"นักศึกษา...............สำนักพายัพได้ออกจากการแข่งขันและออกจากหุบเขาบรรพกาลแล้วอย่างปลอดภัย"เสียงประกาศดังก้องทำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันทุกคนได้ยินนักศึกษาของสำนักตะวันเลือนก็ตกใจเช่นกันเพราะหลังจากที่ตนมาโผล่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ก็ได้เจอกับฝูงเสือขาวจำนวนหนึ่งทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เมื่อสี่วันที่แล้วหลังจากที่บรรดาท่านอาจารย์ส่งพวกตนเข้ามา ก็ตกไปยังที่ที่หนึ่งที่มีฝูงเสือขาวกำลังหากินอยู่ ผู้ที่ไม่รู้ตัวก็โดนเสือขาวขย้ำจนเกิดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ทุกคนก็หันกลับมาสู้กับพวกเสือขาวไม่มีผู้ใดคิดที่จะยอมแพ้และหักหยกเพื่อกลับออกไป แต่พวกที่เตรียมการต่อสู้ตลอดเวลาก็ลงมือต่อสู้ได้ทันที ฝูงเสือขาวมีราวๆหนึ่งร้อยตัว พวกนักศึกษามีเพียงสิบคนทุกคนจึงสู้สุดฝีมือ และปล่อยสัตว์อสูรของตนออกมาสู้รบด้วย เพียงเข้ามาในหุบเขาบรรพกาลไม่เท่าไหร่ทุกคนก็ต้องปล่อยของออกมาอย่างเต็มตัว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้เลย จินเป่าปล่อยให้จิ้งจอกเก้าหางลี่หลินออกมาเพียงตนเดียว เพราะนางรู้ดีว่าทุกที่ในหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ จะมีลูกแก้วคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาจึงต้องทำอะไรให้รอบคอบ จินเป่าใช้มิ
จางหยงหยิบแผนที่มาและกางออก และอ่านหมายเหตุที่อยู่ด้านล่างของแผนที่"ทิศอุดรไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีเขียวอยู่ในถ้ำหินจันทรา สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือมังกรฟ้าทิศประจิมไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีแดงอยู่ที่ดินแดนยอดเมฆ สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือ หงส์เพลิงทิศบรูพาไข่มุกบรรพกาลเม็ดสีฟ้าอยู่ที่หุบเขาสายลม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือพยัคฆ์ขาวทิศอาคเนย์ไข่มุกบรรพกาลสีดำ อยู่ที่บึงหนาม สัตว์อสูรที่ปกป้องอยู่คือเต่าดำรู้แล้วเราอยู่ทิศบรูพา เราสู้กับเสือขาว เราต้องอยู่ที่หุบเขาแห่งสายลมเป็นแน่ เราต้องหาพยัคฆ์ขาวมันน่าจะเป็นผู้นำของพวกเสือขาวเหล่านี้เป็นแน่"จางหยงกล่าวขึ้นพรางชี้ไปที่จุดที่อยู่ขวามือของแผนที่ "งั้นพวกเราก็พักรักษาตัวที่นี่ก่อนเมื่อทุกคนหายดีแล้วพวกเราจะออกเดินทางตามหาพยัคฆ์ขาวและหาแหล่งของไข่มุกบรรพกาลกัน"จินเป่ากล่าว พลางมองไปยังแผนที่ ซึ่งตรงกลางจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่รากของมันคลุมปราสาทหรือซากปรักหักพังอะไรสักอย่างอยู่ใต้รากของมัน นางจึงสันนิษฐานว่าจุดนั้นคือจุดตรงกลางของหุบเขาบรรพกาลแห่งนี้ ที่ต้องเอาไข่มุกทั้งสี่ไปเปิดหีบที่อยู่ด้านในเป็นแน่ หลังจากพักถึงสามวันทุกคนก็หายดีและวันรุ่งข
