แชร์

บทที่ 65

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจืออยู่ด้านในสวน ผึ่งสมุนไพรที่ตนซื้อมาก่อนหน้านี้ วันนี้แสงแดดกำลังดี นำพวกมันออกมาตาก เพื่อจะไม่ได้ชื้นจนขึ้นรา

เจาซีกล่าว “คุณหนู สมุนไพรพวกนี้ทิ้งไปเถอะเจ้าค่ะ แค่เงินเล็กน้อย พวกเรากลับไปที่สกุลหรงแล้วค่อยซื้อใหม่ก็สิ้นเรื่องเจ้าค่ะ เหตุใดจึงต้องเปลืองแรงแบบนี้ด้วยเจ้าคะ?”

หรงจือจือยิ้ม “เจาซี บนโลกใบนี้มีเงินเพียงแบบเดียว ที่ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่น นั่นก็คือเงินที่ซื้อยา บนโลกใบนี้มีสิ่งของเพียงอย่างเดียวเช่นกัน ที่ไม่ควรสิ้นเปลืองยิ่งกว่าเงินทอง นั่นก็คือสมุนไพร”

“หากเจ้ามองว่าพวกมันไม่มีค่าอะไร ไม่เหมือนกับโสมคนและเห็ดหลินจือ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ สิ่งที่รักษาไว้ได้ก็คือชีวิตคนนะ”

เจาซี “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยท่านเอง”

ติดตามหรงจือจือมาหลายปี เจาซีก็ได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อย

แต่ว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด นังหนูถึงเอาแต่โมโห

หรงจือจือถามด้วยความขบขัน “วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือ? เอาแต่ทำหน้ามุ่ย เหมือนกับถูกใครยั่วโมโหมาอย่างนั้น”

เจาซี “ก็เพราะโดนยั่วโมโหมานะสิเจ้าคะ? นังปีศาจจิ้งจองไร้ยางอายนั่น เมื่อวานปวดครรภ์ ซื่อจื่อจริงวิ่งโร่ไปดูแลนาง จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 66

    เจาซีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำอีกครั้ง นางรู้สึกว่าอวี้หมัวมัวพูดไม่ถูกต้อง บางครั้งไม่ใช่ว่าตนวู่วามชอบโมโห ทั้งยังต้องให้คุณหนูมาปลอบใจตนเองตอนที่อารมณ์ไม่ดี แต่คนสกุลฉีต่างหากที่ทำให้รู้สึกน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆผู้ที่เรียนหนังสือย่อมแตกต่างออกไป ฉีจื่อเสียนผู้นี้ถึงขนาดอ้างอิงคำพูดในคัมภีร์มาพูดจาไร้ยางอาย ให้ฟังดูมีเหตุผลได้หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อน้องสามีอยากจะอภิปราย เช่นนั้นข้าก็ขออภิปรายกับเจ้า”ฉีจื่อเสียนตกตะลึง แม้ปากเขาจะอ้างว่าเป็นการอภิปราย แต่ความจริงที่คิดอยู่ภายในใจก็คือผู้หญิงอย่างหรงจือจือ จะไปเข้าใจเหตุผลอะไร?จากการที่ถูกตนยั่วยุเพียงเล็กน้อย นางจะต้องรู้สึกตระหนักและเข้าใจ จะต้องกลับตัวกลับใจ ปฏิบัติตามที่ตนเองกล่าว แต่ตอนนี้...หรงจือจือ “น้องสามีกล่าวว่า ผู้ชายจะต้องปกป้องคนในครอบครัวอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านพี่ของเจ้าได้ปกป้องข้าสักนิดหรือไม่? เขาไร้จิตสำนึก เจ้ากลับอยากให้ข้าเสียสละเพื่อคนแบบนี้ เหตุผลคืออะไร?”“หนังสือแห่งปราชญ์สอนเจ้าว่าผู้หญิงควรทำอะไร แต่ไม่ได้สอนเจ้าหรือว่า การมีที่จิตใจโหดเหี้ยมเป็นสิ่งที่สามีไม่พึงกระทำ?”“หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 67

