Share

บทที่ 737

Author: จูน
อาซื่อรับทราบ และเดินหันออกไปทันที

นางข้าหลวงสี่กล่าวอย่างกังวลใจ “พระชายา ท่านคิดว่าอ๋องเว่ยจะทำร้ายพระชายาเว่ยหรือไม่เพคะ?”

หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ข้ายั่วโมโหเขามาขนาดนี้ เขาย่อมต้องไปหาคนมาระบายโทสะ เขาอาจจะพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าพระชายาเว่ยก็ได้”

“พระชายา เมื่อครู่ท่านบอกว่ากู้จือคนนั้นใช้มนต์เสน่ห์ภาพลวงตาทำร้ายผู้คน อ๋องเว่ยได้ตกอยู่ในมนต์ลวงตาหรือไม่เพคะ?” หมานเอ๋อร์เอ่ยถาม นางคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า

“หมานเอ๋อร์” หยวนชิงหลิงมองนาง “วันนั้นที่เจ้าจับข้อมือนาง เจ้าเห็นว่านางเป็นพวกรู้วิชามนต์สะกดพวกนี้หรือไม่?”

“เป็นเพคะ!” หมานเอ๋อร์พยักหน้า “บ่าวได้กลิ่นดอกลำโพงจากตัวนาง และนางยังมีสร้อยข้อมืออีกด้วย”

“งั้นเจ้าบอกข้าหน่อยว่า วิชานั้นจะคงอยู่ได้นานเท่าไหร่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม

“ถ้าเป็นการสะกดให้หลับ ก็น่าจะได้สักประมาณครึ่งชั่วยามถึงสองชั่วยาม และหากได้ใช้ดอกลำโพงกับกระดังงาด้วย ก็...” หมานเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความละอายใจ จึงกล่าวอย่างเขินอายไปว่า “หากได้ใช้ผู้ชายก็จะหลงใหล และหากใช้การสะกดควบคู่ไปด้วยกัน ก็อาจจะคงไว้ได้สักสองสามปีเพคะ”

“พวกเจ้าตอนนั้นที่ใช้มนต์ใส่เจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 738

    พระชายาเว่ยฟังเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สีหน้าของนางแทบไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ยกเว้นตอนที่เขาพูดว่าตกหลุมรักกู้จือ แววตาของนางเปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วนางใช้มือทั้งคู่กำผ้านวมไว้บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองเขา และพูดอย่างนิ่งเฉยว่า "ท่านมาก็ดีแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านนั่งลงก่อน"ความเกลียดชังในแววตาของอ๋องเว่ยกำลังลุกโชน พอเจอสีหน้านิ่งเรียบของนางก็แสดงท่าทีไม่ออก แต่มีไฟที่ไม่รู้ว่าอะไรกำลังมอดไหม้อยู่ในใจเขาปล่อยนางออกอย่างช้า ๆ และยืนอย่างเย็นชาข้างเตียง “มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่อยากนั่งที่นี่”พระชายาเว่ยนั่งลงอย่างช้า ๆ มองไปที่เขา และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และข้าก็มารู้ทีหลัง ข้าต้องขอโทษท่านอ๋องด้วย ข้าขอรบกวนท่านอ๋องฝากคำขอโทษของข้าไปบอกกู้จือด้วย"อ๋องเว่ยรู้สึกเหน็บแหนมเหลือเกิน “ไม่ต้องมาเสแสร้งทำเป็นใจดีมีเมตตา เจ้าเกลียดกู้จือจะตาย จะมารู้สึกผิดกับนางได้อย่างไร?”พระชายาเว่ยกล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว ข้าเคยเกลียดนาง แต่จากนั้นข้าก็ค่อย ๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกลียดนางจะมีประโยชน์อะไร นางพยายามอย่างมากเพื่อไล่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 739

