เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาเรียนวิชาปรุงยา ลำดับแรกอาจารย์ก็สอนให้แยกสมุนไพรว่าสมุนไพรไหนสดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ และสมุนไพรไหนเก็บมานานแล้ว หลังจากสอนให้จำแนกเสร็จแล้วก็ให้ทดสอบทุกคนในชั้นทดสอบได้ดี โดยเฉพาะจางหยงและจางซิน หลังจากเรียนเรื่องสมุนไพรเก่าใหม่แล้ว อาจารย์ก็ให้นักศึกษาทุกคนไปเก็บสมุนไพรกันได้และพรุ่งนี้เช้าก็จะมาเข้าเรื่องการปรุงสมุนไพร "อาจารย์ให้ไปเก็บสมุนไพรแต่ให้เราอ่านแค่ลักษณะของสมุนไพรแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นสมุนไพร ที่ท่านอาจารย์ต้องการกันล่ะ แต่ที่ท่านอาจารย์สอนเรามาว่าให้สัมผัสลูปไปลูปมาก็จะรู้ว่าสมุนไพรไหนเก่าสมุนไพรใหม่ๆ แต่ข้าไม่ได้ทำตามที่อาจารย์เลยนะ ก็รู้สึกว่าข้าแค่สัมผัสและได้กลิ่นสมุนไพร ข้าก็รู้แล้วว่าอันไหนใหม่ว่าอันไหนเก่า ข้ารู้แล้วแหละจินเป่าถ้าจะศึกษาวิชาปรุงสมุนไพรแบบเต็มตัว ข้าดูแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่เหมาะกับข้า" ซิงอีกล่าว "ซิงอีเจ้าเองก็สัมผัสสมุนไพรเก่าสมุนไพรใหม่เหมือนกับคนตระกูลข้าเลย ครอบครัวข้าเป็นนักปรุงสมุนไพรข้าเลยได้เลือดจากตระกูลมา มีแต่พี่จางหยงนั้นแหละที่ไม่ได้กลิ่นของสมุนไพร แต่พี่เขาเก่งไงถึงจำแนกมันออกได้เร็วกว่าข้าเสียอีก"
หลังจากที่เรียนวิชาปรุงสมุนไพรแล้วซิงอีรู้สึกว่าตนถนัดวิชานี้ นางจึงศึกษาตำราที่ท่านห่าวอู๋อวี่ให้นางมา ส่วนมู๋จินเป่าเองก็ฝึกฝนวิชามิติโน้มถ่วง โดยการบีบเส้นลมปราณให้เข้ากับมิติล่องหนของตนหลังจากใช้เวลานานเกือบถึงเดือน นางก็ผลึกเส้นลมปราณทั้งสิบสองเส้นกับมิติเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้แล้ว หลังจากที่มิติล่องหนกับเส้นลมปราณทั้งสิบสองเชื่อมต่อกัน มู๋จินเป่าเองก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาที่นางสร้างเกราะป้องกันนางเพียงแค่คิดก็มีเกาะป้องกันโปร่งใสแต่มันดูไม่แข็งแกร่งเท่าเกาะป้องกันอย่างวรยุทธ์เอาเสียเลย มันเป็นเหมือนจะนุ่มเสียมากกว่า "พี่ซิงอีท่านลองแทงข้าทีเถอะ ถ้าอยากรู้ว่าเกาะป้องกันของข้าจะเหนียวนุ่มขนาดไหน " มู๋จินเป่ากล่าว "เจ้าจะบ้าหรือจะให้ข้าแทงเจ้าได้อย่างไร " ซิงอีกล่าวด้วยความตกใจ "ก็แค่ลองแทงดูเฉยๆ ข้ าแค่อยากรู้ขอบเขตของเกาะป้องกัน เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวข้าไปหาท่านอาจารย์ใหญ่ดีกว่า ข้าจะได้ให้เขาสอนต่อไป" มู๋จินเป่ากล่าวแล้วเดินจากไป "เจ้าผลึกเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นกับมิติล่องหนได้แล้วหรือถึงมาหาข้า หรือว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยได้เรียนเพราะพ
