จ้าวหลี่เชี่ยนวิ่งฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ไม่สนใจว่ามันอาจจะทำให้นางล้มป่วย นางขอเพียงแค่ไปให้พ้นจากคนผู้นั้นโดยเร็วที่สุดก็พอแล้ว
หัวใจของนางเจ็บปวดและบอบช้ำอย่างหนัก นางรู้สึกสับสนไปหมด ไม่อาจที่จะสลัดคนผู้นั้นออกจากความคิดได้เลย
ฝ่ามือเล็กกอบกุมหัวใจที่ปวดร้าวจนเจ็บแน่น นางไม่อาจทนแบกรับความผิดหวังและเสียใจนั้นได้ไหว เพียงก้าวเข้ามาในเรือน ร่างบอบบางก็อ่อนปวกเปียกทรุดฮวบลงกับพื้นรอบกายมืดมนไปหมด นางหมดสติไปด้วยความโศกเศร้าที่ท่วมท้นหยาดน้ำตายังคงนองใบหน้า
เมื่อฟื้นคืนสติจ้าวหลี่เชี่ยนพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในเรือนของนางเอง แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นเสียงที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียกนางพร้อมกับสัมผัสอบอุ่นเข้ามากอบกุมมือของนางเอาไว้
"คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ"
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วไหลออกมาอีกครั้ง ความรักความห่วงใยและร่องรอยความโศกเศร้าในดวงตาของอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกผิด
"แม่นมผิง ข้าขอโทษเจ้าค่ะที่ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจ"
จ้าวหลี่เชี่ยนลุกขึ้นนั่งตามการประคองของสตรีที่ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความเหนื่อยล้า ใบหน้าซีดขาวนั้นดูหม่นหมอง นั่นยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกผิด จึงโผเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นที่นางใช้เป็นที่พักพิงเสมอยามรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแอและโดดเดี่ยว
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนู ท่านอย่าได้คิดมากนะเจ้าคะ ขอให้ท่านรู้เอาไว้ว่าท่านไม่ได้อยู่เพียงผู้เดียว ท่านยังมีบ่าวและถิงถิง ไม่ว่าอย่างไรบ่าวคนนี้ก็จะอยู่ข้างกายคุณหนูเสมอ"
แม่นมผิงโอบกอดผู้เป็นนายเอาไว้แน่น น้ำตาของอีกฝ่ายทำให้นางปวดใจ ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างต้องการปลอบประโลม เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าคุณหนูของนางนั้นเจ็บปวดเพียงใดกับความรักที่ไม่สมหวัง ความรักมันช่างมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกิน ทำร้ายและทำลายคนที่นางรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างสั่นเทาในอ้อมแขนของนางในตอนนี้ไม่ต่างกับผู้เป็นมารดาในอดีต เพราะเหตุใดกันนะดวงใจของนางทั้งสองจึงถูกคำว่ารักทำร้ายอยู่เสมอ สวรรค์ลิขิตให้อาภัพในรักหรืออย่างไร
"ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณจริงๆ"
เมื่อร้องไห้จนพอใจจึงได้เอ่ยออกมา เสียงของนางแทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ในขณะนั้นที่นางรู้สึกหมดสิ้นความหวัง ทำให้นางหลงลืมว่ายังมีคนที่รักและห่วงใยนาง นางช่างเห็นแก่ตัวที่ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองทำร้ายคนที่รักและหวังดีกับนางที่สุด
เมื่อจิตใจสงบลงนางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบุรุษผู้นั้น คิดทบทวนถึงความโง่เขลาของตัวเอง หากมองย้อนกลับไปถึงความสัมพันธ์ของนางกับเขา นางก็ตระหนักว่านางพยายามเพิกเฉยกับการกระทำน่าสงสัยบางอย่างของเขา นางเลือกที่จะมองข้ามความจริงระหว่างคนผู้นั้นกับพี่สาวของนาง เป็นนางที่พยายามหลอกตัวเองมาตลอด โดยหวังว่าความรักที่นางมีต่อเขาจะเพียงพอที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆได้ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถปฏิเสธความจริงนั้นได้อีกต่อไป
จ้าวหลี่เชี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก นางไม่ต้องการรักคนผู้นั้นอีก นางจะต้องเกลียดเขา เกลียดเขาที่โกหกหลอกลวงนาง และเกลียดเขาที่ทำให้นางเชื่อในความรักที่ไม่เคยมีอยู่จริง เกลียดเขาที่ทรยศความรักของนาง
นางบอกตัวเองว่าจะไม่มีวันยกโทษให้คนผู้นั้น นางจะทิ้งความทรงจำเกี่ยวกับความรักที่มีต่อเขา นางควรจะเลิกโศกเศร้าเสียใจกับการหลอกลวงของคนผู้หนึ่งเสียที สักวันหนึ่งความเจ็บปวดเหล่านี้จะต้องทุเลาลงและนางจะลืมมันได้ในที่สุด ชีวิตของนางยังคงต้องเดินต่อไป นางยังมีสิ่งให้ต้องกังวลมากกว่าเจ็บปวดอยู่กับคนที่ไร้ใจ
"คุณหนู"
ถิงถิงเอ่ยเรียกผู้เป็นนายอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกตัวแล้ว เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำแกงที่มีควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เข้ามานั่งลงข้างๆ คนทั้งสอง
"บ่าวคิดว่าคุณหนูตื่นขึ้นมาคงจะหิวจึงต้มน้ำแกงมาให้เจ้าค่ะ"
"ขอบใจนะถิงถิง"
จ้าวหลี่เชี่ยนรับน้ำแกงถ้วยนั้นมาดื่มจนหมด เห็นอีกฝ่ายนำห่อผ้าออกมาจากใต้เตียงนั่นทำให้นางมองอย่างไม่เข้าใจ
"คุณหนูหนีออกไปจากที่นี่กันเถอะนะเจ้าคะ"
คำพูดนั้นของถิงถิงทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนตกตะลึง หันไปมองสตรีอีกนางที่เลี้ยงดูพวกนางมา อีกฝ่ายนั้นคล้ายจะรอคำตอบจากนางอยู่เช่นกัน
