หยวนชิงหลิงเอาไม้กวาดวางบนไหล่ “ทำไมข้าต้องหุบปาก? ข้าต้องขอตัวไปก่อน ฉางกงกงบอกว่าเตรียมซุปถั่วเขียวไว้ ข้าไปดื่มซุปหวาน ๆ ก่อน ท่านก็ค่อย ๆ เป็นบ้าไป”พวกเขากลับกลายเป็นว่าไม่สามารถเข้ากันได้ดีจริง ๆ เมื่อก่อนช่างไร้เดียงสา อวี่เหวินห่าวถูกกู้ซือประคองเข้าไป หลังจากนอนลงก็ยังด่าไม่หยุด กู้ซือฟังไม่ได้อีกต่อไป “ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? ทำไมท่านไม่สามารถไปกับพระชายาต่อไปได้ล่ะ” “กู้ซือ” อวี่เหวินห่าวทุบที่เตียงอย่างโกรธจัด “เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าปากของนางร้ายกาจแค่ไหน? นางบอกว่าตาของข้าเหมือนก้นลิง”“ท่านอ๋อง ข้าถามพระองค์หน่อย พระองค์ทรงเกลียดพระชายาคนก่อนหรือเกลียดพระชายาคนปัจจุบัน?” กู้ซือยกมือถามอวี่เหวินห่าวพูดโดยไม่คิด “เกลียดเหมือนกัน” “เมื่อก่อนถ้าพูดถึงตอนทะเลาะกัน พระองค์ก็จะไม่สนใจนาง แต่ทำไมตอนนี้นางพูดประโยคหนึ่ง พระองค์ก็ทำให้เป็นปัญหา? เป็นนางที่เปลี่ยนไป หรือพระองค์เปลี่ยนไป?” กู้ซือถามกลับอวี่เหวินห่าวตกตะลึง ใช่ ทำไมถึงสนใจมากขนาดนี้ที่เกี่ยวกับทุกอย่างที่นางพูดตอนนี้? เรื่องที่นางเคยก่อ จะไม่เกลียดสิ่งที่นางทำแล้วหรือ? ไม่ว่ายังไงก็หยุดเกลียดไม่ได
หยวนชิงหลิงหยิบหูฟังแพทย์ออกมา “ไม่พูดถึงเขาแล้ว ข้าจะตรวจให้สักหน่อย” ไท่ซ่างหวงนอนลงอย่างชำนาญ เปิดเสื้อออก รอให้สิ่งที่เย็นเฉียบติดที่หัวใจ เอียงมองหยวนชิงหลิง “ข้าอยากฟัง”หยวนชิงหลิงเกาะหูฟังไว้ที่หูของเขา ยัดเข้าไปแล้วพูดว่า “ฟังอย่างละเอียด และนับ”ไท่ซ่างหวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังเสียงหัวใจขอตัวเองเต้น เป็นเหมือนเพลงกล่อมเด็กบทหนึ่ง “เท่าไหร่แล้ว?” หยวนชิงหลิงประเมินว่าเวลาผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วถาม “ห้าสิบหกครั้ง” ไท่ซ่างหวงยิ้ม ฟันของเขาเป็นสีเหลืองหยวนชิงหลิงรับช่วงต่อและฟังว่า “ไม่ถึงมาตรฐาน แต่มีความพัฒนา” ฉางกงกงสุมหัวเข้ามาด้วยความสงสัย “สิ่งนี้น่าสนุกไหม? ให้ข้าลองบ้างได้ไหม?” หยวนชิงหลิงยิ้มและยื่นให้กับเขา “ได้ เกาะไว้ที่หู วางไปที่หัวใจ จะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง” ฉางกงกงทำตามคำแนะนำของหยวนชิงหลิง ยักคิ้วไปมา พูดด้วยความปิติยินดี “แปลกจริงๆ มันเหมือนกับการตีกลอง ตึบ ตึบ เขาส่งคืนให้หยวนชิงหลิงอย่างไม่เต็มใจ “ที่ไหนมีขายสิ่งนี้? ซื้อให้ข้าด้วยสักอัน” “ข้าจะกลับไปถามให้ ถ้ามีข้าจะซื้อให้ท่าน ท่านจะต้องรับผิดชอบในการฟังเสียงหัวใจเต้นของไท่ซ่างหวง