หลังจากร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจังมาเป็นเวลาเดือนครึ่งก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้เข้าแข่งขันระดับสำนักกันแล้ว ในตอนเช้าปรมาจารย์ไป๋อวิ่น ก็พานักศึกษาทุกคนที่อยู่ระดับสูง ออกไปจากสำนักเดินทางไปในทางทิศใต้ของสำนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง หนึ่งก้านธูปก็เจอกับสำนักอีกสองสำนักที่พานักศึกษามาสำนักล่ะสิบคน"ทั้งสามสำนักก็มากันครบแล้ว วันนี้ทั้งสามสำนักจะทำการแข่งขันกัน โดยที่ทั้งสามสำนัก จะส่งตัวแทนของนักศึกษา แต่ละสำนัก สำนักละสิบคน สำนักแรกสำนักศึกษาตะวันเลือนของปรมาจารย์ไป๋อวิ่น สำนักที่สองสำนักศึกษาพระจันทร์เสี้ยวของปรมาจารย์หรูตรงหยาง สำนักที่สามสำนักศึกษาพายัพของปรมาจารย์หวงเฟยเฟย ซึ่งนักเรียนทั้งสามสิบคนต้องเข้าไปในหุบเขาบรรพกาล ในเวลาครึ่งเดือน นักศึกษาจะทำการ ค้นหาไข่มุกแห่งบรรพกาลทั้งสี่ทิศ เมื่อหาครบทั้งสี่ทิศแล้ว จะมีเพียงผู้เดียวที่สามารถนำไข่มุกไปยังกลางหุบเขาบรรพกาล และนำไปเปิดหีบกลางหุบเขาบรรพกาลสำเร็จ สำนักนั้นถือว่าชนะ ในครั้งนี้มีอยู่แค่สามสำนัก หากสำนักใดได้ไข่มุกแห่งบรรพกาลถึงสองทิศสามารถรวบรวมไข่มุกทั้งสี่ เข้าไปในใจกลางหุบเขาบรรพกาลได้เป็นสำนักแรก แต่มีกฎว่าต้องเป็นสตร
ทางด้านสำนักศึกษาพายัพก็ได้มาโผล่ตรงจุดบริเวณป่าดงดิบซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงทำให้มองแล้วต้นไม้สวยงามดี สำนักศึกษาพายัพนี้มีบุรุษที่เข้าร่วมเพียงสองคนและส่วนใหญ่ที่เหลือก็จะเป็นสตรี ซึ่งสตรีทุกคนก็ชอบดอกไม้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว "ท่านพี่ลี่อินดูดอกไม้พวกนี้สิเหมาะกับท่านจริงๆนะ"สตรีนางหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นพลางชี้ให้ดู ดอกไม้สีแดงสดที่บานสะพรั่งเป็นป่าสวยงามยิ่งนัก"ดูอย่างเดียวก็พอนะ พวกสตรีนี่ช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ ดอกไม้งามแต่เจ้าได้ฟังท่านอาจารย์บอกหรือไม่ว่า ป่าแห่งนี้มีพืชพันธุ์ที่มีพิษ เห็นดอกไม้งามก็หลงเสียแล้ว โปรดจำไว้ทุกอย่างในที่นี่ย่อมอันตรายเสมอ"บุรุษในกลุ่มกล่าวขึ้นอย่างเบื่อหน่ายที่พวกสตรีสนใจดอกไม้"ป่าดงดิบในหุบเขาบรรพกาลนี้อยู่ทางทิศไหนของป่าหรือ ผู้ใดที่รับแผนที่มา จากท่านอาจารย์ช่วยแจ้งข้าได้หรือไม่ว่าตอนนี้เราอยู่ทิศใดกัน"มู๋ลี่อินถามขึ้นหลังจากที่ตื่นจากภวังค์ เมื่อบุรุษผู้หนึ่งกล่าวเตือนสติให้หลุดจากดอกไม้ที่สวยงาม เพราะมีผู้กล่าวถึงเรื่องพิษของพืชพันธุ์จึงทำให้นางตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง"ข้าเองข้าเป็นผู้รับแผนที่มา ถ้าจำไม่ผ
"นักศึกษา...............สำนักพายัพได้ออกจากการแข่งขันและออกจากหุบเขาบรรพกาลแล้วอย่างปลอดภัย"เสียงประกาศดังก้องทำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันทุกคนได้ยินนักศึกษาของสำนักตะวันเลือนก็ตกใจเช่นกันเพราะหลังจากที่ตนมาโผล่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ก็ได้เจอกับฝูงเสือขาวจำนวนหนึ่งทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เมื่อสี่วันที่แล้วหลังจากที่บรรดาท่านอาจารย์ส่งพวกตนเข้ามา