นสมุนไพร

    "เสวุ่ยเจ้าไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่มาหนึ่งใบอยู่ในท้องพระคลังน่าจะมีอยู่หนึ่งหม้อ เจ้าไปตรวจดูแล้วให้องครักษ์ยกมาที่เรือนรับรอง"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น องค์ชายหกเลยพาทหารองครักษ์ไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่ ในท้องพระคลังมา เมื่อเขาเข้าไปดูก็พบหม้อสมุนไพรใบใหญ่สีเขียวหยกหนึ่งใบ ซึ่งน่าจะให้สตรีผู้นั้นเข้าไปได้จึงสั่งให้ทหารองครักษ์ยกออกมาให้ หมอหยกใบนั้นเป็นหยกสีเขียวมันแพะดูแล้วมีค่ายิ่งนัก เมื่อนำมาเรือนรับรองแล้วก็วางไว้กลางห้อง"ข้าขอเพียงสมุนไพรเท่านั้น แล้วบุรุษน่าจะออกไปด้านนอกได้แล้วกระมังเพราะว่าสตรีผู้นี้ต้องถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะลงหม้อ จางซินข้าต้องพึ่งเจ้าอยู่หากเจ้ายังมีธุระที่จัดการยังไม่เสร็จ ช่วยข้าสักพักแล้วเดี๋ยวค่อยไป"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น"ข้าคือสัตว์อสูรของเจ้านายข้าสามารถช่วยเจ้านายได้เจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยท่านนะเจ้าคะ"ลี่หลินรีบพูดขึ้น"นางคือน้องสาวของข้าเหมือนกันเจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยอีกแรงนะเจ้าคะ"ซิงอีรีบกล่าวขึ้น"ได้เลยแม่หนูเพราะข้าต้องให้สตรีช่วยอยู่แล้วล่ะ ลำพังข้าคนเดียวไม่ไหวหรอก บุรุษทั้งหลายออกไปได้แล้วกระมัง เจ้าเด็กน้อยเจ้าอยู่ก่อนอย่าเพิ่งไปไหน"หว่าฮว่ากล่าวข

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   กินรีชั้นสูง

    "แม่ก็ว่าอยู่แล้วหล่ะว่านางต้องเจ็บสาหัดบ้าง ดูสิอยากได้เคล็ดวิชาดัชนีสุรียันนั้น เป็นไงล่ะจะได้ใช้อยู่หรือนั้น ทำกับลูกเราไว้เยอะเลย เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาททำให้เขามีสภาพย่ำแย่แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน"ฮองเฮากล่าวขึ้น นางนึกย้อนที่เห็นบุตรชายของตัวเองสภาพย่ำแย่ในการประลองยุทธในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุ"ท่านแม่หากเขาต้องการ เขาก็สมควรที่จะได้รับมัน ท่านแม่ดูไม่ออกเลยหรือว่าเป็น ลูกรับมือเขาไม่ได้ทุกกระบวนท่า แต่เขาก็ยอมให้ลูกชนะเขา เพื่อชื่อเสียงของลูกในยุทธภพแห่งนี้ และเป็นบุรุษผู้นั้นที่เอาชนะตงหมิงได้"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น"แต่ก็เป็นลูกไม่ใช่หรอที่ใช้ห่วงสันนิบาตนั้น ทำให้ตรงหมิงนั้นตายไปมันก็เท่ากับลูกเอาชนะเขาได้"ผู้เป็นแม่ยังอยากที่จะให้ลูกได้ชื่อเสียง"ฮองเฮาท่านไม่ใช่ว่าดูไม่ออกกระมัง เพียงแค่เจ้าเห็นองค์ชายรัชทายาทนั้นสบักสะบอมขนาดนั้น เจ้าก็มีความคิดแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆเราก็ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่มิติล่างเหล่านั้นทำให้เรื่องมันจบแบบง่ายๆ ครั้งนี้ข้าคิดว่าข้าจะให้เขาได้ลำดับหนึ่งของเวทีประลองยุทธในครั้งนี้ ในเมื่อสตรีผู้นั้นต้องการดัชนีสุริยันขนาดนั้นเจ้าต้องการมอบให้เขาหรือไม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status