“พระชายาบอกว่าจะพาไท่ซ่างหวงออกไปเดินเล่น ไท่ซ่างหวงก็ตกลง” เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินรายงาน คิ้วเขาก็ผ่อนคลายออก ไท่ซ่างหวงไม่ยอมออกจากพระตำหนักเฉียนคุนมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้กลับยอมออกมา เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะพอใจกับหลานสะใภ้คนนี้มาก เจ้าห้าคนนี้ ไม่พิจารณาให้รอบคอบ แต่กลับได้แต่งงานกับคนที่มีค่า อากาศแจ่มใส ไท่ซ่างหวงถูกหยวนชิงหลิงประคอง เขาเอื้อมมือไปบังแสงแดดและถอนหายใจ “โลกนี้ยังคงสวยงาม” หยวนชิงหลิงยิ้มและกล่าวว่า “พระองค์ต้องออกมาเดินเล่นบ้าง ร่างกายของมนุษย์ก็เป็นเหมือนเครื่องจักร หากไม่ได้รับการบำรุงรักษา พวกอะไหล่ก็จะมีการเสื่อมสภาพ” ไท่ซ่างหวงได้ยินคำพูดแบบนี้ ก็ครุ่นคิด “ประโยคนี้ของเจ้า ข้าเคยได้ยิน” เมื่อหยวนชิงหลิงพูดประโยคนี้ ลืมตัวไปเล็กน้อย เมื่อฉุดคิดขึ้นมาได้คำพูดเหล่านั้นก็ออกจากปากไปแล้ว เก็บกลับมาไม่ได้ รู้สึกตกใจ เมื่อได้ยินไท่ซ่างหวงพูดว่า “ไท่ซ่างหวงเคยได้ยิน เคยได้ยิน?” “ใครเป็นคนพูดเพคะ?” ไท่ซ่างหวงหันกลับมาถามฉางกงกง ฉางกงกงส่ายหัว “บ่าวไม่เคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อน” “ทำไมเจ้าจะไม่เคยได้ยิน? คำพูดนี้คุ้นเคยยิ
สนมกุ้ยเฟยเข้าไปถวายพระพร ฮองเฮากับสนมเสียนเฟยก็ไม่มีเหตุผลที่จะนั่งอยู่ที่นี่ต่อ พวกนางจึงลุกขึ้นพร้อมกันหยวนชิงหลิงประคองไท่ซ่างหวงเดินเล่นริมทะเลสาบ เขารู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อยจึงนั่งลงบนม้านั่งไม้ริมทะเลสาบ หยวนชิงหลิงช่วยสวมและจัดเสื้อคลุมตัวนอกให้ อากาศวันนี้ถ้าให้พูด หนาวก็ไม่หนาว แต่ไม่ได้ร้อนอะไรขนาดนั้น“เอาเถอะ ต้องพิถีพิถันขนาดนั้นเลย?” ไท่ซ่างหวงบ่นอย่างไม่อดทนสักเท่าไหร่“ต้องเพคะ พระองค์ออกมาเดินก็ไกล ถึงจะร้อน แต่ก็ไม่อาจโดนลมเย็นได้” หยวนชิงหลิงพูดไปพลางสวมชุดด้วย“ยังสาวยังแส้ ทำตัวเป็นยายแก่ไปได้” ไท่ซ่างหวงเงยคอกางแขนให้หยวนชิงหลิงจัดชุดได้สบาย ๆ หันไปเจอฮ่องเฮาพวกนางกำลังมาไท่ซ่างหวงคลายคิ้วแล้วบ่นอย่างเซ็ง ๆ ว่า “น่าเบื่อเสียจริง”หยวนชิงหลิงหันกลับไปมอง แล้วยืนตัวตรงประสานมือให้เรียบร้อย ในใจก็บ่นไม่ต่างกันกับไท่ซ่างหวงว่าช่างน่าเบื่อเสียจริงฮองเฮา สนมกุ้ยเฟย สนมเสียนเฟย สามคนนี้กำลังเสด็จมาทางนี้ ด้านหลังก็มีขบวนยศมีขันทีนางกำนัลมากมาย มากเสียจนทำให้ที่นี่ดูคับแคบไปเลยทีเดียวหยวนชิงหลิงก้าวไปข้างหน้าถวายพระพร “ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพร พระสนมกุ้ยเ
