ภายในสนามบาส เสียงกรี๊ดดังลั่นจากเหล่านักศึกษาหญิงเมื่อรุ่นพี่แทนไทเดินลงสนามบาสด้วยชุดแข่งที่เรียบง่าย แต่ดูดีจนสะดุดตา เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วน กล้ามเนื้อกระชับราวกับถูกปั้นแต่ง หน้าตาหล่อเหลาคมคายเหมือนพระเอกซีรีส์เกาหลี
แทนไทไม่เพียงแค่หน้าตาดี แต่ยังมีความสามารถที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทุกครั้งที่เขาลงแข่ง ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือกิจกรรมใด ๆ เขามักจะทำคะแนนสูงสุดและนำทีมไปสู่ชัยชนะเสมอ
“นั่นไง พี่แทนไท!” แพรวากระซิบอย่างตื่นเต้น พลางสะกิดเจที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“หล่อใจละลายชะมัด แกไม่สนใจพี่เขาเหรอ?”
“ก็แค่คนๆ นึงน่ะ”
แพรวาถลึงตา
“คน ๆ นึงที่ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แล้วก็เป็นขวัญใจสาว ๆ ครึ่งมหา’ ลัยนะ! แกนี่ไม่เข้าใจอะไรเลย!”
เจยักไหล่ไม่สนใจนัก สายตาของเธอมองไปยังสนามอย่างเฉยชา ท่ามกลางเสียงเชียร์และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
การแข่งขันบาสระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์กับคณะบริหารธุรกิจกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด คณะบริหารที่มีผู้เล่นมากประสบการณ์กำลังขึ้นนำอย่างชัดเจน เสียงเชียร์จากฝั่งคณะบริหารดังกึกก้องยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น
“โอ๊ย คณะเราโดนนำ ทำไมกากงี้วะ!” แพรวาพึมพำอย่างหงุดหงิด
ไม่นานนัก โค้ชของทีมวิศวะคอมพิวเตอร์ก็ส่งสัญญาณเปลี่ยนตัว ทันทีที่ชื่อ ‘แทนไท’ ถูกประกาศ เสียงเชียร์จากฝั่งคณะวิศวะก็เปลี่ยนเป็นเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
“มาแล้ว! ฮีโร่ของเรา!”
เจหันไปมองตามเสียงเชียร์ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดแข่งสีน้ำเงินก้าวลงสนามอย่างมั่นใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าคมคายของเขาทำให้ผู้ชมที่เป็นสาว ๆ หลายคนกรี๊ดลั่น
เมื่อแทนไทลงสนาม การเล่นของทั้งทีมก็เริ่มเปลี่ยนไปทันที เขาไม่เพียงแต่เล่นเก่งในเชิงรุก แต่ยังควบคุมจังหวะของทีมอย่างยอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและไหวพริบ ทุกการส่งลูก การเลี้ยงลูก หรือการชู้ตดูเหมือนคำนวณมาอย่างแม่นยำราวกับเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่วงหน้า
แทนไทเป็นจุดศูนย์กลางของทีม เขาเคลื่อนที่ด้วยความคล่องแคล่วและเฉียบขาด ราวกับนักวางกลยุทธ์ในสนามรบ บางครั้งเขาก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมทีมปรับเปลี่ยนแผนกะทันหัน และทุกครั้งที่เขาตัดสินใจ มันกลายเป็นจังหวะสำคัญที่นำทีมเข้าใกล้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง
“หืม? เขาเก่งแฮะ” เจพึมพำเบา ๆ ขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่สนาม
“ใช่ไหมล่ะ! ฉันบอกแล้วว่าเขาสุดยอด!” แพรวายิ้มกว้าง
สายตาของเจยังคงจับจ้องที่แทนไท ในจังหวะที่เขาลงมือชู้ตลูกสามแต้มสำเร็จ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่กึกก้อง ท่าทางของเขาสง่างามและโดดเด่นราวกับราชาแห่งสนามกีฬา ผู้คนในสนามต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดีกับคะแนนที่เขาทำได้
ผลการแข่งขันในท้ายที่สุด ทีมวิศวกรรมคอมพิวเตอร์สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้ และก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของการแข่งขันบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ
“กลับยัง?”