    ฉีจื่อเสียนเดินจากไปด้วยความโมโหเจาซีรู้สึกเพียงว่าสะใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนู สมกับที่เป็นท่าน! ฉีจื่อเสียนนี่ เพิ่งร่ำเรียนได้ไม่นาน ก็คิดว่าตนเองเก่งกาจนัก โล่มาเห่าถึงที่นี่ คิดว่าในใต้หล้านี้ มีเขาเพียงคนเดียวที่เคยเรียนหนังสือหรืออย่างไร?”หรงจือจือชะงัก เอ่ยปากกล่าว “ท่านเจียงเขียนจดหมายกี่ฉบับแล้ว?”เจาซี “เขียนมาเป็นฉบับที่ห้าแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าปวดหัวมาก กล่าวว่าท่านหาเรื่องยุ่งยากให้เขาชัด ๆ นักเรียนที่สามารถเข้าสำนักของเขาได้ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ เมื่อเทียบกับพวกเขา คุณชายสี่ไม่ใช่ปัญญาชนเลยสักนิด”“ท่านเจียงยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าเขาจะสอนอะไร คุณชายสี่มักจะมีข้อโต้แย้งที่บิดเบือนบ่อย ๆ มักจะบิดเบือนความหมายของท่านเจียงเป็นประจำ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อแก้ไข”“จดหมายฉบับนั้นเมื่อหลายวันก่อนของท่านเจียง กล่าวว่าเขาสอนไม่ได้แล้วจริง ๆ บอกให้ท่านช่วยมีเมตตา ปล่อยเขาไปสักครั้ง ท่านเองก็กำลังลังเลอยู่ใช่หรือไม่ ว่าอยากจะทำให้คนแก่อย่างเขาต้องลำบากใจอยู่อีกหรือไม่?”หรงจือจือกล่าวเสียงเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตอบท่านเจียงไปว่า หากเขาไม่อยากสอนก็ไม่ต้องสอนแล้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 68

    แม้ว่าจะรู้สึกสงสัย หรงจือจือก็ยังคงออกไปต้อนรับนางหวังสาวเท้ายาวเดินเข้ามา เมื่อได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่อยู่ในลานบ้าน นางก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าของหรงจือจือไม่รอให้นางคำนับ นางหวังก็กล่าวขึ้นมาทันที “ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพร เจ้ามีท่าทางของฮูหยินซื่อจื่ออยู่บ้างหรือไม่!”“หมอหญิงสถานะต่ำต้อย เจ้ามัวแต่เอาใจใส่ดูแลของพวกนี้ ใครจะชอบใจเจ้า? ก็ไม่แปลกที่ครอบครัวฝ่ายสามีไม่อยากให้เจ้าเป็นนายหญิงของตระกูล มนุษย์ต้องเห็นค่าตนเองก่อนผู้อื่นถึงจะเห็นค่า เจ้ายังไม่เห็นคุณค่าของตนเอง แล้วใครจะมาชอบใจเจ้า?”หรงจือจือรู้อยู่แก่ใจ ท่านแม่ก็แค่ไม่ชอบใจตน ดังนั้นไม่ว่าตนจะทำอะไรนางก็ไม่ชอบใจทั้งนั้นไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่น้องหญิงก็อยากเรียนหมอเช่นกัน ตากสมุนไพรที่ลานบ้านเอาไว้จำนวนไม่น้อย เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ด่านาง แต่กลับพูดว่านางช่างแสวงหาความก้าวหน้าจริง ๆ?เพียงแต่เป็นเพราะน้องสาวเห่อของใหม่เพียงไม่กี่วัน ก็ไม่ได้เรียนต่อนางคร้านที่จะโต้แย้งกับนางหรง กล่าวเพียง “ท่านแม่เชิญนั่ง ไม่ทราบว่าที่ท่านมาในวันนี้ ต้องการจะสั่งสอนอะไรหรือ?”เมื่อนึกถึงจุดป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 69

    นางหวังตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ตอนนั้นที่บีบคอเจ้า นั่นเป็นการลงโทษที่เจ้าคลอดยาก!”หรงจือจือน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านแม่ ตอนที่ข้าเกิด ยังไม่มีสติปัญญา เรื่องการกลับหัวผิดตำแหน่ง ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถเลือกได้ ที่ท่านรู้สึกว่าคลอดน้อง ๆ ง่ายกว่าการคลอดข้า เพียงเพราะข้าเป็นท้องแรก”“ท้องแรกสำหรับผู้หญิงส่วนมากแล้ว เป็นเรื่องที่ยากลำบากทั้งสิ้น ตอนท้องสอง ท้องสาม ที่ค่อนข้างสบาย เป็นเพราะก่อนหน้านี้ช่องคลอดเคยเปิดแล้ว เปิดออกอีกครั้งก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม”“หากท่านแม่ไม่เชื่อ ก็เชิญไปถามแม่คนอื่น ๆ ดู คนส่วนมากที่ภายหลังมีลูกอีกสองสามคน ก็จะคลอดง่ายกว่าเดิม”“เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะข้าเกิดมาเพื่อเอาชนะท่าน แต่เป็นเพราะบังเอิญที่ทารกไม่กลับหัว ประกอบกับความรู้ทางด้านการแพทย์บางอย่างเท่านั้นนางหวังกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “บัดนี้เจ้ามีอนาคตที่สดใสแล้ว แม้แต่แม่ของตนเอง เจ้าก็ยังจะชี้แนะให้ข้าเข้าใจเหตุผลอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นสิ่งที่สมุนไพรบ้า ๆ พวกนั้นสอนเจ้าอย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ลูกไม่กล้า ลูกเพียงแค่คิดว่า เรื่องบางเรื่องควรจะพูดให้ชัดเจนเท่านั้น”ไม่อย่างนั้นท่านแม่ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 70

    หรงจือจือกล่าวช้า ๆ “ท่านแม่พูดว่าจะตัดขาดความเป็นแม่ลูกกัน หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่านับจากตอนนี้เป็นต้นไป ท่านกับข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก ท่านจะไม่สนใจข้าอีก จะไม่ก้าวก่ายเรื่องใด ๆ ของข้าอีก”“ท่านจะไม่สั่งสอนข้าอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องลำบากเพื่อให้ไปหายาพิษที่หลังจากข้ากินลงไปแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือแม้กระทั่ง วันหน้าเห็นข้า ท่านแม่ก็จะทำเป็นไม่รู้จักกับข้าใช่หรือไม่?”นางหวังเลิกคิ้ว “ถูกต้อง! เป็นเช่นนี้แหละ! เจ้าเองก็คงไม่ได้หวังให้ตนต้องกลายเป็นลูกที่ไม่มีแม่ นับตั้งแต่นี้ไปหรอกนะ?”หรงจือจือได้ฟังถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของนางหวัง คุกเข่าลงไปคำนับนางหวังสามครั้งนางหวังตะลึงไป รีบลุกขึ้นกล่าว “หรงจือจือ นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”หรงจือจือ “ขอบคุณบุญคุณของท่านแม่ที่ให้กำเนิด”นางหวังรู้สึกโล่งใจทันที กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้ายังมีความกตัญญูอยู่บ้างก็ดี ก่อนจะกินยาพิษ ยังรู้จักคำนับข้าเพื่อแสดงความกตัญญู”“คนชั่วอย่างนางเจียงจะวางแผนไว้นานแค่ไหน อยากจะดึงลูกสาวของข้าไปเป็นพวกเพื่อให้นางใช้งาน เป็นไปไม่ได้หรอก! ในใจของลูกสาวข้า มี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 71

    นางหวังฟังจนหน้าคล้ำดำเขียว พลางชี้ไปที่หรงจือจือ “เจ้า...เจ้าพูดอะไรน่ะ?”หรงจือจือ “ฮูหยิน นำยาพิษของท่านกลับไปเถอะ ท่านอยากให้ผู้ใดกิน ผู้ใดยอมกิน ข้าไม่สน สรุปก็คือข้า หรงจือจือไม่มีทางกินเป็นอันขาด”“บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าบุญให้กำเนิด ผู้ที่เลี้ยงดูข้ามาจนเติบใหญ่จริง ๆ คือท่านย่า ผู้ที่สอนให้ข้าเข้าใจความหมายของเหตุผลก็คือท่านย่า ผู้ที่เตรียมสินเดิมให้ข้ามากมาย ก็คือท่านย่าเช่นกัน”“ท่านย่าต้องหวังให้ข้าใช้ชีวิตดี ๆ เป็นแน่ ด้วยจือจือจะทำตามความประสงค์ของท่านย่า คงได้แต่ต้องทำให้ฮูหยินหรงผิดหวังแล้ว!”นางหวัง “เจ้า เจ้า...”นางยังอยากเอ่ยสิ่งใดต่อทว่าหรงจือจือดันเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้นมาก่อน “เจาซี ส่งแขก”เจาซีอดรนทนไม่ไหวที่จะไล่นางหวังออกจากประตูไปตั้งนานแล้ว นางเดินขึ้นมาก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยิน เชิญเจ้าค่ะ!”นางหวังเดือดดาลจนควันออกหู “พวกเจ้า! ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้านายบ่าวจะต่ำตมเช่นนี้ หรงจือจือ ข้าให้กำเนิดผู้ใดก็ดีกว่าให้กำเนิดคนเนรคุณเช่นเจ้า! เพราะตั้งท้องเจ้าสิบเดือน ข้าต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำกับข้าเช่นนี้!”หรงจือจือตอกกลับทั้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 72