ก็ตกไปยังที่ที่หนึ่งที่มีฝูงเสือขาวกำลังหากินอยู่ ผู้ที่ไม่รู้ตัวก็โดนเสือขาวขย้ำจนเกิดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ทุกคนก็หันกลับมาสู้กับพวกเสือขาวไม่มีผู้ใดคิดที่จะยอมแพ้และหักหยกเพื่อกลับออกไป แต่พวกที่เตรียมการต่อสู้ตลอดเวลาก็ลงมือต่อสู้ได้ทันที ฝูงเสือขาวมีราวๆหนึ่งร้อยตัว พวกนักศึกษามีเพียงสิบคนทุกคนจึงสู้สุดฝีมือ และปล่อยสัตว์อสูรของตนออกมาสู้รบด้วย เพียงเข้ามาในหุบเขาบรรพกาลไม่เท่าไหร่ทุกคนก็ต้องปล่อยของออกมาอย่างเต็มตัว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้เลย จินเป่าปล่อยให้จิ้งจอกเก้าหางลี่หลินออกมาเพียงตนเดียว เพราะนางรู้ดีว่าทุกที่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ จะมีลูกแก้วคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาจึงต้องทำอะไรให้รอบคอบ จินเป่าใช้มิ
จางหยงหยิบแผนที่มาและกางออก และอ่านหมายเหตุที่อยู่ด้านล่างของแผนที่"ทิศอุดรไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีเขียวอยู่ในถ้ำหินจันทรา สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือมังกรฟ้าทิศประจิมไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีแดงอยู่ที่ดินแดนยอดเมฆ สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือ หงส์เพลิงทิศบรูพาไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีฟ้าอยู่ที่หุบเขาสายลม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือพยัคฆ์ขาวทิศอาคเนย์ไข่มุกบรรพกาลสีดำ อยู่ที่บึงหนาม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือเต่าดำรู้แล้วเราอยู่ทิศบรูพา เราสู้กับเสือขาว เราต้องอยู่ที่หุบเขาแห่งสายลมเป็นแน่ เราต้องหาพยัคฆ์ขาวมันน่าจะเป็นผู้นำของพวกเสือขาวเหล่านี้เป็นแน่"จางหยงกล่าวขึ้นพรางชี้ไปที่จุดที่อยู่ขวามือของแผนที่ "งั้นพวกเราก็พักรักษาตัวที่นี่ก่อนเมื่อทุกคนหายดีแล้วพวกเราจะออกเดินทางตามหาพยัคฆ์ขาวและหาแหล่งของไข่มุกบรรพกาลกัน"จินเป่ากล่าว พลางมองไปยังแผนที่ ซึ่งตรงกลางจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่รากของมันคลุมปราสาทหรือซากปรักหักพังอะไรสักอย่างอยู่ใต้รากของมัน นางจึงสันนิษฐานว่าจุดนั้นคือจุดตรงกลางของหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ที่ต้องเอาไข่มุกทั้งสี่ไปเปิดหีบที่อยู่ด้านในเป็นแน่ หลังจากพักถึงสามวันทุกคนก็หายดีและวันรุ่งข