"นักศึกษาสำนักตะวันเลือนได้ไข่มุกบรรพกาลสีฟ้าเรียบร้อยแล้ว"เสียงประกาศก้องขึ้น เสือขาวที่กำลังต่อสู้อยู่กับนักศึกษาสำนักตะวันเลือนทั้งเก้าคนหายไปทันที ทำให้ทุกคนที่ศึกษาในสำนักศึกษาตะวันเลือนดีใจและโล่งใจไปในคราวเดียวกัน ปรมาจารย์ไป๋อวิ่นเองก็ดีใจเช่นกัน เพราะว่าตนไม่รู้ว่าจินเป่าทำอย่างไรบ้าง แต่นางก็หายไปจากจอลูกแก้วนานมากโข ส่วนสำนักทั้งสองได้ยินก็ตกใจและรีบกางแผนที่ออกมา และต่างคนต่างคาดเดาว่า ณ เวลานี้ไข่มุกสีฟ้าที่อยู่หุบเขาสายลมได้มีผู้คนเอาไปแล้ว ตนจึงต้องไปหาอีกสามสถานที่ทางด้านจินเป่าเลือกที่จะคว้าไข่มุกสีฟ้าโดยไม่ได้ปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย แต่พอนางคว้าไข่มุกสีฟ้าแห่งบรรพกาลออกมาจากรังฟางหญ้าได้สำเร็จ พยัคฆ์ขาวทั้งเก้าตนก็หายไปในพริบตา และก็มีร่างของพยัคฆ์ขาวที่แก่ชรานอนอยู่บนรังฟางหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆกับจุดที่ไข่มุกบรรพกาลสีฟ้าวางอยู่"ฮ่าๆๆเจ้าได้ไข่มุกบรรพกาลสีฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว แล้วไหนล่ะที่เจ้าเคยพูดไว้ว่าเจ้าจะให้อะไรแก่ข้า "เสียงชายชรากล่าวขึ้นอย่างสั่นเครือ"แต่ข้าก็ได้หยิบฉวยไข่มุกสีฟ้าแห่งบรรพกาลนี้ด้วยตัวเอง ท่านไม่ได้มอบให้ค่าเสียเมื่อไหร่กัน ท่าน
หลังจากออกมาจากถ้ำแล้ว ในกลุ่มก็หาตัวแทนเก็บไข่มุกบรรพกาล"ข้าว่าในเมื่อจินเป่าเป็นผู้นำ ไข่มุกบรรพกาลออกมาได้ ก็ให้นางเก็บไข่มุกนั่นไม่ดีกว่าหรือ"เหมยลี่ผู้ที่เคยกล่าวว่าจินเป่ากับซิงอีกล่าวขึ้น"ใช่ๆข้าเห็นด้วย:ข้าเองก็เห็นด้วยเช่นกัน:ข้าก็เหมือนกัน"ต่างคนต่างกล่าวขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน"ข้าว่าไม่ดีหรอกเอาแบบนี้ดีไหมให้บุรุษอย่างจางหยงเป็นผู้เก็บไข่มุกบรรพกาลสีฟ้านี้เอาไว้ดีกว่า เพราะว่าจางหยงมีวรยุทธที่สูงและอีกอย่างจางหยงสำคัญกับพวกเรามากในเรื่องสมุนไพรในการรักษาพวกเรา เพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจางหยงพวกเราต้องปกป้องเขาไว้ให้ดีอยู่แล้วจริงหรือไม่"จินเป่ากล่าวขึ้นเพราะตนไม่คิดที่จะเก็บไข่มุกบรรพกาลไว้กับตัว เพราะนางคิดว่าเราไม่สามารถเก็บไว้ในนิติพกพาของตัวเองได้ หลังจากตกลงให้จางหยงเก็บไข่มุกบรรพกาลสีฟ้าไว้แล้ว ซิงอีก็นำไข่มุกสีขาวที่ได้จากเสือขาว มาให้นางประมาณหนึ่งร้อยก้อน"นี่ไข่มุกสีขาวที่ได้จากเสือขาวหลังจากที่เจ้าหนีหายไปแล้ว มันยังจำเป็นต้องเก็บต่อหรือไม่ แล้วไข่มุกที่เจ้าให้ข้าเก็บก่อนหน้านั้นมันก็หายไปแล้ว เจ้าน่าจะเป็นคนหยิบถุงมิติข้าไปแน่ ถุงมิติใบนี้ข้าได้จาก
