"คุณหนูเจ้าคะ"
เสียงเรียกของบ่าวคนสนิทที่ดังขึ้น ทำให้ผู้ที่จมอยู่กับความฝันเมื่อคืนนี้ถึงกับสะดุ้ง ใบหน้างามนั้นไม่ใคร่จะสดใสนัก เมื่อคืนนางฝันร้าย ในฝันนั้นรอบกายของนางปกคลุมไปด้วยม่านหมอกหนาจนมองไม่เห็นสิ่งใด มองเห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่ง เขาเดินเข้ามาหานางอย่างคุกคาม แต่นางกลับไม่อาจที่จะหลีกหนีได้ ราวกับทั้งร่างของนางถูกพันธนาการเอาไว้ นางถูกคนผู้นั้นใช้มีดอันคมกริบกรีดลงมาบนหัวใจ โลหิตสีแดงพุ่งทะลักออกมาอย่างน่ากลัว ในฝันนั้นนางทั้งเจ็บปวดและรู้สึกหวาดกลัว หัวใจของนางบีบรัดจนแทบจะหายใจไม่ออก นั่นจึงทำให้เช้าวันนี้ของนางไม่สดใสอย่างที่ควร นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนักราวกับมันมีลางบอกเหตุ
"มีอะไรเช่นนั้นหรือถิงถิง"
เสียงหวานที่ฟังดูอ่อนแรงเอ่ยถามคนสนิท
"คนจากเรือนใหญ่มาแจ้งว่าท่านเสนาบดีเรียกให้คุณหนูไปพบเจ้าค่ะ"
ถิงถิงรายงานผู้เป็นนายของตนทันทีหลังจากที่ก้าวเข้ามาทรุดกายลงใกล้ๆ มองนายของตนอย่างเป็นห่วง
นางรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรก็ไม่รู้ รับรู้มาว่าวันนี้ท่านเสนาบดีถูกเรียกให้เข้าวังตั้งแต่รุ่งสาง และทันทีที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็เรียกหาคุณหนูของนางทันที นั่นยิ่งทำให้นางมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ตั้งแต่เล็กจนโต คุณหนูของนางไม่เคยได้รับการต้อนรับจากคนตระกูลจ้าว ร้อยวันพันปีตั้งแต่อาศัยอยู่ที่นี่ท่านเสนาบดีไม่เคยเรียกหาคุณหนูเลยสักครั้ง ถึงแม้จะไม่ละเลยคุณหนูเช่นดังก่อนหน้า แต่ก็ยังไม่แม้แต่จะมองหน้าเสียด้วยซ้ำ เห็นทีว่าคงมีบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่
บิดาเรียกหานางเช่นนั้นหรือ
จ้าวหลี่เชี่ยนเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ถึงแม้บิดาจะเมตตาให้นางมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในจวนตระกูลจ้าว แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยที่จะเรียกหานางมาก่อน
"คุณหนูใหญ่ก็ถูกเรียกให้ไปพบเช่นกันเจ้าค่ะ แล้วบ่าวยังได้ยินมาอีกว่าเย็นนี้ทุกคนถูกเรียกให้ไปรับสำรับยังเรือนใหญ่เจ้าค่ะ"
ถิงถิงเอ่ยกับผู้เป็นนายของตนในสิ่งที่ได้รับรู้มา
"มีเรื่องน่ายินดีอันใดกัน"
"บ่าวก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ"
จ้าวหลี่เชี่ยนมองเห็นความกังวลในดวงตาของบ่าวคนสนิท นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลสิ่งใด
"เช่นนั้นเรารีบไปเรือนใหญ่กันก่อนเถิด"
แม้จะรู้สึกหวั่นใจเช่นกัน แต่นางก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ หากยังชักช้ากลัวว่าจะทำให้ผู้เป็นบิดาไม่พอใจขึ้นมาได้
เมื่อมาถึงเรือนใหญ่ถิงถิงถูกกันให้รอนางอยู่ด้านนอก ร่างบอบบางของจ้าวหลี่เชี่ยนก้าวผ่านประตูห้องโถงเข้ามายืนอยู่กลางห้อง อยู่ท่ามกลางสายตาของผู้ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"หลี่เชี่ยนคารวะท่านย่า คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ"
จ้าวหลี่เชี่ยนทำความเคารพหนึ่งบุรุษและสองสตรีต่างวัยตรงหน้าอย่างอ่อนช้อย ใบหน้างามนั้นยังคงก้มนิ่งอย่างสงบเสงี่ยม แม้ภายในอกนั้นจะรู้สึกหวาดหวั่น ด้วยไม่รู้ว่าคนเหล่านี้คิดจะทำสิ่งใดกับตนเอง แม้จะพยายามเข้มแข็ง แต่นางเป็นเพียงมดปลวกตัวน้อยเท่านั้นไหนเลยจะสามารถต่อกรกับผู้ที่มากด้วยอำนาจได้
"เข้ามานี่สิ มาให้ข้าดูใกล้ๆ"
เสียงแหบแห้งของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวผู้มีศักดิ์เป็นท่านย่าของนางเอ่ยดังขึ้น หลี่เชี่ยนก้าวเข้าไปหาหญิงชราทรุดกายลงนั่งแทบเท้าคนตรงหน้า ปลายคางมนถูกเชยขึ้นด้วยนิ้วเรียวยาวของฮูหยินเฒ่า
ดวงตาฝ้าฟางสำรวจองคาพยพบนดวงหน้างดงาม มองใบหน้ากระจ่างใสอย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าที่มีร่องรอยแห่งวัยคลี่เป็นรอยยิ้มพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เด็กคนนี้งดงามมาก งดงามจนไร้ที่ติ นับวันความงามของเด็กคนนี้ยิ่งฉายชัดโดดเด่น
"เจ้างดงามมากจริงๆ"
จ้าวหลี่เชี่ยนฝืนยิ้มกับคำชมนั้น รู้สึกได้ว่าความงามนั้นกำลังนำภัยมาสู่นาง