ความเจ็บปวดในดวงตาของผู้เป็นนาย ท่าทางราวกับไร้ชีวิตนั้นสร้างความเจ็บปวดให้บ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองเสียยิ่งกว่า พวกนางจึงคิดที่จะพาผู้เป็นนายหนีออกไปจากที่นี่และพวกนางได้วางแผนการหลบหนีเอาไว้แล้ว
"แม่นมผิงแต่ท่านกำลังไม่สบายนะเจ้าคะ"
จ้าวหลี่เชี่ยนเอ่ยออกมาอย่างกังวล การที่จะหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"บ่าวยังไหวเจ้าค่ะคุณหนู ไปจากที่นี่กันเถอะนะเจ้าคะ"
น้ำเสียงอ่อนโยนและมั่นใจเอ่ยบอกผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ
แม่นมผิงผู้ที่ไร้ปากเสียงมาตลอด นางก้มหน้าก้มตาเลี้ยงดูคุณหนูผู้เป็นดวงใจโดยไม่เคยปริปากเอ่ยถึงเรื่องที่อยู่ภายในใจนับหมื่นล้านคำ แต่ตอนนี้นางไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป นางยอมไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าให้ผู้เป็นที่รักของนางต้องตกนรกทั้งเป็น
การที่เด็กสาวผู้หนึ่งต้องแต่งเป็นภรรยาของชายแก่อีกทั้งยังไร้ซึ่งความรัก มันต้องรู้สึกทุกทรมานมากมายเพียงใด การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รักมันคือการมีชีวิตอยู่ที่เจ็บปวดที่สุด ซึ่งนางเคยเห็นมันมาแล้วกับตาตัวเอง นางจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้คนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้ผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยมเพียงใด อีกทั้งเขาเป็นผู้ที่คุณหนูของนางไม่ควรที่จะยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุด คนผู้นั้นบ้าไปแล้วจึงคิดจะส่งคุณหนูไปที่นั่น
"แล้วท่านพ่อเล่าเจ้าคะ หากข้าหนีไปทุกคนในตระกูลจ้าวจะต้องเดือดร้อน การขัดราชโองการอาจมีโทษถึงประหารชีวิต"
ดูเอาเถอะ แม้จะถูกทำร้ายจิตจนถึงขนาดนี้ คุณหนูของนางก็ยังคงกังวลและห่วงใยคนเหล่านั้น ทั้งที่คนผู้นั้นไม่เคยมองเห็นค่า ทั้งกำลังจะส่งตนเองไปยังขุมนรก คุณหนูของนางช่างมีชีวิตที่น่าเวทนาเหลือเกิน
"คุณหนูฟังบ่าวนะเจ้าคะ ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นต้องให้ค่าเลยด้วยซ้ำ เชื่อบ่าวนะเจ้าคะ ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด"
แววตาของหญิงชราเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่นางมองแล้วรู้สึกหวาดหวั่น ความกลัวสายหนึ่งแล่นขึ้นมากลางใจ มีเรื่องหนึ่งที่รบกวนจิตใจนางมาตลอด
"แม่นมผิง ท่านต้องการจะบอกอะไรข้ากันแน่ ท่านมีบางอย่างปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่"
"เรื่องบางเรื่องเราไม่รู้เป็นดีที่สุด แต่หากเป็นลิขิตสวรรค์สักวันหนึ่งคุณหนูก็จะรู้ แต่ตอนนี้คุณหนูเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ หนีไปให้พ้นจากที่นี่"
เมื่อท้องฟ้าภายนอกมืดมิดไปแล้ว แสงสว่างเดียวในห้องมาจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากดับตะเกียงสตรีทั้งสามที่เวลานี้ควรจะเข้านอนกลับยังนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมกลางห้อง พวกนางคิดจะหนีออกจากที่นี่ในคืนนี้หลังจากที่รวบรวมของมีค่าได้จำนวนหนึ่ง
หากยังชักช้าคงจะไม่ทันการณ์พวกนางต้องหนีก่อนที่ราชโองการจะมาถึง
ไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสาม พวกนางนั่งรอเวลาด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ จนกระทั่งเวลาล่วงถึงยามจื่อ(23.00-24.59) เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในจวนหลับสนิท จึงได้ลอบออกจากเรือนเหลียนฮวาอย่างเงียบเชียบ เดินเรียบไปตามกำแพงซึ่งมีประตูเล็กซ่อนอยู่ โดยใช้แสงจันทร์นำทาง ใช้ความมืดของเงาต้นไม้กำบังกาย
ทั้งสามรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวแรงอยู่ในอก สายตากวาดมองรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง ทุกฝีก้าวเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หากก้าวผิดครั้งเดียวก็จะถูกจับได้ นั่นหมายถึงชีวิตของพวกนางต้องมืดดับลง มือเย็นเฉียบจับกันเอาไว้แน่น
จนในที่สุดก็สามารถมาถึงประตูเล็กด้านหลังจวน ทั้งสามมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความยินดี แต่ทันทีที่เปิดประตูบานนั้นร่างกายของพวกนางก็แข็งทื่อ ผู้ที่พวกนางพยายามหลีกหนีและไม่อยากเจอที่สุดกลับมายืนอยู่ตรงหน้านั่นทำให้ทั้งสามรู้สึกถึงความสิ้นหวัง
เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ก็เข้าจับตัวพวกนางเอาไว้
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าพวกนางกำลังจะหนี
เสนาบดีจ้าวจ่งชิวผู้เป็นบิดาจ้องมองนางด้วยใบหน้าถมึงทึง หากสามารถฆ่านางได้เขาคงลงมือโดยไม่ลังเล ด้านหลังของผู้เป็นบิดานั้นคือ คุณหนูใหญ่จ้าวเสวี่ยเฟย ที่กำลังใช้สายตามองนางอย่างเยาะหยัน
อิสระที่โหยหาและชีวิตของพวกนางจบสิ้นลงแล้ว
"นำตัวคุณหนูสามกลับเรือน แล้วเฝ้าเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา มดปลวกแม้แต่ตัวเดียวก็อย่าให้เล็ดลอดเข้าไปได้"
"ไม่นะ ปล่อยคุณหนูไป จ้าวจ่งชิว หากเจ้าไม่รักษาสัญญาเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าหากข้าจะไม่รักษาสัญญาเช่นกัน"
แม่นมผิงตวาดใส่ผู้มีอำนาจอย่างเกรี้ยวกราด นางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เพี๊ยะ!!!