"นักศึกษา...…จากสำนักพระจันทร์เสี้ยวออกจากหุบเขาบรรพกาลอย่างปลอดภัยแล้ว"เสียงประกาศดังก้องขึ้น ทุกคนที่อยู่ในหุบเขาบรรพกาลตกใจกันหมด"เจ้าโง่เอ้ยเจ้าอุส่าได้ลงไปในน้ำได้ขนาดนั้น แล้วเจ้ายังจะหักหยกกับออกมาจากเขาบรรพกาลอีก วรยุทธของเจ้าก็มีไม่ใช่หรือแล้วทำไมเจ้าไม่ไปหาไข่มุกบรรพกาลสีดำล่ะ เจ้าออกมาข้างนอกเจ้าก็ลองไปนั่งดูลูกแก้วเถอะ นักศึกษาสำนักตะวันเลือนนั้นช่วยกันอย่างดี แถมยังมีสตรีที่กล้าที่จะลงไปหาไข่มุกบรรพกาลสีฟ้าคนเดียวอีกแล้วนางก็ได้กลับขึ้นมา"อาจารย์ใหญ่ของสำนักพระจันทร์เสี้ยวกล่าวว่าลูกศิษย์ที่ทำตัวขี้ขลาด"ข้าขอโทษท่านอาจารย์ก็ข้าลงไปในน้ำข้าก็กลัว ข้าจึงหักป้ายหยกแล้วกลับมาที่นี่ ก็ท่านอาจารย์บอกเองไม่ใช่หรือเมื่อถึงคราวตาจนหรืออันตรายเกือบถึงชีวิต ให้พวกข้าหักหยกเพื่อที่จะหนีออกมาให้ได้ห้ามมีใครเป็นอะไรไม่ใช่หรือ"สตรีที่เป็นลูกศิษย์ผู้นั้นยังเถียงไม่หยุด"แล้วมันถึงขั้นอันตรายตรงไหน ทำไมเจ้าไม่คิดดูล่ะ มันเป็นโอกาสของพวกเจ้าไม่ใช่หรือที่ได้ลงไปในบึงน้ำแห่งนั้นแล้ว ข้าไม่รู้หรอกว่าบึงน้ำแห่งนั้นมีสิ่งใดแต่ที่ข้าเห็นเด็กสาวที่อยู่สำนักตะวันเลือนลงไปในหุบเขาสายลมเ
"สำนักพระจันทร์เสี้ยวได้ไข่มุกบรรพกาลสีดำเรียบร้อยแล้ว"เสียงประกาศก้องขึ้น นักศึกษาสาวที่อยู่หน้าลูกแก้วดีใจร้องเสียงดังและก็กอดกันกลม จนทำให้อาจารย์ทุกคนหันมามองพวกนางทั้งสองทางด้านในลูกแก้วเมื่อนักศึกษาทั้งหมดแปดคนได้ลงไปในบึงหนามทุกคนก็ได้หลุดออกจากพันธนาการของสิ่งที่ดึงพวกตนลงไป ทุกคนเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีแล้วที่จะลงมาด้านล่าง จึงลงมือต่อสู้ทันที ที่ทุกคนต่อสู้ไม่ใช่ว่าต่อสู้กับเต่าดำ เหมือนในตำราเคยกล่าวไว้ แต่พวกเขาต่อสู้กับพวกสาหร่ายมากกว่า ต่อสู้ไปสักพักใหญ่ๆก็มีพวกจระเข้ขึ้นมาเป็นกองหนุนหลัง จากต่อสู้กันสักพักใหญ่ๆ หนึ่งในกลุ่มจึงคิดได้ว่าตนต้องลงมือกับไข่มุกสีดำ จึงจะหยุดทุกอย่างได้ เป็นดั่งที่บุรุษผู้นั้นคิดจริงๆ เพราะตอนที่ต่อสู้ไป เขาก็พึ่งไปหยิบไข่มุกสีดำทุกอย่างก็สลายหายไปทันที"พวกเจ้าได้ไข่มุกสีดำแห่งบรรพกาลนี้แล้วก็รีบออกไปเถอะ ในเมื่อในที่นี้ไข่มุกแห่งบรรพกาลสีฟ้าถูกหยิบออกไปแล้ว ครั้งนี้คงเป็นโอกาสที่เหมาะแล้วที่ไข่มุกทั้งสี่จะได้ไปอยู่ตำแหน่งที่พวกมันต้องอยู่เสียที ข้าขอให้พวกเจ้าทำให้สำเร็จก็แล้วกัน"เต่าดำกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเทาในความชราของมัน
หลังจากที่จินเป่าบอกให้ทุกคนได้ฟัง ทุกคนก็เกิดความคิดเดียวกันว่าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จจนได้"งั้นพวกเราก็รีบเดินทางเถอะ พวกเราจะได้รู้จุดที่มันอยู่ในแผนที่เพราะตอนนี้เหมือนเรายังไม่รู้จุดเลย ว่าเราอยู่ตรงจุดใดของแผนที่กันแน่"บุรุษผู้ที่ถือแผนที่กล่าวขึ้น ทุกคนจึงเร่งเดินทาง ตอนนี้ทั้งสิบได้อยู่ในป่าสีเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเต็มไปหมดมีทั้งต้นไม้โบราณที่มองดูแล้วรูปทรงประหลาดตายยิ่งนัก"ต้นไม้เยอะขนาดนี้และมีรูปทรงโบราณเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าเราเดินมาทางบึงหนามหรอกหรือ ถ้าเรามาทางบึงหนามเราก็ต้องย้อนกลับแล้วล่ะเพราะว่าทางบึงหนามนั้นไข่มุกบรรพกาลสีดำได้ถูกผู้นำออกไปแล้ว