แชร์

บทที่ 733

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ตอนนี้ท้องของนางใหญ่ขึ้นเล็กน้อย จึงอาบน้ำไม่สะดวกสักเท่าไร และตอนอาบน้ำนางเองก็ไม่ชอบให้นางข้าหลวงสี่และหมานเอ๋อร์รับใช้อยู่ข้าง ๆ อาบคนเดียวบางครั้งก็ลำบากเหมือนกัน

ในห้องอาบน้ำอบอุ่นมาก เพราะได้จุดเตาถ่านรอเอาไว้ก่อน ที่จวนจิ้งโฮ่วมีพระชายาฉู่ผู้แสนล้ำค่าอยู่ ดังนั้นไปทุกที่จึงต้องมีเตาถ่านจุดเอาไว้อยู่

อวี่เหวินห่าวเห็นว่าในห้องอบอุ่นมากพอแล้ว จึงให้คนยกเตาออกไป และออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับเข้ามา

ตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่ หยวนชิงหลิงได้บอกไว้ก่อนว่าไม่อยากแช่น้ำ ดังนั้นด้วยความใส่ใจอย่างยิ่งของหมานเอ๋อร์นางจึงทำเก้าอี้ที่ใช้สำหรับอาบน้ำให้นั่งอาบ ด้านในวางกระบวยยาวสำหรับตักน้ำไว้อาบเอาไว้

อวี่เหวินห่าวช่วยนางถอดเสื้อผ้า แม้ว่าเขาจะเกิดในราชวงศ์ แต่เขาก็เป็นทหารมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงมีความหยาบกระด้าง ไม่ละเอียดอ่อนอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้เรียนรู้ความละเอียดอ่อนพิถีพิถันมากขึ้น เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงก็ได้ศึกษาจนกระจ่างแจ้ง

เมื่อมองดูผิวนาวเนียนเหมือนหน่อไม้ของนาง อวี่เหวินห่าวก็แอบถอนหายใจ เจ้าตุ๊กตาสามตัวนี้มาไม่ถูกเวลาเลยจริง ๆ

เขาช่วยประคองหยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ แล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 734

    หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย และถามเสียงแหบแห้งว่า "หมายความว่าอย่างไร?"นิ้วของเขาค่อย ๆ ชี้ไปที่หัวใจของนาง “ในนี้ เปลี่ยนไปเป็นอีกคน”“หือ?” นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเฉยเมย "อย่าแสร้งทำเป็นสงบ ในใจเจ้าตื่นตระหนกมากนัก"หยวนชิงหลิงบ่นอืมพึมพัม นางก้มหน้าลงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย "ท่านบอกข้าทีว่าข้าลุกลี้ลุกลนอะไร"อวี่เหวินห่าวเชยหน้านางขึ้น มองตานางจนหยวนชิงหลิงขนลุกไปหมด “มองอะไรกัน? ท่านอยากจะพูดอะไร”แววตาอวี่เหวินห่าวอ่อนลง “ไม่พูดดีกว่า ไม่อยากเห็นเจ้าพยายามโกหกปิดบังเช่นนี้ เจ้ายังควบคุมคำพูดเจ้าไม่ได้เลย”หยวนชิงหลิงรู้สึกอายมาก "อันใดกันนี่?"อวี่เหวินห่าวยักไหล่ "ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนรู้วิชาแพทย์อย่างไร ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ กล่องยาก็ขยายใหญ่ขึ้นหรือหดเล็กลงได้ ไม่รู้ว่ายามาจากไหน แม้ว่าการแสดงของเจ้าจะดูสมจริงมากก็ตาม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างชัดนัก "หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ในตอนนั้นกลับท่านเชื่อ”"ข้านั้นช่างไร้เดียงสา ข้าเชื่อในตัวหญิงชั่วร้ายอย่างเจ้า ข้าก็คงเป็นมืออาชีพไปแล้วในชีวิตนี้" อวี่เหวินห่าวอุ้มนางขึ้น ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 735

    อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ โกรธจนจะลุกเป็นไฟแล้ว ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่คล้ายกันของตระกูลอวี่เหวินยิ่งเพิ่มความดุร้ายขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ดวงตาของเขาก็ลุกเป็นไฟ และเขาก็จ้องเขม็งไปที่หยวนชิงหลิงทันที เป็นไปตามที่หมานเอ๋อร์พูดเลยว่า เขาโกรธจนจะกินคนได้แล้วในทางกลับกัน หยวนชิงหลิงซึ่งมีใบหน้าสีเลือดฝาด และรอยยิ้มที่มุมปาก นางเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับย่อกายถวายพระพรเล็กน้อย "ไม่รู้ว่าพี่สามจะมาที่นี่ ไม่ได้ไปคารวะเสียนาน ขอพี่สามโปรดอภัย”พูดจบก็ไม่รอเขาพูดอะไร และนั่งลงทันทีแววตาของอ๋องเว่ยดูดุดันขึ้น เขากำลังง้างมือจะตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง“ปัง” เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น มีอะไรที่วางกระแทกลงไปกับโต๊ะอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งมองดูสิ่งที่หยวนชิงหลิงกำอยู่ในมือที่ตบลงกับโต๊ะเขาไม่ได้ตาบอด เห็นได้ชัดว่านั้นคือไม้เท้าจักรพรรดิที่ไท่ซ่างหวงประทานให้นางท่าทางใหญ่โตทั้งหลายถูกไม้เท้าจักรพรรดิกดทับไว้ทันทีเขาพูดอย่างเย็นชา "ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปที่จวนอ๋องเว่ย"หยวนชิงหลิงกล่าว “เพคะ พี่สาม พี่สะใภ้สามดีขึ้นบ้างหรือไม่? ยังเจ็บอยู่รึเปล่า? ข้าให้ยาไป

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 736

    อ๋องเว่ยยกมือค้างไว้กลางอากาศ มองใบหน้าเปี่ยมโทสะของหยวนชิงหลิง แต่ไม่กล้าจะตบลงไปแต่ง้างมือมาขนาดนี้ถ้าไม่ตบลงไปคงขายหน้าเป็นแน่เขาจึงได้กำนิ้วเหลือแค่นิ้วชี้ และชี้ไปที่หน้าผากของหยวนชิงหลิงและพูดข่มขู่ว่า “หากเจ้ายังพูดหยาบคายกับกู้จืออีกคำเดียว มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร?”หยวนชิงหลิงที่ยืนยืดท้องหลังตรงแบบนี้เหนื่อยล้ามาก แต่ตอนนี้ความกล้าหาญของนางได้เกินตัวไปแล้ว และยังคงยืดตัวตรงพูดไปอย่างเย็นชา “นางหน้าไม่อาย เนรคุณ เสแสร้ง หน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง ผู้หญิงซุ้มประตูหน้าไม่อาย เป็นคนที่ข้ารู้สึกรังเกียจและขยะแขยงเป็นที่สุด แบบนี้เรียกว่าด่าหรือไม่? ถ้าไม่ใช่ ข้ายังมีอีก”นางก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธจนตาลุกเป็นไฟ บีบจนอ๋องเว่ยต้องถอยหลังไป “นางมีเจตนาร้ายแอบแฝง นางใช้วิชามนต์เสน่ห์ทำร้ายผู้คน คิดจะแทนที่พระชายาเว่ย เจ้าเป็นอ๋องเว่ยก็ถูกนางล่อลวงให้ปฏิบัติกับพระชายาเว่ยอย่างอคติไร้ความเป็นธรรม ตอนนี้ยังกล้าให้คนเลวมาฟ้องและมาหาข้า เพื่อถามหาความรับผิดชอบอีกหรือ? หน้าเจ้าอยู่ที่ไหนมิทราบรึ?”อ๋องเว่ยสูดหายใจสงบสติอารมณ์ “เจ้า... เจ้ากล้าพูดถึงวิชาสกปรกอย่างมนต์เสน่ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 737