"นังบ่าวสารเลว คิดจะขู่ข้าเช่นนั้นรึ"
ร่างชราของแม่นมผิงล้มลงทันทีหลังจากที่เสนาบดีจ้าวปราดเข้ามาตบหน้านางอย่างแรง นั่นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนตื่นตะลึงแล้วกรีดร้องออกมาเสียงสั่น
"ท่านพ่อ แม่นมผิง อย่าเจ้าค่ะท่านพ่อ อย่าทำร้ายนาง ได้โปรด ลูกยอมแล้วเจ้าค่ะ ลูกยินยอมแล้ว"
"คุณหนู ไม่นะเจ้าคะ"
ถิงถิงแม้จะพยายามดิ้นรนออกจากการจับกุม แต่ก็ไม่อาจที่จะทำได้ จึงได้แต่ส่ายหน้านองน้ำตา
"ลากตัวบ่าวสารเลวสองคนนี้ไปโบยให้ตาย"
เสนาบดีจ้าวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทั้งที่เขาอยากจะฟาดฟันมันให้ตายเสียตรงนี้ แต่เขายังต้องใช้ประโยชน์จากพวกมันทั้งสอง
"ท่านพ่อได้โปรดปล่อยพวกเขาไปเถอะนะเจ้าคะ เป็นลูกที่ผิดเอง เป็นลูกที่ให้พวกนางพาหนี โปรดละเว้นพวกนางแล้วลูกจะทำตามคำสั่งท่านทุกอย่าง"
ใบหน้าบุรุษวัยสามสิบแปดที่ยังคงหล่อเหลายกยิ้มขึ้นเมื่อทุกอย่างเป็นดั่งใจคิด หันมาเอ่ยกับเด็กสาวที่กำลังร้องขอความเมตตาต่อเขาอย่างอ่อนโยน
"ได้สิพามันทั้งสองไปขังเอาไว้ก่อน"
"ไม่นะเจ้าคะคุณหนู ไม่นะเจ้าคะ"
แล้วค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและวุ่นวายก็ผ่านพ้นไป แสงสว่างแห่งเช้าวันใหม่กำลังจะมาเยือน แต่แสงสว่างในชีวิตของเด็กสาวผู้หนึ่งกลับมืดมนและริบหรี่ลงจนแทบมองไม่เห็นปลายทาง
ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของจ้าวหลี่เชี่ยนในจวนตระกูลจ้าวเป็นเสียยิ่งกว่านักโทษ นางถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนเหลียนฮวาไม่ให้พบผู้ใด รอวันที่ราชโองการมาถึงนางก็จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวงทันทีวันนี้นางได้ย่างเท้าออกจากเรือนเหลียนฮวาเป็นครั้งแรก เนื่องจากฮูหยินเฒ่ารู้สึกเวทนาจึงเรียกให้มาสนทนาและรับประทานอาหารร่วมกันที่เรือนใหญ่ นางจึงได้รู้ว่าแม่นมผิงนั้นยังถูกกักขังส่วนถิงถิงนั้นถูกขายออกไป นั่นจึงทำให้นางรู้สึกเศร้าโศกและเป็นกังวล จึงได้ลอบให้บ่าวที่เป็นคนของมารดาตามหาถิงถิงวันนี้ทั้งวันจ้าวหลี่เชี่ยนยังคงคอยปรนนิบัติดูแลฮูหยินเฒ่า และอีกฝ่ายนั้นเกิดอยากจะกินแกงไหลบัวขึ้นมา ถงฮูหยิน ฮูหยินใหญ่ตระกูลจ้าวลูกสะใภ้ผู้กตัญญูจึงโยนหน้าที่นั้นให้นางและบุตรสาวของตน โดยให้เหตุผลว่าหากนางได้ทำอะไรเสียบ้างนางจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งแน่นอนจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งนาง ถึงแม้ว่าพอจะทำใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นงานกันรุนแรงถึงเพียงนี้คุณหนูใหญ่จ้าวเสวี่ยเฟย ผู้เป็นพี่สาวนั้นเกลียดชังนางไม่ต่างจากฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดา หากมีโอกาสย่อมไม่พลาดที่จะกลั่นแกล้งให้นางต้องเจ็บตัว
วังหลวงดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ในวันนี้ดูอู้ฟู่งดงามตระการตาขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะวันนี้มีพิธีการอันยิ่งใหญ่คือการสถาปนาฮองเฮาของแผ่นดินพระองค์ใหม่ หลังจากที่บัลลังก์หงส์ว่างเว้นมานาน ในที่สุดก็มีสตรีที่สามารถกุมพระทัยผู้ครองแคว้นแม้วังหลังจะเต็มไปด้วยเหล่าสนมและหญิงงามมากมายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา แต่สตรีเหล่านั้นกลับมิได้ถูกเลือก ไม่อาจที่จะได้ครอบครองบัลลังก์หงส์ แต่สตรีที่จะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดอยู่เหนือสตรีทั้งปวงกลับเป็นเพียงสตรีเยาว์วัยนางหนึ่งสตรีโฉมงามวัยเพียงสิบหกปี สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามปานล่มเมือง นางคือฮองเฮาพระองค์ใหม่องค์ที่สองในรัชศกนี้คันฉ่องทองคำบานใหญ่สูงจรดเพดาน สะท้อนให้เห็นเงาร่างของสตรีผู้มีความงามพิสุทธิ์ งดงามเย้ายวนราวกับนางจิ้งจอก เรือนร่างสะโอดสะองอยู่ในชุดอาภรณ์ล้ำค่าควรเมือง อาภรณ์ที่ถูกตัดเย็บขึ้นมาอย่างประณีตชุดตัวในคือผ้าไหมเรียบลื่นสีแดงสด ผ้าไหมที่ต้องใช้เวลาถึงสิบปีถึงจะได้เส้นไหมเพียงพอมาถักทอเป็นผืนผ้าขึ้นมาได้หนึ่งผืน อาภรณ์ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายเมื่อได้สวมใส่ บัดนี้ห่อหุ้มอยู่บนเรือนร่างอวบอิ่มขาวนวลเนียนราวกับน้ำนม คลุมทับด้วยชุดพระ
