แชร์

บทที่ 299

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ไม่เกี่ยวกัน แต่ว่าถ้าทำให้ผลดีแก่ราษฎร มันก็ควรค่าที่จะยินดีกับเรื่องนี้ไหม?”

“ไม่รู้ว่าควรค่าหรือไม่ แต่ไม่ใช่ข้าที่ได้รับประโยชน์” หยวนชิงผิงไม่ได้เจตนาพูดโต้เถียง แต่ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมนางถึงคิดเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีแบบนี้

หยวนชิงหลิงพูด “เพราะว่านี่ก็เป็นชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร”

หยวนชิงผิงไม่เข้าใจ แต่ตอนที่มองนาง กลับมีดวงตาประหลาดปรากฏขึ้นมาหลายส่วน “ท่านอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ ท่านคิดเรื่องพวกนี้ไปทําไม?”

หยวนชิงหลิงเผลอตัวหัวเราะออกมา

เรื่องการเป็นพระชายาองค์รัชทายาทไม่แน่ว่าบางทีนางอาจไม่ต้องการ

ถ้าอวี่เหวินห่าวเป็นองค์รัชทายาท นางเองก็ต้องเป็นพระชายาองค์รัชทายาท

ถ้าอวี่เหวินห่าวไม่เป็นหรือไม่มีใจใฝ่ที่จะเป็นรัชทายาท ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาท ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจนางเลยสักนิด

วันรุ่งขึ้น สองพี่สาวน้องสาวออกไปที่นอกเมืองด้วยกัน

ที่นอกเมืองมีลานโล่งกว้างขนาดใหญ่อยู่แห่งนึง ตอนนี้ได้ตั้งกระโจมอย่างเรียบง่ายขึ้นมา และมีการตั้งเตามีหม้อขนาดใหญ่อยู่สองสามใบ ด้านล่างมีไฟที่โหมแรงเผาไหม้อยู่ ข้าวในหม้อเหล็กเดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยโชยไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 300

    ฉู่หมิงชุ่ยไม่ทันเห็นสองพี่น้องหยวนชิงหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเมือง นางถูกประคองโดนสาวรับใช้และหญิงชราข้างหน้า และยังไม่ทันได้แจกจ่ายโจ๊กทันที หญิงชราคนนั้นก้าวไปข้างหน้าคนที่ยืนต่อแถวรอแจกโจ๊กและพูดป่าวประกาศ “ทุก ๆ ท่านอย่าได้กังวลไป อีกสักครู่ก็จะแจกโจ๊กให้ทุกคน พระชายาฉียังรับสั่งให้คนเตรียมซาลาเปาไส้เนื้อจะส่งมาทีหลัง ซึ่งจะแจกจ่ายไปด้วยกันกับโจ๊ก”เมื่อได้ยินว่าจะมีซาลาเปาให้กิน มีเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีจากเบื้องล่าง ความร้อนร้นเมื่อครู่ได้อันตธานหายไปหมดรออีกครู่เดียว ก็พบรถม้าค่อย ๆ เข้ามาอย่างช้า ๆฮูหยินผู้สูงศักดิ์หลายท่านได้ถูกประคองลงจากรถม้า และยังมีสาวน้อยอีกหลายคน ต่างก็มาที่โรงแจกโจ๊กด้านใน มาทักทายฉู่หมิงชุ่ยนอกจากฉู่หมิงหยางและฉู่หมิงเฝิง คนอื่น ๆ พวกนั้นหยวนชิงหลิงไม่รู้จักเลย จึงหันกลับมาหา ลวี่หยา “คนพวกนั้นคือใครกัน?”ลวี่หยามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “นอกจากฮูหยินที่สวนชุดผ้าไหมสีเหลืองลูกแพรท่านนั้น คนอื่น ๆ บ่าวล้วนไม่รู้จักเพคะ?”“งั้นฮูหยินที่สวนชุดผ้าไหมสีเหลืองลูกแพรคนนั้นคือใคร?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“มารดาของพระชายาฉี ฮูหยินใหญ่ฉู่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 301

    หยวนชิงผิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่หมิงหยาง สายตาของทั้งคู่สบตากันไม่กี่วินาที หยวนชิงผิงรู้สึกพ่ายแพ้ยับเยิน จึงรีบละสายตาออกและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คนตระกูลฉู่ไม่มีคนดีสักคน”เป็นธรรมชาติที่ตระกูลฉู่ไม่มีคนดีสักคน แต่ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่หยวนชิงผิงเกลียดฉู่หมิงหยางนางเกลียดฉู่หมิงหยาง เพราะนางไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ยโสโอหังเป็นอย่างยิ่งและเห็นได้ชัดว่านางเป็นแบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้วหยวนชิงผิงไม่อยากยอมรับว่านางอิจฉาความเย่อหยิ่งจองหองของฉู่หมิงหยางซาลาเปาได้นำมาส่งแล้วคนครัวผู้คุมไฟได้ตะโกนเสียงดังออกมา “จะเริ่มแจกโจ๊กแล้ว ทุกคนโปรดเข้าแถวตามลำดับให้เป็นระเบียบด้วย”ไม่มีคนเข้าแถวเลยด้วยซ้ำคนรีบพุ่งไปที่ข้างหน้า เป้าหมายเดียวที่ล้วนถูกจับจ้องคือ ซาลาเปาไส้เนื้อที่พึ่งนึ่งสดใหม่ร้อน ๆ ส่งมาที่นี่ซาลาเปาร้อนกรุ่นด้วยไอน้ำส่งกลิ่นเนื้อหอมฉุย คนที่มารอแต่เช้าจนถึงตอนเที่ยง พวกเขาล้วนหิวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะมาสนเรื่องเข้าแถวที่ไหนกันอีก? แค่รีบหยิบซาลาเปาพวกนั้นมาสนองความอยากของหัวใจ ตับ ไต ไส้พุง สักสองสามลูกเท่านั้นเมื่อฉู่หมิงชุ่ยพบว่าคนพวกนั้นไม่สนใจฟังหัวหน้าพ่อครัว น

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 302

    แค่เพียงครู่เดียว เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นไปทั่วทุกที่ทหารยามตะโกนเสียงดังและรีบวิ่งเข้าไป “เร็ว รีบเข้าไปช่วยเร็วเข้า”โรงแจกโจ๊กถล่มลงมา เรื่องถูกหล่นลงมาทับไหมไม่ใช่ปัญหา แต่ด้านในโรงแจกโจ๊กนั้นมีหม้อเหล็กที่มีโจ๊กอยู่ร้อน ๆ อยู่หลายใบ และไฟเองก็ยังไม่ได้ดับสนิทดีด้วยหยวนชิงหลิงวิ่งเข้าไปอย่างไม่คิด ในมือล้วงหยิบกล่องยาจากแขนเสื้อออกมานางวิ่งไปถึงข้างหน้าโรงแจกโจ๊กนั้นแล้วเปิดกล่องยาออก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผ้าก๊อชห้ามเลือดและน้ำยาฆ่าเชื้อ และยังมียาที่ใช้สำหรับการปฐมพยาบาลอื่นอีกสองสามชนิดที่ประตูเมืองเหลือทหารยามเฝ้าประตูไว้แค่คนเดียว ทั้งหมดรีบเข้ามาช่วยเหลือผู้คนโรงแจกโจ๊กนั้นล้มทับผู้คนอย่างน้อยอย่างน้อยห้าสิบกว่าคนได้ ถึงอยากรีบเร่งรุดเข้าไป แต่คนก็ไม่สามารถรีบเร่งเข้าไปได้ อยู่ในความตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็รีดรุดเข้าไปกับทหารยามเพื่อทำการช่วยเหลือผู้คนทันทีคนแรกที่ทำการช่วยเหลืออกมานั้นคือ ฉู่หมิงชุ่ยเพราะว่าตอนที่ได้ยินเสียงร้องเอะอะโวยวาย นางก็คิดจะหนีออกไปแล้ว ทันทีที่โรงแจกโจ๊กพังถล่มลงมา นางก็อยู่ด้านข้างแล้ว ถ้านางเดินเร็วอีกสักสองก้าว นางก็พ้นจากอันต