    อาซื่อรับทราบ และเดินหันออกไปทันทีนางข้าหลวงสี่กล่าวอย่างกังวลใจ “พระชายา ท่านคิดว่าอ๋องเว่ยจะทำร้ายพระชายาเว่ยหรือไม่เพคะ?”หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ข้ายั่วโมโหเขามาขนาดนี้ เขาย่อมต้องไปหาคนมาระบายโทสะ เขาอาจจะพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าพระชายาเว่ยก็ได้”“พระชายา เมื่อครู่ท่านบอกว่ากู้จือคนนั้นใช้มนต์เสน่ห์ภาพลวงตาทำร้ายผู้คน อ๋องเว่ยได้ตกอยู่ในมนต์ลวงตาหรือไม่เพคะ?” หมานเอ๋อร์เอ่ยถาม นางคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า“หมานเอ๋อร์” หยวนชิงหลิงมองนาง “วันนั้นที่เจ้าจับข้อมือนาง เจ้าเห็นว่านางเป็นพวกรู้วิชามนต์สะกดพวกนี้หรือไม่?”“เป็นเพคะ!” หมานเอ๋อร์พยักหน้า “บ่าวได้กลิ่นดอกลำโพงจากตัวนาง และนางยังมีสร้อยข้อมืออีกด้วย”“งั้นเจ้าบอกข้าหน่อยว่า วิชานั้นจะคงอยู่ได้นานเท่าไหร่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“ถ้าเป็นการสะกดให้หลับ ก็น่าจะได้สักประมาณครึ่งชั่วยามถึงสองชั่วยาม และหากได้ใช้ดอกลำโพงกับกระดังงาด้วย ก็...” หมานเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความละอายใจ จึงกล่าวอย่างเขินอายไปว่า “หากได้ใช้ผู้ชายก็จะหลงใหล และหากใช้การสะกดควบคู่ไปด้วยกัน ก็อาจจะคงไว้ได้สักสองสามปีเพคะ”“พวกเจ้าตอนนั้นที่ใช้มนต์ใส่เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 738

    พระชายาเว่ยฟังเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สีหน้าของนางแทบไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ยกเว้นตอนที่เขาพูดว่าตกหลุมรักกู้จือ แววตาของนางเปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วนางใช้มือทั้งคู่กำผ้านวมไว้บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองเขา และพูดอย่างนิ่งเฉยว่า "ท่านมาก็ดีแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านนั่งลงก่อน"ความเกลียดชังในแววตาของอ๋องเว่ยกำลังลุกโชน พอเจอสีหน้านิ่งเรียบของนางก็แสดงท่าทีไม่ออก แต่มีไฟที่ไม่รู้ว่าอะไรกำลังมอดไหม้อยู่ในใจเขาปล่อยนางออกอย่างช้า ๆ และยืนอย่างเย็นชาข้างเตียง “มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่อยากนั่งที่นี่”พระชายาเว่ยนั่งลงอย่างช้า ๆ มองไปที่เขา และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และข้าก็มารู้ทีหลัง ข้าต้องขอโทษท่านอ๋องด้วย ข้าขอรบกวนท่านอ๋องฝากคำขอโทษของข้าไปบอกกู้จือด้วย"อ๋องเว่ยรู้สึกเหน็บแหนมเหลือเกิน “ไม่ต้องมาเสแสร้งทำเป็นใจดีมีเมตตา เจ้าเกลียดกู้จือจะตาย จะมารู้สึกผิดกับนางได้อย่างไร?”พระชายาเว่ยกล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว ข้าเคยเกลียดนาง แต่จากนั้นข้าก็ค่อย ๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกลียดนางจะมีประโยชน์อะไร นางพยายามอย่างมากเพื่อไล่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 739

    พระชายาเว่ยตัวสั่นอยู่สักพัก ใบหน้านิ่งเรียบของนางเหมือนน้ำแข็งแตกร้าว ที่ค่อย ๆ แตกออกมา แววตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง นางใช้มือทั้งคู่จับข้อมือเขาไว้และถามออกมาด้วยริมฝีปากสั่นเทา “ท่านพูดอีกทีสิ”พระชายาเว่ยไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หูและสมองของนางแหลกสลายเป็นผุยผง เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ ในหูของนางเท่านั้นแต่นางรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองถามนั้น ได้จ้องที่ริมฝีปากของเขา อ่านทุกคำที่เขาพูด "ลูกของเจ้าและอ๋องชิงหยาง ข้าเป็นคนฆ่าด้วยมือข้าเอง"เศษเสี้ยวแห่งความหวังสุดท้ายแตกสลาย และถ้อยคำที่นางอ่านนั้นเหมือนมีดแหลมคมนับพันทิ่มแทงหัวใจของนาง ทำให้นางคู้ตัวด้วยความเจ็บปวดนางค่อย ๆ ปล่อยมือของเขา มองตาเขาเต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคย และความเกลียดชังนางเอนหลังแล้วล้มลงอย่างช้า ๆ ใบหน้าของนางขาวซีดราวตายแล้ว และความสดใสทั้งหมดมลายหายไปในทันทีเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ อ๋องเว่ยรู้สึกในใจมีความสุขยิ่งนัก ราวกับว่าในที่สุดความเกลียดชัง และความคับแค้นใจที่ถูกเก็บกดมานานนับปีก็ได้รับการปลดปล่อยในวันนี้เขาพูดอย่างเย็นชา "ข้าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อ และมอบหนังสือหย่าให้กับเจ้า เจ้าไม่ต้องมาหวงตำแหน่งข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 740