เธอรับรู้ได้ว่าสนมเสียนเฟยมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ตอนนี้สนมเสียนเฟยและครอบครัวของนางไม่รู้จะจัดการยังไงเพราะไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับเธออยู่นั้นไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ของเธอจะดีขึ้น ตระกูลฉู่หรือฉู่หมิงยิ่งต้องยิ่งระมัดระวังเธอขึ้นเป็นแน่อีกทั้งอวี่เหวินห่าวยังต้องเข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองซีอาน ซึ่งไม่ต่างจากการโยนหินก้อนเล็ก ๆก้อนหนึ่งลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ น้ำในทะเลสาบเกิดแรงกระเพื่อมออกไป ทุกอย่างก็จะเริ่มวุ่นวายไม่ต่างจากน้ำในทะเลสาบจักรพรรด์หมิงหยวนทรงปฏิบัติกับอ๋องฉู่อย่างเย็นชามาตลอด ทุกคนล้วนรู้ดี ว่ากันตามจริงไม่มีทางที่จะได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญเช่นนี้แน่ดังนั้นจึงมีคนคาดเดากันไปว่า นี่เป็นพระประสงค์ของไท่ซ่างหวง วันนี้ไท่ซ่างหวงเดินเล่นที่ทะเลสาบคนที่เดินข้าง ๆ ที่เป็นโปรดปรานที่สุดก็คือเธอ เธอก็เป็นพระชายาฉู่ เพื่ออ๋องฉู่เธออาจจะพูดสักคำสองคำต่อหน้าไท่ซ่างหวง อ๋องฉู่ก็เลยกลายเป็นที่โปรดปรานขึ้นมาในสายตาฝ่าบาทถ้าให้พูด อ๋องฉู่เองก็อาจมีใจมักใหญ่ใฝ่สูงถึงตำแหน่งรัชทายาท?หยวนชิงหลิงนึกถึงอวี่เหวินห่าวตอนถูกลอบสังหารขึ้นมา เธอก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น“ช่วยข้าเกาหล
หยวนชิงหลิงดึงมือออกจากและผลักเขาออกไป “ท่านจะทำอะไร?”อวี่เหวินห่าวจ้องหน้านางอย่างว่างเปล่า “เจ้าสิทำอะไร?”“หน้าของท่านมัน!” หยวนชิงหลิงกล่าวหาอวี่เหวินห่าว ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนลามกด้วยเขาทำเสียงฮึดฮัดออกมาแล้วก่นด่านาง “ก็เจ้ากดลงมาเอง ข้าแค่จะหันไปที่เดิม ไม่ได้คิดทำให้เจ้าขุ่นเคือง”“นี่จะโทษว่าข้าก็ผิดด้วยเหรอ?”“เป็นความผิดของข้าหรือไง? หรือว่าข้าลากเจ้ามากด?”เขานั่งตัวตรงแล้วพูดอย่างเย็นชา “มีอะไรวิเศษวิโส? ทำเป็นไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้ เจ้าก็เห็นทุกอย่างของข้าหมดแล้ว ก็ไม่เห็นข้าจะไม่พอใจเลย”หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ข้าทำเพื่อรักษาบาดแผลท่าน”“ใครขอให้เจ้ามายุ่ง?”“ถ้าข้ารู้แต่แรกจะไม่ยุ่งกับท่านเลย จะทำให้ท่านใช้การไม่ได้ ไร้ทายาทสืบสกุล” หยวนชิงหลิงก็รู้สึกตัวว่าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เหตุผลสำคัญคือ เขาทำเกินไปแล้ว“เจ้าคือพระชายาของข้า ข้าไร้ทายาทสืบสกุล เจ้าเองก็เหมือนกัน”“วันหลังท่านก็เลิกกับข้า” หยวนชิงหลิงหรี่ตา “พวกเราสัญญากันแล้ว” “ก่อนคิดถึงคำถามนี้ เจ้าควรนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เจ้าให้ไว้กับเสด็จพ่อ เจ้าเคยบอกพระองค์ว่าในหนึ่งปีนี้จะให้