    พระชายาเว่ยตัวสั่นอยู่สักพัก ใบหน้านิ่งเรียบของนางเหมือนน้ำแข็งแตกร้าว ที่ค่อย ๆ แตกออกมา แววตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง นางใช้มือทั้งคู่จับข้อมือเขาไว้และถามออกมาด้วยริมฝีปากสั่นเทา “ท่านพูดอีกทีสิ”พระชายาเว่ยไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หูและสมองของนางแหลกสลายเป็นผุยผง เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ ในหูของนางเท่านั้นแต่นางรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองถามนั้น ได้จ้องที่ริมฝีปากของเขา อ่านทุกคำที่เขาพูด "ลูกของเจ้าและอ๋องชิงหยาง ข้าเป็นคนฆ่าด้วยมือข้าเอง"เศษเสี้ยวแห่งความหวังสุดท้ายแตกสลาย และถ้อยคำที่นางอ่านนั้นเหมือนมีดแหลมคมนับพันทิ่มแทงหัวใจของนาง ทำให้นางคู้ตัวด้วยความเจ็บปวดนางค่อย ๆ ปล่อยมือของเขา มองตาเขาเต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคย และความเกลียดชังนางเอนหลังแล้วล้มลงอย่างช้า ๆ ใบหน้าของนางขาวซีดราวตายแล้ว และความสดใสทั้งหมดมลายหายไปในทันทีเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ อ๋องเว่ยรู้สึกในใจมีความสุขยิ่งนัก ราวกับว่าในที่สุดความเกลียดชัง และความคับแค้นใจที่ถูกเก็บกดมานานนับปีก็ได้รับการปลดปล่อยในวันนี้เขาพูดอย่างเย็นชา "ข้าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อ และมอบหนังสือหย่าให้กับเจ้า เจ้าไม่ต้องมาหวงตำแหน่งข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 740

    อาซื่อที่ฟังอยู่เงียบ ๆ บนหลังคาอยู่พักหนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าอ๋องเว่ยไม่กลับมาอีก นางจึงจากไปหลังจากกลับมา นางก็เล่าเรื่องไปตามจริงให้หยวนชิงหลิงฟัง และพูดสรุปว่า "จู่ ๆ เขาก็ตบพระชายาเว่ย ข้าคิดว่าลงไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าจึงไม่ลงไป มีแต่จะทำให้พระชายาเว่ยยิ่งรู้สึกเจ็บปวดและทรมานเปล่า ๆ"หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมา "ข้าเกรงว่าไม่ใช่การตบหรอกที่ทำร้ายนาง แต่เป็นคำพูดของเขาต่างหาก"อาซื่อที่เอ่ยถาม “ที่จริงตอนฟังพวกเขาคุยกัน ข้าเองก็ไม่คิดว่าพระชายาเว่ยจะท้องลูกชายชู้ได้จริง ๆ”หยวนชิงหลิงเอ่ยว่า “เกรงว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเขาเดินมาถึงจุดนี้ ต่อให้วันหลังความเข้าใจผิดนั้นจะกระจ่างชัดแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้อีก เขาฆ่าลูกวัยหกเดือนของนางด้วยมือของเขาเอง หากพระชายาเว่ยเป็นผู้บริสุทธ์ นั่นก็เท่ากับว่าเขาฆ่าลูกด้วยมือของเขาเอง”หากเทียบกับการที่พวกเขาต้องแยกกัน หยวนชิงหลิงห่วงความรู้สึกของพระชายาเว่ยมากกว่าหากว่ากันนี่จะเป็นแรงกระตุ้นอย่างรุนแรงสำหรับนางอ๋องเว่ยคิดจะหย่ามาโดยตลอด และยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นการแก้แค้น แต่ตอนนี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 741

    ไทเฮากริ้วเสียจนปวดท้องไปหมด หลังจากด่าออกมา จนนางกำนัลคนสนิทต้องเข้ามาปลอบ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วนั้น นางก็พูดสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เด็ก ๆ ถ่ายทอดคำสั่งข้า สั่งให้คนพากู้จือไปอารามชีหมิงเยว่ รอคลอดลูกแล้วค่อยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปล่อยแม่ไป เก็บลูกไว้ ให้นางได้เป็นอิสระ”พระชายาซุนที่ได้ยินก็รับคำสั่งนั้น และเอ่ยเตือนว่า “ไปอารามชีหมิงเยว่เช่นนี้ อ๋องเว่ยจะไม่ตามไปด้วยหรอกหรือเพคะ?”ไทเฮาจึงสั่งการลงไปอีก และเอ่ยด้วยความโมโห “เรียกตัวอ๋องเว่ยเข้าวัง”พระชายาซุนย่อมไม่อยากเผชิญหน้ากับอ๋องเว่ยอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงรีบหลบหลีกออกมาหลังจากเข้าวังแล้วนั้น นางก็ตรงไปที่จวนจิ้งโฮ่ว และเอาเรื่องที่ไทเฮารับสั่งมาเล่าให้หยวนชิงหลิงฟังหยวนชิงหลิงที่ได้ฟังก็ไม่ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในใจนางรู้สึกสัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่างอย่างไรก็ตาม นางก็ยังปลอบใจตัวเอง คิดว่าถ้ากู้จือย้ายออกไป อ๋องเว่ยก็คงจะตามนางไป แบบนี้ก็คงไม่มีอะไรไปกระตุ้นนางได้นางรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้นางท้องอยู่ แม้ว่านางจะไม่พร้อมที่จะต้อนรับเด็กที่กำลังจะเกิดมา แต่ถ้านางบอกว่าเด็กแท้งแล้ว นางก็คงตรอมใจตายด้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 742