    อาซื่อที่ฟังอยู่เงียบ ๆ บนหลังคาอยู่พักหนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าอ๋องเว่ยไม่กลับมาอีก นางจึงจากไปหลังจากกลับมา นางก็เล่าเรื่องไปตามจริงให้หยวนชิงหลิงฟัง และพูดสรุปว่า "จู่ ๆ เขาก็ตบพระชายาเว่ย ข้าคิดว่าลงไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าจึงไม่ลงไป มีแต่จะทำให้พระชายาเว่ยยิ่งรู้สึกเจ็บปวดและทรมานเปล่า ๆ"หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมา "ข้าเกรงว่าไม่ใช่การตบหรอกที่ทำร้ายนาง แต่เป็นคำพูดของเขาต่างหาก"อาซื่อที่เอ่ยถาม “ที่จริงตอนฟังพวกเขาคุยกัน ข้าเองก็ไม่คิดว่าพระชายาเว่ยจะท้องลูกชายชู้ได้จริง ๆ”หยวนชิงหลิงเอ่ยว่า “เกรงว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเขาเดินมาถึงจุดนี้ ต่อให้วันหลังความเข้าใจผิดนั้นจะกระจ่างชัดแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้อีก เขาฆ่าลูกวัยหกเดือนของนางด้วยมือของเขาเอง หากพระชายาเว่ยเป็นผู้บริสุทธ์ นั่นก็เท่ากับว่าเขาฆ่าลูกด้วยมือของเขาเอง”หากเทียบกับการที่พวกเขาต้องแยกกัน หยวนชิงหลิงห่วงความรู้สึกของพระชายาเว่ยมากกว่าหากว่ากันนี่จะเป็นแรงกระตุ้นอย่างรุนแรงสำหรับนางอ๋องเว่ยคิดจะหย่ามาโดยตลอด และยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นการแก้แค้น แต่ตอนนี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 741

    ไทเฮากริ้วเสียจนปวดท้องไปหมด หลังจากด่าออกมา จนนางกำนัลคนสนิทต้องเข้ามาปลอบ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วนั้น นางก็พูดสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เด็ก ๆ ถ่ายทอดคำสั่งข้า สั่งให้คนพากู้จือไปอารามชีหมิงเยว่ รอคลอดลูกแล้วค่อยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปล่อยแม่ไป เก็บลูกไว้ ให้นางได้เป็นอิสระ”พระชายาซุนที่ได้ยินก็รับคำสั่งนั้น และเอ่ยเตือนว่า “ไปอารามชีหมิงเยว่เช่นนี้ อ๋องเว่ยจะไม่ตามไปด้วยหรอกหรือเพคะ?”ไทเฮาจึงสั่งการลงไปอีก และเอ่ยด้วยความโมโห “เรียกตัวอ๋องเว่ยเข้าวัง”พระชายาซุนย่อมไม่อยากเผชิญหน้ากับอ๋องเว่ยอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงรีบหลบหลีกออกมาหลังจากเข้าวังแล้วนั้น นางก็ตรงไปที่จวนจิ้งโฮ่ว และเอาเรื่องที่ไทเฮารับสั่งมาเล่าให้หยวนชิงหลิงฟังหยวนชิงหลิงที่ได้ฟังก็ไม่ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในใจนางรู้สึกสัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่างอย่างไรก็ตาม นางก็ยังปลอบใจตัวเอง คิดว่าถ้ากู้จือย้ายออกไป อ๋องเว่ยก็คงจะตามนางไป แบบนี้ก็คงไม่มีอะไรไปกระตุ้นนางได้นางรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้นางท้องอยู่ แม้ว่านางจะไม่พร้อมที่จะต้อนรับเด็กที่กำลังจะเกิดมา แต่ถ้านางบอกว่าเด็กแท้งแล้ว นางก็คงตรอมใจตายด้

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status