การกระทำเช่นนี้ทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนยิ่งกระวนกระวายใจ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ อีกทั้งแววตาของบิดาผู้ที่แสดงออกเสมอมาว่าชิงชังนางมันเต็มไปด้วยความพึงพอใจและสุขสมหวัง แววตาที่อีกฝ่ายไม่เคยใช้มันมองนาง นอกเสียจากว่าเขากำลังต้องการบางอย่างจากนาง นางกำลังมีผลประโยชน์กับอีกฝ่าย
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด เสียงเปิดและปิดประตูด้านหลังทำให้นางจำต้องหันไปมองผู้มาใหม่ บุรุษและสตรีที่พึ่งจะก้าวเข้ามาสร้างความแปลกใจให้กับนางเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกเจ็บหน่วงข้างในอก หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกเจ็บ ความสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้นางรู้สึกราวมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นหัวใจของนาง นางไม่คิดว่าจะเป็นเขา บุรุษผู้ที่นางมอบใจให้เขา
คุณชายซุนเหยียน
แต่ตอนนี้เขากลับกำลังยืนเคียงข้างกับสตรีอื่น
"ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะแจ้งข่าวมงคลอันน่ายินดีให้ทุกคนทราบ"
เสียงของบิดาที่เอ่ยดังขึ้นทำให้นางละสายตาจากความสับสนและว้าวุ่นใจตรงหน้า ประโยคต่อมาทำให้ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างตกตะลึง
"ฝ่าบาททรงเมตตา ปรารถนาให้เชี่ยนเอ๋อร์ของเราเป็นฮองเฮาเคียงข้างพระองค์ อีกไม่นานคงมีพระราชโองการลงมา และอีกเรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นกัน เฟยเอ๋อร์และคุณชายซุนจะแต่งงานกันหลังจากเชี่ยนเอ๋อร์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นฮองเฮา"
เรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความยินดีให้กับทุกคน แต่สำหรับนางแล้วราวกับว่าฟ้าเบื้องหน้าของนางถล่มลงมา ผืนดินที่ยืนอยู่คล้ายดังจะสะเทือน ในหูของนางไม่ได้ยินเสียงใดอีกแล้ว มันอื้ออึงไปหมด ความสุขที่ผ่านมาคล้ายดังภาพฝัน
ใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคยของคนผู้นั้นกำลังส่งยิ้มให้สตรีข้างกายของเขา ดวงตาเรียบเฉยที่มองมายังนางทำให้นางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เขาคล้ายดังคนที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาทำเหมือนไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ กับนาง นั่นทำให้นางรู้สึกว่าใบหน้าและหัวใจของนางชาและตายด้านไปหมด ใจของนางดุจเถ้าถ่านที่ดับมอดไป หัวใจนางคล้ายจะเจ็บปวดจนไร้ความรู้สึกไปเสียแล้ว การกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาของคนผู้นั้นคล้ายไม่มีอยู่จริง ความหวังที่นางวาดฝันเอาไว้พังทลายลงในพริบตา
"ขอแสดงความยินดีด้วยคุณหนูสาม"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของอีกฝ่ายที่เอ่ยกับนางมันช่างห่างเหินเย็นชา จนนางต้องเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากของนางมันสั่นไม่ต่างจากเนื้อตัว สองมือที่สั่นเทากำเข้าหากันแน่นจนนิ้วมือขึ้นข้อขาว ขอบตาของนางมันร้อนผ่าวไปหมด
คุณหนูสาม คุณหนูสามหรือ
หึหึหึ คุณหนูสาม หาใช่ เชี่ยนเชี่ยน ที่เขามักจะเรียกนางอย่างสนิทสนมยามเมื่ออยู่ด้วยกัน
เขาพึ่งจะจูบนาง ได้จูบแรกของนางไปแท้ๆ แต่กลับสู่ขอพี่สาวของนาง ไร้ความรู้สึกใดในดวงตาของคนผู้นี้เมื่อรับรู้ว่านางจะต้องแต่งกับชายอื่น
เขาล้อเล่นกับความรู้สึกของนางอย่างเลือดเย็น เป็นนางเองที่โง่งม เป็นนางเช่นนั้นหรือที่คิดทุกอย่างไปเอง คิดอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ความรักที่นางมอบให้คนผู้นี้จบสิ้นลงแล้ว ความฝันความหวังทั้งหมดพังทลายลง เขาทำร้ายนางได้อย่างเลือดเย็นและเจ็บปวดอย่างที่สุด เขาไม่ใช่บุรุษผู้อบอุ่นและแสนดีผู้นั้นของนางอีกต่อไปแล้ว
บุรุษที่นางคิดว่าแสนดีที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่ร้ายกาจกับนางอย่างที่สุด
ถูกต้องที่สุดแล้วที่นางสมควรต้องเจ็บปวด
คนเช่นนางไม่เป็นที่ต้องการของใครมาตั้งแต่แรก แม้แต่บุรุษที่เป็นผู้ทำให้นางเกิดมายังชิงชังนาง แล้วนางยังจะหวังให้บุรุษใดมอบความรักความจริงใจให้แก่นางอีก
