Share

บทที่ 392

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
อวี่เหวินห่าวที่กลับมาจากอาบน้ำ ใบหน้ายังคงโกรธอยู่

“ลงโทษแล้วรึ?” อวี่เหวินห่าวก้าวเข้าไปในประตูถามอย่างเกรี้ยวโกรธ “โบยตายแล้วรึยัง?”

หยวนชิงหลิงก้าวไปข้างหน้าปรนิบัติเขาด้วยรอยยิ้ม ซับน้ำ เช็ดผมให้แห้ง และนวดไหล่ให้ “ส่งกลับไปแล้ว ครั้งนี้ตักเตือนนางเล็กน้อย อย่าได้ทำผิดใหญ่หลวงซ้ำอีก”

“ปล่อยนางไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ?” อวี่เหวินห่าวโกรธมาก และเขาเองก็ไม่กล้าโกรธ อันที่จริงตั้งแต่ต้นเขาก็ไม่ได้ยอมรับทันที ยังบอกคนอื่นว่าถูกกอดอีก เหล่าหยวนได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว

หยวนชิงหลิงกล่าว “ก็แค่กระต่ายขาวตัวหนึ่งที่ถูกคนบงการ นางไม่อยากแต่งกับมหาบัณฑิตอู๋ จึงได้ลงมือกับท่านเพื่อหวังเป็นพระชายารอง”

“บงการ? ใครบงการนาง?” ทันใดนั้นอวี่เหวินห่าวนึกถึงคนๆนึงขึ้นมา “พระชายาจี้?”

“ก็คือนาง” หยวนชิงหลิงจูงเขาให้นั่งลง “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย น้องรองเองก็ขายหน้ามากพอแล้ว ถ้ายังพูดถึงเรื่องอีก วันหลังนางคงไม่กล้ามาที่นี่แล้ว”

”ครั้งนี้นางไม่ระวังเอง ตั้งแต่แรกยังกล้าช่วยเสี่ยวหลานนั้นอีก ฮึ” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“นางถูกคนหลอกใช้ อย่าโทษนางเลย ใจเย็น ใจเย็นนะ” หยวนชิงหลิงลูบหลังเขาแล
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 393

    ไทเฮาที่ทรงทราบแล้วก็อดกลัวขึ้นมาไม่ได้ พระชายาฉู่ตั้งครรภ์อยู่เช่นนี้ จะรับมือกันเรื่องวุ่นวายใหญ่โตได้ที่ไหน? จึงได้มีราชเสาวนีย์เรียกให้คนเชิญตัวอวี่เหวินห่าวเข้าวังหลวงทันทีเสด็จย่าถามอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องที่สระผีผี เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อวี่เหวินห่าวตกใจมาก “เสด็จย่า พระองค์ทรงทราบด้วย?”เมื่อได้ยินดังนั้น เสด็จย่าก็เกือบเป็นลมหมดสติไป นางชี้ไปที่เขา “เจ้ามันเลอะเลือนจริง ๆ พระชายาฉู่นางเอะอะขึ้นมาแล้วเสียลูกไป เจ้าเอาชีวิตข้าไปเถอะ”อวี่เหวินห่าวได้ยินเสด็จย่าพูดจารุนแรงเช่นนั้นจึงรีบกล่าวว่า “เสด็จย่าโปรดวางพระทัย นางไม่ได้เอะอะอันใดและเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ได้ ไม่ได้” เสด็จย่าแม้ว่าจะทรงรู้ว่าตื่นตระหนกอย่างไม่จำเป็น แต่ว่าเป็นแบบนี้เองก็ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาที่ดี จำเป็นต้องแก้ไข นางมองอวี่เหวินห่าวและพูดว่า “เรื่องของเจ้า ข้าจะไปปรึกษาหารือกับเสด็จพ่อของเจ้า”อวี่เหวินห่าวกล่าว “ไม่จำเป็นเลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องทูลเสด็จพ่อเลย ไม่เป็นไรจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เอาเถอะ เจ้ากลับไปดูแลนางให้ดี ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ไทเฮาก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 394