    อวี้หมัวมัวขมวดคิ้ว “มีเรื่องอันใดถึงต้องลุกลี้ลุกลนเพียงนี้?”บ่าวรับใช้ผู้นั้นตอบ “นายหญิงใหญ่! นายหญิงใหญ่แย่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านให้เชิญคุณหนูกลับไปดูใจนายหญิงใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายเจ้าค่ะ!”ฝ่าเท้าของหรงจือจือสั่นระรัว นางเอ่ยขึ้นอย่างยากจะเชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ? ท่านย่าเป็นอะไร?”บ่าวรับใช้ “นายหญิงใหญ่อาเจียนเป็นเลือดออกมาเยอะมาก หมอเทวดาใช้ให้ตระเตรียมงานศพแล้ว...”หรงจือจือเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าคร่ำเครียด “เจ้าอย่าพูดซี้ซั้ว! ท่านย่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้หมอเทวดาบอกว่าฝังเข็มอีกสามวัน ท่านย่าก็จะหายดีแล้วไม่ใช่หรือ?”บ่าวรับใช้รีบตอบ “เพราะวันนี้ตอนพลบค่ำสาวใช้ในเรือนนายหญิงใหญ่คนหนึ่งหลุดปากพูดออกไป ทำให้นายหญิงใหญ่รู้เรื่องที่คุณหนูถูกสกุลฉีข่มเหงและเหยียดหยาม นายหญิงใหญ่จึงอาเจียนออกมาเป็นเลือดตรงนั้นเลย ตอนนี้อาการย่ำแย่ยิ่งนัก!”หรงจือจือ “อะไรนะ?”นางรู้สึกเพียงในหัวมีเสียงหึ่ง ๆ แว่วดังขึ้นมา เกือบจะสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป ขาและเท้ายิ่งไร้เรี่ยวแรงเข้าไปใหญ่เจาซีรีบพยุงนางเอาไว้ “คุณหนู ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ...”หรงจือจือ “เตรียมรถม้า”ขึ้นไปบนรถม้า หรงจือจือก็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 73

    หมอเทวดาก้มหน้า “มารดาบุญธรรม เพราะข้าไร้ความสามารถเอง”นายหญิงผู้เฒ่าหรงส่ายศีรษะ “ไม่โทษเจ้าหรอก และไม่โทษผู้ใดทั้งนั้น ชีวิตก็เป็นเช่นนี้! ลูกชายข้าล่ะ ลูกชายข้าอยู่ที่ใด?”มหาราชครูหรงรีบมาตรงหน้าเตียงแล้วคุกเข่าลงหน้านายหญิงใหญ่ทันที “ท่านแม่ ลูกอยู่นี่ขอรับ”นายหญิงผู้เฒ่าหรงคว้ามือของลูกชายเอาไว้ แล้วเอ่ยกับเขาว่า “ลูกชายข้า หลายปีมานี้เจ้ายุ่งอยู่กับเรื่องในวงการขุนนาง ก็ได้จือจือคอยอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนข้า แสดงความกตัญญูแทนเจ้าบ่อย ๆ ”“ตอนนี้แม่จะไปแล้ว สิ่งเดียวที่แม่ยังพะวงก็คือนาง เด็กที่แสนดีเช่นนี้ กลับไม่ค่อยได้รับความเมตตาจากสวรรค์ เจ้าต้องดูแลจือจือให้ดีแทนแม่ ได้ยินหรือไม่?”“หากแม่รู้ว่าเจ้าเองก็ทำอะไรเลอะเลือน ข่มเหงจือจือของแม่เช่นกัน แม่ที่อยู่ในปรโลก จะไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นอันขาด! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”มหาราชครูหรงตอบกลับทั้งน้ำตาไหลพราก “ขอรับท่านแม่ ลูกจำเอาไว้ขึ้นใจแล้ว!”นายหญิงใหญ่หรงฉีกยิ้ม “เยี่ยม เยี่ยม! ชีวิตนี้ของข้า มีลูกชายกตัญญู มีหลานสาวกตัญญู มีบุตรบุญธรรมแสนดี ก็คุ้มค่าแล้ว!”ครั้นนายหญิงใหญ่เอ่ยประโยคนี้จบ ก็มองไปที่หรงจือจือด้วยความเป็น