ดวงตาคู่งามที่มักมองเขาด้วยความรักและเทิดทูน บัดนี้มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดผิดหวัง หยาดน้ำเอ่อคลออยู่เต็มหน่วยตา
ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสทุกครายามที่แหงนเงยใบหน้าขึ้นมอง ในวันนี้กลับมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน มันมืดดำจนดูน่ากลัว พาให้หมู่มวลบุปผางามรอบกายที่มักจะชูช่อเบ่งบานอย่างงดงามดูหม่นหมองไร้ชีวิตชีวา คล้ายดังชีวิตของนางในตอนนี้จ้าวหลี่เชี่ยนเหม่อมองผืนฟ้าเบื้องหน้าที่อึมครึมไปด้วยเมฆฝนด้วยดวงใจที่บอบช้ำ รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะแหลกสลาย นางช่างโง่งมนัก โง่งมจริงๆ ที่หลงมัวเมาในรักจนโดนบุรุษผู้นั้นหลอกลวง เหยียบย่ำดวงใจจนแหลกเหลวการถูกบิดาใช้เป็นเครื่องมือใช้เป็นหมากในการแสวงหาอำนาจไม่เจ็บเท่าโดนบุรุษทำให้เจ็บช้ำใจ นางช่างน่าขันเสียจริงจ้าวหลี่เชี่ยนหัวเราะออกมาทั้งที่หยาดน้ำตานั้นไหลอาบแก้ม ตั้งแต่วันนั้นน้ำตาของนางยังคงไม่หยุดไหลยามเมื่อคิดถึงคนผู้นั้น จากผู้ที่มอบรอยยิ้มให้นางกลับกลายเป็นผู้ที่ทำให้นางมีน้ำตาเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้นางรีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวล เอ่ยออกมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย"ถิงถิงบอกแล้วอย่างไรว่าข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก"นางไม่อยากให้ถิงถิงเห็นน้ำตา รู้ดีว่าอีกฝ่ายรักและเป็นห่วงนางมากแค่ไหน รู้ดีว่าตนนั้นทำให้คนที่รักและหวังดีกับนางนั้นทุกข์ใจเพียงใด แต่ความเงี
จ้าวหลี่เชี่ยนวิ่งฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ไม่สนใจว่ามันอาจจะทำให้นางล้มป่วย นางขอเพียงแค่ไปให้พ้นจากคนผู้นั้นโดยเร็วที่สุดก็พอแล้วหัวใจของนางเจ็บปวดและบอบช้ำอย่างหนัก นางรู้สึกสับสนไปหมด ไม่อาจที่จะสลัดคนผู้นั้นออกจากความคิดได้เลยฝ่ามือเล็กกอบกุมหัวใจที่ปวดร้าวจนเจ็บแน่น นางไม่อาจทนแบกรับความผิดหวังและเสียใจนั้นได้ไหว เพียงก้าวเข้ามาในเรือน ร่างบอบบางก็อ่อนปวกเปียกทรุดฮวบลงกับพื้นรอบกายมืดมนไปหมด นางหมดสติไปด้วยความโศกเศร้าที่ท่วมท้นหยาดน้ำตายังคงนองใบหน้าเมื่อฟื้นคืนสติจ้าวหลี่เชี่ยนพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในเรือนของนางเอง แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นเสียงที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียกนางพร้อมกับสัมผัสอบอุ่นเข้ามากอบกุมมือของนางเอาไว้"คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ"ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วไหลออกมาอีกครั้ง ความรักความห่วงใยและร่องรอยความโศกเศร้าในดวงตาของอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกผิด"แม่นมผิง ข้าขอโทษเจ้าค่ะที่ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจ"จ้าวหลี่เชี่ยนลุกขึ้นนั่งตามการประคองของสตรีที่ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความเหนื่อยล้า ใบหน้าซีดขาวนั้น
ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของจ้าวหลี่เชี่ยนในจวนตระกูลจ้าวเป็นเสียยิ่งกว่านักโทษ นางถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนเหลียนฮวาไม่ให้พบผู้ใด รอวันที่ราชโองการมาถึงนางก็จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวงทันทีวันนี้นางได้ย่างเท้าออกจากเรือนเหลียนฮวาเป็นครั้งแรก เนื่องจากฮูหยินเฒ่ารู้สึกเวทนาจึงเรียกให้มาสนทนาและรับประทานอาหารร่วมกันที่เรือนใหญ่ นางจึงได้รู้ว่าแม่นมผิงนั้นยังถูกกักขังส่วนถิงถิงนั้นถูกขายออกไป นั่นจึงทำให้นางรู้สึกเศร้าโศกและเป็นกังวล จึงได้ลอบให้บ่าวที่เป็นคนของมารดาตามหาถิงถิงวันนี้ทั้งวันจ้าวหลี่เชี่ยนยังคงคอยปรนนิบัติดูแลฮูหยินเฒ่า และอีกฝ่ายนั้นเกิดอยากจะกินแกงไหลบัวขึ้นมา ถงฮูหยิน ฮูหยินใหญ่ตระกูลจ้าวลูกสะใภ้ผู้กตัญญูจึงโยนหน้าที่นั้นให้นางและบุตรสาวของตน โดยให้เหตุผลว่าหากนางได้ทำอะไรเสียบ้างนางจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งแน่นอนจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งนาง ถึงแม้ว่าพอจะทำใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นงานกันรุนแรงถึงเพียงนี้คุณหนูใหญ่จ้าวเสวี่ยเฟย ผู้เป็นพี่สาวนั้นเกลียดชังนางไม่ต่างจากฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดา หากมีโอกาสย่อมไม่พลาดที่จะกลั่นแกล้งให้นางต้องเจ็บตัว
วังหลวงดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ในวันนี้ดูอู้ฟู่งดงามตระการตาขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะวันนี้มีพิธีการอันยิ่งใหญ่คือการสถาปนาฮองเฮาของแผ่นดินพระองค์ใหม่ หลังจากที่บัลลังก์หงส์ว่างเว้นมานาน ในที่สุดก็มีสตรีที่สามารถกุมพระทัยผู้ครองแคว้นแม้วังหลังจะเต็มไปด้วยเหล่าสนมและหญิงงามมากมายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา แต่สตรีเหล่านั้นกลับมิได้ถูกเลือก ไม่อาจที่จะได้ครอบครองบัลลังก์หงส์ แต่สตรีที่จะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดอยู่เหนือสตรีทั้งปวงกลับเป็นเพียงสตรีเยาว์วัยนางหนึ่งสตรีโฉมงามวัยเพียงสิบหกปี สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามปานล่มเมือง นางคือฮองเฮาพระองค์ใหม่องค์ที่สองในรัชศกนี้คันฉ่องทองคำบานใหญ่สูงจรดเพดาน สะท้อนให้เห็นเงาร่างของสตรีผู้มีความงามพิสุทธิ์ งดงามเย้ายวนราวกับนางจิ้งจอก เรือนร่างสะโอดสะองอยู่ในชุดอาภรณ์ล้ำค่าควรเมือง อาภรณ์ที่ถูกตัดเย็บขึ้นมาอย่างประณีตชุดตัวในคือผ้าไหมเรียบลื่นสีแดงสด ผ้าไหมที่ต้องใช้เวลาถึงสิบปีถึงจะได้เส้นไหมเพียงพอมาถักทอเป็นผืนผ้าขึ้นมาได้หนึ่งผืน อาภรณ์ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายเมื่อได้สวมใส่ บัดนี้ห่อหุ้มอยู่บนเรือนร่างอวบอิ่มขาวนวลเนียนราวกับน้ำนม คลุมทับด้วยชุดพระ
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำในป่าทึบแสนวังเวงและน่ากลัว เสียงร้องของสัตว์น้อยใหญ่ในป่าดังกึกก้อง มองไปเบื้องหน้ามีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปเสียหมด ร่างบอบบางของสตรีในอาภรณ์สีแดงล้ำค่า แต่ทว่าตอนนี้กลับขาดวิ่นจนไม่เหลือชิ้นดี อาภรณ์แสนงามเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างเย้ายวน เส้นผมดำขลับนุ่มสลวยที่ได้รับการจัดแต่งอย่างงดงามหลุดลุ่ยมาปรกใบหน้านวลจนมองดูยุ่งเหยิง แต่กลับมิได้รับความสนใจจากเจ้าของ ใบหน้างดงามนั้นซีดเผือดไร้สีเลือด สองเท้าเล็กเปล่าเปลือยที่ย่ำลงบนเศษใบไม้ใบหญ้านั้นปวดแปลบจนเริ่มชาไปหมด พยายามวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำวิ่งไล่ล่าตามมาด้านหลัง รอบกายต่างเต็มไปด้วยป่าเปลี่ยวหลังจากออกมาจากกำแพงวังหลวงได้สำเร็จ จ้าวหลี่เชี่ยนก็วิ่งต่อไปอย่างไร้ทิศทาง รู้ตัวอีกทีรอบกายก็โอบล้อมไปด้วยป่าทึบ นางวิ่งจนรู้สึกเหนื่อยหอบ เห็นได้ชัดว่าสองขาเรียวนั้นเริ่มไร้เรี่ยวแรง ในขณะที่กระแสลมที่โหมกระหน่ำมาปะทะร่างเล็กก็ช่างเป็นอุปสรรคต่อการวิ่งฝ่าไปข้างหน้า แม้ว่าแขนขาแทบไม่มีแรงวิ่ง ยิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำตามมาด้านหลัง ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆ พลันเต้นก
จ้าวหลี่เชี่ยนบัดนี้อยู่ในฐานะแขกของจวนแม่ทัพแห่งนี้ เรือนร่างงดงามในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานเดินไปเดินมาอยู่ในเรือนรับรองอย่างกระวนกระวายเพื่อรอพบกับเจ้าของจวนฐานะของอีกฝ่ายทำให้นางอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตของนางจะพบเจอกับสิ่งใดบ้าง และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอันใดถึงได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ แล้วเขารู้หรือไม่ว่านางเป็นใครสกุลเหอ ตระกูลที่ล่มสลายไปพร้อมกับราชวงศ์ก่อน คิดไม่ถึงว่ายังจะหลงเหลือทายาท อีกทั้งเขายังนำพาตระกูลกลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง นางพอจะได้ยินเรื่องราวของตระกูลเหอมาบ้างหลังจากมาอาศัยอยู่จวนตระกูลจ้าว แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากที่นางสลบไสลไม่ได้สติไปถึงสามวันเต็มๆ ตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ในจวนของผู้อื่นและที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือนางยังคงอยู่ในแคว้นต้าถัง อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับตระกูลจ้าวอีกด้วยและจากที่นางได้สอบถามกับสตรีที่เข้ามาดูแลนาง ก็ได้ทราบว่าจวนที่นางอาศัยอยู่ในตอนนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่คนใหม่ของแคว้นต้าถัง ผู้ที่ช่วยเหลือนางเอาไว้จากความตาย และแม่ทัพผู้นั้นยังเป็นผู้ที่ยึดบัลลังก์กลับคืนจากฮ่องเต้ทรราชแต่หลังจากที่นางฟื้นข