“เรื่องแต่งงานของเจ้าถูกจัดการแล้ว? ทำไมข้าไม่รู้” หยวนชิงหลิงตกใจมาก น้องเธอเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นมาเอง? ทำไมรีบเตรียมการแต่งงานเร็วขนาดนี้?“เทียบเวลาตกฟากของข้าก็ถูกส่งไปแล้ว”“คือใครกัน?” หยวนชิงหลิงถามหยวนชิงผิงตอบย่างเย็นชา “ฉู่ต้าโย่ว”“ฉู่ต้าโย่วคือใครกัน?”นางข้าหลวงสี่ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ “หลานชายของฉู่โซ่วฝู ตอนนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว ภรรยาเสียชีวิตไปแล้วสามคน”“เจ้าเพิ่งอายุสิบห้า แต่งกับพ่อหม้ายภรรยาตายอายุสามสิบกว่า? ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนั้นก็โมโหมาก จิ้งโฮ่วเสียสติไปแล้วรึไง ถึงทำลายลูกสาวตัวเองแบบนี้“ท่านพ่อพูดว่า เกินเอื้อมข้าแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะอายุสามสิบ แต่ก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ฮุ่ยติ่งโฮ่ว สถานะมีเกียรติสูงส่งนัก”“แล้วยังไง?” หยวนชิงหลิงถาม“ไม่แล้วไง คงทำได้แค่ฟังและทำตามคำสั่งเท่านั้น” หยวนชิงผิงยังคงเยือกเย็น นางเพิ่งอายุสิบห้า นางล้วนเห็นมามาก เรื่องการแต่งงานของนาง นางไม่มีสิทธิ์คัดค้านเลยหยวนชิงหลิงถามนางข้าหลวงสี่ “ฮุ่ยติ่งโฮ่วเป็นคนยังไง?”นางข้าหลวงสี่ตอบเธอ “พระชายาถามท่านอ๋องก็ได้เพคะ ท่านอ๋องไปออกศึกตั้งแต
พอคิดว่าต้องขอให้คนพรรค์นั้นช่วยแล้ว ในใจของหยวนชิงหลิงก็รู้สึกลังเลขึ้นมา เขาต้องไม่ช่วยเธออย่างราบรื่นแน่ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาเต็มใจช่วย จิ้งโฮ่วเองก็อาจจะไม่ฟังเขา หยวนชิงผิงคิดง่ายไปอย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเต็มใจช่วย เขาต้องคิดหาทางได้แน่ “เจ้ากลับห้องพักผ่อนก่อน เรื่องนี้พวกเราต้องหารือกันอีกยาว” หยวนชิงหลิงพูดเช่นนี้หยวนชิงผิงรู้สึกอึดอัดใจมากที่จริงแล้ว ในใจของนางไม่ได้คาดหวังกับหยวนชิงหลิง การที่นางมาที่จวนอ๋องก็เพียงเพราะอยากจะหลีกหนีความจริงนี้ วันนี้พี่สาวนางกลับมาจากวังหลวง นางแค่ลองถามดู เพียงแต่คำถามนี้ ในใจนางรู้สึกคาดหวังอยู่บ้างแต่พี่นางกลับตอบว่า ต้องหารือกันอีกยาว? นี่มันแค่ข้อแก้ตัวชีวิตพี่สาวนางชาตินี้ช่างโง่เง่าไร้สมอง มีแต่เรื่องหลงใหลในตัวอ๋องฉู่ เชื่อฟังท่านพ่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา นางไม่เคยคิดว่า แตงที่ฝืนเด็ดออกจากต้นย่อมไม่หวานฉันใด การฝืนแต่งงานก็ไม่มีความสุขฉันนั้น แต่งกับอ๋องฉู่แล้วได้มีความสุขไหม?ท่านพ่อเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานถึงเลือกทำเช่นนี้ ซึ่งมันเสี่ยง แต่ก็แค่สละชีวิตลูกสาวตัวเองไปคนนึงเท่านั้น แต่นางไม่อยากทำแบบนี้ นี่มันคว