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำในป่าทึบแสนวังเวงและน่ากลัว เสียงร้องของสัตว์น้อยใหญ่ในป่าดังกึกก้อง มองไปเบื้องหน้ามีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปเสียหมด ร่างบอบบางของสตรีในอาภรณ์สีแดงล้ำค่า แต่ทว่าตอนนี้กลับขาดวิ่นจนไม่เหลือชิ้นดี อาภรณ์แสนงามเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างเย้ายวน เส้นผมดำขลับนุ่มสลวยที่ได้รับการจัดแต่งอย่างงดงามหลุดลุ่ยมาปรกใบหน้านวลจนมองดูยุ่งเหยิง แต่กลับมิได้รับความสนใจจากเจ้าของ ใบหน้างดงามนั้นซีดเผือดไร้สีเลือด สองเท้าเล็กเปล่าเปลือยที่ย่ำลงบนเศษใบไม้ใบหญ้านั้นปวดแปลบจนเริ่มชาไปหมด พยายามวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำวิ่งไล่ล่าตามมาด้านหลัง รอบกายต่างเต็มไปด้วยป่าเปลี่ยวหลังจากออกมาจากกำแพงวังหลวงได้สำเร็จ จ้าวหลี่เชี่ยนก็วิ่งต่อไปอย่างไร้ทิศทาง รู้ตัวอีกทีรอบกายก็โอบล้อมไปด้วยป่าทึบ นางวิ่งจนรู้สึกเหนื่อยหอบ เห็นได้ชัดว่าสองขาเรียวนั้นเริ่มไร้เรี่ยวแรง ในขณะที่กระแสลมที่โหมกระหน่ำมาปะทะร่างเล็กก็ช่างเป็นอุปสรรคต่อการวิ่งฝ่าไปข้างหน้า แม้ว่าแขนขาแทบไม่มีแรงวิ่ง ยิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำตามมาด้านหลัง ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆ พลันเต้นก
จ้าวหลี่เชี่ยนบัดนี้อยู่ในฐานะแขกของจวนแม่ทัพแห่งนี้ เรือนร่างงดงามในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานเดินไปเดินมาอยู่ในเรือนรับรองอย่างกระวนกระวายเพื่อรอพบกับเจ้าของจวนฐานะของอีกฝ่ายทำให้นางอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตของนางจะพบเจอกับสิ่งใดบ้าง และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอันใดถึงได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ แล้วเขารู้หรือไม่ว่านางเป็นใครสกุลเหอ ตระกูลที่ล่มสลายไปพร้อมกับราชวงศ์ก่อน คิดไม่ถึงว่ายังจะหลงเหลือทายาท อีกทั้งเขายังนำพาตระกูลกลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง นางพอจะได้ยินเรื่องราวของตระกูลเหอมาบ้างหลังจากมาอาศัยอยู่จวนตระกูลจ้าว แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากที่นางสลบไสลไม่ได้สติไปถึงสามวันเต็มๆ ตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ในจวนของผู้อื่นและที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือนางยังคงอยู่ในแคว้นต้าถัง อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับตระกูลจ้าวอีกด้วยและจากที่นางได้สอบถามกับสตรีที่เข้ามาดูแลนาง ก็ได้ทราบว่าจวนที่นางอาศัยอยู่ในตอนนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่คนใหม่ของแคว้นต้าถัง ผู้ที่ช่วยเหลือนางเอาไว้จากความตาย และแม่ทัพผู้นั้นยังเป็นผู้ที่ยึดบัลลังก์กลับคืนจากฮ่องเต้ทรราชแต่หลังจากที่นางฟื้นข
เหอไป๋เหยียน แม่ทัพหนุ่มวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบ เขาไม่ได้มีสิ่งใดต้องทำอย่างที่เอ่ยกับสตรีนางนั้น แต่กลับมาทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชนสกุลเหอเพราะรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ ในที่สุดเขาก็ทำผิดกับผู้ที่ล่วงลับ วิญญาณของบรรพบุรุษคงกำลังสาปแช่งเขา เขาจึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานอยู่เช่นนี้ ถึงแม้จะแก้แค้นทวงความยุติธรรมกลับคืนให้ตระกูลได้สำเร็จ แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเขาไม่อาจตัดใจพรากชีวิตสายเลือดของศัตรู อีกทั้งยังไม่อาจปล่อยมือจากนาง นำนางมาอยู่ข้างกาย ลุ่มหลงดังคนโง่แต่เขาก็ไม่เคยลืมความแค้นในอดีต ไม่เคยลืมความรู้สึกเจ็บปวดยามเมื่อสูญเสียคนที่รักเขาคือคุณชายรองตระกูลเหอ ตระกูลแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเมื่อแปดปีก่อนด้วยวิธีสกปรก เรื่องราวการตายของคนในครอบครัว ทุกคนที่เขารัก แทบทำให้ชายหนุ่มในตอนนั้นเจ็บปวดจนแทบเสียสติ เขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน ทุกชีวิตสังเวยให้กับการก่อกบฏในครั้งนั้นบิดาและพี่ใหญ่ของเขาเป็นนักรบที่เก่งกาจ ปกป้องนายเหนือหัวจนตัวตาย แม้ทั้งสองจะเก่งกล้าเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ บิดาและพี่ชายถูกสังหารในห้องทรงอักษรพร้อมกับอดีตฮ่องเต้และฮองเฮาผู้