เราจะไปต่อให้แน่ใจหรือว่าจะกลับกันเลย"บุรุษที่ถือแผนที่ กลางแผนที่ออกและกล่าวให้ทุกคนฟัง"ข้าว่าถ้ามันเป็นป่าโบราณแถบๆบึงหนามจริงๆ แล้วพวกเราก็ไปอีกฝั่งเถอะจะได้ไปทางถ้ำเห็นจันทรา เพราะถ้าไปต่อเราอาจเสียเวลาได้"บุรุษผู้หนึ่งที่ ก้มตัวลงมองแผนที่กล่าวขึ้น"แล้วที่เราจะไปก็คือถ้ำหินจันทราใช่หรือไม่ แล้วก่อนจะถึงถ้ำหินจันทรา มีรายละเอียดหรือไม่ว่าเราต้องพบกับจุดใดก่อน เพราะต้นไม้ที่เราเห็นว่าเป็นต้นไม้โบราณ แบบนี้มันลั
"สู้เถอะ ยังไงเราก็มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าครั้งนี้ไม่สู้ พรุ่งนี้หรือวันต่อๆไปเราก็ต้องสู้อยู่ดี เดี๋ยวข้าจะมุ่งหน้าไปยังถ้ำหินจันทราเอง"จางหยงกล่าว"งั้นครั้งนี้ข้ากับจางหยงจะมุ่งหน้าไปทางถ้ำหินจันทรา ส่วนทุกคนก็เตรียมพร้อม ข้าฝากดูแลพี่ซิงอีด้วย"จินเป่ากล่าวขึ้น เมื่อลูกแก้วมีความเคลื่อนไหวท่านอาจารย์ที่เฝ้ายามจึงเดินเข้ามาดู ในความเคลื่อนไหวเสียงดังท่านอาจารย์คนอื่นๆจึงเดินเข้ามาตาม"มีอะไรหรือท่านอาจารย์ ทำไมท่านรีบตื่นมายังลูกแก้วจัง"อาจารย์ท่านหนึ่งถามขึ้น"น่าจะมีความเคลื่อนไหวใกล้ๆถ้ำหินจันทราแล้วล่ะ ข้าเห็นนักศึกษาทั้งสิบลุกขึ้นมาคุยกัน หรือว่าพวกนั้นจะลงมือตอนกลางคืน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ"อาจารย์ผู้ที่เดินมาดูคนแรกกล่าวขึ้น มาอยู่ใกล้ๆลูกแก้วแล้วก็เห็นเหมือนเงาดำๆ ที่อยู่รอบนอกในรัศมีใกล้ๆกับลูกศิษย์ของพวกตน"พวกลูกศิษย์เล่านั้นน่าจะรู้แล้วล่ะว่ามีอันตรายเข้ามา จึงลุกขึ้นมาวางแผนกัน แต่ดูเงานั่นสิมากมายมหาศาลเสียเหลือเกิน แล้วครั้งนี้พวกนักศึกษาจะต้านได้หรือไม่นะ"อาจารย์ผู้หนึ่งกล่าวขึ้นทางด้านถ้ำหินจันทราเมื่อทุกคนเตรียมการกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตกลงทำตามแผน"ย้ำกับท
"คู่ต่อไปน่าจะไปได้แล้วล่ะ เสียงเงียบหายไปแล้ว"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น เนื่องจากส่วนมากเขามาเพียงลำพังย่อมไม่รู้สถานการณ์เมื่อมาหลายคน และเขาก็คิดเองว่าหากเดินผ่านสายฝนศาสตราวุธนั้น หากใช้คนเดินทางน้อยก็จะสะดวกต่อการกำจัดศาสตราวุธพวกนั้นแต่หากรวมกันเป็นกลุ่มเกรงว่าจะทำร้ายผู้ที่เดินทางร่วมกันเสี่ยงมากกว่าจึงตัดสินใจให้เดินไปครั้งละสองคน"เจ้าพาจินเป่าไปเถอะ พร้อมกับเจ้าสัตว์อสูรนี้ด้วย"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จินเป่าจึงขึ้นหลังห่าวอู๋อวี่ และกระต่ายหยกเองก็กรายร่างของมันเป็นเหมือนดังวัตถุโปร่งแสงสีเขียวหยกแล้วคลุมตัวของจินเป่าไว้ แล้วลี่หลินก็ยืนข้างห่าวอู๋อวี่แล้วออกเดินพร้อมกัน เมื่อลงพื้นดินไปสักพักก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว และก็ได้ยินเสียงกระทบกันดังขึ้น เหมือนเสียงนั้นจะดังกว่าครั้งที่แล้วเสียงโลหะกระทบกันถี่มาก แต่ไม่มีเสียงร้องใดๆเลย จินเป่ามองเห็นสายฝนสตราวุธลงมาห่าใหญ่ ร่างกายของเขาเองไร้รอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวกระต่ายหยกเองห่อหุ้มนางไว้ ลี่หลินใช้กริชด้ามสั้นที่ตนเคยให้ในการต่อต้านสายฝนศาสตราวุธเหล่านั้น นางร่ายรำดั่งเช่นนางรำทั้งหลบทั้งปัดสตราวุธเหล่านั้น ทางด้านห่าวอู๋อวี่เองถึงแม้ว
