แชร์

บทที่ 65

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจืออยู่ด้านในสวน ผึ่งสมุนไพรที่ตนซื้อมาก่อนหน้านี้ วันนี้แสงแดดกำลังดี นำพวกมันออกมาตาก เพื่อจะไม่ได้ชื้นจนขึ้นรา

เจาซีกล่าว “คุณหนู สมุนไพรพวกนี้ทิ้งไปเถอะเจ้าค่ะ แค่เงินเล็กน้อย พวกเรากลับไปที่สกุลหรงแล้วค่อยซื้อใหม่ก็สิ้นเรื่องเจ้าค่ะ เหตุใดจึงต้องเปลืองแรงแบบนี้ด้วยเจ้าคะ?”

หรงจือจือยิ้ม “เจาซี บนโลกใบนี้มีเงินเพียงแบบเดียว ที่ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่น นั่นก็คือเงินที่ซื้อยา บนโลกใบนี้มีสิ่งของเพียงอย่างเดียวเช่นกัน ที่ไม่ควรสิ้นเปลืองยิ่งกว่าเงินทอง นั่นก็คือสมุนไพร”

“หากเจ้ามองว่าพวกมันไม่มีค่าอะไร ไม่เหมือนกับโสมคนและเห็ดหลินจือ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ สิ่งที่รักษาไว้ได้ก็คือชีวิตคนนะ”

เจาซี “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยท่านเอง”

ติดตามหรงจือจือมาหลายปี เจาซีก็ได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อย

แต่ว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด นังหนูถึงเอาแต่โมโห

หรงจือจือถามด้วยความขบขัน “วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือ? เอาแต่ทำหน้ามุ่ย เหมือนกับถูกใครยั่วโมโหมาอย่างนั้น”

เจาซี “ก็เพราะโดนยั่วโมโหมานะสิเจ้าคะ? นังปีศาจจิ้งจองไร้ยางอายนั่น เมื่อวานปวดครรภ์ ซื่อจื่อจริงวิ่งโร่ไปดูแลนาง จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 66

    เจาซีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำอีกครั้ง นางรู้สึกว่าอวี้หมัวมัวพูดไม่ถูกต้อง บางครั้งไม่ใช่ว่าตนวู่วามชอบโมโห ทั้งยังต้องให้คุณหนูมาปลอบใจตนเองตอนที่อารมณ์ไม่ดี แต่คนสกุลฉีต่างหากที่ทำให้รู้สึกน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆผู้ที่เรียนหนังสือย่อมแตกต่างออกไป ฉีจื่อเสียนผู้นี้ถึงขนาดอ้างอิงคำพูดในคัมภีร์มาพูดจาไร้ยางอาย ให้ฟังดูมีเหตุผลได้หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อน้องสามีอยากจะอภิปราย เช่นนั้นข้าก็ขออภิปรายกับเจ้า”ฉีจื่อเสียนตกตะลึง แม้ปากเขาจะอ้างว่าเป็นการอภิปราย แต่ความจริงที่คิดอยู่ภายในใจก็คือผู้หญิงอย่างหรงจือจือ จะไปเข้าใจเหตุผลอะไร?จากการที่ถูกตนยั่วยุเพียงเล็กน้อย นางจะต้องรู้สึกตระหนักและเข้าใจ จะต้องกลับตัวกลับใจ ปฏิบัติตามที่ตนเองกล่าว แต่ตอนนี้...หรงจือจือ “น้องสามีกล่าวว่า ผู้ชายจะต้องปกป้องคนในครอบครัวอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านพี่ของเจ้าได้ปกป้องข้าสักนิดหรือไม่? เขาไร้จิตสำนึก เจ้ากลับอยากให้ข้าเสียสละเพื่อคนแบบนี้ เหตุผลคืออะไร?”“หนังสือแห่งปราชญ์สอนเจ้าว่าผู้หญิงควรทำอะไร แต่ไม่ได้สอนเจ้าหรือว่า การมีที่จิตใจโหดเหี้ยมเป็นสิ่งที่สามีไม่พึงกระทำ?”“หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 67