"นายหญิง ท่านแม่ทัพส่งอาภรณ์มาเจ้าค่ะ"จ้าวหลี่เชี่ยนละสายตาจากภาพผีเสื้อตัวน้อยที่พากันโบยบินอย่างอิสระ ดมดอมตอมกลิ่นดอกไม้แสนสวยอย่างเพลิดเพลินจนน่าอิจฉา หันมามองเจ้าของคำพูดนั้น คำเรียกขานที่อีกฝ่ายใช้เรียกนางมันช่างฟังขัดหูเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ แต่ถึงแม้นางจะเอ่ยห้ามเช่นไรอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง กล่าวว่าในเมื่อถูกส่งมารับใช้นางก็ควรแล้วที่ต้องเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ นางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยดวงตาเศร้าหมองของหญิงสาวที่ตนต้องดูแลทำให้คนที่เดินถืออาภรณ์เข้ามาอดรู้สึกสงสารไม่ได้ลู่เจียว สตรีวัยประมาณยี่สิบปีผู้ที่คอยรับใช้หญิงสาวตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เดินเข้ามาพร้อมกับวางอาภรณ์ที่ถืออยู่ในมือลงตรงหน้าผู้ที่ต้องสวมใส่มันในคืนนี้ แม้จะรู้สึกเวทนาสงสารอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ท่านแม่ทัพแจ้งว่าอาภรณ์สำหรับใส่ในคืนนี้เจ้าค่ะ ท่านลุกขึ้นมาชำระกายก่อนเถอะนะเจ้าคะ บ่าวเตรียมน้ำเอาไว้แล้ว"คำพูดนั้นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนสะท้านในอก ในที่สุดนางก็ไร้ซึ่งทางเลือก ยอมเอาตัวเองแลกกับชีวิตบ่าวของตนและแลกกับการที่อีกฝ่ายจะตามหาแม่นม
จ้าวหลี่เชี่ยนก้าวขาที่สั่นเทาพาเรือนร่างเย้ายวนในอาภรณ์เปิดเปลือยเดินเข้าไปหาบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้ที่ใช้สายตาจ้องมองนางราวกับจะกลืนกิน นางรู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น เขาไม่คิดจะปล่อยนางแน่อาการวูบๆ วาบๆ บางเบาที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้ คงเป็นเพราะน้ำชาที่ลู่เจียวส่งให้นางดื่ม มันคงมียาปลุกกำหนัดผสมอยู่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอีกฝ่าย เพราะนางรู้ดีว่าลู่เจียวหาได้ไม่หวังดีกับนาง จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นหาได้รุนแรง มันคงเป็นเพียงยาปลุกกำหนัดฤทธิ์อ่อนเท่านั้น และมันช่วยให้นางรู้สึกดีอีกด้วย นางเป็นเพียงดรุณีน้อยวัยสิบหก การต้องรับมือกับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและเขายังมีอายุเยอะกว่านางกว่าหนึ่งรอบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ในเมื่อไร้ซึ่งทางเลือก จึงข่มกลั้นความกระดากอายและความหวาดหวั่น เดินเข้าหาเจ้าของเรือนกายทรงพลังไอร้อนผ่าวจากเรือนร่างกำยำเข้าโอบล้อมนางทันทีที่เข้าใกล้ ทำให้ร่างกายนางนั้นสั่นสะท้าน เมื่อมายืนชิดใกล้กับอีกฝ่ายเช่นนี้ยิ่งเห็นว่าเขานั้นตัวสูงใหญ่กว่านางมากนัก นั่นทำให้นางอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ดวงตาเจ้าเล่ห์หวานเชื่
ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างงามระหงเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยที่ริมฝีปากนั้นไม่ละไปจากใบหน้างาม เขายังคงจูบซับไปทั่วราวกับหลงใหลนางนักหนา สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว อยากจะให้ความรู้สึกอ่อนหวานอยู่เช่นนี้ตลอดไปเขาโอบอุ้มนางลงไปในถังน้ำด้วยกัน สายน้ำอุ่นที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้โอบล้อมไปรอบกายของคนทั้งสอง ความใกล้ชิดในบรรยากาศเช่นนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม ปรารถนาที่จะแนบชิดกันให้มากขึ้นฝ่ามือหนาหยาบลูบไล้ไปตามเรือนร่างงามที่เปียกน้ำ ความงดงามที่เขาปรารถนาจะครอบครองมาตลอด เนื้อผ้าบางเบาแนบลู่ไปกับร่างงาม สัดส่วนเย้ายวนปรากฏสู่สายตาชายหนุ่ม หน้าอกอวบอิ่มนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือเหมาะเจาะลงตัวกับเอวเล็กคอดกิ่วรับกับสะโพกผายเต่งตึงกลมงอน ทั้งเนื้อทั้งตัวนุ่มละมุนหอมกรุ่น ผิวพรรณขาวนวลเนียนผุดผ่อง ไม่ปฏิเสธเลยว่า เขาหลงใหลในเรือนร่างนี้ตั้งแต่ที่ช่วยนางขึ้นจากน้ำเมื่อครั้งที่นางถูกพี่สาวต่างมารดากลั่นแกล้ง เรือนร่างสะโอดสะองติดอยู่ในความทรงจำติดตรึงอยู่ภายในใจตลอดมา และตอนนี้เรือนกายที่น่าหลงใหลนั้นกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า อยู่ในอ้อมแขนของเขาและกำลังรอให้เขาเชยชมเหอไป๋เหยียนไ