เมื่อปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนี้เป็นคนแรกที่จะปีนขึ้นไปด้านบนเนินสูงนั้น ห่าวอู๋อวี่ก็วางจินเป่าลงและนำสมุนไพรต้มที่มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นต้มให้ออกมาอุ่นและส่งให้ซิงอีเพื่อที่จะป้อนสมุนไพรให้จินเป่า ซิงอีรับน้ำยามาแล้วก็ยิ้มก่อนที่จะป้อน เดียวพวกเจ้าไปกันก่อนนะข้ากับจางหยงจะรอดูพวกเจ้าขึ้นไปก่อน หากมีเหตุผิดพลาดอย่างไรพวกข้าจะได้ช่วยเจ้าได้"ซิงอีหันหน้าไปกล่าวกับห่าวอู๋อวี่ หากจินเป่าตกลงมานางกับจางหยงก็จะต้องคอยรับ ถึงแม้จะไม่สูงมากแต่นางไม่มีแรงเลยสักนิดหากตกมาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้นางเสียชีวิตได้เลย"เจ้านายเดี๋ยวข้าจะขึ้นไปดูข้างบนเสียก่อนหากว่ามีอันตรายใดๆข้าจะได้จัดการให้"ลี่หลินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายหยกก็พยักหัวตาม"ข้าอยากรู้จังว่าเจ้ากระต่ายหยกนั้นมันชื่ออะไร มันเหมือนไม่ค่อยรู้ภาษามนุษย์เลยเจ้านาย มันต้องเรียนภาษามนุษย์อีก"ข้าไม่ได้มีชื่อเรียกเหมือนพวกสัตว์อสูรแบบเจ้าหรอก แล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษามนุษย์มากมาย เพราะข้าแค่อาศัยสื่อสารกับสิ่งที่ข้าองครักษ์ก็เท่านั้นไม่จำเป็นต้องให้สัตว์อสูรหรือมนุษย์มารับรู้'เสียงเด็กน้อยพูดขึ้น ทำให้ลี่หลินขันท่าทีของมัน ที่ไม่ต้องการสื่
หลังจากออกเดินทางจากวังหลวงก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นอันตรายจึงทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงหมู่บ้านอมตะแล้ว ทำให้จางซินรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยเพราะตอนไปพวกเขารีบร้อน มารดาของของท่านอาจารย์ไป๋อวิ้นก็เอาแต่หยุดพักผ่อนตลอดเส้นทางทำให้พวกเขาล่าช้า "วันนี้พวกเจ้าพักผ่อนในหมู่บ้านข้าเสียก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปกัน อวิ้นจะพาพวกเจ้าเดินทาง"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น ทั้งเจ็ดจึงไปพักผ่อน"ที่ตอนพวกข้าเดินทางไปวังหลวงนะพวกเจ้ารู้ไหม มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นหยุดพักผ่อนเป็นว่าเล่นเลย"จางซินระบายความโกรธออกมา"ปรมาจารย์ของเจ้าก็ชี้แจงแล้วนิ ว่ามารดาของเขาสามารถรับรู้ภัยได้ นางจึงจำเป็นต้องพาพวกเราหยุดบ่อยๆไง เพื่อป้องกันความผิดพลาดและภัยที่เกิดขึ้น"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"จินเป่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหน็ดเหนื่อยหรือไม่"ซิงอีถามขึ้นพร้อมกับป้อนน้ำอมฤตให้นาง ตลอดเส้นทางนางถูกห่าวอู๋อวี่อุ้มแทบตลอดเวลา เวลาลงเดินเองสักพักก็เหนื่อยหอบ จนซิงอีทนไม่ไหวเอ่ยปากให้ห่าวอู๋อวี่อุ้มนางบ้าง ให้นางขึ้นหลังบ้างแต่ห่าวอู๋อวี่เองก็เต็มมาก ครั้นหยุดพักซิงอีก็ปฏิบัติห่าวอู๋อวี่ดังน้องชายตัวเอง ทำให้ห่าวอู๋อวี่