    กู้ซีคนนี้ ถ้าอยากจะทำอะไรจริงจังสักอย่าง เขาจะลงมือทำอย่างรวดเร็วตอนกลางคืนหลังจากออกจากวังหลวงแล้วได้ข้อมูลเบื้องต้นมา ก็รีบไปที่จวนอ๋องสร้างผลงานทันทีเมื่อเข้ามาในสวนแล้วพบหยวนชิงผิง ทันใดนั้นกู้ซีรู้สึกดีขึ้นมาทันที การสร้างผลงานครั้งดีจริง ๆ ทำดีได้ดีเห็นผลทันตา“คุณหนูรอง!” กู้ซีก้าวเข้าไปทักทาย เรื่องเมื่อครั้งก่อน นางควรจำเขาได้หยวนชิงผิงมองเขา “คุณชายท่านนี้ ท่านดูคุ้น ๆ”กู้ซีอดทนต่ออาการใจสลาย และแนะนำตัวเองว่า “ข้าชื่อกู้ซี ข้าเป็นเพื่อนสนิทพี่เขยเจ้า”หยวนชิงผิงตกใจ และนึกขึ้นได้ว่าเรื่องเมื่อครั้งก่อนที่ประตูเมือง ตอนนั้นก็ได้ทักทายกัน หลังจากนั้นไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็หันเดินออกไป“ที่แท้คือใต้เท้ากู้ เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทยิ่งนัก!” หยวนชิงผิงทำความเคารพอย่างสุภาพ“เจ้ารู้จักข้าหรือ?” กู้ซีมองติดไปที่นางและเอ่ยถาม“พวกเราเคยพบกันมาก่อน แต่ใต้เท้ากู้อาจจำไม่ได้แล้ว” หยวนชิงผิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มจำไม่ได้? ชาติหน้าก็ยังคงจำได้กู้ซีพยายามใช้ความคิดอย่างมาก หลังจากนั้นก็ทำเป็นงุนงงสับสน “ไม่รู้ว่าเคยพบกันที่ไหน”หยวนชิงผิงพูดเตือนความจำเขา “ที่นอกเมือง เรื่องโรง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 395

    กู้ซีพยายามอดทนควบคุมน้ำเสียงตัวเอง ต่อหน้าสาวงามจะอารมณ์เสียใส่ไม่ได้เขาฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวสวยและมองหยวนชิงผิง “คุณหนูรอง แล้วพบกันใหม่”“แล้วพบกันใหม่” หยวนชิงผิงคิดว่าราชองค์รักษ์กู้ซีท่านนี้ค่อนข้างอบอุ่นอ่อนโยน ไม่เหย่อหยิ่งถือตัวเลยสักนิดกู้ซีกับอวี่เหวินห่าว และหยวนชิงหลิงเข้ามาในห้องรับรองแขกแล้วจึงนั่งลง เขาเหลือบตามองอวี่เหวินห่าว “ทีกับข้า ท่านอ๋องวางท่ายิ่งใหญ่เหลือเกิน ไว้หน้าสักนิดก็ไม่มี นึกถึงท่านตอนขอให้ข้าช่วยบ้าง”อวี่เหวินห่าวเล่นแก้วในมือและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าได้ยินมาว่า พ่อตาผู้ไม่ได้เรื่องได้ราวคนนั้นพูดถึงเรื่องงานแต่งของน้องรอง ข้าสามารถเป็นคนตัดสินเรื่องนี้ได้ครึ่งหนึ่งเลยนะ”กู้ซีมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ “ท่านอย่าเอาเรื่องนี้มาขู่ข้า”“ใครขู่เจ้ากัน? เจ้ารักพูดไม่พูด ดูที่เจ้าคุยโวไว้สิ เด็กโง่นั้นถูกเจ้าคุยโว้จนลอยขึ้นสวรรค์ไปแล้ว รักชาติ ห่วงใยราษฎร เสียสละเพื่อแผ่นดิน ช่วยผู้คนอย่างกระตือรือร้น ฮึ ไม่อายบ้างรึ? ” อวี่เหวินห่าวพูดเหน็บแหนมกู้ซีพูดออกมาได้อย่างไม่อายปากว่า “ข้าพูดเรื่องจริง วันนั้นข้าช่วยคนไปหลายคน เจ้าเองก็ไม่ใช่ไม่รู้”