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 100  

    แต่เขาคิดจนหัวแตก ก็ไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย คนยังคงไม่สามารถขึ้นไปอยู่บนเตียงหลังเดียวกับหรงจือจือ รู้สึกเพียงว่า ในใจของตนกระวนกระวายอย่างที่สุด ปากคอยิ่งแห้งผากกว่าเดิม อวี้ม่านหวารับรู้ได้ว่า ใจของเขาไม่อยู่ที่นี่ จึงกล่าวด้วยหยาดน้ำตาที่ขังคลอในเบ้าตาว่า “ท่านพี่ หรือว่าท่านไม่ปรารถนาจะมาหาข้า? ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านก็ไปหาพี่หญิง…ไม่สิ ท่านก็ไปหาฮูหยินซื่อจื่อเถอะ” พูดจบ ก็เริ่มซับน้ำตา ในอดีต ฉีจื่อฟู่มีความอดทนให้การปลอบนางอย่างมาก ทว่าวันนี้ ความคาดหวังอันเต็มอกที่จะได้ร่วมหอกับหรงจือจือถูกดับลงสิ้น จากที่เดิมที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว หนนี้ จึงขมวดคิ้วเหลือบตามองนางคราหนึ่ง แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าแสร้งเป็นปวดท้อง เพื่อเรียกให้ข้ามาหรือ?” อวี้ม่านหวาถูกทำให้พูดไม่ออก ฉีจื่อฟู่รู้สึกว่านางช่างประหลาดนัก ปวดท้องอะไรกัน? เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ กระทั่งลูกไม้เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานเล็กๆ พวกนี้ของนาง เขาก็มองไม่ออกอย่างนั้นหรือ? แล้วบัดนี้ ยังจะมาเล่นตัวเพื่อการใดอีก? อวี้ม่านหวาเริ่มหลั่งน้ำตา “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าเช่นนี้? ข้าเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 99

    ตงจื้อกล่าวอย่างคิดว่าตนมีเหตุผลว่า “แต่ข้าคิดว่า ซื่อจื่อ ท่านจึงจะเป็นดั่งฟ้าของฮูหยินซื่อจื่อมิใช่หรือขอรับ? ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงจะสำคัญเช่นไร ก็ไม่มีทางสำคัญเท่าการทำให้ท่านเบิกบานใช่ไหมขอรับ?”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้ามืดมนลงแล้ว “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก !”ตนเป็นสามีของจือจือ นางควรจะให้ความสำคัญกับตนเป็นอันดับแรกในทุกเรื่องชัดๆในเวลานั้นเอง ก็มีข้ารับใช้อีกคนเข้ามารายงานว่า “ซื่อจื่อ อนุอวี้บอกว่าท้องของนางรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง บอกให้ท่านไปอยู่เป็นเพื่อนนางขอรับ!”ฉีจื่อฟู่ “รู้แล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ในเมื่อหรงจือจือไม่รู้จักรับน้ำใจของผู้อื่น เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางเดียวดายไปเถอะ มีคนมากมายที่รักข้า ข้าก็มิใช่ว่าต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวเสียหน่อย!“ชิวอี้ เจ้าจงส่งความไปบอกเรือนหลัน ให้ฮูหยินซื่อจื่อสำนึกตนให้ดี คิดดูว่าจะขอโทษข้าเช่นไร ไม่เช่นนั้น ถึงเวลาคลอดบุตรภรรยาเอกออกมาไม่ได้ ก็จงอย่าได้มาขอร้องข้าแล้วกัน!”ชิวอี้สั่นสะท้านขึ้นมา เหลือบมองตงจื้อคราหนึ่ง แล้วคุกเข่ากล่าวว่า “ซื่อจื่อ ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นเด็กรับใช้รับหน้าที่ช่วยจัดการธุระต่างๆ ไปส่งข่าวดีไหมขอร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 98

