แชร์

บทที่ 640

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
พระชายาซุนนั่งลงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ พิงศีรษะลงไหล่ที่หนาเต็มไปด้วยเนื้อของเขา หัวใจของยังคงเต้นระส่ำไปหมด

อ๋องซุนยกแขนขึ้นกอดพระชายาเอาไว้ และพูดออกมาเบา ๆ ว่า "ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างจบลงแล้ว ข้าอยู่ที่นี่แล้ว"

อ๋องซุนมักเป็นฝ่ายที่ได้รับการปลอบโยนเสมอ

พระชายาซุนเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง นางสามารถดูแลทุกอย่างในจวนได้ด้วยตัวเอง

ตอนนี้นางทั้งกลัวและอ่อนแอ เมื่ออ๋องซุนพูดแบบนี้ออกมา ขอบตาของนางแดงก่ำไปหมด นางพูดด้วยเสียงขึ้นจมูกออกมา “อื้อ!"

"เจ้าห้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ หากเรื่องนี้ขึ้นศาลเข้าสู่การพิจารณาคดี เจ้าก็แค่พูดไปตามจริง และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของจวนอ๋องซุน" อ๋องซุนพูดอย่างแผ่วเบา

“ข้ารู้แล้ว” พระชายาซุนรู้สึกเสียใจต่อพวกบ่าว และคนรับใช้ที่ตายไป และยิ่งเกลียดฉู่หมิงชุ่ยเข้ากระดูกดำ

เรื่องราวในวังหลวงกลับตาลปัตรเพราะเรื่องนี้ หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกมันเหลวไหลไร้สาระ ฉู่หมิงชุ่ยแค่คนเดียวเผาจวนอ๋องฉีได้หรือ? อีกทั้งยังทำร้ายคนตระกูลหยวนจนบาดเจ็บสาหัส และยังลักพาตัวพระชายาฉู่ได้อีก?

ฟังดูแล้วเป็นเรื่องตลกเสียจริง

แต่พวกคนที่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 641

    เขาดูอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เหมือนกับที่คนอื่นบอกเลยว่าทั้งดุร้ายและโหดเหี้ยมนางจึงผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและไปนั่งด้วยกันอ๋องจี้เทเหล้าและหรี่ตาลง พร้อมยิ้มบาง ๆ ออกมา “เจ้าดื่มได้ไหม?”ฉู่หมิงหยางจัดชายเสื้อของนางเล็กน้อย เทียนสีแดงสะท้อนใบหน้าแดงก่ำ หางตาของนางก็แดงระเรื่อเล็กน้อย "ดื่มได้นิดหน่อยเพคะ"เขาจับมือนางและยิ้มออกมา ปลายนิ้วที่ลูบหลังมือของนาง แล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า "หลังจากดื่มเหล้าจอกนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าจะเป็นชายาของข้า"ฉู่หมิงหยางกระพริบตา "ชายา?"อ๋องจี้ยิ้มด้วยสายตาเป็นประกาย "ใช่แล้ว ในใจข้า เจ้านั้นคือชายาของข้า"ฉู่หมิงหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาจนแพขนตาขยับปริบ ๆ นางหลุบตาลงด้วยใจที่เต้นระรัวเล็กน้อยหลังจากคล้องแขนแลกจอกเหล้าดื่มกันแล้ว แววตาของอ๋องจี้ก็หรี่มืดลง เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินไปที่เตียงฉู่หมิงหยางฝังหน้าลงกับหน้าอกของเขา นางกำแขนเสื้อตัวเองแน่น และอยู่นิ่งไม่ขยับตัวนางถูกวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง อ๋องจี้ก็ลูบแก้มของนางราวกับลูบสมบัติล้ำค่า ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอมฉู่หมิงหยางเคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน ในสายตาของอวี่เหวิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 642