เหอไป๋เหยียน แม่ทัพหนุ่มวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบ เขาไม่ได้มีสิ่งใดต้องทำอย่างที่เอ่ยกับสตรีนางนั้น แต่กลับมาทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชนสกุลเหอเพราะรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ ในที่สุดเขาก็ทำผิดกับผู้ที่ล่วงลับ วิญญาณของบรรพบุรุษคงกำลังสาปแช่งเขา เขาจึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานอยู่เช่นนี้ ถึงแม้จะแก้แค้นทวงความยุติธรรมกลับคืนให้ตระกูลได้สำเร็จ แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเขาไม่อาจตัดใจพรากชีวิตสายเลือดของศัตรู อีกทั้งยังไม่อาจปล่อยมือจากนาง นำนางมาอยู่ข้างกาย ลุ่มหลงดังคนโง่แต่เขาก็ไม่เคยลืมความแค้นในอดีต ไม่เคยลืมความรู้สึกเจ็บปวดยามเมื่อสูญเสียคนที่รักเขาคือคุณชายรองตระกูลเหอ ตระกูลแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเมื่อแปดปีก่อนด้วยวิธีสกปรก เรื่องราวการตายของคนในครอบครัว ทุกคนที่เขารัก แทบทำให้ชายหนุ่มในตอนนั้นเจ็บปวดจนแทบเสียสติ เขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน ทุกชีวิตสังเวยให้กับการก่อกบฏในครั้งนั้นบิดาและพี่ใหญ่ของเขาเป็นนักรบที่เก่งกาจ ปกป้องนายเหนือหัวจนตัวตาย แม้ทั้งสองจะเก่งกล้าเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ บิดาและพี่ชายถูกสังหารในห้องทรงอักษรพร้อมกับอดีตฮ่องเต้และฮองเฮาผู้
"นายหญิง ท่านแม่ทัพส่งอาภรณ์มาเจ้าค่ะ"จ้าวหลี่เชี่ยนละสายตาจากภาพผีเสื้อตัวน้อยที่พากันโบยบินอย่างอิสระ ดมดอมตอมกลิ่นดอกไม้แสนสวยอย่างเพลิดเพลินจนน่าอิจฉา หันมามองเจ้าของคำพูดนั้น คำเรียกขานที่อีกฝ่ายใช้เรียกนางมันช่างฟังขัดหูเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ แต่ถึงแม้นางจะเอ่ยห้ามเช่นไรอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง กล่าวว่าในเมื่อถูกส่งมารับใช้นางก็ควรแล้วที่ต้องเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ นางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยดวงตาเศร้าหมองของหญิงสาวที่ตนต้องดูแลทำให้คนที่เดินถืออาภรณ์เข้ามาอดรู้สึกสงสารไม่ได้ลู่เจียว สตรีวัยประมาณยี่สิบปีผู้ที่คอยรับใช้หญิงสาวตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เดินเข้ามาพร้อมกับวางอาภรณ์ที่ถืออยู่ในมือลงตรงหน้าผู้ที่ต้องสวมใส่มันในคืนนี้ แม้จะรู้สึกเวทนาสงสารอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ท่านแม่ทัพแจ้งว่าอาภรณ์สำหรับใส่ในคืนนี้เจ้าค่ะ ท่านลุกขึ้นมาชำระกายก่อนเถอะนะเจ้าคะ บ่าวเตรียมน้ำเอาไว้แล้ว"คำพูดนั้นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนสะท้านในอก ในที่สุดนางก็ไร้ซึ่งทางเลือก ยอมเอาตัวเองแลกกับชีวิตบ่าวของตนและแลกกับการที่อีกฝ่ายจะตามหาแม่นม
"ถิงถิง"ลู่เจียวเอ่ยเรียกเด็กสาวผู้ที่หิ้วตะกร้าจนตัวเอียงทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามา พร้อมทั้งเดินเข้าไปรั้งให้อีกฝ่ายถอยห่างออกมาจากหน้าเรือน"พี่ลู่เจียวมีอันใดหรือเจ้าคะ"ถิงถิงเอ่ยถามสตรีที่มีท่าทางกระสับกระส่ายอีกทั้งยังมองไปทางเรือนนอนของนางด้วยสายตาประหลาดจนน่าสงสัย"ท่านแม่ทัพมาที่นี่"คำตอบที่ได้รับทำให้นางแทบจะปล่อยมือจากตะกร้าสานที่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยของกินและขนมมากมาย หากอีกฝ่ายไม่ยื่นมือมาประคองเอาไว้คาดว่าของกินเหล่านี้คงไปกองอยู่บนพื้นเป็นแน่"ทะ ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""ท่านแม่ทัพมาที่นี่"ลู่เจียวเอ่ยย้ำกับอีกฝ่าย