“เฮ้ย ยัยนั่นใครกัน”
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นจากนักศึกษาหญิงที่ยืนอยู่รอบสนาม เจหันไปตามสายตาของแพรวาและเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวน่ารัก เดินตรงไปหาแทนไท เธอถือของบางอย่างไว้ในมือ พร้อมกับยื่นให้เขาอย่างตั้งใจ
นักศึกษาหลายคนลุ้นกันแทบหยุดหายใจ สายตาจ้องมองว่าราชาแห่งสนามบาสจะตอบรับอย่างไร
แทนไทเหลือบมองหญิงสาวเพียงนิดเดียว ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไรหรือแม้แต่หยุดมองของที่เธอยื่นให้ เขามุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่หลังสนามด้วยท่าทางที่เยือกเย็น
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความชื่นชม
“โห! อย่างเท่ เย็นชา แต่เท่มากพ่อ!!!” แพรวาถึงกับกรีดร้องออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอก
“เว่อน่ะ กลับได้แล้ว ฉันหิว!” เจส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แพรวายังดูตื่นเต้นไม่หยุด แต่ก็ยอมเดินตามเจออกจากสนามบาส ทิ้งเสียงเชียร์และความคึกคักไว้ข้างหลัง
ช่วงบ่าย บรรยากาศในตึกกลางของมหาวิทยาลัยคึกคักกว่าปกติ ผู้คนจำนวนมากมายืนออรออยู่ด้านหน้าห้องประชุมใหญ่ โดยเฉพาะสาว ๆ จากหลากหลายคณะ ทุกคนต่างพากันพูดคุยอย่างตื่นเต้น เจและแพรวาที่เพิ่งมาถึงต่างมองภาพตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“อะไรกันวะ? ทำไมคนเยอะขนาดนี้อะ?” เจพูดพลางขมวดคิ้ว แอบทำหน้าเซ็งกับจำนวนคนที่เบียดเสียดกันอยู่
“นั่นดิ ปกติงานเสวนาเกี่ยวกับระบบเกมไม่น่ามีคณะอื่นมานี่หว่า”
ขณะที่ทั้งสองกำลังสงสัย สายตาของแพรวาก็สะดุดกับหญิงสาวที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางฝูงชน
“นั่นมันยัยน้ำค้าง ดาวคณะนิเทศนี่ มาทำไมวะ?” แพรวาสะกิดให้เจดู
“ไม่รู้เหมือนกัน” เจส่ายหน้าอย่างงุนงง
ทั้งสองคนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างงุนงง จนได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นจากอีกฟากของฝูงชน
“อ้าว เจ แพรวา! ทางนี้ๆ”
เจหันไปมองก็พบกับพี่แซน พี่รหัสของเธอที่กำลังโบกมือเรียกอยู่ ทั้งสองรีบมุดฝ่าฝูงชนเข้าไปหา
“พี่แซน ทำไมคนเยอะขนาดนี้คะ?” แพรวาถามทันทีที่เข้าไปถึง
พี่แซนถอนหายใจหนัก ๆ
“เฮ้อ ก็คนที่มาเสวนาวันนี้คือ...”
ก่อนที่พี่แซนจะพูดจบ เสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นห้องประชุมใหญ่จนทุกคนหันไปมอง ทันทีที่ประตูด้านหน้าห้องเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาในชุดลำลองเรียบง่าย แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาเหมือนสว่างขึ้น
“แทนไท!”
ชื่อของเขาดังมาจากเสียงตะโกนของใครบางคนในฝูงชน เจกับแพรวามองหน้ากันด้วยความตกใจ
“อย่าบอกนะ... ว่าคนที่มาเสวนาคือพี่แทนไท” แพรวาเบิกตากว้าง
พี่แซนพยักหน้า
“ใช่ พี่แทนไท รุ่นพี่วิศวะคอมพิวเตอร์ที่ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ทั้งเทพในเกมนั่นแหละ ตอนนี้เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านระบบเกมให้บริษัทเมกาเบิร์ธ สตูดิโอ”
“โอ๊ย ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคนถึงมาจากทุกคณะ!” แพรวากระซิบกับเจอย่างตื่นเต้น
เจมองแทนไทที่เดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางสง่างาม ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดของสาว ๆ รอบตัว เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรในงานเสวนานี้
แทนไทขึ้นไปยืนหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ แสงไฟส่องลงมาที่เขา ใบหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูสุขุมและมั่นใจ เขาเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวสั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่หัวข้อหลัก
“วันนี้ผมได้รับเชิญมาเพื่อพูดเกี่ยวกับแนวคิดในการพัฒนาระบบเกม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการวางกลยุทธ์และการออกแบบระบบให้ผู้เล่นมีประสบการณ์ที่ดีที่สุด” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและชัดเจน
ทุกคนในห้องประชุมฟังอย่างตั้งใจ แม้กระทั่งเจที่ปกติไม่ค่อยสนใจคนแบบเขายังเผลอจดจ่อไปกับคำพูดที่ดูจริงจังและน่าสนใจ
“ในการออกแบบเกม สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่กราฟิกสวย หรือระบบที่ซับซ้อน” แทนไทพูดต่อพร้อมฉายภาพประกอบบนจอ
“แต่คือการทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของโลกในเกม รู้สึกว่าเขาสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างอิสระ”
แพรวากระซิบข้างหูเจ
“โห ดูเขาพูดสิ หล่อขึ้นไปอีกสิบเท่า!”