    ฉีจื่อเสียนเดินจากไปด้วยความโมโหเจาซีรู้สึกเพียงว่าสะใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนู สมกับที่เป็นท่าน! ฉีจื่อเสียนนี่ เพิ่งร่ำเรียนได้ไม่นาน ก็คิดว่าตนเองเก่งกาจนัก โล่มาเห่าถึงที่นี่ คิดว่าในใต้หล้านี้ มีเขาเพียงคนเดียวที่เคยเรียนหนังสือหรืออย่างไร?”หรงจือจือชะงัก เอ่ยปากกล่าว “ท่านเจียงเขียนจดหมายกี่ฉบับแล้ว?”เจาซี “เขียนมาเป็นฉบับที่ห้าแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าปวดหัวมาก กล่าวว่าท่านหาเรื่องยุ่งยากให้เขาชัด ๆ นักเรียนที่สามารถเข้าสำนักของเขาได้ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ เมื่อเทียบกับพวกเขา คุณชายสี่ไม่ใช่ปัญญาชนเลยสักนิด”“ท่านเจียงยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าเขาจะสอนอะไร คุณชายสี่มักจะมีข้อโต้แย้งที่บิดเบือนบ่อย ๆ มักจะบิดเบือนความหมายของท่านเจียงเป็นประจำ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อแก้ไข”“จดหมายฉบับนั้นเมื่อหลายวันก่อนของท่านเจียง กล่าวว่าเขาสอนไม่ได้แล้วจริง ๆ บอกให้ท่านช่วยมีเมตตา ปล่อยเขาไปสักครั้ง ท่านเองก็กำลังลังเลอยู่ใช่หรือไม่ ว่าอยากจะทำให้คนแก่อย่างเขาต้องลำบากใจอยู่อีกหรือไม่?”หรงจือจือกล่าวเสียงเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตอบท่านเจียงไปว่า หากเขาไม่อยากสอนก็ไม่ต้องสอนแล้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 68

    แม้ว่าจะรู้สึกสงสัย หรงจือจือก็ยังคงออกไปต้อนรับนางหวังสาวเท้ายาวเดินเข้ามา เมื่อได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่อยู่ในลานบ้าน นางก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าของหรงจือจือไม่รอให้นางคำนับ นางหวังก็กล่าวขึ้นมาทันที “ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพร เจ้ามีท่าทางของฮูหยินซื่อจื่ออยู่บ้างหรือไม่!”“หมอหญิงสถานะต่ำต้อย เจ้ามัวแต่เอาใจใส่ดูแลของพวกนี้ ใครจะชอบใจเจ้า? ก็ไม่แปลกที่ครอบครัวฝ่ายสามีไม่อยากให้เจ้าเป็นนายหญิงของตระกูล มนุษย์ต้องเห็นค่าตนเองก่อนผู้อื่นถึงจะเห็นค่า เจ้ายังไม่เห็นคุณค่าของตนเอง แล้วใครจะมาชอบใจเจ้า?”หรงจือจือรู้อยู่แก่ใจ ท่านแม่ก็แค่ไม่ชอบใจตน ดังนั้นไม่ว่าตนจะทำอะไรนางก็ไม่ชอบใจทั้งนั้นไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่น้องหญิงก็อยากเรียนหมอเช่นกัน ตากสมุนไพรที่ลานบ้านเอาไว้จำนวนไม่น้อย เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ด่านาง แต่กลับพูดว่านางช่างแสวงหาความก้าวหน้าจริง ๆ?เพียงแต่เป็นเพราะน้องสาวเห่อของใหม่เพียงไม่กี่วัน ก็ไม่ได้เรียนต่อนางคร้านที่จะโต้แย้งกับนางหรง กล่าวเพียง “ท่านแม่เชิญนั่ง ไม่ทราบว่าที่ท่านมาในวันนี้ ต้องการจะสั่งสอนอะไรหรือ?”เมื่อนึกถึงจุดป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 69

    นางหวังตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ตอนนั้นที่บีบคอเจ้า นั่นเป็นการลงโทษที่เจ้าคลอดยาก!”หรงจือจือน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านแม่ ตอนที่ข้าเกิด ยังไม่มีสติปัญญา เรื่องการกลับหัวผิดตำแหน่ง ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถเลือกได้ ที่ท่านรู้สึกว่าคลอดน้อง ๆ ง่ายกว่าการคลอดข้า เพียงเพราะข้าเป็นท้องแรก”“ท้องแรกสำหรับผู้หญิงส่วนมากแล้ว เป็นเรื่องที่ยากลำบากทั้งสิ้น ตอนท้องสอง ท้องสาม ที่ค่อนข้างสบาย เป็นเพราะก่อนหน้านี้ช่องคลอดเคยเปิดแล้ว เปิดออกอีกครั้งก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม”“หากท่านแม่ไม่เชื่อ ก็เชิญไปถามแม่คนอื่น ๆ ดู คนส่วนมากที่ภายหลังมีลูกอีกสองสามคน ก็จะคลอดง่ายกว่าเดิม”“เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะข้าเกิดมาเพื่อเอาชนะท่าน แต่เป็นเพราะบังเอิญที่ทารกไม่กลับหัว ประกอบกับความรู้ทางด้านการแพทย์บางอย่างเท่านั้นนางหวังกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “บัดนี้เจ้ามีอนาคตที่สดใสแล้ว แม้แต่แม่ของตนเอง เจ้าก็ยังจะชี้แนะให้ข้าเข้าใจเหตุผลอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นสิ่งที่สมุนไพรบ้า ๆ พวกนั้นสอนเจ้าอย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ลูกไม่กล้า ลูกเพียงแค่คิดว่า เรื่องบางเรื่องควรจะพูดให้ชัดเจนเท่านั้น”ไม่อย่างนั้นท่านแม่ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 70