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 396

    กู้ซือกล่าว “แม้สามารถขัดขวางไว้ได้ แต่ว่าฝ่าบาทก็ไม่อาจมีเรื่องขุ่นเคืองกับมหาเสนาบดีฉู่ได้เช่นกัน สำหรับฝ่าบาท เรื่องการแต่งพระชายารองก็เป็นเรื่องปกติ ถึงตอนนี้ไม่แต่ง แต่ในอนาคตเองก็ต้องหลบหนีจากเรื่องพวกนี้อีก เพียงแต่ตอนนี้เราต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อน”อวี่เหวินห่าวกล่าว “เมื่อก่อนเองก็เคยยกประเด็นเรื่องให้ข้าแต่งกับฉู่หมิงหยาง แต่ที่จริงในพระทัยเสด็จพ่อเองก็ไม่สนับสนุนมากนัก อย่างน้อยครั้งนี้… ถ้าข้ามีเหตุผลที่ดี เสด็จพ่ออาจไม่บังคับข้า แต่ว่าเจ้าเองก็พูดถูก สำหรับเสด็จพ่อแล้ว การที่ข้าแต่งพระชายารองก็เป็นเรื่องที่ปกติ ภายหลังเสด็จพ่อจะขู่บังคับอย่างไร ข้าไม่สน ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน”หยวนชิงหลิที่ได้ยิน ในใจรู้สึกหนาวเหน็บไปหมด โชคดีที่อวี่เหวินห่าวอยู่ข้างนางต่อสู้ไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแต่ว่าถ้าพูดกลับกัน ถ้าอวี่เหวินห่าวเองเห็นด้วยกับการแต่งพระชายา นางเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ มันไม่คุ้มเลยสักนิดนางมองใบหน้าของอวี่เหวินห่าวที่ค่อย ๆ สงบลง เขากำลังครุ่นคิดอยู่ ดูชาญฉลาดเป็นอย่างมากหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองบ้าผู้ชายอยู่เล็กน้อย นางมักชอบม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 397

    นางข้าหลวงสี่ก้าวไปข้างหน้า และถอนหายใจเสียงเบา “ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครปากเสียไปพูดต่อหน้าพระชายา บอกว่าท่านอ๋องอยากแต่งกับคุณหนูรองฉู่เป็นพระชายารอง นางโกรธอยู่พักหนึ่ง และทะเลาะกับท่านอ๋องขึ้นมา บอกว่าท่านอ๋องฉวยโอกาสตอนนางตั้งครรภ์ไปรับอนุ เดิมทีก็เป็นเรื่องไร้สาระ นางก็ยังจะจริงจัง ทำยังไงก็ไม่ยอมหยุด ตอนนั้นท่านอ๋องก็โกรธขึ้นมา และบอกว่าจะแต่งกับคุณหนูรองฉู่เป็นพระชายารองจริง ๆ” ขันทีมู่หรูตกใจมาก “ใครพูดจาแบบนั้นกัน?”“ยังไม่ได้ตรวจสอบหรือ? รีบปลอบพระชายาก่อน ไว้ข้าจะตรวจสอบเอง” นางข้าหลวงสี่กล่าวอวี่เหวินห่าวที่ยังโกรธอยู่ “ตรวจอะไร? ไม่ต้อง ข้าเองก็ยินดีแต่งฉู่หมิงหยางเป็นพระชายารอง จะดูว่านางจะทำกับข้ายังไง?”นางข้าหลวงสี่พูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านอ๋องตอนนี้พูดยั่วโมโหนางไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านดูสิท่านพึ่งให้นางดื่มยาอะไม่รู้ ถ้านางยกขึ้นดื่มเข้าไปจริง ๆ จะทำยังไงล่ะเพคะ?”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นความโกรธก็ลดลงเล็กน้อย และจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง “หากนางกล้าก็ดื่มยานั้นลงไป ข้าก็กล้าหย่ากับนาง” นางข้าหลวงสี่พูดเบา ๆ “ท่านอ๋องอย่าได้ทะเลาะกับพระชายาเลย หมอหลวงก็บอก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 398

    หลังจากขันทีมู่หรูไปแล้ว สองสามีภรรยาที่ได้มองตากันและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ว่าหลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็ร้องไห้ออกมานางก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา น้ำตาที่หยดร่วงเป็นสาย ทำยังไงก็หยุดไม่ได้ ตอนแรกอวี่เหวินห่าวยังคิดว่านางยังแกล้งทำอยู่ แต่เมื่อเห็นน้ำตาหยดโตที่ร่วงเผาะลงมา นางร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจมากเขารีบลุกขึ้นมายื่นมือไปลูบหน้าปาดน้ำตาพวกนั้นออก “ทำไมกัน? ทำไมจู่ ๆ ถึงร้องแบบนี้? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”หยวนชิงหลิงแค่อยากร้องไห้ แต่ยิ่งร้องก็ยิ่งเศร้าใจจนพูดอะไรไม่ออกสิ่งนี้ทำให้ทุกคนกังวลและรีบเข้ามา นางข้าหลวงสี่รีบไปเชิญหมอหลวงมาทันทีหยวนชิงหลิงหยุดร้องไห้และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร”ตาทั้งสองข้างบวมไปเหมือนเหมือนลูกวอลนัทก็ไม่ปาน“เกิดอะไรขึ้น? บอกข้าสิ!” อวี่เหวินห่าวที่เห็นถามด้วยความรู้สึกปวดใจหยวนชิงหลิงมองเขา และอดปวดใจไม่ได้ “ข้าแค่นึกถึงคำพูดที่พวกเราทะเลาะกัน ในใจข้ามันเจ็บ ข้าบอกว่าจะไป ท่านบอกว่าจะหย่าจะทำแท้งลูก ข้ารู้ว่านั้นมันเป็นเรื่องโกหก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ข้าเจ็บปวด คำพู