สายตานั้นมองไปยังเรือนพักของนางและผู้เป็นนาย บ่งบอกให้ถิงถิงรู้ว่าตอนนี้คนที่ถูกกล่าวถึงกำลังอยู่ในห้องนั้นกับคุณหนูของนางลู่เจียวที่มักจะมาพูดคุยกับสองนายบ่าวอยู่เสมอ ทันได้เห็นแผ่นหลังของท่านแม่ทัพหายเข้าไปในเรือนนอนของทั้งสองหลังจากที่เห็นว่าถิงถิงเดินหายไปทางโรงครัว นางรออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นว่าท่านแม่ทัพจะกลับออกมา แต่กลับมีเสียงหนึ่งที่เล็ดลอดออกมาแทน และเสียงนั้นนางรู้ดีว่าด้านในนั้นกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น จึงตั้งใจรอถิงถิงอยู่ตรงนี้"เอ่อ ถิงถิงเช่นนั
คล้อยหลังร่างเล็กของถิงถิง ร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากมุมมืด สาวเท้าตรงไปยังห้องที่สาวใช้ตัวน้อยพึ่งจะเดินออกมา แล้วผลักประตูแทรกตัวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่ามีสตรีอีกนางหนึ่งกำลังเดินตรงมาเสียงเปิดปิดประตูทำให้คนที่หันกลับไปนั่งมองดวงจันทร์อีกครั้งหลังจากที่คนของตนผลุบหายไปโดยไม่ยอมหยุดฟังคำทัดทานมีสีหน้าฉงน นึกแปลกใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงได้กลับมาเร็วนัก เพราะโรงครัวกับเรือนหลังนี้ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กัน หรือทางจะไม่สะดวกผู้ที่ริจะเป็นแมวจอมตะกละจึงกลับมาตั้งหลักคิดได้ดังนั้นเรียวปากอวบอิ่มก็คลี่ออกจากกันเป็นรอยยิ้มขัน จ้าวหลี่เชี่ยนหันกลับมาหมายจะกล่าววาจาเย้าหยอกบ่าวของตนสักสองสามคำที่อีกฝ่ายไม่ยอมฟังกันตั้งแต่แรก แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาหาใช่คนที่ตนคิด รอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มกลับแข็งค้าง ก่อนจะหุบฉับลง ความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้างาม เมื่อคนตรงหน้าคือคนใจร้ายที่หายหน้าไป บุรุษใจทมิฬผู้เป็นเจ้าของจวนและผู้ที่กุมชะตาชีวิตของนาง"ท่านแม่ทัพ"จ้าวหลี่เชี่ยนเอ่ยเรียกคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าน้ำเสียงสั่นเครือจนสัมผัสได้ กายบอบบางลนลานลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย หัวใจของ
จ้าวหลี่เชี่ยนถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้งให้ทำงานหนัก ไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งพัก จนมือที่อ่อนนุ่มพุพองและมีบาดแผล แต่นางก็เริ่มที่จะชินเสียแล้ว ใช่ว่านางจะไม่เคยลำบากเช่นนี้มาก่อนเสียหน่อย ตู้ซูลี่ก็ไม่ต่างกับเหล่าพี่สาวของนางมากนัก จะว่าไปการมาทำงานอยู่ที่นี่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน แม้จะมีคนคอยจับตามอง แต่นางยังพอมีช่องทางที่จะสืบหาข่าวกับคนภายนอกได้บ้างและนางยังมีโอกาสที่จะหาทางหลบหนีออกไป แม้ตอนนี้นางจะยังไม่พบลู่ทางก็ตาม ส่วนเรือนบ่าวรับใช้ที่อาศัยอยู่ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายแต่ก็ยังดีที่ยังมีที่ให้ซุกหัวนอนจ้าวหลี่เชี่ยนนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะขนาดเล็กริมหน้าต่างที่กลายมาเป็นมุมโปรดของนาง สายตาจับจ้องไปยังดวงจันทราที่เคลื่อนตัวสูงขึ้น นางมาอาศัยอยู่ในเรือนบ่าวไพร่แห่งนี้ร่วมสัปดาห์แล้ว กลายเป็นบ่าวรับใช้คนใหม่ในจวนตระกูลเหอภายในห้องแคบแห่งนี้มีเพียงเตียงนอนขนาดเล็กคับแคบหนึ่งหลังที่นางกับถิงถิงต้องนอนเบียดกันในยามค่ำคืนและโต๊ะเก้าอี้อีกหนึ่งชุดเพียงเท่านั้น พื้นที่ภายในห้องเมื่อวางหีบที่เอาไว้ใช้เก็บข้าวของส่วนตัวก็มีที่ว่างให้พอได้เดินสวนกันเสียงดนตรีจากเรือนใหญ่ที่ดังแว่วมาตามสายลม ทำให้ร่างบ