"ปาร์ตี้คืนนี้ถือว่าจัดงานเลี้ยงให้พวกเธอทุกคนนะ"หัวหน้าแก๊งนักฆ่าอันดับหนึ่งของประเทศเอ่ยประกาศ งานปาร์ตี้ขนาดเล็กมีคนประมาณยี่สิบกว่าคนทุกคนล้วนเป็นนักฆ่า งานที่รับส่วนมากจะเป็นตามหาของหายากให้กับคนมีเงินเป็นบอดี้การ์ดให้กับคนรวยๆ งานไหนเสี่ยงๆที่ได้เงินดีๆ บ้างก็เป็นสายลับต่างๆ และบางครั้งก็มีงานลอบสังหาร แล้วแต่บอสใหญ่จะจัดให้"แล้วฉันก็อยากจะมอบรางวัลให้คนที่ทำภาระกิจนี้สำเร็จ จินเป่า"หัวหน้าแก๊งกล่าวและเรียก จินเป่าเพื่อเข้ามารับรางวัลจินเป่านักฆ่าอันดับห้าของแก๊ง รับงานไหนมาไม่เคยผิดพลาด ทำงานดีมีไหวพริบ จนทำให้เพื่อนรวมแก๊ง ชื่นชมในตัวเธอ และก็อิจฉาเธอเช่นเดียวกันจินเป่าเดินมารับรางวัล ผู้คนในงานตบมือแสดงความดีใจกันทุกคน จินเป่ามองดูเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งสวยงามมาก หลังจากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ "จินเป่าฉันดีใจกับเธอด้วยจริงๆนะ เธอเก่งมากเลย"ชิงเหยียนกล่าวแล้วก็เข้าไปกอดจินเป่าแล้วลูบหลังเบาๆหลังจากนั้นชิงเหยียนก็หายไปกับอวิ้น "คุณจัดการแล้วใช้ไหมอวิ้นงานนี้ถ้าเราทำสำเร็จฉันก็จะได้ขึ้นเป็นลำดับที่ห้าตามคุณไปเรื่อยๆ"ชิงเหยียนคุยกับอวิ้นเบาๆ "ไม่ใช้ว่าคุณให้ผมช่วยกำจ
หลังจากรถระเบิด จินเป่าก็ตกใจสุดขีด และพยายามควบคุมสติให้ได้ แต่แล้วก็เห็นรถชิงเหยียนพุ่งเข้ามาชนจนรถของเธอกระเด็นตกหน้าผา ในใจก็คิดได้ว่านี้คงจะเป็นแผนของเพื่อนตัวเองแน่ๆ ปกติถ้าชวนชิงเหยียนกลับเธอไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง แต่มาครั้งนี้กลับปฏิเสธง่ายดาย แม้จะคะยั้นคะยอสักเพียงใดชินเหยียนก็ปฏิเสธที่จะกลับกับจินเป่า เพราะมันเป็นแผนของชิงเหยียนที่ต้องการให้ตนตายแน่ๆ แต่ทำไมเพื่อนของเธอต้องการชีวิตของเธอขนาดนี้ ทำไมชิงเหยียนต้องต้องการฆ่าจินเป่ากันนะ มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยสักนิด ทั้งๆที่จินเป่าช่วยชิงเหยียนทุกอย่าง แต่ก่อนชิงเหยียนอยู่ในแก๊งแทบจะเป็นลำดับรั้งท้ายด้วยซ้ำ เพราะความเก่งของจินเป่าเลยช่วยชิงเหยียนให้ขึ้นมาลำดับที่หกได้ บางครั้งจินเป่าต้องเอาผลงานตัวเองให้ชิงเหยียนด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้ทำไมกันนะ ทำไมไม่เป็นคนอื่น หรือว่ามีคนบังคับให้ชิงเหยียนทำอย่างงั้นหรอ จินเป่าจากที่ตกใจ และกลัวกับเหตุการณ์นี้ แต่ตอนนี้กลายเป็นสิ้นหวัง คิดไม่ตกเพราะเพื่อนรักทรยศเธอ ไม่รู้ว่าเพื่อนรักทรยศเองหรือทำงานให้ใครกันแน่ แต่ก็เป็นเพื่อนรักกัน สามารถคุยกันได้นิ แต่ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว จินเป่าปล่อย
จางหยงหยิบแผนที่มาและกางออก และอ่านหมายเหตุที่อยู่ด้านล่างของแผนที่"ทิศอุดรไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีเขียวอยู่ในถ้ำหินจันทรา สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือมังกรฟ้าทิศประจิมไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีแดงอยู่ที่ดินแดนยอดเมฆ สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือ หงส์เพลิงทิศบรูพาไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีฟ้าอยู่ที่หุบเขาสายลม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือพยัคฆ์ขาวทิศอาคเนย์ไข่มุกบรรพกาลสีดำ อยู่ที่บึงหนาม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือเต่าดำรู้แล้วเราอยู่ทิศบรูพา