    หรงจือจือกล่าวช้า ๆ “ท่านแม่พูดว่าจะตัดขาดความเป็นแม่ลูกกัน หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่านับจากตอนนี้เป็นต้นไป ท่านกับข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก ท่านจะไม่สนใจข้าอีก จะไม่ก้าวก่ายเรื่องใด ๆ ของข้าอีก”“ท่านจะไม่สั่งสอนข้าอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องลำบากเพื่อให้ไปหายาพิษที่หลังจากข้ากินลงไปแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือแม้กระทั่ง วันหน้าเห็นข้า ท่านแม่ก็จะทำเป็นไม่รู้จักกับข้าใช่หรือไม่?”นางหวังเลิกคิ้ว “ถูกต้อง! เป็นเช่นนี้แหละ! เจ้าเองก็คงไม่ได้หวังให้ตนต้องกลายเป็นลูกที่ไม่มีแม่ นับตั้งแต่นี้ไปหรอกนะ?”หรงจือจือได้ฟังถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของนางหวัง คุกเข่าลงไปคำนับนางหวังสามครั้งนางหวังตะลึงไป รีบลุกขึ้นกล่าว “หรงจือจือ นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”หรงจือจือ “ขอบคุณบุญคุณของท่านแม่ที่ให้กำเนิด”นางหวังรู้สึกโล่งใจทันที กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้ายังมีความกตัญญูอยู่บ้างก็ดี ก่อนจะกินยาพิษ ยังรู้จักคำนับข้าเพื่อแสดงความกตัญญู”“คนชั่วอย่างนางเจียงจะวางแผนไว้นานแค่ไหน อยากจะดึงลูกสาวของข้าไปเป็นพวกเพื่อให้นางใช้งาน เป็นไปไม่ได้หรอก! ในใจของลูกสาวข้า มี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 71

    นางหวังฟังจนหน้าคล้ำดำเขียว พลางชี้ไปที่หรงจือจือ “เจ้า...เจ้าพูดอะไรน่ะ?”หรงจือจือ “ฮูหยิน นำยาพิษของท่านกลับไปเถอะ ท่านอยากให้ผู้ใดกิน ผู้ใดยอมกิน ข้าไม่สน สรุปก็คือข้า หรงจือจือไม่มีทางกินเป็นอันขาด”“บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าบุญให้กำเนิด ผู้ที่เลี้ยงดูข้ามาจนเติบใหญ่จริง ๆ คือท่านย่า ผู้ที่สอนให้ข้าเข้าใจความหมายของเหตุผลก็คือท่านย่า ผู้ที่เตรียมสินเดิมให้ข้ามากมาย ก็คือท่านย่าเช่นกัน”“ท่านย่าต้องหวังให้ข้าใช้ชีวิตดี ๆ เป็นแน่ ด้วยจือจือจะทำตามความประสงค์ของท่านย่า คงได้แต่ต้องทำให้ฮูหยินหรงผิดหวังแล้ว!”นางหวัง “เจ้า เจ้า...”นางยังอยากเอ่ยสิ่งใดต่อทว่าหรงจือจือดันเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้นมาก่อน “เจาซี ส่งแขก”เจาซีอดรนทนไม่ไหวที่จะไล่นางหวังออกจากประตูไปตั้งนานแล้ว นางเดินขึ้นมาก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยิน เชิญเจ้าค่ะ!”นางหวังเดือดดาลจนควันออกหู “พวกเจ้า! ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้านายบ่าวจะต่ำตมเช่นนี้ หรงจือจือ ข้าให้กำเนิดผู้ใดก็ดีกว่าให้กำเนิดคนเนรคุณเช่นเจ้า! เพราะตั้งท้องเจ้าสิบเดือน ข้าต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำกับข้าเช่นนี้!”หรงจือจือตอกกลับทั้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 72