"เก็บออกไปให้หมด""ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ หยุดเดี๋ยวนี้"...เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นด้านในเรือนนอน ทำให้คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน เสียงหนึ่งนั้นย่อมเป็นของลู่เจียวผู้ที่คอยดูแลนางตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในเรือนหลังนี้ ส่วนอีกเสียงหนึ่งนั้นนางมั่นใจว่าไม่เคยได้ยินเสียงของอีกฝ่ายมาก่อนจ้าวหลี่เชี่ยนวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือลง ในวันนี้นางที่ทนอุดอู้อยู่เพียงในเรือนและทนต่อความกังวลที่มีต่อเรื่องแม่นมผิงไม่ไหวจึงนำผ้าเช็ดหน้าออกมาปักอยู่ในสวนด้านหลังเรือนเพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบ สายตานั้นจับจ้องไปยังที่มาของเสียง นางไม่รู้ว่าด้านในนั้นกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น เรือนที่มักจะเงียบเหงาอยู่เสมอบัดนี้มีผู้ใดมาเยือนกันเมื่อก้าวเข้าไปด้านหน้าเรือนเพื่อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าของนางคือความวุ่นวายภายในห้องนอนของนางที่ดูคับแคบลงถนัดตาเมื่อมีสตรีนับสิบนางอยู่ในนั้นสตรีผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามกำลังสั่งให้บ่าวไพร่สตรีสองนางขนข้าวของเครื่องใช้ของนางออกมาจากเรือนนอน และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือบ่าวสตรีอีกสองนางที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำลังจับตัวถิงถิงคนของนางกดเอาไว้กับพื้นไม่ให้เข้าไ
ความรู้สึกปวดร้าวตามร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมา โดยเฉพาะส่วนสงวนกลางร่าง ทำให้ริมฝีปากอิ่มที่ยังคงบวมช้ำหลุดเสียงร้องออกมาแผ่วเบาจ้าวหลี่เชี่ยนขยับกายบอบบางได้อย่างยากลำบากจนนางไม่อยากที่จะลุกขึ้น ข้างกายนั้นไร้เงาของบุรุษผู้ที่ลงทัณฑ์นางอย่างเอาแต่ใจเมื่อคืนนี้ ความเย็นชืดที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าคนผู้นั้นได้ลุกจากไปนานแล้ว หรือเขาอาจจะออกไปทันทีหลังจากที่ตักตวงความหอมหวานจากนางจนพอใจ เหลือทิ้งเอาไว้เพียงร่องรอยความบอบช้ำบนร่างกายและความเหนอะหนะจากคราบความใคร่ผสมกลิ่นกายของเขาที่ยังตลบอบอวลริมฝีปากแดงช้ำเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อรู้สึกได้ว่าขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้น ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง น้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังเข้ามาให้รู้สึกหนาวเหน็บจนต้องกระชับผ้าห่มคลุมกายจนแน่น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเลย"คุณหนู คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"เสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนระคนห่วงใย พร้อมกับเจ้าของคำถามนั้นปราดเข้ามากุมมืออ่อนนุ่มของนางเอาไว้ นั่นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนลืมเลือนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทั้งจากทางร่างกายและจิตใจไปชั่วขณะ"ถิงถิง"เพราะสตรีเบื้องหน้าคือบ่า
ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างงามระหงเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยที่ริมฝีปากนั้นไม่ละไปจากใบหน้างาม เขายังคงจูบซับไปทั่วราวกับหลงใหลนางนักหนา สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว อยากจะให้ความรู้สึกอ่อนหวานอยู่เช่นนี้ตลอดไปเขาโอบอุ้มนางลงไปในถังน้ำด้วยกัน สายน้ำอุ่นที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้โอบล้อมไปรอบกายของคนทั้งสอง ความใกล้ชิดในบรรยากาศเช่นนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม ปรารถนาที่จะแนบชิดกันให้มากขึ้นฝ่ามือหนาหยาบลูบไล้ไปตามเรือนร่างงามที่เปียกน้ำ ความงดงามที่เขาปรารถนาจะครอบครองมาตลอด เนื้อผ้าบางเบาแนบลู่ไปกับร่างงาม สัดส่วนเย้ายวนปรากฏสู่สายตาชายหนุ่ม หน้าอกอวบอิ่มนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือเหมาะเจาะลงตัวกับเอวเล็กคอดกิ่วรับกับสะโพกผายเต่งตึงกลมงอน ทั้งเนื้อทั้งตัวนุ่มละมุนหอมกรุ่น ผิวพรรณขาวนวลเนียนผุดผ่อง ไม่ปฏิเสธเลยว่า เขาหลงใหลในเรือนร่างนี้ตั้งแต่ที่ช่วยนางขึ้นจากน้ำเมื่อครั้งที่นางถูกพี่สาวต่างมารดากลั่นแกล้ง เรือนร่างสะโอดสะองติดอยู่ในความทรงจำติดตรึงอยู่ภายในใจตลอดมา และตอนนี้เรือนกายที่น่าหลงใหลนั้นกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า อยู่ในอ้อมแขนของเขาและกำลังรอให้เขาเชยชมเหอไป๋เหยียนไ