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 303

    อวี่เหวินห่าวเข้าทำการช่วยเหลือผู้คนที่ติดอยู่ด้านในอย่างต่อเนื่อง โรงแจกโจ๊กเองก็กำลังจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย ผู้ได้รับบาดเจ็บเองก็ไม่เหลือไม่มากแล้วหลังจากนั้นอวี่เหวินห่าวอุ้มคน ๆ นึงออกมา นางสวมชุดสีเหลืองใบไม่ร่วงเสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะ ปิ่นปักผมรกไปหมด ผมเผ้ารุ่ยลงมาปิดบังใบหน้า เดิมทีอุ้มนางออกมาวางไว้ก็เรียบร้อยแล้วแต่ฮูหยินใหญ่ฉู่ร้องออกมาด้วยความตกใจ “ท่านอ๋อง ท่านอุ้มลูกสาวข้าแบบนี้ อาจทำให้ความบริสุทธิ์ของนางแปดเปื้อน ท่านรีบวางนางลงเถอะ”ฮูหยินใหญ่ฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย นางเป็นคนที่โชคดีคนนึง คนที่ถูกทับด้านในโรงแจกโจ๊กทั้งหมดล้วนบาดเจ็บ ยังมีอีกหลายคนที่บาดเจ็บสาหัส มีแค่นางคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บฮูหยินใหญ่ฉู่ถ้านางพูดธรรมดา คนได้ยินกันไม่มาก ที่จริงทุกคนล้วนยุ่งกันทั้งสิ้นแต่นางบางทีอาจจะตกใจและตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว ดังนั้นจึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน แต่ทุกคนก็มองข้ามไปหยวนชิงหลิงก็มองข้ามไปเช่นกันในหัวของอวี่เหวินห่าวเหมือนมีเสียงระเบิดปังดังขึ้น เมื่อหนึ่งปีที่แล้วภาพที่จวนขององค์หญิงผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่รู้ตัวสองมือของเขาปล่อยลง ฉู่หมิงหย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 304

    หยวนชิงหลิงที่ล้างแผลให้ขอทานน้อยอยู่ก่อน พบว่าเขาพูดจาขัดขวางนางไม่หยุด อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าที่เข้มขรึมขึ้น “ถ้าท่านไม่วางใจนาง ก็รีบพานางเข้าวังไปหาหมอหลวงซะ”“เจ้าดูนางก่อน ข้ากลัวว่านางอาจได้รับการกระทบกระเทือนที่ท้อง” อ๋องฉีพูดและกังวลเสียจนหันไปดูฉู่หมิงชุ่ยด้วยสายตาที่ทำเงอะงะทำอะไรไม่ถูกนางยังไม่เคยลองมาก่อนเหมือนตอนนี้ที่นางได้วิญญาณหลุดออกจากร่างแบบนี้และนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบาดเจ็บที่ไหนหยวนชิงหลิงหันไปดูฉู่หมิงชุ่ยและพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าไม่ใช่หมอโรคสตรี ไม่รู้เรื่องพวกนี้ อย่าเกะกะข้า”ฉู่หมิงชุ่ยเหมือนราวกับวิญญาณได้กลับเข้าร่างแล้ว อดไม่ได้ที่จะมองอ๋องฉีด้วยสายตาเย็นชา “ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องอย่าพูดจาเหลวไหล”แต่ว่าจู่ ๆ ในหัวนางก็มีแสงสว่างวาบขึ้นเสด็จพ่อต้องถามหาความรับผิดชอบในเรื่องนี้แน่ ถ้าหากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาล่ะ?รอบเดือนของเดือนนี้เคลื่อนมาสองสามวันแล้ว สองวันก่อนเจตนาเข้าวังไปเยี่ยมท่านป้า แล้วถือโอกาสเรียกมาหลวงมาตรวจชีพจรหมอหลวงบอกว่าดูเหมือนชีพจรจะเรียบลื่นเหมือนไข่มุกแบบหญิงตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่คล้ายเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะระยะเวลาสั้นเกินไป จึง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 305

    ขอทานน้อยคนนั้นก็พึ่งรู้ว่านางคือพระชายาฉู่ ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด หยวนชิงหลิงที่จะทำแผลให้เขา เขาไม่กล้าให้ทำเลยเอาแต่ถอยหนีลูกเดียวหยวนชิงหลิงจ้องเขม็ง “อย่าขยับ!”ขอทานน้อยหยุดขยับเขยือนทันที นิ่งเหมือนเป็นเป็นก้อนหินยังไงอย่างงั้น หายใจแรง ๆ ก็ยังไม่กล้าเขาไม่กล้ามองหยวนชิงหลิง ไม่รู้จะหลบสายตายังไง เขากลัวและตื่นแต้นจนพูดไม่ออก“เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะมาหาข้าที่จวนอ๋องฉู่ ข้าจะให้ยาเจ้า” หยวนชิงหลิงดึงขากางเกงเขาลง ที่จริงก็ปกปิดอะไรไม่ได้มากนัก กางเกงขาดหวิ่นเสียเหลือเกิน ขอทานน้อยพูดเสียงสั่น “ได้ ขอบพระทัย...ขอบพระทัยพระชายามากพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาไม่มาหรอก เลยให้ยาเม็ดไปสองสามเม็ดและพูดอธิบายไปว่า “ยานี่ วันนึงกินครั้งหนึ่ง ใช้ได้ห้าวัน ส่วนสองเม็ดนี้คือยาลดไข้ ถ้าเจ้ารู้สึกว่าตัวเองมีไข้ ก็รีบกินยานี้นะ รู้ไหม?”ขอทานน้อยค่อย ๆ ยื่นมือออกมา มือนั้นทั้งดำทั้งผอมยังกับกิ่งไม้แห้งไม่มีผิดหยวนชิงหลิงให้ยาเขาแล้วหันกลับไปรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่นต่อผู้ที่ให้การช่วยเหลือเริ่มมีมากขึ้น คนจากจวนเซียวเหยาโฮ่ว อ๋องรุ่ยชิงก็มารับพระชายาและองค์หญิงหงเติ้งจวิ๋นจู