"ถิงถิง"ลู่เจียวเอ่ยเรียกเด็กสาวผู้ที่หิ้วตะกร้าจนตัวเอียงทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามา พร้อมทั้งเดินเข้าไปรั้งให้อีกฝ่ายถอยห่างออกมาจากหน้าเรือน"พี่ลู่เจียวมีอันใดหรือเจ้าคะ"ถิงถิงเอ่ยถามสตรีที่มีท่าทางกระสับกระส่ายอีกทั้งยังมองไปทางเรือนนอนของนางด้วยสายตาประหลาดจนน่าสงสัย"ท่านแม่ทัพมาที่นี่"คำตอบที่ได้รับทำให้นางแทบจะปล่อยมือจากตะกร้าสานที่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยของกินและขนมมากมาย หากอีกฝ่ายไม่ยื่นมือมาประคองเอาไว้คาดว่าของกินเหล่านี้คงไปกองอยู่บนพื้นเป็นแน่"ทะ ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""ท่านแม่ทัพมาที่นี่"ลู่เจียวเอ่ยย้ำกับอีกฝ่าย สายตานั้นมองไปยังเรือนพักของนางและผู้เป็นนาย บ่งบอกให้ถิงถิงรู้ว่าตอนนี้คนที่ถูกกล่าวถึงกำลังอยู่ในห้องนั้นกับคุณหนูของนางลู่เจียวที่มักจะมาพูดคุยกับสองนายบ่าวอยู่เสมอ ทันได้เห็นแผ่นหลังของท่านแม่ทัพหายเข้าไปในเรือนนอนของทั้งสองหลังจากที่เห็นว่าถิงถิงเดินหายไปทางโรงครัว นางรออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นว่าท่านแม่ทัพจะกลับออกมา แต่กลับมีเสียงหนึ่งที่เล็ดลอดออกมาแทน และเสียงนั้นนางรู้ดีว่าด้านในนั้นกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น จึงตั้งใจรอถิงถิงอยู่ตรงนี้"เอ่อ ถิงถิงเช่นนั
คล้อยหลังร่างเล็กของถิงถิง ร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากมุมมืด สาวเท้าตรงไปยังห้องที่สาวใช้ตัวน้อยพึ่งจะเดินออกมา แล้วผลักประตูแทรกตัวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่ามีสตรีอีกนางหนึ่งกำลังเดินตรงมาเสียงเปิดปิดประตูทำให้คนที่หันกลับไปนั่งมองดวงจันทร์อีกครั้งหลังจากที่คนของตนผลุบหายไปโดยไม่ยอมหยุดฟังคำทัดทานมีสีหน้าฉงน นึกแปลกใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงได้กลับมาเร็วนัก เพราะโรงครัวกับเรือนหลังนี้ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กัน หรือทางจะไม่สะดวกผู้ที่ริจะเป็นแมวจอมตะกละจึงกลับมาตั้งหลักคิดได้ดังนั้นเรียวปากอวบอิ่มก็คลี่ออกจากกันเป็นรอยยิ้มขัน จ้าวหลี่เชี่ยนหันกลับมาหมายจะกล่าววาจาเย้าหยอกบ่าวของตนสักสองสามคำที่อีกฝ่ายไม่ยอมฟังกันตั้งแต่แรก แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาหาใช่คนที่ตนคิด รอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มกลับแข็งค้าง ก่อนจะหุบฉับลง ความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้างาม เมื่อคนตรงหน้าคือคนใจร้ายที่หายหน้าไป บุรุษใจทมิฬผู้เป็นเจ้าของจวนและผู้ที่กุมชะตาชีวิตของนาง"ท่านแม่ทัพ"จ้าวหลี่เชี่ยนเอ่ยเรียกคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าน้ำเสียงสั่นเครือจนสัมผัสได้ กายบอบบางลนลานลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย หัวใจของ
จ้าวหลี่เชี่ยนถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้งให้ทำงานหนัก ไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งพัก จนมือที่อ่อนนุ่มพุพองและมีบาดแผล แต่นางก็เริ่มที่จะชินเสียแล้ว ใช่ว่านางจะไม่เคยลำบากเช่นนี้มาก่อนเสียหน่อย ตู้ซูลี่ก็ไม่ต่างกับเหล่าพี่สาวของนางมากนัก จะว่าไปการมาทำงานอยู่ที่นี่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน แม้จะมีคนคอยจับตามอง แต่นางยังพอมีช่องทางที่จะสืบหาข่าวกับคนภายนอกได้บ้างและนางยังมีโอกาสที่จะหาทางหลบหนีออกไป แม้ตอนนี้นางจะยังไม่พบลู่ทางก็ตาม ส่วนเรือนบ่าวรับใช้ที่อาศัยอยู่ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายแต่ก็ยังดีที่ยังมีที่ให้ซุกหัวนอนจ้าวหลี่เชี่ยนนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะขนาดเล็กริมหน้าต่างที่กลายมาเป็นมุมโปรดของนาง สายตาจับจ้องไปยังดวงจันทราที่เคลื่อนตัวสูงขึ้น นางมาอาศัยอยู่ในเรือนบ่าวไพร่แห่งนี้ร่วมสัปดาห์แล้ว กลายเป็นบ่าวรับใช้คนใหม่ในจวนตระกูลเหอภายในห้องแคบแห่งนี้มีเพียงเตียงนอนขนาดเล็กคับแคบหนึ่งหลังที่นางกับถิงถิงต้องนอนเบียดกันในยามค่ำคืนและโต๊ะเก้าอี้อีกหนึ่งชุดเพียงเท่านั้น พื้นที่ภายในห้องเมื่อวางหีบที่เอาไว้ใช้เก็บข้าวของส่วนตัวก็มีที่ว่างให้พอได้เดินสวนกันเสียงดนตรีจากเรือนใหญ่ที่ดังแว่วมาตามสายลม ทำให้ร่างบ