    นางกุมมือพระชายาเว่ยไว้และพูดเบา ๆ ว่า “หากในใจรู้สึกเจ็บปวด ท่านมาระบายกับข้า หรือพี่สะใภ้รองได้เสมอนะ ถ้าไม่อยากให้ข้าฟัง ข้าจะออกไปให้พวกท่านทั้งคู่ได้คุยกันดีไหม?”พระชายาเว่ยเงยหน้ามองนางอย่างเงียบ ๆ สักพัก และยิ้มออกมา “พระชายาฉู่ ข้าไม่เป็นไร ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ ขอบคุณมากจริง ๆ”หยวนชิงหลิงรู้สึกขนลุกอยู่ในใจ “ท่านอย่าพูดเช่นนี้ ข้าไม่ได้ช่วยอะไรท่านเลย”“ช่วยได้มากเลย” พระชายาเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบา ๆ “อย่างน้อยก็ทำให้ข้ารู้ว่า บนโลกใบนี้ยังมีคนอบอุ่นแบบนี้อยู่”นางจับมือของหยวนชิงหลิงไว้ “พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วงข้าไปเลย ข้าไม่เป็นไร ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่สุดไปแล้ว ในวันนั้นมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นแน่” ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หยวนชิงหลิงควรจะวางใจ แต่นางกลับทำให้ตัวเองสบายใจไม่ได้เลยแต่ในตอนนี้นางควรพักผ่อน และพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จึงพาพระชายาซุนลากลับไปด้วยกัน แต่ละคนกลับจวนของตัวเองไปอวี่เหวินห่าวเห็นหยวนชิงหลิงถอนหายใจไม่หยุด จึงเอ่ยว่า “เดี๋ยวข้ากลับไปหาพี่รอง ให้พาพี่สามมานั่งกินเหล้ากัน แล้วคุยกับเขาดู เรื่องเข้าใจผิดสามารถอธิบายให้เข้าใจได

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 743

    “มันเทียบกันได้รึ?” เสด็จย่ากริ้วเสียจนตบลงไปอีกที “ลูกในท้องนางเทียบกับลูกในท้องพระชายาฉู่ได้รึ? นางเป็นสตรีชนชั้นสูง ได้ตบแต่งเป็นถึงพระชายา แล้วนางกู้จือนั้นนับว่าเป็นตัวอะไรได้?”อ๋องเว่ยเถียงอย่างดื้อนั้น “ว่ากันตามจริง เสด็จย่าก็ดูถูกฐานะชาติกำเนิดของกู้จือ”“ฐานะชาติกำเนิด?” เสด็จย่าหัวเราะเย้ยหยัน “ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลย ตอนแรกภรรยาเจ้าเคยช่วยชีวิตนางมิใช่หรือ? นางตอบแทนบุญคุณเช่นนี้นะรึ? คนแบบนี้ ไม่รู้จักบุญคุณคน เนรคุณไร้ยางอาย หากไม่ใช่แม่ของหลานข้าที่เป็นเชื้อพระวงศ์ล่ะก็ หลังจากนางคลอดแล้วไล่นางไปทันที ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นอีก ข้าจะประทานผ้าแพรขาวให้นาง” อ๋องเว่ยไม่อยากยินยอม แต่ตอนนี้ตกใจเหลือเกินที่ได้รู้ว่าเสด็จย่าทรงกริ้วมากขนาดนั้น จึงไม่คิดเกลี้ยกล่อมต่อไปอีกเขาหวังว่าเมื่อวันข้างหน้าเสด็จย่าเห็นหลานแล้วจะรักและโปรดปรานตัวกู้จือมากกว่าชุยซือเขาอดใจแทบไม่ไหวที่จะเอาเรื่องที่ชุยซือลอบคบชู้บอกให้เสด็จย่าฟัง แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรไปเสด็จย่าก็คงไม่เชื่ออยู่ดีกลับออกจากวังแล้วเขาแค้นใจนัก จึงสั่งให้คนตัดงบและถ่านในตำหนักของพระชายาเว่ย ให้เหลือแค่อาหารหยาบ ๆ ง่าย ๆ โดย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 744

