หลายวันมานี้หยวนชิงหลิงรู้สึกกระสับกระส่าย สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นทางด้านเจ้าเมืองจิ้งเป่ยในที่สุดก็ยอมเข้าเมืองแล้วครั้งนี้ก็เหมือนครั้งที่แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านอ๋อง และข้าราชบริพานไปต้อนรับที่ประตูเมืองแต่ครั้งนี้ได้ส่งราชรถไปถึงแปดคัน เพื่อต้อนรับเจ้าเมืองจิ้งเป่ยเดิมทีวันนี้เป็นวันที่อ๋องเว่ยวางแผนไว้ว่าจะส่งกู้จือไปที่อารามชีหมิงเยว่ แต่เพราะรับสั่งเรียกตัวมาให้มาต้อนรับเจ้าเมืองจิ้งเป่ย เขาแอบดีใจว่าพอยืดเวลาไปได้อีกหนึ่งวัน หยวนชิงหลิงเองก็รู้ว่าพวกเขาวันนี้ออกไปต้อนรับที่ประตูเมืองเจ้าเมืองจิ้งเป่ยคนนั้นที่นางนึกจิตนาการอยู่หลายวัน ในที่สุดเขาได้อออกจากหัว และค่อย ๆ กลายเป็นความจริงแล้วดังนั้นนางเองค่อนข้างกระวนกระวาย และลืมนึกถึงพระชายาเว่ยไปครู่หนึ่งจวนอ๋องเว่ยวันนี้กู้จือตื่นแต่เช้า หลังจากอ๋องเว่ยออกไปแล้ว นางก็รู้สึกหนักตัวจึงเผลอหลับไปต่อหลังจากหลับไปแล้วนางก็สะลึมสะลือ รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป อยากตื่นขึ้นมาแต่ก็ตื่นไม่ได้นางรู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่ในรถม้า ได้ยินเสียงวุ่นวายแต่ลืมตาไม่ขึ้น ในที่สุดท่ามกลางความมืดนั้นก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไป
นางยกชายกระโปรงขึ้นดู แน่นอนว่ามีเลือดไหลซึมออกมาจากขาของนาง นางจึงหยิบผ้าขาวออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วพันขาให้แน่นกู้จือเห็นนางทำเช่นนี้ก็ตกใจกลัว จนหัวใจแทบหลุดออกมา จึงตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”ทันทีที่พูดจบ ก็มีม้าตรงไปที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว เขาลงจากหลังม้า แล้วรีบขึ้นไปบนหอคอยทันที“ชุยซือ เจ้าคิดจะทำอะไร” คนที่มาก็คืออ๋องเว่ยที่ตื่นตระหนก เขาโกรธจนตาแดงไปหมดแล้วกู้จือเห็นเขามาก็รู้สึกโล่งใจ และร้องไห้ออกมา “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”“กู้จือ!” อ๋องเว่ยกระวนกระวายจะแย่แล้ว เขาจ้องมองพระชายาเว่ยด้วยความโกรธพระชายาเว่ยวางชายกระโปรงลง และค่อย ๆ ลุกขึ้นมองอ๋องเว่ยที่กำลังจะมา นางเอ่ยว่า “ท่านหยุด แล้วยืนอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา มิฉะนั้นข้าจะจุดไฟเผานางให้นางตกลงไปข้างล่าง”“ชุยซือ ถ้ากู้จือบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าฆ่าเจ้าแน่” อ๋องเว่ยพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวบนหอยคอยกำแพงเมืองลมแรงมาก เสียงวีดที่พัดผ่านซอกหินบนกำแพงเมือง เสียงเหมือนเสียงผีโหยหวน และเสียงหมาป่าหอน ผู้คนด้านล่างกำลังพูดถึงเรื่องนี้ เสียงดังอื้ออึ้งไม่มีที่สิ้นสุด“ไม่เป็นไรแล้ว” เสียงข