    หรงจือจือมองไปที่ตงจื้อ ถามอย่างราบเรียบที่แฝงไปด้วยความเย็นชาและเย้ยหยันว่า “คำพูดที่บอกไม่ได้ข้าสวมชุดไว้ทุกข์ เป็นเจ้าหรือซื่อจื่อที่พูด?”ตงจื้อตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “เป็นข้าพูดเองขอรับ ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าก็พูดไปเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้า…”หรงจือจือกล่าวด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ข้ารับใช้ในจวนนี้ ล้วนต่างก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้ว แต่ละคนต่างกล้ามาสั่งสอนข้า ว่าควรจัดการเรื่องราวอย่างไร คิดว่าครั้งก่อนที่โบยบ่าวรับใช้แซ่เฉินนั่นไป คงยังไม่พอจะเชือดไก่ให้ลิงดูกระมัง”ตงจื้องงแล้ว นี่ฮูหยินซื่อจื่อหมายความว่าอย่างไรกัน?หรงจือจือ “เด็กๆ! ลากออกไปโบยซะ! ครั้งก่อนสั่งสอนบ่าวแซ่เฉินนั่นเช่นไร วันนี้ก็จงสั่งสอนเขาเช่นนั้น!”ตงจื้อรีบกล่าวว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดกัน? ข้าหวังดีต่อท่านจริงๆ นะขอรับ หรือท่านไม่อยากปรนนิบัติซื่อจื่อพักผ่อนแล้วหรือ? หากโบยข้า ซื่อจื่อจะต้องไม่พอใจแน่!”หรงจือจือคิดในใจว่า อย่างนั้นย่อมดีที่สุด ทางที่ดีให้ฉีจื่อฟู่ไร้ความสุขทุกคืน ไม่พอใจตนทุกวัน จะได้ไม่คิดถึงเรื่องร่วมเตียงกันที่น่าขยะแขยงแบบนี้อีกนางไม่แม้จะเงยหน้า ไม่ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 97

    หรงจือจือ “ถูกแล้ว คำพูดพวกนั้น จะไม่ทำให้เจ้าพลอยเดือดร้อน และยังจะช่วยเจ้าให้พ้นผิดด้วย แต่หากเจ้าไม่วางใจ ไม่ยินดีช่วยก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่บังคับ”ทว่า ชุนเซิงกลับโขกศีรษะให้หรงจือจือครั้งหนึ่ง “ในตอนนั้น ชีวิตนี้ของข้าก็เป็นฮูหยินซื่อจื่อท่านที่ช่วยกลับมา ข้าจดจำพระคุณของท่านได้ ข้าเชื่อว่าท่านไม่มีทางทำร้ายข้า เรื่องนี้ข้าจะช่วยท่านขอรับ”หรงจือจือกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เช่นนี้ก็ดีนัก ลำบากเจ้าแล้ว”เจาซีก้าวเข้าไปเพื่อยัดตั๋วเงินให้ชุนเซิงแต่ชุนเซิงกับยืนกรานไม่ยอมรับ “ฮูหยินซื่อจื่อ เดิมบุญคุณที่ช่วยชีวิต ก็ควรตอบแทนอยู่แล้ว! และตอนนั้น ยังเป็นข้าที่บอกว่าตนเองก็อยากร่ำเรียนหนังสือ ท่านถึงได้จัดให้ข้าไปเป็นเด็กรับใช้เรื่องเรียนของคุณชายสี่”“เวลานี้ ข้าพอรู้อักษรอยู่บ้าง จึงเข้าใจหลักการและเหตุผลจำนวนหนึ่ง บุญคุณที่ท่านมีต่อข้า ดุจดั่งการให้กำเนิดใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ หากมอบเงินให้ข้า กลับจะเป็นการดูหมิ่นข้านะขอรับ”คำพูดของชุนเซิง มิได้อยู่เหนือความคาดหมายของหรงจือจือเลยเพราะหลายปีมานี้ แม้สัญญาขายตัวของเขาจะอยู่กับนางถาน ทว่า เรื่องของฉีจื่อเสียนนั้น ชุนเซิงก็มักมารายงา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 96