    อวี้หมัวมัวขมวดคิ้ว “มีเรื่องอันใดถึงต้องลุกลี้ลุกลนเพียงนี้?”บ่าวรับใช้ผู้นั้นตอบ “นายหญิงใหญ่! นายหญิงใหญ่แย่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านให้เชิญคุณหนูกลับไปดูใจนายหญิงใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายเจ้าค่ะ!”ฝ่าเท้าของหรงจือจือสั่นระรัว นางเอ่ยขึ้นอย่างยากจะเชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ? ท่านย่าเป็นอะไร?”บ่าวรับใช้ “นายหญิงใหญ่อาเจียนเป็นเลือดออกมาเยอะมาก หมอเทวดาใช้ให้ตระเตรียมงานศพแล้ว...”หรงจือจือเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าคร่ำเครียด “เจ้าอย่าพูดซี้ซั้ว! ท่านย่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้หมอเทวดาบอกว่าฝังเข็มอีกสามวัน ท่านย่าก็จะหายดีแล้วไม่ใช่หรือ?”บ่าวรับใช้รีบตอบ “เพราะวันนี้ตอนพลบค่ำสาวใช้ในเรือนนายหญิงใหญ่คนหนึ่งหลุดปากพูดออกไป ทำให้นายหญิงใหญ่รู้เรื่องที่คุณหนูถูกสกุลฉีข่มเหงและเหยียดหยาม นายหญิงใหญ่จึงอาเจียนออกมาเป็นเลือดตรงนั้นเลย ตอนนี้อาการย่ำแย่ยิ่งนัก!”หรงจือจือ “อะไรนะ?”นางรู้สึกเพียงในหัวมีเสียงหึ่ง ๆ แว่วดังขึ้นมา เกือบจะสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป ขาและเท้ายิ่งไร้เรี่ยวแรงเข้าไปใหญ่เจาซีรีบพยุงนางเอาไว้ “คุณหนู ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ...”หรงจือจือ “เตรียมรถม้า”ขึ้นไปบนรถม้า หรงจือจือก็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 73

    หมอเทวดาก้มหน้า “มารดาบุญธรรม เพราะข้าไร้ความสามารถเอง”นายหญิงผู้เฒ่าหรงส่ายศีรษะ “ไม่โทษเจ้าหรอก และไม่โทษผู้ใดทั้งนั้น ชีวิตก็เป็นเช่นนี้! ลูกชายข้าล่ะ ลูกชายข้าอยู่ที่ใด?”มหาราชครูหรงรีบมาตรงหน้าเตียงแล้วคุกเข่าลงหน้านายหญิงใหญ่ทันที “ท่านแม่ ลูกอยู่นี่ขอรับ”นายหญิงผู้เฒ่าหรงคว้ามือของลูกชายเอาไว้ แล้วเอ่ยกับเขาว่า “ลูกชายข้า หลายปีมานี้เจ้ายุ่งอยู่กับเรื่องในวงการขุนนาง ก็ได้จือจือคอยอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนข้า แสดงความกตัญญูแทนเจ้าบ่อย ๆ ”“ตอนนี้แม่จะไปแล้ว สิ่งเดียวที่แม่ยังพะวงก็คือนาง เด็กที่แสนดีเช่นนี้ กลับไม่ค่อยได้รับความเมตตาจากสวรรค์ เจ้าต้องดูแลจือจือให้ดีแทนแม่ ได้ยินหรือไม่?”“หากแม่รู้ว่าเจ้าเองก็ทำอะไรเลอะเลือน ข่มเหงจือจือของแม่เช่นกัน แม่ที่อยู่ในปรโลก จะไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นอันขาด! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”มหาราชครูหรงตอบกลับทั้งน้ำตาไหลพราก “ขอรับท่านแม่ ลูกจำเอาไว้ขึ้นใจแล้ว!”นายหญิงใหญ่หรงฉีกยิ้ม “เยี่ยม เยี่ยม! ชีวิตนี้ของข้า มีลูกชายกตัญญู มีหลานสาวกตัญญู มีบุตรบุญธรรมแสนดี ก็คุ้มค่าแล้ว!”ครั้นนายหญิงใหญ่เอ่ยประโยคนี้จบ ก็มองไปที่หรงจือจือด้วยความเป็น