"ปรมาจารย์ไป๋อวิ้น ทำไมมารดาของท่านกล่าวว่านางไม่สามารถที่จะเข้าไปในป่าอมตะนั้นได้ ในเมื่อพวกท่านก็อยู่หมู่บ้านอมตะนั้น"จางซินถามขึ้น จึงทำให้จินเป่าสนใจ จึงมองไปดูผู้ที่จางซินกำลังซักถามอยู่ก็เป็นปรมาจารย์ไป๋อวิ้น"ท่านอาจารย์"จินเป่ากล่าวออกมาได้เท่านี้ก็หมดแรง นางไม่สามารถพูดยาวๆได้ เพียงแค่ใช้แรงในการพูดก็หมดแรงเสียแล้วจะให้นางเดินทางไปได้อย่างไรกัน"เจ้าไม่ต้องพูดแล้วลูกศิษย์เจ้าพักผ่อนเถอะ แล้วเรื่องที่มารดาของข้าไม่สามารถเข้าป่าอมตะนั้นได้ ก็เป็นเพราะว่านางเป็นกินรีชั้นสูง ที่พวกเจ้ารับรู้นั่นแหละ ถึงว่าข้าจะได้เป็นกินรีชั้นสูงแล้วแต่ข้าก็ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับมารดาของข้า นางสามารถรับรู้อันตรายที่อยู่เบื้องหน้าได้นางสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนข้าจุดนี้ค่ายังไม่สามารถที่จะฝึกฝนมันได้ ข้าจึงคิดว่าข้าจะไปกับพวกเจ้าได้ เพราะในเมื่อถ้าหากว่าคาดการณ์ถึงอันตรายได้แล้ว เราก็จะเลี่ยงอันตรายเหมือนที่เราเดินทางเข้ามาในวังหลวงนี้ไง เมื่อถึงจุดอันตรายมารดาของข้าก็จะให้พวกเราหยุดขบวนเดิน แล้วให้ผู้ที่เก่งกาจเข้าไปจัดการกับอันตราย แล้วเราก็เดินมากันแบบไร้อันตรายใดๆ แล้วที่มาร
ระหว่างที่จินเป่าฟังห่าวอู๋อวี่ท่องเกร็ดวิชาไปเรื่อยๆ ตอนนี้นางเองทำสิ่งใดไม่ได้ จึงลองขับเคลื่อนวรยุทธ์ภายในและจดจำเคล็ดวิชาที่ห่าวอู๋อวี่ท่องออกมา นางรู้สึกว่าภายในของนางนั้นปั่นป่วนยิ่งนักไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนวรยุทธเหมือนเดิมอีกแล้ว นางจึงล้มเลิกความพยายามแล้วหันมาจดจ่อกับเคล็ดวิชานั้นแทน นางจดจำทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของห่าวอู๋อวี่ได้ดีทุกคำ จนในที่สุดก็ครบเจ็ดวันจินเป่าค่อยค่อยลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำอันโตของนางมองไปซ้ายมองไปขวา เหมือนกับหลายวันก่อนไม่มีผิด นางอยู่ในอะไรสักอย่างที่เป็นสีม่วงลาเวนเดอร์ และมีน้ำสีดำม่วงอยู่รอบๆ กลิ่นน้ำนี้ก็หอมสมุนไพรเอาเสียมากๆ น้ำอุ่นกำลังพอดี จินเป่ารู้สึกไม่สบายหัว จึงมุดลงไปในน้ำสมุนไพรนั้นแล้วโพล่หัวขึ้นมา นางรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก นางมองออกว่าตอนนี้ร่างกายของนางยังไม่สามารถกลับไปฝึกยุทธได้อีก แต่นางก็เคยไร้วรยุทธ์มาแล้วนิ แต่ตอนนั้นตอนที่นางมาอยู่ร่างนี้ใหม่ๆ ร่างกายนางไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนี้เท่านั้นเอง แต่สักวันคงจะดีขึ้น "วันนี้ครบวันที่เจ็ดแล้ว ร่างกายแม่นางน่าจะไม่เย็นอีกแล้วล่ะป่ะพวกเจ้าไปช่วยข้าเอาแม่นางขึ้นมาจากหม้อกัน"หว่าฮว่ากล่าว