    หลายวันมานี้หยวนชิงหลิงรู้สึกกระสับกระส่าย สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นทางด้านเจ้าเมืองจิ้งเป่ยในที่สุดก็ยอมเข้าเมืองแล้วครั้งนี้ก็เหมือนครั้งที่แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านอ๋อง และข้าราชบริพานไปต้อนรับที่ประตูเมืองแต่ครั้งนี้ได้ส่งราชรถไปถึงแปดคัน เพื่อต้อนรับเจ้าเมืองจิ้งเป่ยเดิมทีวันนี้เป็นวันที่อ๋องเว่ยวางแผนไว้ว่าจะส่งกู้จือไปที่อารามชีหมิงเยว่ แต่เพราะรับสั่งเรียกตัวมาให้มาต้อนรับเจ้าเมืองจิ้งเป่ย เขาแอบดีใจว่าพอยืดเวลาไปได้อีกหนึ่งวัน หยวนชิงหลิงเองก็รู้ว่าพวกเขาวันนี้ออกไปต้อนรับที่ประตูเมืองเจ้าเมืองจิ้งเป่ยคนนั้นที่นางนึกจิตนาการอยู่หลายวัน ในที่สุดเขาได้อออกจากหัว และค่อย ๆ กลายเป็นความจริงแล้วดังนั้นนางเองค่อนข้างกระวนกระวาย และลืมนึกถึงพระชายาเว่ยไปครู่หนึ่งจวนอ๋องเว่ยวันนี้กู้จือตื่นแต่เช้า หลังจากอ๋องเว่ยออกไปแล้ว นางก็รู้สึกหนักตัวจึงเผลอหลับไปต่อหลังจากหลับไปแล้วนางก็สะลึมสะลือ รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป อยากตื่นขึ้นมาแต่ก็ตื่นไม่ได้นางรู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่ในรถม้า ได้ยินเสียงวุ่นวายแต่ลืมตาไม่ขึ้น ในที่สุดท่ามกลางความมืดนั้นก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไป

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 745

    นางยกชายกระโปรงขึ้นดู แน่นอนว่ามีเลือดไหลซึมออกมาจากขาของนาง นางจึงหยิบผ้าขาวออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วพันขาให้แน่นกู้จือเห็นนางทำเช่นนี้ก็ตกใจกลัว จนหัวใจแทบหลุดออกมา จึงตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”ทันทีที่พูดจบ ก็มีม้าตรงไปที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว เขาลงจากหลังม้า แล้วรีบขึ้นไปบนหอคอยทันที“ชุยซือ เจ้าคิดจะทำอะไร” คนที่มาก็คืออ๋องเว่ยที่ตื่นตระหนก เขาโกรธจนตาแดงไปหมดแล้วกู้จือเห็นเขามาก็รู้สึกโล่งใจ และร้องไห้ออกมา “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”“กู้จือ!” อ๋องเว่ยกระวนกระวายจะแย่แล้ว เขาจ้องมองพระชายาเว่ยด้วยความโกรธพระชายาเว่ยวางชายกระโปรงลง และค่อย ๆ ลุกขึ้นมองอ๋องเว่ยที่กำลังจะมา นางเอ่ยว่า “ท่านหยุด แล้วยืนอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา มิฉะนั้นข้าจะจุดไฟเผานางให้นางตกลงไปข้างล่าง”“ชุยซือ ถ้ากู้จือบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าฆ่าเจ้าแน่” อ๋องเว่ยพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวบนหอยคอยกำแพงเมืองลมแรงมาก เสียงวีดที่พัดผ่านซอกหินบนกำแพงเมือง เสียงเหมือนเสียงผีโหยหวน และเสียงหมาป่าหอน ผู้คนด้านล่างกำลังพูดถึงเรื่องนี้ เสียงดังอื้ออึ้งไม่มีที่สิ้นสุด“ไม่เป็นไรแล้ว” เสียงข

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status