    เพียงแต่ตอนนั้น เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีถูกกัด หลังคุณหนูตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องด้วยความตกใจของนาง ก็รีบดูบาดแผลให้เขา ทว่า ทันทีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินเอ่ยปากกลับพูดว่า ในป่ารกร้างเช่นนี้ถึงกับมีงูมากัดเขา แต่ไม่เอ่ยว่าเป็นเพราะช่วยคุณหนูเลยสักคำตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังงีบหลับอย่างสะลึมสะลือ จึงไม่ทราบเรื่องนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และสังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงมีเพียงเจาซีเท่านั้นในใจของเจาซีนั้น รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มิได้เปิดโปงอย่างหุนหัน เพียงสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวประโยคหนึ่งในภายหลัง ตอนส่งท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจากไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีเจตนาใดกันแน่?”ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินมิได้ตอบ เพียงกล่าวว่า “ขอแม่นางโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้บอกให้คุณหนูของเจ้ารู้”เจาซีคิดว่า น่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูของนางเกิดภาระทางใจ จึงรับปากไปต่อมาท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจึงได้จากไปพร้อมกับลูกน้องที่มารับเขาหรงจือจือมองเจาซีอย่างแปลกใจทีหนึ่ง “เหตุใจเจ้าจึงมั่นใจเพียงนี้?”เจาซีจึงได้สติกลับมา “นี่…”นางคิดว่า ในเมื่อตอนนั้นรับปากท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินไปแล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 95

    กล่าวจบ หรงจือจือก็สาวเท้าจากไปฉีอวี่เยียนดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา “ท่านแม่ นี่ดีเหลือเกิน ข้ายังกังวลว่าข้าจะได้แต่งงานไม่ดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะยังวางแผนให้ข้า”นางถาน “ล้วนเป็นเพราะลูกเสียนของข้าศึกษาตำรามา จึงไปเกลี้ยกล่อมนางได้สำเร็จ เจ้าต้องขอบคุณน้องเจ้าให้ดี!”ฉีจื่อเสียนได้หน้าก็ยิ่งยินดี แต่ในใจก็รู้สึกแปลกอยู่บ้าง เพราะวันนี้หรงจือจือไม่ไว้หน้าเขาเลยชัดๆ หรือว่ามาคิดได้เอาภายหลังกัน?ใช่แน่แล้ว คำพูดของตนมีเหตุผลจะตาย การที่หรงจือจือเชื่อฟังก็เป็นเรื่องสมควรแล้วฉีอวี่เยียนรีบกล่าวว่า “ต้องขอบคุณน้องชายแล้ว!”ซิ่นหยางโหวส่งขันทีอาวุโสหยางจากไป เมื่อกลับมาก็เห็นพวกเขากำลังเริงร่า เมื่อสอบถามจนรู้สาเหตุ ก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกทีหนึ่งจากนั้นก็มองฉีจื่อฟู่ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “จือจือกลับมาคิดเพื่อครอบครัวนี้อีกครั้ง คิดว่าในใจคงยังมีเจ้าอยู่ ในอนาคต เจ้าจงอย่างทำเรื่องโง่ๆ อีก คืนนี้ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนจือจือให้ดีๆ ซะ!”ฉีจื่อฟู่ “ขอรับ!”เขาจะไม่อยากนอนกับจือจือได้อย่างไร?อวี้ม่านหวากำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แต่กลับไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว……เมื่อกลับมาถึงเรือนหลัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 94

    ในเมื่อเฉินเยี่ยนซูลงมือแล้ว หรงจือจือก็ไม่ใช่พวกไม่รู้ถึงความปรารถนาดีของผู้อื่นจึงหยิบยืมคำพูดของเฉินเยี่ยนซู มาทำให้อวี้ม่านหวาสงบเสงี่ยมลงหน่อยอวี้ม่านหวาก็หวาดกลัวจนหดร่างด้วยความสั่นสะท้านไปครู่หนึ่งจริงๆนางถานกล่าวด้วยความโมโหว่า “หรงจือจือ ในท้องของม่านหวา…”หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางถาน มองไปที่ฉีอวี่เยียนนิ่งๆ “น้องสามี ข้าวางแผนว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง จะจัดงานชมดอกไม้ในนามของท่านแม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? ส่วนเรื่องเทียบเชิญ ก็จะให้คนในเรือนของข้าไปส่งเอง”ตามกฎหมายของแคว้นต้าฉี หากบิดามารดาเสียชีวิต บุตรธิดาต้องไว้ทุกข์สามปี หากผู้เป็นปู่ย่าวายชนม์ ชนรุ่นหลานต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาหนึ่งปีไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วหรือไม่ ล้วนเป็นเช่นเดียวกับยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงแก่กรรม หรงจือจือจึงไม่สะดวกที่จะใช้ชื่อตนไปจัดงานเลี้ยงทุกประเภทเมื่อฉีอวี่เยียนได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นทันที “พี่สะใภ้ จริงหรือ?”ในแคว้นต้าฉี การจัดงานประชุมบทกวี เป็นการพบปะสังสรรค์ของเหล่าบัณฑิต ส่วนการจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ ส่วนมากล้วนเป็นงานดูตัวที่เหล่าฮูหยินผู้สูงศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 93