"เก็บออกไปให้หมด""ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ หยุดเดี๋ยวนี้"...เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นด้านในเรือนนอน ทำให้คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน เสียงหนึ่งนั้นย่อมเป็นของลู่เจียวผู้ที่คอยดูแลนางตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในเรือนหลังนี้ ส่วนอีกเสียงหนึ่งนั้นนางมั่นใจว่าไม่เคยได้ยินเสียงของอีกฝ่ายมาก่อนจ้าวหลี่เชี่ยนวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือลง ในวันนี้นางที่ทนอุดอู้อยู่เพียงในเรือนและทนต่อความกังวลที่มีต่อเรื่องแม่นมผิงไม่ไหวจึงนำผ้าเช็ดหน้าออกมาปักอยู่ในสวนด้านหลังเรือนเพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบ สายตานั้นจับจ้องไปยังที่มาของเสียง นางไม่รู้ว่าด้านในนั้นกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น เรือนที่มักจะเงียบเหงาอยู่เสมอบัดนี้มีผู้ใดมาเยือนกันเมื่อก้าวเข้าไปด้านหน้าเรือนเพื่อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าของนางคือความวุ่นวายภายในห้องนอนของนางที่ดูคับแคบลงถนัดตาเมื่อมีสตรีนับสิบนางอยู่ในนั้นสตรีผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามกำลังสั่งให้บ่าวไพร่สตรีสองนางขนข้าวของเครื่องใช้ของนางออกมาจากเรือนนอน และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือบ่าวสตรีอีกสองนางที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำลังจับตัวถิงถิงคนของนางกดเอาไว้กับพื้นไม่ให้เข้าไ
ความรู้สึกปวดร้าวตามร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมา โดยเฉพาะส่วนสงวนกลางร่าง ทำให้ริมฝีปากอิ่มที่ยังคงบวมช้ำหลุดเสียงร้องออกมาแผ่วเบาจ้าวหลี่เชี่ยนขยับกายบอบบางได้อย่างยากลำบากจนนางไม่อยากที่จะลุกขึ้น ข้างกายนั้นไร้เงาของบุรุษผู้ที่ลงทัณฑ์นางอย่างเอาแต่ใจเมื่อคืนนี้ ความเย็นชืดที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าคนผู้นั้นได้ลุกจากไปนานแล้ว หรือเขาอาจจะออกไปทันทีหลังจากที่ตักตวงความหอมหวานจากนางจนพอใจ เหลือทิ้งเอาไว้เพียงร่องรอยความบอบช้ำบนร่างกายและความเหนอะหนะจากคราบความใคร่ผสมกลิ่นกายของเขาที่ยังตลบอบอวลริมฝีปากแดงช้ำเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อรู้สึกได้ว่าขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้น ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง น้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังเข้ามาให้รู้สึกหนาวเหน็บจนต้องกระชับผ้าห่มคลุมกายจนแน่น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเลย"คุณหนู คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"เสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนระคนห่วงใย พร้อมกับเจ้าของคำถามนั้นปราดเข้ามากุมมืออ่อนนุ่มของนางเอาไว้ นั่นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนลืมเลือนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทั้งจากทางร่างกายและจิตใจไปชั่วขณะ"ถิงถิง"เพราะสตรีเบื้องหน้าคือบ่า
ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างงามระหงเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยที่ริมฝีปากนั้นไม่ละไปจากใบหน้างาม เขายังคงจูบซับไปทั่วราวกับหลงใหลนางนักหนา สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว อยากจะให้ความรู้สึกอ่อนหวานอยู่เช่นนี้ตลอดไปเขาโอบอุ้มนางลงไปในถังน้ำด้วยกัน สายน้ำอุ่นที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้โอบล้อมไปรอบกายของคนทั้งสอง ความใกล้ชิดในบรรยากาศเช่นนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม ปรารถนาที่จะแนบชิดกันให้มากขึ้นฝ่ามือหนาหยาบลูบไล้ไปตามเรือนร่างงามที่เปียกน้ำ ความงดงามที่เขาปรารถนาจะครอบครองมาตลอด เนื้อผ้าบางเบาแนบลู่ไปกับร่างงาม สัดส่วนเย้ายวนปรากฏสู่สายตาชายหนุ่ม หน้าอกอวบอิ่มนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือเหมาะเจาะลงตัวกับเอวเล็กคอดกิ่วรับกับสะโพกผายเต่งตึงกลมงอน ทั้งเนื้อทั้งตัวนุ่มละมุนหอมกรุ่น ผิวพรรณขาวนวลเนียนผุดผ่อง ไม่ปฏิเสธเลยว่า เขาหลงใหลในเรือนร่างนี้ตั้งแต่ที่ช่วยนางขึ้นจากน้ำเมื่อครั้งที่นางถูกพี่สาวต่างมารดากลั่นแกล้ง เรือนร่างสะโอดสะองติดอยู่ในความทรงจำติดตรึงอยู่ภายในใจตลอดมา และตอนนี้เรือนกายที่น่าหลงใหลนั้นกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า อยู่ในอ้อมแขนของเขาและกำลังรอให้เขาเชยชมเหอไป๋เหยียนไ