เจกลอกตาเบา ๆ แต่ก็ยอมรับในใจว่าแทนไทไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ความรู้และทักษะของเขาก็เหนือชั้นอย่างแท้จริง
หลังงานเสวนา ฝูงชนทยอยกันออกจากห้องประชุม บางคนยังพยายามเข้าไปขอลายเซ็นหรือถ่ายรูปกับแทนไท แต่เขากลับขอตัวและเดินออกทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“เขาทั้งเก่ง ทั้งดูดี แถมยังถ่อมตัวอีก โอ๊ย ฉันหลงเขาแล้ว!” แพรวาพูดพลางทำหน้าเพ้อฝัน
เจหันมองแพรวาแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะมองไปยังทางที่แทนไทเดินหายไป
‘เขาก็น่าสนใจจริงๆ ล่ะ’ เจคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา
เสียงคลิกเมาส์ดังแผ่วเบาในมุมหนึ่งของร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น ผ้าม่านโปร่งแสงปล่อยให้แสงแดดยามเย็นลอดผ่านเข้ามา บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นและเสียงเพลงเบา ๆ ที่เปิดคลอเจนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า บนจอแสดงภาพแผนที่ของเกมคิงดอมเควสออนไลน์ พร้อมกับบันทึกย่อที่เต็มไปด้วยรายละเอียดการวางแผนสำหรับอีเวนต์ใหญ่คืนนี้“ธนูยืนแนวหลัง... นักเวทย์ต้องคุมวงพื้นที่ตรงนี้ แล้วก็ตั้งแทงค์ไว้ตรงนี้กันบอสหลุด” เจพึมพำเบา ๆ พลางจดบันทึกเพิ่มเติมในสมุดข้างตัวขณะกำลังตั้งใจวางแผน เสียงใสของมีน พนักงานสาวในร้านและรุ่นพี่มหาวิทยาลัยก็ดังขึ้น“เจ พี่ขอตัวไปทำธุระที่ธนาคารสักครู่นะ”เจเงยหน้าจากจอ ยิ้มรับเล็กน้อย“ได้สิพี่มีน ไปเถอะ เดี๋ยวเจดูร้านให้เอง”“ขอบใจมาก ถ้ามีลูกค้าเยอะเดี๋ยวพี่รีบกลับ” มีนส่งยิ้ม ก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้านไปเจเหลือบตามองประตูร้านที่ปิดลงชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่หน้าจอเหมือนเดิมเธอรู้ดีว่าอีเวนต์ใหญ่คืนนี้ไม่ใช่แค่การปราบบอสธรรมดา แต่มันคือบททดสอบความสามัคคีของทีมและความสามารถในการวางแผนของเธอใ
เสียงประตูร้านคาเฟ่ปิดลงพร้อมป้าย “ปิดบริการ” ที่พลิกหันออกไปด้านนอก เจถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก หลังจากทำความสะอาดร้านและเตรียมทุกอย่างไว้สำหรับวันพรุ่งนี้“สองทุ่มตรง... ได้เวลาแล้ว” เธอกล่าวเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของร้าน ที่เป็นทั้งบ้านและพื้นที่ส่วนตัวของเธอประตูห้องนอนถูกผลักเปิด เผยให้เห็นพื้นที่ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ลงตัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมปรับอากาศลอยคลุ้ง อุปกรณ์เกมระดับไฮเอนด์วางเรียงรายอยู่มุมห้อง มีจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ชุดคีย์บอร์ดและเมาส์ RGB ที่เปล่งแสงระยิบระยับ และเก้าอี้เกมมิ่งที่ออกแบบให้รองรับสรีระอย่างพอดีแสงไฟในห้องถูกปรับเป็นโทนสีม่วงอมฟ้า ทำให้บรรยากาศดูเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง เจเดินตรงไปนั่งลงที่เก้าอี้ หยิบหูฟังขึ้นมาสวมด้วยท่าทางคุ้นเคยเธอเปิดเกม Kingdom Quest Online ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงอินโทรเกมดังกระหึ่มในหูฟัง เจคลิกเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล็อกอินเข้าสู่บัญชีของเธอJ.W. ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือชื่อในเกมของเธอ หัวหน้ากิลด์แห่ง Shadow Wings ที่กำลังจะนำทีมเข้าสู่ภารกิจครั้งสำคัญในคืนนี้• • • •
“ทุกคน ตามแผน! อย่าตื่นตระหนก!” เสียงของเจดังผ่านแชทเสียง น้ำเสียงมั่นคงและเด็ดขาดของเธอช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทีมการต่อสู้กับดราโกนาธ บอสมังกรยักษ์กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด เปลวเพลิงสีแดงฉานของมันแผดเผาพื้นที่รอบข้างจนแทบเป็นเถ้าถ่าน เศษซากสิ่งปลูกสร้างในเกมกระเด็นกระจัดกระจาย แต่ทีมชาโดว์วิงส์ก็ยังคงรักษาความสามัคคีเอาไว้ได้ การสื่อสารที่ยอดเยี่ยมและความสามารถของแต่ละคนช่วยกันลดพลังชีวิตของบอสลงอย่างต่อเนื่อง“แทงค์ระวัง! อย่าให้มันหันไปทางแนวหลัง!” เจตะโกนเตือนพลางกดสกิลสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมพลังชีวิตของดราโกนาธค่อย ๆ ลดลงจนเหลือเพียง 15% สัญญาณแห่งชัยชนะเริ่มฉายชัด เจมองเห็นโอกาสที่เธอเฝ้ารอมานาน“ทุกคนถอยออกมา! ฉันจะโจมตีปิดฉาก!”ร่างของ J.W. ในเกมพุ่งทะยานเข้าสู่แนวหน้าด้วยความเร็วสูง เธอเปิดใช้งานสกิล Shadow Breaker พลังอันรุนแรงระเบิดออกจากดาบของเธอ พื้นดินในเกมสั่นสะเทือนราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ คลื่นพลังมหาศาลพุ่งตรงไปยังบอสแต่เพียงเสี้ยววินาที ดราโกนาธกลับตวัดปีกขนาดใหญ่ของมัน แรงลมมหาศาลส่งร่างของ J.W. กระเด็นออกไปไกล พร้อมกันนั้น เปลวเพลิงสีเขียวมรกตที่ลุกโชติช่วงก็พุ่