"เอาเข้าจริงๆข้าก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันอะไรนั่นแค่เพียงท่านห่าวอู๋อวี่ท่องให้จินเป่าฟังแล้วนางจะดีขึ้น"ซิงอีกล่าวถามความคิดเห็นของสหายท่านอื่น"เจ้าต้องรู้จักเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันก่อนเจ้าลองถามองค์ชายรัชทายาทดูสิว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งใด"จางซินพูดขึ้น"ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทนั้นเคยร่ำเรียนตำราดัชนีสุริยันต์แล้วทำไมไม่ให้องค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องให้จินเป่าฟังล่ะ"ซิงอีกล่าวขึ้นพลางมองไปยังองค์ชายรัชทายาท"ทำเป็นว่าหากองค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องเกล็ดวิชาดัชนีสุริยันให้จินเป่าฟังแล้วเจ้าจะยินยอมอย่างไรอย่างนั้น"จางหยงกล่าวถามขึ้น"มันก็ใช่ที่เจ้าพูดแต่ข้าก็ไม่รู้ไงว่าในเมื่อท่านห่าวอู๋อวี่ไม่รู้เคล็ดวิชาดัชนีสุริยันต์แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าไปท่องให้จินเป่าฟังแล้วจะดีขึ้น"ซิงอีถามขึ้นอีก"ผู้ใดท่องก็ดีขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าน้ำเสียงนั้นเป็นน้ำเสียงที่แม่นางผู้นี้คุ้นเคย และเจ้าสัตว์อสูรจิ๋วนั้นก็เลือกบุรุษผู้นั้นให้ท่องให้เจ้านายมันฟัง มันก็คงจะรู้ความพิเศษพิโสของบุรุษผู้นั้นอยู่ แม่นางผู้นี้ข้ามองดูเจ้าเป็นห่วงแม่นางที่อยู่ในหม้อกลั่นสมุนไพรอยู่หรอก แต่เจ้าก็ต้องหัดฟัง
เมื่อเจ้ากระต่ายกับลี่ลินเข้าไปอยู่ในห้องที่มีหม้อตุ๋นสมุนไพรของจินเป่าอยู่ ลี่หลินเองก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ หม้อหยกใบนั้น นางขับวรยุทธภายใน นางเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในป่านางต้องฝึกควบคุมวรยุทธไปด้วย ส่วนกระต่ายหยกนั้นเป็นสัตว์อสูรประจำต้นหลิวต้องแสงจันทร์ไม่จำเป็นต้องศึกษาเคล็ดวิชาหรือตำราใดๆและไม่ต้องขับเคลื่อนวรยุทธ หากว่ามันบาดเจ็บเพียงรักษาสักพักก็หายขึ้น มันไม่เหมือนสัตว์อสูรแบบหลีหลินถ้ามันบำเพ็ญตบะได้สูงมันก็จะไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกอะไรทั้งสิ้น"เจ้ากระต่ายหยกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าดัชนีสุริยันต์เล่มนี้มีอะไรพิเศษเจ้าถึงเร่งให้ข้าทวงจากองค์ชายรัชทายาทนัก"เสียงห่าวอู๋อวี่ดังขึ้น ทำให้เจ้ากระต่ายหยกดีใจยิ่งนัก ทีห่าวอู๋อวี่มาและเขาก็นำดัชนีสุริยันมาด้วย"ท่อง ต้องท่องเคล็ดวิชา ท่านอ่านเคล็ดวิชาให้เจ้านายฟังได้"เจ้ากระต่ายหยกพยายามพูดภาษามนุษย์พร้อมกับทำท่าทางชี้ไปที่ปากของตัวเองแล้วก็หูของมันเอง"เจ้าจะให้ข้าท่องเคร็ดวิชาดัชนีสุริยันให้นางฟังหรือ"ห่าวอู๋อวี่เองก็ถามขึ้นอย่างสงสัย เจ้าเด็ดน้อยพยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจ เขาเข้าใจความหมายของมัน หลี่หลินจึงลืมตาขึ้นมาดูว่าเขาพูดถึงอะไรกัน ห