อ๋องเว่ยชะงักไปและถามว่า “มนต์สะกดอันใดกัน ใครเชี่ยวชาญมนต์สะกด?”เสียงของพระชายาเว่ยฟังดูขาดหายไม่ชัดเจน “ไม่เกี่ยวกับมนต์ภาพลวงตา ข้าเองก็เคยโดน แต่ข้ายังจำได้ว่าคนที่ข้ารักคือใคร”อ๋องเว่ยกระวนกระวายใจ “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”พระชายาเว่ยไม่สนเขา และหันกลับไปมองกู้จือและเอ่ยถามว่า “เจ้าเคยใช้มนต์สะกดกับข้ามาก่อนไหม?”กู้จือร้องไห้และกล่าวว่า “พระชายา ข้าไม่เคย ช่วงเวลาหนึ่งข้าเลอะเลือนอยากอยู่กับท่านอ๋อง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ”พระชายาเว่ยหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าไม่ได้เลอะเลือน เจ้าจงใจ ในตอนนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้าถามเรื่องที่เจ้าใช้มนต์สะกด เจ้าบอกมาว่าทำเรื่องพวกนั้นหรือไม่? ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าอยากจะอยู่ด้วยกันหรือไม่”อ๋องเว่ยเห็นกู้จือร้องไห้จนใกล้หมดสติไปแล้ว ในตอนนั้นด้วยความเดือดดาล จึงหยิบแท่งเงินปาใส่พระชายาเว่ยพระชายาเว่ยหลบไม่ทัน เงินก้อนนั้นจึงโดนเข้าหน้าผากเข้าอย่างจัง หน้าผากนางที่มีแผลอยู่แล้วในตอนนี้ จึงมีเลือดไหลออกมานางไม่ล้มลงไป แต่เงินก้อนนั้นตกลงข้างล่าง ถูกผู้คนมากมายแย่งชิงมีดสั้นในมีดนั้นจึงทิ่มเข้าไปที่หลังมือของกู้จือ จนเลือดสาดกระเซ็นออกมา กู้จือกรีดร้อ
อ๋องเว่ยพูดจาเหน็บแนม “มีคนมาช่วยเยอะเหลือเกิน แต่กลับพุ่งเป้าไปผู้หญิงอ่อนแอ ที่แรงแม้แต่ฆ่าไก่ยังไม่มี พวกพระชายาอย่างเจ้าช่างเก่งกันจริง ๆ”หยวนชิงหลิงรีบเดินเข้าไป หมานเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนขึ้นมา “ระวังนะเพคะ”แววตาของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความโกรธ จนมองไม่เห็นสิ่งโดยรอบ และเดินเข้าไปตรงหน้าอ๋องเว่ย “กู้จือใช้มนต์สะกดกับเจ้า แล้วก็มาฟ้องเจ้าว่าพระชายาเว่ยมีชู้ เจ้าก็เชื่ออย่างสนิทใจ ฆ่าลูกของพวกเจ้าเอง เจ้าเป็นพ่อประสาอะไร ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ตอนนี้ยังมีหน้ามาถามหาความเป็นธรรมให้กู้จือ กับนางที่โดนคนทำร้ายอีกรึ?”อ๋องเว่ยพูดด้วยความโกรธ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? กู้จือใช้มนต์สะกดเป็นที่ไหนกัน? เจ้าอย่ามาเที่ยวใส่ร้ายผู้อื่น”หยวนชิงหลิงตะคอกเสียงดัง “นางไม่เป็นแล้วใครเป็น? ตั้งแต่แรกนางก็ใช้มนต์สะกดกับพระชายาเว่ย หาผู้ชายมาคนหนึ่งเพื่อพยายามสร้างเรื่องว่านางคบชู้ แต่น่าเสียดายจิตใจพระชายาเว่ยแข็งแกร่งมนต์สะกดจึงไม่ได้ผล กู้จือหมดหนทางจึงมาใช้มนต์สะกดกับเจ้า น่าเสียดาย ภรรยาที่เจ้าฝ่าฟันความยากลำบากมากมายเพื่อให้ได้นางมา เจ้ากลับไม่เคยเชื่อใจนางเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้แต่จะให้โอ