เสียงคำรามของดราโกนาธ มหาอสูรก้องกังวานไปทั่วสนาม การต่อสู้ดุเดือดราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด ทีมสกายฟอลคอนกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุด เปลวเพลิงสีเขียวจากมังกรยักษ์เผาพื้นที่รอบข้างจนแทบไม่เหลือที่ยืน“มันแข็งแกร่งเกินไป! แบบนี้เราไม่ไหวแน่!” วัฒน์พูดเสียงสั่นผ่านไมโครโฟนแทนกัดฟันแน่น ขณะที่ดวงตาจ้องจอเกมอย่างไม่กระพริบ สมองของเขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว“ทุกคนหยุดโจมตี! ฟังแผนใหม่ของฉันก่อน!” เสียงของเขาดังขึ้นนิ่งและมั่นคงทีมทั้งหมดหยุดชะงัก แม้พวกเขาจะรู้สึกสิ้นหวังกับพลังของมังกร แต่คำสั่งของแทนทำให้ทุกคนสงบลงและเริ่มฟังอย่างตั้งใจ“รัน ดีบัฟลดพลังโจมตีของมันต่อเนื่อง อย่าให้มันมีจังหวะปล่อยสกิลใหญ่ได้อีก”“ได้เลย!” รัน ตอบก่อนจะเริ่มร่ายเวท "Curse Frost" พลังดีบัฟที่ทำให้บอสโจมตีช้าลงและอ่อนแรงลงเล็กน้อย“ดล นายกับ วัฒน์ ลุยอิมป์เพลิง อย่าให้มันรุมเข้ามาเพิ่มความเสียหาย”“เข้าใจแล้ว!” ดล ตอบพร้อมพุ่งไปด้านข้าง ใช้สกิล "Shadow Dash" แทงทะลุอิมป์เพลิงในเสี้ยววินาที“วัฒน์ ตามมา ฉันจะเคลียร์ด้านซ้าย!”“โอเค!” วัฒน์ ตอบและเล็งธนูยิงสนับสนุน“ส่วน วิทย์ดึงบอสไว้ให้มั่น ใ
ร้านคาเฟ่ ‘Luna Brews’ ใจกลางเมืองคึกคักไปด้วยผู้คน เสียงเครื่องชงกาแฟดังก้องเคล้ากับเสียงพูดคุยเบา ๆ จากลูกค้าที่นั่งกระจายตัวตามมุมต่าง ๆ โต๊ะไม้ขัดมันสะอาดสะท้อนแสงแดดยามสายผ่านกระจกใสที่เปิดโล่งแทนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน สายตาของเขาจ้องจอแล็ปท็อปตรงหน้า ร่างสูงในชุดเรียบง่ายแต่ดูดีดึงดูดสายตาผู้คน เสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอกเข้ากันอย่างลงตัวกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเสริมลุคที่ดูสบาย ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทรงผมเซตเรียบง่ายโชว์หน้าผากกว้าง ดวงตาคมสีดำสนิทฉายแววครุ่นคิด เงียบขรึม และสุขุม เพียงเขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนรัศมีบางอย่างดึงดูดสายตาสาว ๆ ในร้าน ทุกคนต่างเหลียวมองผ่านโต๊ะของเขาอย่างอดไม่ได้ บ้างก็หันไปกระซิบกับเพื่อนอย่างตื่นเต้น“ไง รอนานมั้ย?”เสียงทุ้มชัดเจนดังมาจากด้านหลังของแทน ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อปทันที เบียร์ รุ่นพี่คนสนิทจากคณะวิศวะคอมพิวเตอร์ก้าวเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้าคมเข้มยังคงดึงดูดทุกสายตาเหมือนเดิมเบียร์หรือในโลกใต้ดินรู้จักเขาในฉายา ‘ผู้ไร้เงา’ เป็นแฮกเกอร์อันดับหนึ่งผู้สร้างตำนาน ด้วยการเจาะ
ร้านคาเฟ่ ‘Bookmark Brews’ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยไทระ เป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ในตัวเอง ด้วยการตกแต่งผสมผสานระหว่างความอบอุ่นของไม้และชั้นหนังสือที่วางเรียงรายตามผนัง เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ คลอไปกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่อบอวลทั่วร้านแทนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเบียร์ ทั้งสองมองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อสำรวจบรรยากาศ แสงธรรมชาติส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ทุกมุมของร้านดูสว่างและสงบ“ที่นี่เหรอ?”