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 172

    ฉีอวิ่น “....”ขันทีน้อย “อย่าให้ใต้เท้าของสำนักฮั่นหลินต้องรอจนหงุดหงิดเลย!”ผู้ที่รับผิดชอบในการติเตียน ก็คือบัณฑิตขั้นห้าของสำนักฮั่นหลินท่านหนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน ตำแหน่งขุนนางแค่นี้ ย่อมไม่คู่ควรให้ซิ่นหยางโหวชายตามองด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ฉีอวิ่นเป็นคนธรรมดาแล้ว ยังมีค่าพอให้คนอื่นรอที่ไหนกัน?เขาขานรับด้วยหน้าถอดสีเสียงหนึ่ง “ขอรับ!”ขันทีน้อยนั่นยังตักเตือนฉีจื่อฟู่อีกหนึ่งประโยคว่า “ใต้เท้าฉี อย่าลืมโขกศีรษะด้วยนะขอรับ!”พูดจบเขาก็แอบกลอกตา ปกติไปประกาศพระราชโองการที่ไม่ดีในบ้านผู้ใด ทั้งครอบครัวจะกอดกันร้องไห้ และปลอบใจซึ่งกันและกันมีเพียงสกุลฉีเท่านั้น ที่โทษซึ่งกันและกัน คิดว่าความผิดเป็นของคนรอบกาย วันนี้เขาก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วฉีจื่อฟู่ขานรับด้วยความหงุดหงิดแต่ก่อนฉีอวิ่นจะออกไป ยังมองฉีจื่อฟู่ด้วยความดุร้ายอีกหนึ่งครั้ง “หลังโขกศีรษะแล้วไปเกลี้ยกล่อมหรงจือจือให้ข้า แล้วบอกให้นางไปขอร้องพ่อตาเจ้าเพื่อครอบครัวเราด้วย!”ในความคิดของฉีอวิ่น ในเมื่อมหาราชครูหรงมีอิทธิพลทำให้ครอบครัวเขาถูกปลดจากตำแหน่งได้ก็สามารถมีอิทธิพลให้ครอบครัวพวกเขากลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 171

    ฮ่องเต้น้อยพอใจมากที่วัน ๆ ไม่ทำอะไร แต่คุณูปการกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครเล่าอยากจะตรวจอ่านฎีกาทั้งวัน......ตอนที่พระราชโองการมาถึงจวนซิ่นหยางโหวทุกคนในจวนล้วนออกมาฟังพระราชโองการ พระราชโองการมอบให้สกุลฉี หรงจือจือไม่ใช่คนของสกุลฉีแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปฟัง ต่อให้คนในราชสำนักถามหาความรับผิดชอบ ก็สามารถอธิบายให้เข้าใจได้บ้าง ดังนั้นนางจึงไม่มาคนของสกุลฉีเพียงคิดว่ามีสิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้น ไหนเลยจะสนใจว่าหรงจือจือจะมาหรือไม่ แต่พอฟังเจตนารมณ์ของราชโองการจบ ก็รู้สึกราวกับท้องฟ้าถล่มลงมาแล้วนางถานถึงขนาดอยากจะไปเรือนหลันเพื่อฆ่าหรงจือจือ!ขันทีที่ถ่ายทอดพระราชโองการยังกล่าวอีกว่า “ข้าน้อยขออนุญาตตักเตือนอีกสักประโยค ตอนนี้ในจวนของท่าน มีเพียงฉีจื่อฟู่ผู้เดียวที่เป็นขุนนางขั้นหก ส่วนแม่นางหรงกลับเป็นบุตรสาวคนโตสายตรงของขุนนางระดับสูงขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ต่อไปพวกท่านยังคงอย่าล่วงเกินจะดีกว่า!”ระหว่างทางมาถ่ายทอดพระราชโองการ เขาได้พบกับเซินเฮ่อแพทย์แผนจีนกรมขุนนาง ลูกศิษย์ของท่านเสนาบดี ใต้เท้าเซินให้ตนเองมาบอกประโยคนี้ ขันทีที่ไหนจะไม่รู้ว่า ความคิดของใต้เท้าเซิน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 170