    ในเช้าวันรุ่งขึ้น อวี่เหวินห่าวและถังหยางกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการ และนำพระราชโองการมาถึง สั่งให้กรมอาญาร่วมพิจารณาในคดีนี้ด้วย และเริ่มการพิจารณาคดีในช่วงบ่ายก่อนการสอบสวน เขาได้เรียกองค์รักษ์เงามาสอบถามก่อนเป็นการส่วนตัวองค์รักษ์เงาถูกส่งไปเพื่อปกป้องหยวนชิงหลิงตามพระบัญชาของไท่ซ่างหวง และพวกเขาจะไม่ปลีกตัวออกไปง่าย ๆ อย่างเด็ดขาดอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขารีบออกไปทันที ปล่อยให้หยวนชิงหลิงอยู่คนเดียว และต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงอยู่แน่หลังจากได้สอบถามโดยละเอียด ก็ได้รู้ว่าองค์รักษ์เงามีรายงานลับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคนไปที่โรงเตี้ยมหมิงเยว่ ว่าต้องการหัวของอ๋องฉี และให้ค่าหัวราคาห้าหมื่นตำลึงแต่องค์รักษ์เงาไม่ได้ส่งรายงานลับกลับมา และความถูกต้องของเนื้อหานั้นก็ไม่แน่นอน ดังนั้นไท่ซ่างหวงจึงสั่งให้ผู้คนจับตาดูโรงเตี้ยมหมิงเยว่และสำนักมือสังหารอื่น ๆ สำหรับสาเหตุที่ต้องจับตามองที่โรงเตี้ยมหมิงเยว่ แทนที่จะเป็นจวนอ๋องฉี เป็นเพราะไท่ซ่างหวงเชื่อว่ารายงานลับเป็นเท็จ จุดประสงค์ที่แท้จริงอาจไม่ใช่อ๋องฉี แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นตัวอ๋องฉู่ต่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 643

    อวี่เหวินห่าวทำการสอบสวนฉู่หมิงชุ่ยเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉู่หมิงชุ่ยจะมาขึ้นศาล นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ด้วยซ้ำเช่นนั้นแล้ว อวี่เหวินห่าวจึงต้องไปที่คุกด้วยตนเองในคุกที่ทั้งมืดและอับชื้น แสงสลัวสะท้องบนใบหน้าซีดเซียวของฉู่หมิงชุ่ย นางนอนพิงบนกองฟาง เมื่อหรี่ตาลงเห็นเสื้อคลุมสีแดงเข้มต่อหน้านาง เฉกเช่นเดียวกันกับวันนั้นที่เห็นตัวเองมีเลือดกระฉูดออกมานางยกยิ้มขึ้นมาอย่างช้า ๆ และค่อยๆ ลืมตาขึ้น ชายคนนั้นยืนถือโคมไฟอยู่ด้านหลัง ถึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่นางก็รู้ว่าเขามาที่นี่แล้วนางพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ท่านมาแล้ว!"อวี่เหวินห่าวเข้ามาพร้อมเสื้อคลุมนั้น นัยน์ตาหงส์ที่เรียวยาวของเขาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา "ได้ยินมาว่าเจ้าจะสารภาพก็ต่อเมื่อเจ้าเห็นข้าแล้วเท่านั้น"นางหัวเราะ พยายามหัวเราะหนักมาก จนดูเหมือนก้อนสำลีอุดอยู่ในคอ และนางก็ไอออกมาอย่างหนักเหมือนเอาก้อนสำลีนั้นออกไม่ได้"ข้า..." นางค่อย ๆ ลุกขึ้นพยายามนั่งตัวตรง แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง และในที่สุดก็วางมือลงอย่างเหนื่อยล้า "เดิมทีข้าคิดว่า ถ้าหากฆ่าหยวนชิงหลิงแล้ว พวกเราจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ ทำไมท่านถึง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 644

    อวี่เหวินห่าวเอ่ยว่า "ตกลง ข้าสัญญา"“ท่านใช้ชีวิตของหยวนชิงหลิงสาบานสิ!” ฉู่หมิงชุยไม่เชื่อคำพูดเขาอวี่เหวินห่าวกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย "ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของพระชายาฉู่ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าจนวาระสุดท้าย"ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ข้าจะเชื่อท่านเป็นครั้งสุดท้าย"นางวางมือลงบนพื้นแล้วพยายามดันตัวไปข้างหน้าด้วยแรงที่เหลืออยู่ คราบเลือดสีแดงที่เหมือนรอยแตกร้าวบนกำแพงเมือง คดเคี้ยวไปมาไม่สม่ำเสมอ ภายใต้การสะท้อนของแสงสลัว มันจึงดูน่ากลัวเป็นพิเศษ“คือท่านปู่ของข้าเอง!” นางออกแรงกระซิบสี่คำนี้ใส่หูเขาหลังจากพูดจบ นางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และมองเขาอย่างเศร้าสร้อยริมฝีปากของอวี่เหวินห่าวเหยียดโค้งขึ้น เขายิ้มอย่างเคร่งขรึมเย็นชา "ข้าเองก็คิดว่าเป็นเขา ใครจะไปมีแผนการที่ละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้อีก?""ก็ใช่น่ะสิ จะมีใครควบคุมทุกอย่างได้อย่างเขาบ้าง?" แววตาของฉู่หมิงชุ่ยว่างเปล่า "อันที่จริง เขาก็อยากจะฆ่าข้าเช่นกัน? ตั้งแต่แรกตกลงกันแล้วว่าเขาจะช่วยชีวิตข้า แค่ให้หยวนชิงหลิงตายไปซะ เขาจะช่วยข้าจัดการปัญหาทุกอย่าง ข้ายังคงเป็นคุณหนูคนโตของจวนมหาเสนาบดีเหมือนดั่งวันวาน แต่ในความเป