เบียร์ถาม พลางเลิกคิ้วเมื่อเห็นลูกค้าสองสามคนกำลังนั่งอ่านหนังสือในมุมต่าง ๆ ของร้าน และบางคนก็ใช้มีแล็ปท็อปนั่งทำงาน“ตามพิกัดคือที่นี่ล่ะ” แทนตอบพลางกวาดสายตามองหาหญิงสาวคนนั้นทั้งสองคนเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ โดยมีน พนักงานสาวประจำร้านก็เอ่ยต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส“ยินดีต้อนรับค่ะ รับอะไรดีคะ”“เอสเพรสโซ่ร้อน” แทนสั่งเสียงเรียบ“อเมริกาโน่ร้อน” เบียร์ต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพแทนมองไปรอบ ๆ ร้าน สายตาสำรวจไปยังมุมต่าง ๆ ก่อนจะหันกลับมาถามมีนด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ดูปกติ“พนักงานวันก่อน...”กริ๊ง!เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น ดึงความสนใจของทั้งแทนและเบียร์“พี่มีน เมล็ดกาแฟมาส่งค่ะ ให้เจทำไงคะ?”เสียงหวานใส
โต๊ะประจำของเจที่หลังตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ เป็นมุมสงบที่เธอมักมานั่งพักผ่อนช่วงว่าง เสียงลมอ่อน ๆ พัดผ่านต้นไม้รอบบริเวณ เพิ่มความเย็นสบายให้บรรยากาศ แต่ความคิดของเจกลับไม่ได้สงบเหมือนสภาพแวดล้อมรอบตัวเธอนั่งมองนามบัตรในมือเล่น หมุนมันไปมาระหว่างนิ้วอย่างใช้ความคิดเอาไงดีเนี่ย...เกมใหม่เลยนะ...แต่...เขาชวนเราทำไม?“เจ เจ!!” เสียงเรียกดังลั่นดึงเธอออกจากภวังค์ เจสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้า“ห๊ะ?”“เหม่อไปไหนของแกวะ?” แพรวาพูดพลางนั่งลงตรงข้าม ยื่นนิ้วชี้มาจิ้มแก้มของเจเบา ๆ“เออ คิดไรเพลินๆ น่ะ” เจตอบปัด ๆ พร้อมกับดันมือเพื่อนออก“แก พรุ่งนี้มีงานปาร์ตี้ประจำควอเตอร์ ไปกันมั้ย?” แพรวาพูดพลางทำตาเป็นประกายแบบอ้อนสุด ๆ“ไม่ไปอะ”“โหย แกอะ ไปหน่อยเหอะ นะ นะ นะ พรีสสสส!” แพรวาทำเสียงอ้อนสุดชีวิต พร้อมเขย่ามือเจไปมา“อะไรของแกวะ ทำไมต้องอยากไปขนาดนั้น?” เจเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย“ก็....รอบนี้ เป็นคิวของกรุ๊ปพี่แทนไทจัดปาร์ตี้อะ อ๊ายย”แพรวาทำท่าเขินอายมิดเมี้ยน พร้อมกรี๊ดเบา ๆ“แล้ว?”“พี่แทนไทปิดผับอีคลิปส์ ลักซ์ เลาจน์ เลี้ยงเลยนะ ผับหรู ไฮโซ ไม่
เสียงลมหายใจของเจยังคงสะท้อนอยู่ในหัว ราวกับสัมผัสร้อนแรงเมื่อตอนบ่ายยังตราตรึงไม่เลือน แม้ตอนนี้เธอจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โลกแห่งความจริงถูกแทนที่ด้วยหน้าจอเกมคิงดอมเควสออนไลน์ แต่หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้“ตั้งสติหน่อย เจ… เธอไม่ใช่คนที่จะมาหลุดเพราะเรื่องแบบนี้” เธอบอกตัวเองเสียงเบา พยายามดึงความคิดกลับมาสู่หน้าจอที่แสดงข้อมูลทีมและแผนการโจมตีสำหรับอีเวนต์ใหญ่มือเรียวเลื่อนเมาส์และกดแป้นคีย์บอร์ดเพื่อเตรียมแผนกลยุทธ์ให้พร้อม ในฐานะหัวหน้ากิลด์ชาโดว์วิงส์ เธอไม่มีเวลามาเสียสมาธิกับเรื่องส่วนตัวแต่ในขณะเดียวกัน ภาพดวงตาคมกริบและสัมผัสอุ่นร้อนของเขาก็ยังคงแว่บเข้ามาในความคิดเป็นระยะ เธอส่ายหน้าเบา ๆ พยายามไล่ความรู้สึกเหล่านั้นออกไป“...ทุกคนรอคำสั่งฉันอยู่”เจสูดลมหายใจลึก ตั้งสมาธิอีกครั้ง ก่อนจะเปิดไมค์เพื่อเริ่มสั่งการทีมที่รอเธออยู่ในเกมโลกของเกมคิงดอมเควสออนไลน์ ในค่ำคืนนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมนและพลังลึกลับที่ยากจะหยั่งถึง เมื่อดันเจี้ยนพิเศษ ‘หอคอยแห่งนิรันดร์’ ได้เปิดประตูต้อนรับเหล่านักผจญภัยเป็นครั้งแรกตัวหอคอยตั้งตระหง่านกลางป่าทึบที่ดูเหมือนจะไร้ที่ส
เจใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการเขียนโค้ดสำหรับป้องกันระบบในโปรเจกต์ของแทนไท แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเพ่งสายตาไปที่หน้าจอแค่ไหน เมื่อไหร่ที่เธอหยุดพักสายตาและสมอง ภาพใบหน้าคมเข้มและสัมผัสร้อนแรงของเขาในคืนนั้นก็กลับมาวนเวียนในหัวเธอไม่หยุด“โอ๊ยยยย! จะบ้าตายแล้ว!”เธอร้องออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิง แล้วคว่ำหน้าลงกับโต๊ะ เสียงบ่นงึมงำดังลอดออกมาจากปาก“ทำไมถึงนึกถึงแต่คืนนั้นอยู่ได้เนี่ย! เขาสะกดจิตฉันไว้รึไงกัน!”เจครางออกมาพลางจิ๊ปากอย่างขัดใจ ในใจก็พยายามสลัดภาพเหล่านั้นออก แต่เหมือนยิ่งห้ามยิ่งคิดทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังขึ้น ดิสคอร์ดกลุ่มกิลด์ชาโดว์วิงส์มีข้อความเด้งขึ้นมารัวๆเธอหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน ข้อความในแชทของสมาชิกกิลด์เต็มไปด้วยการแจ้งเตือนเรื่องการซ้อมรบในอารีน่าวันนี้Rogue_Key: ‘หัวหน้า! ลืมรึเปล่าว่าต้องซ้อมรบน่ะครับ!!’Dark_Nont: ‘นั่นสิ พวกเรารออยู่นะคร้าบ~ อย่ามาสายล่ะ’Silent_Rey: ‘หัวหน้ามาช้า จับตีแน่!’เจถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาเบิกกว้าง ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ“บ้าชิบ! ลืมสนิทเลย!”J.W.: ‘กำลังจะเข้าเกม!’เจวางมือถือ รีบเปิดแล็ปท็อปตรงหน้าเพื่อเข