    มีใครไม่รู้บ้างว่า โดยปกติแล้วท่านอัครเสนาบดีจะยอมฟังแค่คำทัดทานของมหาราชครูหรงและไม่เคยโมโหใส่ส่วนคนอื่นนั้น…หึๆๆ จบไม่สวยสักคนกระนั้นจะไม่จำยอมต่อคนเช่นนี้ก็ไม่ได้อีก เป็นเพราะหลังจากที่คนผู้นี้ขึ้นมาสำเร็จราชการแทน อาณาเขตของแคว้นต้าฉีก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และแคว้นต้าฉีก็ทรงอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ฮ่องเต้หย่งอันก็ยังพูดเป็นประจำว่า “เราไม่ได้ทำอะไรเลยก็กลายเป็นจักรพรรดิที่สร้างผลงานมากกว่าปฐมฮ่องเต้”ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของอัครเสนาบดีเฉินฮ่องเต้หย่งอันตรัส “ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน เช่นนั้นก็ปลดซิ่นหยางโหวลงจากตำแหน่ง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน เรียกให้เขามาคุกเข่าฟังโอวาทที่หน้าวัง ให้ประชาชนมายืนดู! ส่วนฉีจื่อฟู่…”เขาว่าจบแล้วแอบมองเฉินเยี่ยนซูปราดหนึ่งเฉินเยี่ยนซูพูดอย่างนิ่งเรียบ “ให้ฉีจื่อฟู่คำนับศีรษะไปทางภูเขาอู่หลิงที่หน้าสกุลฉี คำนับจนกว่าโลหิตจะไหลนอง เอาให้บาดเจ็บหนักกว่าแม่นางสกุลหรงสิบเท่า!”ฮ่องเต้หย่งอัน “ตกลงตามนี้! สำนักฮั่นหลินจงร่างพระราชโองการ!”ขุนนางซึ่งรับหน้าที่เขียนและตรวจสอบพระราชโองการลุกขึ้นโดยพลัน “กระหม่อมน้อมรับบัญชา!”เรื่องนี้เป็นอันจบลง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 169

    หลังจากแสดงความเคารพนับถือและความไว้วางใจต่อเฉินเยี่ยนซูแล้ว จึงค่อยประทับลงที่บัลลังก์มังกรของตัวเองนี่เป็นคำขอของอดีตฮ่องเต้ ก่อนที่ฮ่องเต้น้อยจะว่าราชกิจต้องทำแบบนี้ทุกครั้ง นอกจากนี้ เฉินเยี่ยนซูยังได้รับการละเว้นการคุกเข่าต่อหน้าประมุขเช่นกัน ฮ่องเต้น้อยยินยอมพร้อมใจต่อเรื่องนี้ มองว่าเป็นสิ่งที่สมควรแล้วทุกคนคุกเข่าแสดงความเคารพ “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”ฮ่องเต้หย่งอัน “ทุกคนลุกขึ้นได้”ขันทีอาวุโสหยางพูดเสียง “หากมีธุระก็รีบกราบทูล หากไม่มีอะไรก็เลิกประชุมได้!”“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพะย่ะค่ะ! ซื่อจื่อซิ่นหยางโหวทำร้ายบุตรสาวสายตรงของมหาราชครูหรง ทำให้แม่นางหรงได้รับบาดเจ็บ สมควรลงโทษสถานหนัก!”“ฝ่าบาท เขาเป็นขุนนางของราชสำนักแต่กลับประพฤติตนเหลวไหลเช่นนี้ ตอนแรกก็จะปลดภรรยาเอกให้เป็นอนุ ต่อมาก็ทำร้ายร่างกายหญิงสาวชนชั้นสูง ช่างไร้สาระยิ่งนัก!”“ก่อนหน้านี้สกุลฉีทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงโมโหจนอกแตกตาย ทั้งยังมีหน้ามาพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าหรงป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว แม้ท่านมหาราชครูหรงจะโมโหแต่ก็อาจโทษว่าเป็นความผิดของพวกเขาทั้งหมด ทว่าคร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 168