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 399

    ถือว่าครั้งนี้หนีรอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ไปได้แต่ว่าหยวนชิงหลิงกับอวี่เหวินห่าวต่างก็รู้ดีว่าปัญหานี้ ย่อมกลับมาได้เสมอ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าจะหลีกหนีพ้นไปได้อย่างไรในมุมกลับกัน ที่จริงหยวนชิงหลิงกลับรู้สึกมีความสุขมากเพราะไม่ใช่นางคนเดียวที่พยายามรักษามันอย่างยากลำบาก ยังมีเขาอีกช่วยนางอีกด้วยหลังจากที่ได้เจอเรื่องแบบนี้ ความรู้สึกของทั้งคู่ก็ยิ่งผูกพันลึกซึ้ง ผ่านหนึ่งเดือนไปอย่างยากลำบากเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วอากาศหนาวเย็นมาก หยวนชิงหลิงเองก็ไม่ชอบเคลื่อนไหวตอนนี้กลับมากินดื่มเป็นปกติบ้างแล้ว แม้ว่ายังมีอาเจียนคลื่นไส้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ว่าเมื่อเทียบกับอาการก่อนหน้านั้นแล้วถถือว่าดีกว่ามากลูกในครรภ์เองก็เริ่มแข็งแรงมั่นคงขึ้นแล้ว หมอหลวงที่มาตรวจดูอาการทุกครั้งล้วนพยักหน้าด้วยความพอใจ “คืบหน้าได้ดี คืบหน้าได้ดีพ่ะย่ะค่ะ”มาถึงวันที่แต่งพระชายารองฉี พึ่งมีหิมะตกไปรอบหนึ่งชิงอ๋องแต่งพระชายารองนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ที่จวนอ๋องฉีจึงจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะพี่เขยอย่างอวี่เหวินห่าว และหยวนชิงหลิงเองก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีเป็นเรื่องบังเอิญที่ว่า อ๋องจี้เองก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 400

    ในห้องโถงมีองค์หญิงหลายพระองค์ ทั้งองค์หญิงเหวินจิ้ง องค์หญิงไท่ผิง และองค์หญิงอันผิงสำหรับพระชายาชินอ๋อง นอกจากพระชายาจี้แล้ว ล้วนอยู่กันพร้อมหน้าพระชายาซุน พระชายาเว่ยและพระชายาอัน ทุกคนล้วนแต่งการปราณีตงดงามอลังการสมฐานะของพวกนางพระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งด้านหน้า นางสวมชุดคลุมปักลายดอกโบตั๋นสีแดง ปักปิ่นหยกม่วงแต่งหน้าอย่างพิถีพิถันดูสง่างามสมฐานะ หยวนชิงหลิงไม่เห็นว่านางไม่มีความรู้สึกที่ไม่มีความสุขอะไรออกมาเลย ทุกการกระทำของนางล้วนละเอียดละอออย่างถูกต้องและเหมาะสมใช่แล้ว เรื่องแต่งพระชายารองฉี นางเองที่เป็นธุระจัดการเรื่องนี้หยวนชิงหลิงเคยได้ยินเรื่องซุบซิบจากพระชายาซุนมาก่อน เห็นว่าอ๋องฉีไม่ยินยอมแต่งพระชายารอง นางก็เข้าไปขอให้ฮองเฮาทรงตัดสินพระทัยด้วยตัวเองฉู่หมิงชุ่ยเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ก็ยิ้มแย้มขึ้นมาเล็กน้อย “พระชายาฉู่ก็มาด้วยงั้นหรือ? เขิญนั่งก่อน”“ขอบคุณพระชายาฉี!” หยวนชิงหลิงกล่าวเพราะนี่เป็นการที่หญิงตั้งครรภ์ออกจากบ้านครั้งแรก หยวนชิงหลิงได้รับการปฏิบัติเหมือนแพนด้าที่เป็นสมบัติของชาติ องค์หญิงและพระชายาชินอ๋องทั้งหลายต่างดูแลเ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status