กว่าที่แทนไทกับเจจะได้ทานมื้อเที่ยง ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม เพราะเขาไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนง่ายๆ แถมยังสั่งให้คนส่งอาหารฝากไว้ที่นิติบุคคลของคอนโดแทน“สุดท้าย...พี่ก็อิ่มอยู่คนเดียว”เจบ่นเสียงเบา กระปอดกระแปด ขณะที่นั่งมองแทนไทที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมถุงอาหารในมือ ก่อนจะยกซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นที่อุ่นร้อนแล้วมาวางตรงหน้าเธอ“หืม? ฉันยังไม่อิ่มเลยนะ”เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาคมที่มองเธออย่างมีเลศนัยเจชะงักเล็กน้อยเมื่อสบตากับเขา ใบหน้าของเธอร้อนขึ้นทันที และรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว (˶˃ᆺ˂˶)“จะอิ่มไม่อิ่มก็เรื่องของพี่สิคะ รีบกินเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปเย็นหมด” เธอพูดตัดบทก่อนจะยกช้อนขึ้นมาจิบซุปเบาๆแทนไทหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเขินอายของเธอ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ และเริ่มทานอาหารไปพร้อมกัน“ถ้าเป็นเธอ...ฉันไม่อิ่มอยู่แล้ว”คำพูดของเขาทำให้เจถึงกับสำลักซุป หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ขณะที่แทนไทยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และเอื้อมมือไปลูบหลังเธอเบาๆ“พอแล้วค่ะ...รอยเต็มตัวหมดแล้ว” ประโยคหลังเธอแอบบ่นเบาๆแทนไทเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอียงหน้ามองเธอด้วยรอยยิ้ม“อยู่ข้างใน ไม่มีใครเห็นหรอ
“เดี๋ยว!”“คะ?”เจหยุดชะงัก เอียงคอมองแทนไทด้วยความสงสัย เมื่อเขาจับข้อมือเธอไว้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออก“เธอคงไม่คิดจะออกไปข้างนอกด้วยสภาพแบบนี้หรอกนะ?”เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นอย่างเนิบช้า พร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์ สายตาคมของเขาเลื่อนมองสำรวจทั่วร่างของเธอ“อ๊ะ!”เจก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำจนร้อนผ่าว เสื้อยืดตัวโคร่งของเขาที่เธอสวมใส่อยู่ แม้จะปิดตัวมิดชิด แต่เนื้อผ้าบางเบานั้นเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจนเสื้อชั้นใน...ไม่มี!แพนตี้...ไม่มี!“พี่ไม่เตือนแต่แรกล่ะคะ!” (˶˃⤙˂˶)เจโพล่งขึ้นเสียงสั่น รีบจับชายเสื้อดึงเข้าหาตัวแน่นอย่างลนลานแทนไทหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นฟังดูเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด“นึกว่าเธอรู้ตัวอยู่แล้ว”“พี่แทน! แกล้งกันนี่นา!”“ฉันเปล่านะ”เขายักไหล่ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ดึงกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายและเสื้อคลุมบางออกมายื่นให้เธอ“เปลี่ยนซะ แล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน”แทนไทยิ้มบางๆ มองเจที่รับชุดจากมือเขาไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอกำลังจะหันตัวกลับไปทางห้องน้ำ แต่แทนไทกลับดึงข้อมือเธอไว้“พี่แทน?”“เปลี่ยนใจละ” เขาพูดพลางจูงมือ