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 645

    อวี่เหวินห่าวเฝ้าดูภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาพูดกระซิบเสียงเบา “เจ้าใช้ปู่ของเจ้ามาก่อความสับสน แต่ข้าก็มองออกอยู่ดี ข้าคอยระวังเขาอยู่แล้ว เจ้าอย่าคิดว่าเขาจะฆ่าหยวนชิงหลิงแทนเจ้าได้เลย"ก่อนที่นางจะตาย อวี่เหวินห่าวก็โน้มตัวลงมากระซิบชื่อ ๆ หนึ่งข้างหูของนางดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยเบิกโพล่งและชักกระตุกอย่างรุนแรง เสียงครางต่ำที่ดังออกมาจากลำคอจนร่างกายหดเกร็ง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจฉู่หมิงชุ่ยตายตาไม่หลับเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ลากผ่านลูกกรงเหล็กของเรือนจำ อวี่เหวินห่าวเดินจากไปด้วยสีหน้าเฉยเมยและเย็นชาการพิจารณาคดีร่วมกันกับกรมอาญาในช่วงบ่ายถูกยกเลิกไป เนื่องจากพัศดีในคุกได้มารายงานว่าฉู่หมิงชุ่ยฆ่าตัวตายและเสียชีวิตแล้วคนที่เป็นเหมือนกุญแจสำคัญก็ตายไปแล้ว คำสารภาพของโจรทั้งสองก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดี และสำหรับข้อกล่าวหาทั้งหมดจึงตกเป็นของฉู่หมิงชุ่ยไปกุลีสองคนนั้นถูกตัดสินให้ถูกตัดศีรษะ ในข้อหาร่วมกันสังหารและลักพาตัวพระชายาฉู่อวี่เหวินห่าวสั่งให้ฝูเฉิงทำการสืบสวนอย่างลับ ๆ ว่ามีใครที่เข้าม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 646

    ถังหยางนิ่งเงียบแบบนั้นอยู่นาน ลมพัดแรงเข้ามาจากทางหน้าต่าง ทำให้กระดาษบนโต๊ะให้ปลิวกระจัดกระจาย อวี่เหวินห่าวหยิบที่ทับกระดาษหยกขาวมาทับกระดาษพวกนั้นไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ดูเหมือนจะมีหลายคนคิดถึงครรภ์ของเหล่าหยวนจริง ๆ”ถังหยางกล่าวว่า "ตั้งแต่ตอนนั้นที่ข่าวได้แพร่ออกไปว่าพระชายาได้ดื่มยาต้มจื่อจินลงไป ผู้คนย่อมจับตาดูว่าจะเก็บรักษาทารกไว้ได้หรือไม่ ตอนนี้เข้าเดือนที่สี่ และครรภ์นางเข้าสู่ช่วงคงที่แล้ว ดังนั้นพวกนั้นคงจะอดทนต่อไปไม่ได้แล้วเช่นกัน"อวี่เหวินห่าวยิ้มเย้ยหยัน "เจ้าสี่ปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งเกินไปแล้ว"เจ้าสี่ อ๋องอัน หรืออวี่เหวินอัน เป็นโอรสของพระสนมกุ้ยเฟย ซึ่งมีตาเป็นแม่ทัพใหญ่ตี้เว่ยหมิง และยังเป็นหัวหน้าครูฝึกขององค์รักษ์เงาอวี่เหวินอันและอวี่เหวินห่าวนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย ในสมัยตอนเป็นเด็กทั้งคู่ต่างฝึกฝนในกองทัพ อวี่เหวินอันทุ่มเทลงแรงมีส่วนร่วมมากมายในสนามรบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขานำทัพไปปราบปรามกองโจร และทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เมื่ออายุยี่สิบปี เขาได้รับพระราชทานอัญมณีล้ำค่าจากชิงอ๋อง ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาว่าอ๋องชิงเป่าถังหยางพูดด้วยน้ำเสีย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 647