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 306

    หยวนชิงผิงเป็นใครกัน? ที่เขาหลงรักนางเพียงเพราะหลงใหลไปชั่วขณะเท่านั้น โชคดีที่ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่านแม่กู้ซีแสดงความไม่พอใจออกมา เพื่อปกป้องจิตใจอันบอบบางของเขาส่วนใบหน้าของหยวนชิงผิงกลับเต็มไปด้วยความงุนงง เขาเป็นอะไรของเขา? ถามว่าเขาคือใครก็ไม่พูดไม่จา มิหนำซ้ำยังเดินจากไปด้วยความโมโหอีก นี่มันอะไรกัน? ถามแค่นี้ก็ไม่ได้หรือ?หยวนชิงหลิงถาม “กู้ซีเป็นอะไรไป? ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี”หยวนชิงผิงทำสีหน้าประหลาดใจ “กู้ซี? เขาก็คือกู้ซีหรือ? หัวหน้าองครักษ์หลวงนะหรือ?”“น้องรอง พวกเจ้าเคยพบกันมาก่อนแล้วนี่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้ามาที่จวน เขาเองก็มาด้วยเช่นกัน”หยวนชิงผิงเพิ่งนึกออกตอนนี้เองว่า เคยพบกันมาก่อนจริง ๆทว่าในตอนนั้น จิตใจของนางกำลังวุ่นวายสับสน จะจำได้อย่างไรกัน?แต่ดูเหมือนชายคนนี้จะใจแคบไปเสียหน่อย เพียงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร ถึงขั้นต้องโกรธเคืองกันเลยหรือ? ดูเหมือนว่าผู้ชายจะมีนิสัยเหมือนกันหมด คิดว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่ ทุกคนต้องรู้จักเขารถม้ากลับถึงจวน หยวนชิงหลิงกินข้าวและเข้านอน โดยมีลวี่หยาและนางข่าหลวงคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาจวนอ๋องมีเอาไว้สำหรับเลี้ยงห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 307

    ดังนั้น ดูผิวเผินเหมือนต้องการขอความเห็นใจให้แก่ฉู่หมิงชุ่ย แต่อันที่จริงแล้วเป็นการทำเพื่อเจ้าเจ็ดต่างหากเขา...ต้องการสนับสนุนให้เจ้าเจ็ดช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแล้วอย่างนั้นหรือ?แต่อย่างไรเสีย การที่เขาช่วยเหลือหลานชายของตนเอง ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรเพียงแต่การแสดงท่าทีออกมาอย่างรวดเร็ว จนขาดความสำรวมไปไม่น้อยเช่นนี้ ดูไม่เหมือนนิสัยของฉู่โซ่วฝูเลยสักนิดอีกทั้งยังตามออกมาต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อเช่นนี้ ถือเป็นการใช้อำนาจที่มีอยู่ในการข่มขู่ หรือว่าจะ...รีบร้อนเกินไป?อวี่เหวินห่าวหันมองฉู่โซ่วฝู แล้วพูดว่า “โซ่วฝูวางใจเถอะ เรื่องนี้จะต้องได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรมแน่นอน”พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นคารวะแล้วเดินจากไปอันที่จริงแล้ว เรื่องทุกอย่างปรากฏให้เห็นชัดเจน ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสืบสวนนานนักคนของจวนจิงจ้าวได้สอบถามความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นจากผู้เฝ้าประตูเมืองเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังซักถามชาวบ้านอีกหลายคน แน่นอนว่าพระชายาอ๋องรุ่ยและฮูหยินเหลียงล้วนอยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่เป็นการยากที่จะสืบหาความจริงทั้งหมดของเรื่องนี้สุดท้ายก็ต้องไปสอบถามฉู่หมิงชุ่ยเดิมทีอวี่เหวินห่าวไ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status