    หรงจือจือกำลังปวดหัวว่าไม่มีเหตุผลจะใช้อยู่ต่อ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนส่งหมอนมาให้ตอนง่วงพอดีคำพูดเสแสร้งที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของอวี้ม่านหวานี้ กลับเป็นการช่วยตนอีกแรง “อนุอวี้กล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง ในเมื่อยามนี้เจ้าก็เป็นอนุแล้ว ข้ายังจะจากไปทำไมอีก? เรื่องการหย่าร้าง ก็ให้ถือเสียว่าไม่เคยพูดถึงเถอะ”อวี้ม่านหวา “?”ไม่ใช่นะ นี่ เหตุใดจึงไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้เล่า?ฉีจื่อฟู่ถอนใจอย่างโล่งอกทันที แม้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา ที่จะให้หรงจือจือเป็นอนุ แต่อย่างน้อย นางก็ไม่พูดถึงเรื่องการหย่าร้างแล้วหรงจือจือจับตามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตระหนกของอวี้ม่านหวา “ที่สีหน้าของอนุอวี้ไม่น่ามองถึงเพียงนี้ หรือการที่ข้าอยู่ต่อ ทำให้เจ้าไม่พอใจแล้ว?”อวี้ม่านหวาฝืนยิ้มว่า “ไม่…ไม่ใช่! ในใจของท่านพี่ฟู่มีพี่หญิงอยู่ หากพี่หญิงจากไป ท่านพี่ฟู่จะต้องเสียใจแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น น้องจะหวังให้พี่หญิงจากไปได้อย่างไร?”เมื่อฉีจื่อฟู่ฟังจบ ก็เหลือบมองอวี้ม่านหวาอย่างตื้นตัน “ม่านหวา…”เมื่อเห็นพฤติกรรมอันน่าทุเรศของเขา เจาซีก็โมโหจนหน้าเขียวใจของหรงจือจือกลับสงบนิ่ง ไร้ระลอกคลื่น เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 92

    อวี้ม่านหวาจะคาดได้อย่างไรว่า ขันทีอาวุโสหยางผู้นี้ไม่เพียงมาประกาศราชโองการที่ทำจิตใจของตนหนักอึ้งหดหู่เท่านั้น แถมยังพูดถึงเรื่องความเป็นตายขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกเมื่อฟังคำพูดนี้ของอีกฝ่ายจบ นางก็หวาดกลัวจนท้องเริ่มปวดแปลบขึ้นมาแล้ว!นางถานรีบประคองนาง “องค์หญิง…”เมื่อขันทีอาวุโสหยางได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองนางถานอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ฮูหยิน แคว้นเจาล่มสลายไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีองค์หญิงอันใดแล้ว หรือว่า จวนโหวของพวกท่านมีความคิดเป็นอื่น?”นางถานตกใจจนสะดุ้ง รีบกล่าวว่า “มิกล้า! ข้าแค่พูดผิดไปชั่วขณะเท่านั้น ขอหยางกงกงโปรดอย่าได้ถือสาเลย!”ขันทีอาวุโสหยางแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง สะบัดแส้ในมือทีหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว!”ซิ่นหยางโหว “ข้าจะไปส่งกงกง!”ขันทีอาวุโสหยางก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า ซิ่นหยางโหวต้องการประจบตน บัดนี้ฉีจื่อฟู่ทำลายอนาคตตัวเอง หนทางเบื้องหน้าของจวนโหวจึงน่าเป็นห่วงรอจนพวกเขาออกไปแล้วฉีจื่อฟู่มองไปทางหรงจือจือ ขมวดคิ้วถามว่า “จือจือ เจ้ารู้จักท่านอัครมหาเสนาบดีหรือ?”หรงจือจือสงบความคิดลง นางก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินเยี่ยน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status