    เมื่อฟังอาซื่อพูดถึงเรื่องของหมานเอ๋อร์ หยวนชิงหลิงก็หันไปมองทางอวี่เหวินห่าวหลังจากอวี่เหวินห่าวทายาให้เสร็จแล้วก็จัดแขนเสื้อลง และพล่างเอ่ยถาม “เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”หยวนชิงหลิงจึงตอบกลับเขาไป “หมานเอ๋อร์มีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้”“เจ้าอยากให้นางอยู่นี่ก็ตามสบายเถอะ” อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างยิ้ม ๆหยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางยกแขนกอดคอเขาไว้ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ดีมากเลย"อวี่เหวินห่าวบีบแก้มนางเล่น “เพื่อรอยยิ้มของเจ้า ต่อให้ต้องตายข้าก็ยอม”อาซือทำตัวไม่ถูก นางเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ"ทำไมท่านอ๋องเป็นคนกะล่อนได้ขนาดนี้?"อวี่เหวินห่าวกลอกตามอง อาซือขมวดคิ้วพยายามซ่อนรอยยิ้มที่คุมไม่ได้ "จะกะล่อนหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับเจ้าสักหน่อย ยุ่งจริง พระชายาของข้าชอบฟังเป็นอันใช้ได้แล้ว"อาซื่อจึงเดินออกไปพร้อมทิ้งท้ายหยอกล้อเล็กน้อย "รู้สึกเลี่ยนขึ้นมาเล็กน้อยเลยเจ้าค่ะ"หยวนชิงหลิงอดขำขึ้นมาไม่ได้นางมองอวี่เหวินห่าว เห็นเขาใจลอยแบบนี้ จึงเอ่ยถามเรียกสติ "ถูกอาซื่อล้อท่านไม่พอใจหรือ?"อวี่เหวินห่าวเก็บกล่องยาให้นาง และพูดลอย ๆ ว่า "ไม่สักหน่อย ใช่แล้ว สองสามวันนี้ข้าจะอยู่ที่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 648

    สำหรับพระชายาจี้ มันเป็นเรื่องอยากที่ยอมรับทัศนคติแบบนี้ของนาง "เจ้าไม่รู้หรือ อีกนิดเดียวเจ้าเกือบตายด้วยน้ำมือของนางแล้วนะ? เจ้าไม่ควรถามเรื่องนี้อย่างละเอียดหรืออย่างไรกัน? ชีวิตเป็นของเจ้าเอง และเจ้าเองก็ควรรู้ตัว และควรระมัดระวังเอาไว้"หยวนชิงหลิงก้มหน้าก้มตาฉีดยาให้นาง พลางเอ่ยไปด้วย "ข้าเชื่อเจ้าห้า เขาเป็นคนตัดสินคดีนี้ เขาต้องรู้อยู่แก่ใจดี"“เชื่อใจผู้ชายน่ะหรือ?” พระชายาจี้พูดอย่างดูถูก “ตอนนี้เขากำลังดูแลเจ้าอย่างดี แล้ววันหลังเล่า? หากพวกเจ้าทั้งคู่ตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาเล่า? เจ้ามั่นใจได้หรือว่าเขาจะออกหน้ามาช่วยเจ้า? อย่าไร้เดียงสาให้มันมากนักเลย บนโลกใบนี้สิ่งที่ไว้ใจไม่ได้ที่สุดก็คือผู้ชาย"อวี่เหวินห่าวที่กลับเข้ามาพอดี และได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบก้าวเข้ามา "พี่สะใภ้ใหญ่ คนทำเลวทำชั่วทั้งหมดบนโลกนี้ล้วนเป็นผู้ชายหรือ?"พระชายาจี้เองก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนนางเคยแสร้งทำเป็นคนดีต่อหน้าทุกคน นางจะไม่พูดจะคำทิ่มแทงเช่นนี้ นางอยู่กับหยวนชิงหลิงมาได้สักพัก ก็เริ่มพูดจาตรงไปตรงมาจากก้นบึ้งของหัวใจนางได้ เมื่อได้ฟังสิ่งที่อวี่เหวินห่าวพูด นางก็รู้สึกประหม่าไ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status