ที่ข้างล่างฝูงชนต่างรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็วมีร่างชายชุดขาวคนหนึ่งรีบเหาะมาแต่คว้าตัวนางไม่ทัน จึงถลาลงไปข้างล่าง และใช้ตัวเองรองรับร่างของนางไว้แทนเลือดไหลนองเต็มพื้นไปหมดหยวนชิงหลิงที่เห็นเลือดสีแดงสด รู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วทั้งร่างนางหันกลับมา ดวงตาของตาเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้น นางหยิบไม้เท้าจักรพรรดิออกมาจากแขนเสื้อของนาง และตรงเข้าหาอ๋องเว่ยที่ยังยืนอึ้งอยู่อ๋องเว่ยไม่หลบ เขาอึ้งจนตัวแข็งไปหมด เขายื่นมือออกมาค้างไว้แบบนั้นอยู่นาน แต่ก็ไม่ชักมือกลับไปหยวนชิงหลิงใช้แรงทั้งหมดที่มีในร่าง ฟาดไม้เท้าจักรพรรดิลงบนหัวของเขา จนหัวแตกเลือดออกทำให้อ๋องเว่ยล้มลงไปทันที“ท่านอ๋อง!” กู้จือตกใจมาก และเงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงยกไม้เท้าฟาดลงไปที่ตัวกู้จืออีกทีในความเป็นจริง นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านางกำลังตีใครอยู่ นางรู้แค่สึกว่าภาพของเลือดที่มันติดตราตรึงใจนาง มันคือความสิ้นหวังของพระชายาเว่ย ทั้งร่างกายและจิตใจของนางเหน็บหนาวไปหมด ทั้งตัวนางสั่นเทิ้มไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางคิดออกอยู่อย่างเดียวว่าอยากฆ่าสองคนนี้ให้ตายเท่านั้น จนกระทั้งหมานเอ๋อร์เข้ามาลากตัวนางอ
ชายชุดขาวพูดทิ่มแทงอย่างเย็นชา "อวี่เหวินเว่ย ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับนางแล้ว เจ้าควรจะทะนุถนอมนางให้ดี ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่เต็มใจละทิ้งชื่อเสียงตัวเอง และมอบความไว้วางใจให้คนที่พานางหลบหนีแล้วอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตที่เหลือได้"“อันชิงหยาง!” อ๋องเว่ยตะคอกเสียงดัง และพุ่งเข้าไปหาเขาทั้งคู่ต่อสู้ประมือกันด้วยกระบวนท่าหมัดและลูกเตะหยวนชิงหลิงที่เห็นว่าชายชุดขาวกำลังต่อสู้เพื่อหยุดอ๋องเว่ย นางจึงอาศัยโอกาสนี้พาพระชายาเว่ยกลับไปที่จวนจิ้งโฮ่วต้องพ้นขีดอันตราย ต้องช่วยชีวิตพระชายาเว่ยให้ได้ก่อนหน้านั้นหยวนชิงหลิงคิดว่าอาจจะมีกระดูกหักทิ่มปอด แต่ก็ไม่มีอาการเหล่านั้นเกิดขึ้น น่าจะเป็นชายชุดขาวคนนั้นที่มาช่วยรับนางไว้ และได้ช่วยชีวิตนางไว้แล้วคนยังไม่ฟื้น แต่หยวนชิงหลิงเองก็เหนื่อยจนขยับไม่ไหวแล้วพระชายาซุนที่รีบมาที่นี่เพื่อถามไถ่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางต้องโวกเวกโวยวายเสียงดังไปแล้ว ตอนนี้นางแค่เข้าไปเยี่ยมพระชายาเว่ยอย่างเงียบ ๆ และถอยออกมาถามหยวนชิงหลิงเหตุการณ์ที่กำแพงเมืองน่าหวาดเสียวแค่ไหนนั้น มีคนมาเล่าให้ฟังหมดแล้วระหว่างทางที่มา นางกลัวเหลือเกินว่าจะได้เห็นแค่เพียงศพตอนน