ในห้องเซิร์ฟเวอร์ทดสอบอันล้ำสมัย แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หลากสีสะท้อนแสงวูบวาบไปทั่ว ห้องนี้ดูเหมือนศูนย์ควบคุมอะไรสักอย่างในหนังไซไฟ มีเสียงพัดลมระบายความร้อนของเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ดังแผ่วเบา แต่กลับเพิ่มความขลังให้กับบรรยากาศเจนั่งอยู่ที่หน้าจอหลัก ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองหน้าจอด้วยสมาธิเต็มเปี่ยม มือเรียวพิมพ์คำสั่งลงบนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว สายตาของแทนไทที่นั่งอยู่ด้านหลังคอยมองเธออย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาแฝงความพอใจปนชื่นชมเจเริ่มต้นด้วยการเปิดหน้าต่างคำสั่ง และรันโปรแกรมพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ทดสอบเพื่อเตรียมความพร้อม เธอพึมพำเบาๆ พลางตรวจสอบค่าพื้นฐานและดูว่าสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับการติดตั้งระบบป้องกันหรือไม่“ระบบที่ฉันออกแบบไว้...เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพค่ะ” เจเอ่ยขึ้นขณะที่พิมพ์โค้ดต่อเนื่อง“มันจะทำหน้าที่เหมือนยามเฝ้าประตูของเซิร์ฟเวอร์”เธอกดปุ่ม Enter พร้อมกับหน้าจอแสดงข้อความตอบสนองทันที“กำลังเริ่มการติดตั้ง...”“อธิบายหน่อยสิ” แทนไทเอ่ย น้ำเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความสนใจเจหันมามองเขาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มอธิบาย“ระบบนี้จะทำงานสองชั้น ชั้นแรกคือ Firewall ซึ่งจะปิดก
หลังจากที่เจทานอาหารเช้าเรียบร้อย แทนไทก็พาเธอตรงไปยังห้องทำงานอีกห้องหนึ่งของเขา เมื่อประตูถูกเปิดออก เจถึงกับตาโตด้วยความตื่นเต้น ห้องทั้งห้องดูราวกับห้องควบคุมในภาพยนตร์ไซไฟ ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่แสดงข้อมูลการประมวลผลต่าง ๆ ไฟสีฟ้าเย็นตาที่ส่องจากเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ทำให้ห้องดูเหมือนหลุดมาจากโลกอนาคต“นี่คือ ‘Helios Core’”แทนไทพูดพร้อมผายมือไปทางเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ แต่แฝงความภูมิใจอย่างชัดเจน“มันคือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เราใช้สำหรับรันเซิร์ฟเวอร์ทดสอบของเกม Helios Online ทุกระบบที่เกี่ยวข้องกับเกมถูกจัดการผ่านเครื่องนี้”เจเดินตามเขาไปยังโต๊ะควบคุมที่ตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะมีหน้าจอขนาดใหญ่และแป้นพิมพ์แบบพิเศษที่ดูซับซ้อน แต่ในขณะเดียวกันก็เรียบง่ายสำหรับการใช้งาน“ระบบนี้จัดการทุกอย่าง ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์หลัก เซิร์ฟเวอร์สำรอง รวมถึงการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ ก่อนปล่อยให้ผู้เล่นใช้งานจริง” แทนไทพูดพลางกดคำสั่งบนแป้นพิมพ์ เปิดหน้าต่างแสดงโครงสร้างเกมให้เธอดู“ว้าว...นี่มันสุดยอดมากเลยค่ะ” เจพึมพำออ
แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านม่านสีเทาส่องกระทบใบหน้าของเจ ทำให้เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ดวงตากลมโตมองไปรอบห้อง ก่อนจะตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง แต่เป็นห้องนอนของแทนไทเตียงนุ่มปูด้วยผ้าปูสีเข้มที่มีกลิ่นสะอาดอ่อนๆ แบบที่บ่งบอกถึงตัวตนของเขา เจขยับตัวเบาๆ พลางมองรอบห้องด้วยความเก้ๆ กังๆ ใจเต้นแรงเมื่อความทรงจำบางอย่างจากเมื่อคืนผุดขึ้นมาเธอหลับไปตอนไหนกันนะ...?ภาพที่ยังคงติดตา...ริมฝีปากของเขา...สัมผัสของเขา...ความเร่าร้อนที่แทบแผดเผาทุกอย่างให้ลุกโชน...เจรีบมุดหน้าลงกับหมอนทันที รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า หัวใจเต้นโครมครามจนเธอกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ก่อนจะนึกขึ้นได้อะไรบางอย่าง เธอก้มมองตัวเองทันทีเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งของเขาที่ยังสวมอยู่ตอนนี้... กระดุมทุกเม็ดถูกปล่อยให้เปิดโล่ง เนินอกขาวเนียนของเธอเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงที่กระจัดกระจายเต็มไปหมด“บ้าชะมัด! พี่เขาทำรอยเต็มไปหมด” เธอพึมพำอย่างขัดใจ ใบหน้าแดงก่ำจนแทบจะเป็นสีเดียวกับรอยที่เห็นยิ่งเธอสำรวจตัวเอง ก็ยิ่งพบว่าทั้งต้นคอ ไหล่ แผ่นหลัง หรือแม้แต่หน้าท้อง ล้วนเต็มไปด้วยรอยแดงประทับจากเขา“ยังดีที่เขารัก