เราสู้กับเสือขาว เราต้องอยู่ที่หุบเขาแห่งสายลมเป็นแน่ เราต้องหาพยัคฆ์ขาวมันน่าจะเป็นผู้นำของพวกเสือขาวเหล่านี้เป็นแน่"จางหยงกล่าวขึ้นพรางชี้ไปที่จุดที่อยู่ขวามือของแผนที่ "งั้นพวกเราก็พักรักษาตัวที่นี่ก่อนเมื่อทุกคนหายดีแล้วพวกเราจะออกเดินทางตามหาพยัคฆ์ขาวและหาแหล่งของไข่มุกบรรพกาลกัน"จินเป่ากล่าว พลางมองไปยังแผนที่ ซึ่งตรงกลางจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่รากของมันคลุมปราสาทหรือซากปรักหักพังอะไรสักอย่างอยู่ใต้รากของมัน นางจึงสันนิษฐานว่าจุดนั้นคือจุดตรงกลางของหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ที่ต้องเอาไข่มุกทั้งสี่ไปเปิดหีบที่อยู่ด้านในเป็นแน่ หลังจากพักถึงสามวันทุกคนก็หายดีและวันรุ่งข
"นักศึกษา...............สำนักพายัพได้ออกจากการแข่งขันและออกจากหุบเขาบรรพกาลแล้วอย่างปลอดภัย"เสียงประกาศดังก้องทำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันทุกคนได้ยินนักศึกษาของสำนักตะวันเลือนก็ตกใจเช่นกันเพราะหลังจากที่ตนมาโผล่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ก็ได้เจอกับฝูงเสือขาวจำนวนหนึ่งทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เมื่อสี่วันที่แล้วหลังจากที่บรรดาท่านอาจารย์ส่งพวกตนเข้ามา ก็ตกไปยังที่ที่หนึ่งที่มีฝูงเสือขาวกำลังหากินอยู่ ผู้ที่ไม่รู้ตัวก็โดนเสือขาวขย้ำจนเกิดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ทุกคนก็หันกลับมาสู้กับพวกเสือขาวไม่มีผู้ใดคิดที่จะยอมแพ้และหักหยกเพื่อกลับออกไป แต่พวกที่เตรียมการต่อสู้ตลอดเวลาก็ลงมือต่อสู้ได้ทันที ฝูงเสือขาวมีราวๆหนึ่งร้อยตัว พวกนักศึกษามีเพียงสิบคนทุกคนจึงสู้สุดฝีมือ และปล่อยสัตว์อสูรของตนออกมาสู้รบด้วย เพียงเข้ามาในหุบเขาบรรพกาลไม่เท่าไหร่ทุกคนก็ต้องปล่อยของออกมาอย่างเต็มตัว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้เลย จินเป่าปล่อยให้จิ้งจอกเก้าหางลี่หลินออกมาเพียงตนเดียว เพราะนางรู้ดีว่าทุกที่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ จะมีลูกแก้วคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาจึงต้องทำอะไรให้รอบคอบ จินเป่าใช้มิ
ทางด้านสำนักศึกษาพายัพก็ได้มาโผล่ตรงจุดบริเวณป่าดงดิบซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงทำให้มองแล้วต้นไม้สวยงามดี สำนักศึกษาพายัพนี้มีบุรุษที่เข้าร่วมเพียงสองคนและส่วนใหญ่ที่เหลือก็จะเป็นสตรี ซึ่งสตรีทุกคนก็ชอบดอกไม้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว "ท่านพี่ลี่อินดูดอกไม้พวกนี้สิเหมาะกับท่านจริงๆนะ"สตรีนางหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นพลางชี้ให้ดู ดอกไม้สีแดงสดที่บานสะพรั่งเป็นป่าสวยงามยิ่งนัก"ดูอย่างเดียวก็พอนะ พวกสตรีนี่ช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ ดอกไม้งามแต่เจ้าได้ฟังท่านอาจารย์บอกหรือไม่ว่า ป่าแห่งนี้มีพืชพันธุ์ที่มีพิษ เห็นดอกไม้งามก็หลงเสียแล้ว โปรดจำไว้ทุกอย่างในที่นี่ย่อมอันตรายเสมอ"บุรุษในกลุ่มกล่าวขึ้นอย่างเบื่อหน่ายที่พวกสตรีสนใจดอกไม้"ป่าดงดิบในหุบเขาบรรพกาลนี้อยู่ทางทิศไหนของป่าหรือ ผู้ใดที่รับแผนที่มา จากท่านอาจารย์ช่วยแจ้งข้าได้หรือไม่ว่าตอนนี้เราอยู่ทิศใดกัน"มู๋ลี่อินถามขึ้นหลังจากที่ตื่นจากภวังค์ เมื่อบุรุษผู้หนึ่งกล่าวเตือนสติให้หลุดจากดอกไม้ที่สวยงาม เพราะมีผู้กล่าวถึงเรื่องพิษของพืชพันธุ์จึงทำให้นางตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง"ข้าเองข้าเป็นผู้รับแผนที่มา ถ้าจำไม่ผ
หลังจากร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจังมาเป็นเวลาเดือนครึ่งก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้เข้าแข่งขันระดับสำนักกันแล้ว ในตอนเช้าปรมาจารย์ไป๋อวิ่น ก็พานักศึกษาทุกคนที่อยู่ระดับสูง ออกไปจากสำนักเดินทางไปในทางทิศใต้ของสำนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง หนึ่งก้านธูปก็เจอกับสำนักอีกสองสำนักที่พานักศึกษามาสำนักล่ะสิบคน"ทั้งสามสำนักก็มากันครบแล้ว วันนี้ทั้งสามสำนักจะทำการแข่งขันกัน โดยที่ทั้งสามสำนัก จะส่งตัวแทนของนักศึกษา แต่ละสำนัก สำนักละสิบคน สำนักแรกสำนักศึกษาตะวันเลือนของปรมาจารย์ไป๋อวิ่น สำนักที่สองสำนักศึกษาพระจันทร์เสี้ยวของปรมาจารย์หรูตรงหยาง สำนักที่สามสำนักศึกษาพายัพของปรมาจารย์หวงเฟยเฟย ซึ่งนักเรียนทั้งสามสิบคนต้องเข้าไปในหุบเขาบรรพกาล ในเวลาครึ่งเดือน นักศึกษาจะทำการ ค้นหาไข่มุกแห่งบรรพกาลทั้งสี่ทิศ เมื่อหาครบทั้งสี่ทิศแล้ว จะมีเพียงผู้เดียวที่สามารถนำไข่มุกไปยังกลางหุบเขาบรรพกาล และนำไปเปิดหีบกลางหุบเขาบรรพกาลสำเร็จ สำนักนั้นถือว่าชนะ ในครั้งนี้มีอยู่แค่สามสำนัก หากสำนักใดได้ไข่มุกแห่งบรรพกาลถึงสองทิศสามารถรวบรวมไข่มุกทั้งสี่ เข้าไปในใจกลางหุบเขาบรรพกาลได้เป็นสำนักแรก แต่มีกฎว่าต้องเป็นสตร
หลังจากที่เรียนวิชาปรุงสมุนไพรแล้วซิงอีรู้สึกว่าตนถนัดวิชานี้ นางจึงศึกษาตำราที่ท่านห่าวอู๋อวี่ให้นางมา ส่วนมู๋จินเป่าเองก็ฝึกฝนวิชามิติโน้มถ่วง โดยการบีบเส้นลมปราณให้เข้ากับมิติล่องหนของตนหลังจากใช้เวลานานเกือบถึงเดือน นางก็ผลึกเส้นลมปราณทั้งสิบสองเส้นกับมิติเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้แล้ว หลังจากที่มิติล่องหนกับเส้นลมปราณทั้งสิบสองเชื่อมต่อกัน มู๋จินเป่าเองก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาที่นางสร้างเกราะป้องกันนางเพียงแค่คิดก็มีเกาะป้องกันโปร่งใสแต่มันดูไม่แข็งแกร่งเท่าเกาะป้องกันอย่างวรยุทธ์เอาเสียเลย มันเป็นเหมือนจะนุ่มเสียมากกว่า "พี่ซิงอีท่านลองแทงข้าทีเถอะ ถ้าอยากรู้ว่าเกาะป้องกันของข้าจะเหนียวนุ่มขนาดไหน " มู๋จินเป่ากล่าว "เจ้าจะบ้าหรือจะให้ข้าแทงเจ้าได้อย่างไร " ซิงอีกล่าวด้วยความตกใจ "ก็แค่ลองแทงดูเฉยๆ ข้ าแค่อยากรู้ขอบเขตของเกาะป้องกัน เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวข้าไปหาท่านอาจารย์ใหญ่ดีกว่า ข้าจะได้ให้เขาสอนต่อไป" มู๋จินเป่ากล่าวแล้วเดินจากไป "เจ้าผลึกเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นกับมิติล่องหนได้แล้วหรือถึงมาหาข้า หรือว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยได้เรียนเพราะพ
เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาเรียนวิชาปรุงยา ลำดับแรกอาจารย์ก็สอนให้แยกสมุนไพรว่าสมุนไพรไหนสดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ และสมุนไพรไหนเก็บมานานแล้ว หลังจากสอนให้จำแนกเสร็จแล้วก็ให้ทดสอบทุกคนในชั้นทดสอบได้ดี โดยเฉพาะจางหยงและจางซิน หลังจากเรียนเรื่องสมุนไพรเก่าใหม่แล้ว อาจารย์ก็ให้นักศึกษาทุกคนไปเก็บสมุนไพรกันได้และพรุ่งนี้เช้าก็จะมาเข้าเรื่องการปรุงสมุนไพร "อาจารย์ให้ไปเก็บสมุนไพรแต่ให้เราอ่านแค่ลักษณะของสมุนไพรแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นสมุนไพร ที่ท่านอาจารย์ต้องการกันล่ะ แต่ที่ท่านอาจารย์สอนเรามาว่าให้สัมผัสลูปไปลูปมาก็จะรู้ว่าสมุนไพรไหนเก่าสมุนไพรใหม่ๆ แต่ข้าไม่ได้ทำตามที่อาจารย์เลยนะ ก็รู้สึกว่าข้าแค่สัมผัสและได้กลิ่นสมุนไพร ข้าก็รู้แล้วว่าอันไหนใหม่ว่าอันไหนเก่า ข้ารู้แล้วแหละจินเป่าถ้าจะศึกษาวิชาปรุงสมุนไพรแบบเต็มตัว ข้าดูแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่เหมาะกับข้า" ซิงอีกล่าว "ซิงอีเจ้าเองก็สัมผัสสมุนไพรเก่าสมุนไพรใหม่เหมือนกับคนตระกูลข้าเลย ครอบครัวข้าเป็นนักปรุงสมุนไพรข้าเลยได้เลือดจากตระกูลมา มีแต่พี่จางหยงนั้นแหละที่ไม่ได้กลิ่นของสมุนไพร แต่พี่เขาเก่งไงถึงจำแนกมันออกได้เร็วกว่าข้าเสียอีก"
มู๋จินเป่าเดินมาถึงเรือนอาจารย์ใหญ่ก็พบกับห่าวอู๋อวี่ทำให้นางดีใจเป็นอย่างมาก พออาจารย์ใหญ่เห็นมู๋จินเป่ากับหลี่หลินเดินมาก็เรียกทั้งสองนั่งลง" แม่นางจิ้งจอกเก้าหางขนของเจ้าตอนนี้ก็ขาวราวหิมะงดงามยิ่งนัก "อาจารย์ใหญ่ปรมาจารย์ไป๋อวิ่นกล่าวขึ้นพลางลืมตัว มู๋จินเป่าเห็นสายตาที่ปรมาจารย์มองลี้หลินก็เกิดสงสัยในตัวปรมาจารย์"นี่คือสัตว์อสูรของข้า งั้นเดี๋ยวข้าเก็บสัตว์อสูรของข้าก่อนก็แล้วกัน แล้วจะได้คุยกันสะดวกขึ้น"มู๋จินเป่ากล่าวพลางเก็บลี่หลินเข้ามิติล่องหน"งั้นเจ้าสองคนจะคุยอะไรกันก็คุยเถอะ แม่นางจินเป่าเดี๋ยวเจ้าคุยกับลูกศิษย์เก่าของข้าแล้ว ข้าขอคุยอะไรกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น"งั้นท่านอาจารย์ก็คุยกับจินเป่าก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าคุยธุระของข้าทีหลัง เพราะข้าน่าจะคุยนานอยู่"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ข้าก็ไม่ได้มีสิ่งใดมากหรอก ข้าแค่อยากบอกว่าต่อไปนี้ที่เจ้าเรียนเสร็จทุกวันให้เจ้ามาหาข้าที่เรือน ข้าจะสอนวิชาควบคุมมิติให้เจ้า ก็แค่เท่านั้น เพราะตอนนี้ข้าดูดูเจ้านมิติของเจ้าก็เป็นได้แค่ที่เก็บของดีๆนี้เอง"ปรมาจารย์กล่าวขึ้น ทำให้จินเป่าตกใจกับคำพูดของปรมาจารย์มาก"ไ