    แต่ในจังหวะนี้เอง อวี้ม่านหวากลับร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้น “ท่านพี่ฟู่ ข้าไม่ไหวแล้ว ท้องของข้า…”ฉีจื่อฟู่หันกลับไปอุ้มอวี้ม่านหวาเขามองหรงจือจือปราดหนึ่งและพูดว่า “จือจือ ข้าจะไปตามหมอให้ม่านหวาก่อน เสร็จแล้วจะกลับมาดูเจ้า”ข้างกายจือจือมีบริวารที่ให้ความเป็นห่วงอยู่มากมาย แต่ม่านหวามีเพียงแค่เขาฉีจื่อฟู่พูดจบก็จากไปอย่างเร่งรีบเจาซีรีบประคองหรงจือจือให้ลุกขึ้น นางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ อดด่าไม่ได้ว่า “คุณหนู ซื่อจื่อช่างสารเลวยิ่งนัก!”คุณหนูของนางถูกซื่อจื่อผลักแท้ๆ ทว่าเขากลับหันไปเป็นห่วงนังแพศยานั่นอวี้หมัวมัวปวดใจมากเช่นกันเมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตัวเองบอกให้คุณหนูมีทายาทสายตรงให้กับซื่อจื่อและเป็นฮูหยินโหว นางก็อยากจะตบหน้าตัวเองสำหรับคนแบบซื่อจื่อแล้ว เขาสมควรขาดลูกสิ้นหลานหลังจากกลับเข้าเรือนไปตรวจสอบก็พบว่าหรงจือจือไม่ได้มีบาดแผลร้ายแรงนัก มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าผากและมีเลือดออก เพียงแค่ใช้โอสถรักษาก็พอแล้ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแต่อย่างใดเจาซีน้ำตาไหลไม่หยุด ประหนึ่งว่านางเป็นคนที่ล้มกระแทกเองอย่างไรอย่างนั้นหรงจือจือมีอาการสงบมาก “การล้มของข้าไม่สูญ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 167

    อวี้ม่านหวาเบิกตาโพลง นางเข้าใจแล้ว “ตัวท่านเองสู้ข้าไม่ได้ ก็เลยหาคนมาสู้กับข้าแทนใช่หรือไม่?”“ตัวท่านไม่อาจคว้าหัวใจซื่อจื่อมาครองก็เลยอิจฉาข้า หวังให้ข้าอยู่โดดเดี่ยวเหมือนตัวท่านเองใช่หรือไม่? ข้าเข้าใจแล้ว ท่านคงรู้สึกเหงาในยามราตรี ก็เลยอิจฉาที่ข้ามีท่านพี่ฟู่อยู่เคียงข้างสินะ!”หรงจือจือตบหน้าอวี้ม่านหวาดัง “เพี้ยะ” ทำให้เสียงของอวี้ม่านหวาเงียบลง พูดด้วยสีหน้าเย็นยะเยียบว่า “สู้เจ้าไม่ได้งั้นรึ? ข้าตบเจ้า เจ้าไม่เพียงโต้ตอบคืนไม่ได้ แต่ยังขัดขืนไม่ได้ด้วย ตัวเจ้าเป็นเพียงอนุ มีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับข้าที่เป็นนายหญิงใหญ่? สงสัยจะเลอะเลือนสินะ!”“ท่านพี่ฟู่ของเจ้าไม่มาอยู่กับข้า ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ เจ้าเก็บเขาไว้ข้างกายทุกคืนได้เลย อย่ามาทำให้ข้าสะอิดสะเอียน!”“นอกจากนี้ หากเจ้ายังพูดถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ ข้าได้ยินหนึ่งรอบก็จะตบเจ้าหนึ่งรอบ!”อวี้ม่านหวากุมหน้าตัวเอง “ผู้ใดจะไปเชื่อที่ท่านพูดกัน? ท่านกำลังหึงหวงชัดๆ!”หรงจือจือปรายตามองไปที่ท้องของนางปราดหนึ่ง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ เจ้าควรดีใจที่ตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ ข้าจะไม่ลงมือต่อเด็ก นี่เป็นยันต์คุ้มชีวิตของเจ้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 166

    ครานี้ไม่ต้องให้หรงจือจือพูด อวี้หมัวมัวพูดขึ้นว่า “นี่เจ้าเลอะเลือนหรืออย่างไร คุณชายสี่ได้ลิ้มรสความหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่นพนัน เช่นนี้วันหน้าจึงจะอยากไปอีก”“หากพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก วันหน้ายังจะอยากเล่นพนันอีกหรือ? มีแต่จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีโชคและไม่ไปบ่อนอีก”เจาซีเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ “ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง!”หากเป็นเมื่อก่อน ชุนเซิงฟังเรื่องพวกนี้แล้วและรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะเดินทางผิด ไม่แน่ว่าภายในใจจะรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย คุณชายสี่ให้เขาปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย ส่วนพวกตัวเองสองคนกลับไปเที่ยวเล่นหากฮูหยินทราบเข้า เขาคงไม่รอดชีวิต อีกฝ่ายไม่เคยคิดถึงความเป็นความตายของเขาด้วยซ้ำอย่าว่าแต่ช่วงสองวันนี้เลย คุณชายสี่มักจะดุด่าทุบตีเขาเป็นประจำ นี่ทำให้ชุนเซิงรู้สึกว่าคุณชายสี่เจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!ชุนเซิงพูดว่า “เช่นนั้นบ่าวขอตัวกลับไปรายงานก่อน หากมีข้อมูลอะไรอีกจะมารายงานให้ท่านทราบ”หรงจือจือพยักหน้า บอกให้เจาซีไปหยิบโอสถรักษาบาดแผลมามอบให้ชุนเซิง “โอสถนี้จะช่วยบรรเทาบาดแผลที่ศีรษะของเจ้า บนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 165

    หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าไปบอกเขาว่าช่วงนี้ท่านพ่ออารมณ์ไม่ดี ข้ายังไม่กล้าไปคุยให้ รอให้ท่านพ่ออารมณ์เย็นลงแล้วข้าค่อยลองดูอีกครั้ง!”ตอนที่ท่านพ่อรับปากว่าจะช่วยแก้แค้น เขาบอกนางว่าสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้ที่หรงจือจือไม่กลับไปขอความช่วยเหลือจากมหาราชครูหรงทันทีไม่ใช่เพราะกลัวท่านพ่อไม่พอใจแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะอยากให้ฉีจื่อเสียนอยู่ว่างสักสองสามวัน ตงหลิงจะได้ทำประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น ชุนเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปแล้ว หากฮูหยินซื่อจื่อไม่ยอมตอบตกลง บ่าวกลับไปแล้วคงถูกคุณชายสี่ตำหนิว่าไร้ความสามารถและทุบตี!”หรงจือจือมองเขาปราดหนึ่ง “ตั้งแต่ที่ตงหลิงกลับมา ชีวิตเจ้าไม่ได้ดีขึ้นหรือ?”ชุนเซิงมีสีหน้าเศร้ารันทด “เพิ่งกลับมาแค่สองวัน เขาก็ใช้ความสามารถในการประจบสอพลอมาทำให้คุณชายสี่ไม่สบอารมณ์ต่อบ่าว บ่าวถูกตบหน้าไปสองครั้งแล้ว ศีรษะมีรอยนูนปูดที่ถูกคุณชายสี่ทุบตี”ตอนนี้เขารู้สึกโชคดี โชคดีที่เจ้านายในใจเขาคือฮูหยินซื่อจื่อที่คอยช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด ไม่ใช่คุณชายสี่มิเช่นนั้นตอนนี้จะขมขื่นเพียงใดก็ไม่รู้ หลังจากบ่นจบ ชุนเซิงก็พูดต่อ “ยังมีอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 164

    หรงจือจือกล่าวอย่างราบเรียบ “ที่ข้าอยากทำไม่ได้มีแค่นี้ แต่ต้องดูก่อนว่าเจ้าอันธพาลนี่มีความสามารถเพียงใด”ในจดหมายที่เซิ่งเฟิงส่งถึงนางระบุไว้ว่า อันธพาลซึ่งมีนามว่าซือถือกุ้ยที่นางหลิวพอจะมีความสามารถอยู่ ความจริงแล้วนางหลิวไม่ใช่สตรีชนชั้นสูงคนแรกที่ถูกเขาหลอกเอาเงินไปจนหมด สองปีมานี้เขาหลอกบรรดาฮูหยินแม่ม่ายกับฮูหยินที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับสามีมาไม่รู้ตั้งเท่าไรหลังจากที่หลอกเอาเงินจนหมดก็จะหาข้ออ้างมาทะเลาะและเลิกรากันเพื่อไปหาเหยื่อคนถัดไป ทุกคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขา บัดนี้ล้วนแต่สิ้นเนื้อประดาตัว หลังจากที่บรรดาฮูหยินถูกหลอก พวกนางไม่กล้าเปิดเผยเรื่องดังกล่าวเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ หลังจากที่เขาหลอกเงินและไปหาเหยื่อคนถัดไป เขาจะย้อนกลับไปหลอกบรรดาฮูหยินพวกนั้นด้วยว่า ตัวเองถูกบังคับให้ทำเช่นนี้และทำไปเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น กับสตรีคนอื่นแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย มอบความรู้สึกที่แท้จริงให้แค่พวกนาง ไม่เคยลืมไปจากใจหลอกให้บรรดาฮูหยินยกโทษให้ตน จะได้ไม่เกลียดที่เขาใจร้าย ให้พวกนางโทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่มีเงินน้อยแทน แต่ละคนจะได้คิ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status