จ้าวหลี่เชี่ยนก้าวขาที่สั่นเทาพาเรือนร่างเย้ายวนในอาภรณ์เปิดเปลือยเดินเข้าไปหาบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้ที่ใช้สายตาจ้องมองนางราวกับจะกลืนกิน นางรู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น เขาไม่คิดจะปล่อยนางแน่อาการวูบๆ วาบๆ บางเบาที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้ คงเป็นเพราะน้ำชาที่ลู่เจียวส่งให้นางดื่ม มันคงมียาปลุกกำหนัดผสมอยู่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอีกฝ่าย เพราะนางรู้ดีว่าลู่เจียวหาได้ไม่หวังดีกับนาง จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นหาได้รุนแรง มันคงเป็นเพียงยาปลุกกำหนัดฤทธิ์อ่อนเท่านั้น และมันช่วยให้นางรู้สึกดีอีกด้วย นางเป็นเพียงดรุณีน้อยวัยสิบหก การต้องรับมือกับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและเขายังมีอายุเยอะกว่านางกว่าหนึ่งรอบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ในเมื่อไร้ซึ่งทางเลือก จึงข่มกลั้นความกระดากอายและความหวาดหวั่น เดินเข้าหาเจ้าของเรือนกายทรงพลังไอร้อนผ่าวจากเรือนร่างกำยำเข้าโอบล้อมนางทันทีที่เข้าใกล้ ทำให้ร่างกายนางนั้นสั่นสะท้าน เมื่อมายืนชิดใกล้กับอีกฝ่ายเช่นนี้ยิ่งเห็นว่าเขานั้นตัวสูงใหญ่กว่านางมากนัก นั่นทำให้นางอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ดวงตาเจ้าเล่ห์หวานเชื่
"นายหญิง ท่านแม่ทัพส่งอาภรณ์มาเจ้าค่ะ"จ้าวหลี่เชี่ยนละสายตาจากภาพผีเสื้อตัวน้อยที่พากันโบยบินอย่างอิสระ ดมดอมตอมกลิ่นดอกไม้แสนสวยอย่างเพลิดเพลินจนน่าอิจฉา หันมามองเจ้าของคำพูดนั้น คำเรียกขานที่อีกฝ่ายใช้เรียกนางมันช่างฟังขัดหูเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ แต่ถึงแม้นางจะเอ่ยห้ามเช่นไรอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง กล่าวว่าในเมื่อถูกส่งมารับใช้นางก็ควรแล้วที่ต้องเอ่ยเรียกนางเช่นนี้ นางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยดวงตาเศร้าหมองของหญิงสาวที่ตนต้องดูแลทำให้คนที่เดินถืออาภรณ์เข้ามาอดรู้สึกสงสารไม่ได้ลู่เจียว สตรีวัยประมาณยี่สิบปีผู้ที่คอยรับใช้หญิงสาวตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เดินเข้ามาพร้อมกับวางอาภรณ์ที่ถืออยู่ในมือลงตรงหน้าผู้ที่ต้องสวมใส่มันในคืนนี้ แม้จะรู้สึกเวทนาสงสารอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ท่านแม่ทัพแจ้งว่าอาภรณ์สำหรับใส่ในคืนนี้เจ้าค่ะ ท่านลุกขึ้นมาชำระกายก่อนเถอะนะเจ้าคะ บ่าวเตรียมน้ำเอาไว้แล้ว"คำพูดนั้นทำให้จ้าวหลี่เชี่ยนสะท้านในอก ในที่สุดนางก็ไร้ซึ่งทางเลือก ยอมเอาตัวเองแลกกับชีวิตบ่าวของตนและแลกกับการที่อีกฝ่ายจะตามหาแม่นม
เหอไป๋เหยียน แม่ทัพหนุ่มวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบ เขาไม่ได้มีสิ่งใดต้องทำอย่างที่เอ่ยกับสตรีนางนั้น แต่กลับมาทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชนสกุลเหอเพราะรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ ในที่สุดเขาก็ทำผิดกับผู้ที่ล่วงลับ วิญญาณของบรรพบุรุษคงกำลังสาปแช่งเขา เขาจึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานอยู่เช่นนี้ ถึงแม้จะแก้แค้นทวงความยุติธรรมกลับคืนให้ตระกูลได้สำเร็จ แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเขาไม่อาจตัดใจพรากชีวิตสายเลือดของศัตรู อีกทั้งยังไม่อาจปล่อยมือจากนาง นำนางมาอยู่ข้างกาย ลุ่มหลงดังคนโง่แต่เขาก็ไม่เคยลืมความแค้นในอดีต ไม่เคยลืมความรู้สึกเจ็บปวดยามเมื่อสูญเสียคนที่รักเขาคือคุณชายรองตระกูลเหอ ตระกูลแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเมื่อแปดปีก่อนด้วยวิธีสกปรก เรื่องราวการตายของคนในครอบครัว ทุกคนที่เขารัก แทบทำให้ชายหนุ่มในตอนนั้นเจ็บปวดจนแทบเสียสติ เขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน ทุกชีวิตสังเวยให้กับการก่อกบฏในครั้งนั้นบิดาและพี่ใหญ่ของเขาเป็นนักรบที่เก่งกาจ ปกป้องนายเหนือหัวจนตัวตาย แม้ทั้งสองจะเก่งกล้าเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ บิดาและพี่ชายถูกสังหารในห้องทรงอักษรพร้อมกับอดีตฮ่องเต้และฮองเฮาผู้