ให้ตายสิ!!ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าการให้คำสัญญากับเธอ อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิตทันทีที่ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เพราะเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะอาบน้ำนานเกินไปจนไม่สบายได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมหยุดนิ่ง ราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ร่างของเธอในเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งของผม เผยให้เห็นทุกสิ่งที่ผมไม่ควรเห็น ผ้าบางเบาของเสื้อเชิ้ตเปียกชื้นจากละอองน้ำทำให้ทุกอย่างชัดเจนเกินไปทรวดทรงของเธอ...หน้าอกอวบอิ่มที่ใหญ่เกินตัว ชัดเจนจนแม้แต่ปลายนิ้วของผมยังรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับภาพตรงหน้า จุกสีอ่อนปรากฏเด่นชัดทะลุเนื้อผ้า ไหนจะเรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมาอีกและที่สำคัญที่สุด...เธอไม่ได้ใส่อะไรข้างในเลยเสื้อเชิ้ตตัวนี้ที่เคยดูธรรมดา กลับทำให้ผมเห็นทุกอย่างที่ควรซ่อนเร้น กลายเป็นสิ่งที่ทำให้สัญญาที่ผมให้ไว้...เริ่มสั่นคลอนผมพยายามสูดลมหายใจลึก เพื่อดึงสติกลับมา แต่ดวงตาคู่สวยที่หันมาสบตากับผม และใบหน้าของเธอที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้ทุกอย่างยากขึ้นกว่าเดิม“เอ่อ...พี่ออกไปก่อนสิคะ...” เสียงหวานของเธอสั่นไหว ราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรให้ตายสิ...นี่มันเป็นการทดสอบความอดทนของผมชัด ๆเธอยก
“ขอชิมหน่อยนะ...”เดี๋ยว...ชิมอะไร? (꩜ ᯅ ꩜;)คำว่า ‘ชิม’ ของเขา กับของฉันความหมายเหมือนกันมั้ย?ขณะที่ฉันกำลังวิเคราะห์คำพูดของเขาในหัวอย่างสับสน พี่แทนก็ไม่รอให้ฉันได้ตั้งตัว จู่โจมด้วยริมฝีปากหนาอย่างรวดเร็ว รสจูบของเขาทั้งดูดดึงและร้อนแรง ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก ไล่ดุนลิ้นฉันอย่างชำนาญจนฉันแทบหายใจไม่ทันไม่ทันไร แขนแกร่งของเขาก็ช้อนตัวฉันขึ้นจนขาแทบลอยจากพื้น แขนทั้งสองข้างของเขาประคองฉันไว้อย่างมั่นคง“ไม่อยากตก...ก็เกาะดีๆ”เขากระซิบด้วยเสียงทุ้มพร่า น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ขณะที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากฉัน ก่อนจะบดขยี้จูบอย่างร้อนแรงอีกครั้ง รสจูบที่เร่าร้อนและหนักแน่นทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบจนเผลอเกี่ยวขาไว้รอบเอวเขาแน่น ร่างกายเหมือนจะตอบสนองไปเองในที่สุด ฉันก็ต้องปล่อยให้เขาอุ้มพาฉันเดินออกจากห้องน้ำอย่างง่ายดาย เป้าหมายปลายทางของเขาคือห้องนอนที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความตั้งใจที่เขาเตรียมไว้แล้วเขาวางร่างฉันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ร่างสูงของเขาคร่อมอยู่เหนือฉัน แขนแกร่งเท้าศอกลงบนที่นอนอย่างมั่นคง มือข้างหนึ่งช้อนต้นคอของฉันขึ้นเพื่อให้ริมฝีปากของเราประกบกันแนบชิดยิ
นี่มัน...บ้าบอที่สุด! (˶°ㅁ°) !!กว่าพี่แทนจะยอมปล่อยฉันออกจากอ้อมกอดและจูบหวานๆ ของเขาได้ ปากของฉันก็บวมแดงไปหมดแล้ว รู้ตัวอีกที...เขาใช้เวลาจูบฉันนานจนไม่น่าเชื่อ จูบแล้วจูบอีก ราวกับต้องการจารึกสัมผัสนั้นไว้ในใจฉัน ทุกสัมผัสจากริมฝีปาก แก้ม และซอกคอของเขาวนเวียนไปมาจนหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะใบหน้าฉันร้อนผ่าวราวกับจะระเบิด และดวงตาฉันก็เอาแต่ก้มต่ำ ไม่กล้าสบตาเขาเลย (˶˃ᆺ˂˶)แล้วดูคำพูดของเขาสิ...“ไปหาอะไรกินกัน เติมพลังซะก่อน”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา และสายตาที่เป็นประกายวิบวับทำให้ฉันใจเต้นไม่หยุด“พี่แทนคะ...พี่พาฉันกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก่อนได้ไหมคะ?” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้ชุดนักศึกษาที่ฉันใส่มาเริ่มยับยู่ยี่จนเกินกว่าจะเดินออกไปเจอผู้คน“ไม่ต้อง” เขาตอบทันที น้ำเสียงนั้นหนักแน่นจนฉันเถียงไม่ออก“ใส่เสื้อฉันนี่ล่ะ”“แต่ชุดนักศึกษา...”“พรุ่งนี้เธอมีเรียนเหรอ?” เขาเลิกคิ้วถาม“เอ่อ...ไม่มีค่ะ” ฉันตอบเสียงอ่อยอย่างจนปัญญาพอได้ยินคำตอบของฉัน เขาก็ยกยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะ รอยยิ้มที่บอกชัดว่าเขาคุมเกมทุกอย่างได้อยู่หมัดทำไมฉันถึงสู้เขาไม่ได้ซักครั้งกันนะ!“ดี งั้นไม่ต้อ