จ้าวหลี่เชี่ยนก้าวขาที่สั่นเทาพาเรือนร่างเย้ายวนในอาภรณ์เปิดเปลือยเดินเข้าไปหาบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้ที่ใช้สายตาจ้องมองนางราวกับจะกลืนกิน นางรู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น เขาไม่คิดจะปล่อยนางแน่อาการวูบๆ วาบๆ บางเบาที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้ คงเป็นเพราะน้ำชาที่ลู่เจียวส่งให้นางดื่ม มันคงมียาปลุกกำหนัดผสมอยู่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอีกฝ่าย เพราะนางรู้ดีว่าลู่เจียวหาได้ไม่หวังดีกับนาง จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นหาได้รุนแรง มันคงเป็นเพียงยาปลุกกำหนัดฤทธิ์อ่อนเท่านั้น และมันช่วยให้นางรู้สึกดีอีกด้วย นางเป็นเพียงดรุณีน้อยวัยสิบหก การต้องรับมือกับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและเขายังมีอายุเยอะกว่านางกว่าหนึ่งรอบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ในเมื่อไร้ซึ่งทางเลือก จึงข่มกลั้นความกระดากอายและความหวาดหวั่น เดินเข้าหาเจ้าของเรือนกายทรงพลังไอร้อนผ่าวจากเรือนร่างกำยำเข้าโอบล้อมนางทันทีที่เข้าใกล้ ทำให้ร่างกายนางนั้นสั่นสะท้าน เมื่อมายืนชิดใกล้กับอีกฝ่ายเช่นนี้ยิ่งเห็นว่าเขานั้นตัวสูงใหญ่กว่านางมากนัก นั่นทำให้นางอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ดวงตาเจ้าเล่ห์หวานเชื่
"นายหญิง ท่านแม่ทัพส่งอาภรณ์มาเจ้าค่ะ"จ้าวหลี่เชี่ยนละสายตาจากภาพผีเสื้อตัวน้อยที่พากันโบยบินอย่างอิสระ ดมดอมตอมกลิ่นดอกไม้แสนสวยอย่างเพลิดเพลินจนน่าอิจฉา หันมามองเจ้าของคำพูดนั้น คำเรียกขานที่อีกฝ่ายใช้เรียกนางมันช่างฟังขัดหูเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ แต่ถึงแม้นางจะเอ่ยห้ามเช่นไรอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง กล่าวว่าในเมื่อถูกส่งมารับใช้นางก็ควรแล้วที่ต้องเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ นางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยดวงตาเศร้าหมองของหญิงสาวที่ตนต้องดูแลทำให้คนที่เดินถืออาภรณ์เข้ามาอดรู้สึกสงสารไม่ได้ลู่เจียว สตรีวัยประมาณยี่สิบปีผู้ที่คอยรับใช้หญิงสาวตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เดินเข้ามาพร้อมกับวางอาภรณ์ที่ถืออยู่ในมือลงตรงหน้าผู้ที่ต้องสวมใส่มันในคืนนี้ แม้จะรู้สึกเวทนาสงสารอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ท่านแม่ทัพแจ้งว่าอาภรณ์สำหรับใส่ในคืนนี้เจ้าค่ะ ท่านลุกขึ้นมาชำระกายก่อนเถอะนะเจ้าคะ บ่าวเตรียมน้ำเอาไว้แล้ว"คำพูดนั้นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนสะท้านในอก ในที่สุดนางก็ไร้ซึ่งทางเลือก ยอมเอาตัวเองแลกกับชีวิตบ่าวของตนและแลกกับการที่อีกฝ่ายจะตามหาแม่นม
เหอไป๋เหยียน แม่ทัพหนุ่มวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบ เขาไม่ได้มีสิ่งใดต้องทำอย่างที่เอ่ยกับสตรีนางนั้น แต่กลับมาทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชนสกุลเหอเพราะรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ ในที่สุดเขาก็ทำผิดกับผู้ที่ล่วงลับ วิญญาณของบรรพบุรุษคงกำลังสาปแช่งเขา เขาจึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานอยู่เช่นนี้ ถึงแม้จะแก้แค้นทวงความยุติธรรมกลับคืนให้ตระกูลได้สำเร็จ แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเขาไม่อาจตัดใจพรากชีวิตสายเลือดของศัตรู อีกทั้งยังไม่อาจปล่อยมือจากนาง นำนางมาอยู่ข้างกาย ลุ่มหลงดังคนโง่แต่เขาก็ไม่เคยลืมความแค้นในอดีต ไม่เคยลืมความรู้สึกเจ็บปวดยามเมื่อสูญเสียคนที่รักเขาคือคุณชายรองตระกูลเหอ ตระกูลแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเมื่อแปดปีก่อนด้วยวิธีสกปรก เรื่องราวการตายของคนในครอบครัว ทุกคนที่เขารัก แทบทำให้ชายหนุ่มในตอนนั้นเจ็บปวดจนแทบเสียสติ เขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน ทุกชีวิตสังเวยให้กับการก่อกบฏในครั้งนั้นบิดาและพี่ใหญ่ของเขาเป็นนักรบที่เก่งกาจ ปกป้องนายเหนือหัวจนตัวตาย แม้ทั้งสองจะเก่งกล้าเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ บิดาและพี่ชายถูกสังหารในห้องทรงอักษรพร้อมกับอดีตฮ่องเต้และฮองเฮาผู้