"เสวุ่ยเจ้าไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่มาหนึ่งใบอยู่ในท้องพระคลังน่าจะมีอยู่หนึ่งหม้อ เจ้าไปตรวจดูแล้วให้องครักษ์ยกมาที่เรือนรับรอง"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น องค์ชายหกเลยพาทหารองครักษ์ไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่ ในท้องพระคลังมา เมื่อเขาเข้าไปดูก็พบหม้อสมุนไพรใบใหญ่สีเขียวหยกหนึ่งใบ ซึ่งน่าจะให้สตรีผู้นั้นเข้าไปได้จึงสั่งให้ทหารองครักษ์ยกออกมาให้ หมอหยกใบนั้นเป็นหยกสีเขียวมันแพะดูแล้วมีค่ายิ่งนัก เมื่อนำมาเรือนรับรองแล้วก็วางไว้กลางห้อง"ข้าขอเพียงสมุนไพรเท่านั้น แล้วบุรุษน่าจะออกไปด้านนอกได้แล้วกระมังเพราะว่าสตรีผู้นี้ต้องถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะลงหม้อ จางซินข้าต้องพึ่งเจ้าอยู่หากเจ้ายังมีธุระที่จัดการยังไม่เสร็จ ช่วยข้าสักพักแล้วเดี๋ยวค่อยไป"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น"ข้าคือสัตว์อสูรของเจ้านายข้าสามารถช่วยเจ้านายได้เจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยท่านนะเจ้าคะ"ลี่หลินรีบพูดขึ้น"นางคือน้องสาวของข้าเหมือนกันเจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยอีกแรงนะเจ้าคะ"ซิงอีรีบกล่าวขึ้น"ได้เลยแม่หนูเพราะข้าต้องให้สตรีช่วยอยู่แล้วล่ะ ลำพังข้าคนเดียวไม่ไหวหรอก บุรุษทั้งหลายออกไปได้แล้วกระมัง เจ้าเด็กน้อยเจ้าอยู่ก่อนอย่าเพิ่งไปไหน"หว่าฮว่ากล่าวข
"แม่ก็ว่าอยู่แล้วหล่ะว่านางต้องเจ็บสาหัดบ้าง ดูสิอยากได้เคล็ดวิชาดัชนีสุรียันนั้น เป็นไงล่ะจะได้ใช้อยู่หรือนั้น ทำกับลูกเราไว้เยอะเลย เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาททำให้เขามีสภาพย่ำแย่แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน"ฮองเฮากล่าวขึ้น นางนึกย้อนที่เห็นบุตรชายของตัวเองสภาพย่ำแย่ในการประลองยุทธในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุ"ท่านแม่หากเขาต้องการ เขาก็สมควรที่จะได้รับมัน ท่านแม่ดูไม่ออกเลยหรือว่าเป็น ลูกรับมือเขาไม่ได้ทุกกระบวนท่า แต่เขาก็ยอมให้ลูกชนะเขา เพื่อชื่อเสียงของลูกในยุทธภพแห่งนี้ และเป็นบุรุษผู้นั้นที่เอาชนะตงหมิงได้"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น"แต่ก็เป็นลูกไม่ใช่หรอที่ใช้ห่วงสันนิบาตนั้น ทำให้ตรงหมิงนั้นตายไปมันก็เท่ากับลูกเอาชนะเขาได้"ผู้เป็นแม่ยังอยากที่จะให้ลูกได้ชื่อเสียง"ฮองเฮาท่านไม่ใช่ว่าดูไม่ออกกระมัง เพียงแค่เจ้าเห็นองค์ชายรัชทายาทนั้นสบักสะบอมขนาดนั้น เจ้าก็มีความคิดแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆเราก็ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่มิติล่างเหล่านั้นทำให้เรื่องมันจบแบบง่ายๆ ครั้งนี้ข้าคิดว่าข้าจะให้เขาได้ลำดับหนึ่งของเวทีประลองยุทธในครั้งนี้ ในเมื่อสตรีผู้นั้นต้องการดัชนีสุริยันขนาดนั้นเจ้าต้องการมอบให้เขาหรือไม