หยวนชิงหลิงลุกขึ้น “รีบเชิญเข้ามา”หลังจากนั้นไม่นาน ชายชุดขาวที่เปื้อนไปด้วยเลือดก็เดินเข้ามาหยวนชิงหลิงไม่ได้มองเขาอย่างละเอียดมาก่อน แต่เมื่อมาจ้องมองเขาในตอนนี้ รู้สึกว่าเขาหล่อเหลามาก ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาไม่แพ้อ๋องเว่ยแน่นอนเมื่อมองไปที่รูปคิ้วและสายตาที่ตรงไปตรงมาของเขา บอกได้ว่าเขาเป็นคนที่ซื่อตรงและจริงใจอย่างที่ซูยี่กล่าวถึงจริง ๆ“คารวะพระชายาฉู่!” อ๋องชิงหยางประสานมือคารวะหยวนชิงหลิงย่อทำความเคารพด้วย “อ๋องชิงหยาง เชิญนั่ง!”อ๋องชิงหยางโบกมือและพูดว่า "ข้าต้องกลับไปที่จวน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปในวัง ดังนั้นขอไม่นั่ง ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อถามเกี่ยวกับอาการของพระชายาเว่ย นางดีขึ้นบ้างไหม?"หยวนชิงหลิงกล่าว “พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะดีขึ้น ท่านอยากเข้าไปเยี่ยมนางหรือไม่?”แววตาของอ๋องชิงหยางดูชัดเจนนัก “ไม่เข้าไปดีกว่า แค่รู้ว่านางสบายดีก็สบายใจแล้ว รบกวนพระชายาแล้ว ข้าขอตัวก่อน”พูดจบเขาก็ประสานมือหันเดินออกไปทันที หยวนชิงหลิงรู้สึกเสียดายมากยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับผู้ชายที่ดีเช่นนี้อาซื่อพูดเบา ๆ "คงจะดีถ้าพระชายาเว่ยแต่งงานกับอ๋องชิงห
หมานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่รู้เช่นกัน”อาซื่อมองไปทางหยวนชิงหลิง “พี่หยวนคิดว่าอย่างไร?”หยวนชิงหลิงไม่อยากเดา จึงกล่าวแค่ว่า “คงมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้”อาซื่อถอนหายใจเบา ๆ และพูดอย่างแค้นเคืองว่า “โชคดีที่พระชายาเว่ยวางยากู้จือคนนั้น กู้จือตายก็สมควรแล้ว นางบังอาจใช้วิชาภาพลวงตาทำร้ายพระชายาเว่ย”จวนอ๋องเว่ยอ๋องเว่ยมองกู้จือที่นอนอยู่บนเตียง หมอที่มาดูอาการไม่รู้เหมือนกันว่านี่คือพิษอะไร จึงทำได้แค่ฝังเข็มให้นางเพื่อชะลอให้พิษแพร่กระจายได้ช้าลงเขาเองก็ให้หมอห้ามเลือดทำแผลให้ เขาไม่ขยับเขยือนเลยสักนิดเหมือนคนตายไปแล้วที่นั่งอยู่ในตอนนี้ เขานึกถึงฉากที่กำแพงเมือง ในเวลานั้นหัวใจเขาเกือบหยุดเต้น ตอนที่ลั่วลั่วกระโดดลงมาเขากลับมาคิดดูทำไมถึงได้พูดเช่นนั้น และตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันเมื่อนึกถึงคำพูดของพระชายาฉู่ขึ้นมา ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำว่าภาพลวงตาสองคำนี้สาวใช้ที่ติดตามรับใช้ข้างกายชุยซืออยู่ตลอดอย่างหยาหย๋า เข้ามาคุกเข่า ในมือถือยามาขวดหนึ่ง หยาหย๋าร้องไห้มา ตานางจึงบวมอย่างหนักนางเอ่ยว่า “พระชายาบอกว่า ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ ให้นำยาถอนพิษนี้มามอบให้ท่านอ๋องเพคะ”“