หลังจากที่ทั้งสี่ ไปจับจ่ายสิ่งของมาทำหม้อไฟเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเตรียมหม้อไฟ พอถึงเวลาจัดงานเลี้ยง มู๋จินเป่าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยล้ากับการเรียนวิชาการต่อสู้วันนี้ นางจึงทำชาดอกฮวาซึ่งต้มด้วยน้ำอมฤตทำให้ผู้ดื่มกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก ในการนั่งกินหม้อไปคืนนี้ทุกคนก็คุยกันแต่เรื่องของคุณชายตระกูลห่าวอู๋กับคุณหนูตระกูลหลี่ จนทำให้ซิงอีโมโหขึ้นมา พอซิงอีหันมามองมู๋จินเป่านางก็สนุกสนานไปกับพวกเขาทำให้ซิงอีโกรธไปกันใหญ่ ทางด้านหลี่ชุนชุน เมื่อรู้ว่าหลายคนรับรู้เรื่องของนางแล้ว นางจึงต้องการความจริงว่าข่าวของนางมาได้อย่างไร นางจึงแอบไปพบกับห่าวอู๋หรง"เรื่องอยู่ในจวนเจ้าในวันนั้นมีผู้ใดรับรู้บ้าง ข้าสงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้คนที่อยู่ในสำนักตะวันเลือนเขาถึงรู้กัน คนผู้นั้นคือแม่นางซิงอี นางพูดเหมือนรู้เรื่องของข้ายังไงยังงั้น ทั้งที่ข้าไม่เคยเห็นนางออกจากสำนักเลยแม้แต่น้อย ที่ๆพวกนางไปก็มีแต่ป่าตะวันแค่นั้นเอง ต้องมีคนในจวนเจ้าออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วเจ้าคิดดูเถอะว่าข้าจะเสียหายขนาดไหนถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับข้า"หลีชุนชุนกล่าวกับสหาย"เรื่องของวันนั้นในส่วนของข้า ท่านพ่อก็ให้ทุกคนปิดข่าวเรื่องนี้
วันนี้ก็เป็นวันที่กลับมาเรียนอีกครั้งของเดือนใหม่ และวันนี้ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ มู๋จินเป่าและซิงอี ได้ฝึกฝนการควบคุมวรยุทธโดยการใช้จิตเพ่งไปที่ฝ่ามือแล้วก่อให้เกิดวรยุทธที่ฝ่ามือขึ้นได้แล้ว นางสองคนใช้เวลาสามวันที่กลับมาจากป่านภาตะวัน ในการฝึกฝนจึงทำให้ตอนนี้เริ่มชำนาญมากขึ้นแล้ว พอรู้ว่าตัวเองจะเรียนวิชาอะไรทุกคนก็เดินไปยังลานต่อสู้ทันที หลังจากทุกคนมาถึงลานต่อสู้แล้ว ข่าวของหลี่ชุนชุน กับคุณชายสี่ตระกูลห่าวอู๋ เรื่องมาถึงหูของซิงอีทำให้นางเดือดดานเป็นอย่างมาก"เจ้าได้ยินหรือไม่จินเป่า ข่าวของแม่นางหลี่ชุนชุน กับท่านห่าวอู๋อวี่มันคือสิ่งใดกัน เจ้าไม่ได้อยู่กับเขาเพียงแค่ 2 เดือนเขาก็เปลี่ยนใจไปจากเจ้าแล้วหรือ แล้วแบบนี้เจ้าจะทำเช่นไร"ซิงอีกระซิบถามมู๋จินเป่า"มันไม่มีสิ่งใดหรอกพี่ซิงอี แม่นางหลี่ชุนชุน ให้บิดาของนาง ไปขอสานความสัมพันธ์ให้นางและห่าวอู๋อวี่ แต่บิดาของท่านห่าวอู่อวี่ไม่ได้ตกลง จึงเรียกท่านห่าวอู๋อวี่ไปคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่มีสิ่งใดหรอกท่านพี่"มู๋จินเป่ากล่าว"เจ้ารู้สิ่งนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อเจ้าก็อยู่กับข้าในสำนักนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เจ้าแอบไปหากันตอนใดหรือ"ซิงอี