Share

บทที่ 38

Penulis: สั่งไม่หยุด
เมื่อคนถูกไล่ออกไปแทบจะหมดแล้ว

พระชายาอ๋องเฉียนจึงได้เอ่ยปากอย่างลังเล “จือจือ ข้าเห็นเจ้าดั่งลูกหลานของตนจริงๆ จึงได้ถามเจ้าตามตรง มิได้มีเจตนาจะดูหมิ่นเจ้าอย่างแน่นอน ยังหวังว่าเจ้าอย่าโกรธเคืองอย่างเด็ดขาด”

นี่กล่าวจนหรงจือจืองุนงงกว่ายิ่งเดิม ที่แท้เป็นคำถามใดกันแน่ จึงได้ร้ายแรงถึงขั้นนี้แล้ว?

แม้ในใจของนางจะรู้สึกประหลาดใจ ทว่าบนใบหน้าก็ยังคงน่ารักเชื่อฟัง “พระชายา ท่านพูดมาเถิด ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นใด ในใจของข้าย่อมรู้ดี ไม่มีทางเข้าใจท่านผิดแน่เจ้าค่ะ”

ในวันนี้ การที่พระชายายืนอยู่ข้างนางในเรื่องของฉีอวี่เยียนเยี่ยงนี้ หากหรงจือจือยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาร้ายต่อตนอีก เช่นนั้น หรงจือจือก็ออกจะไม่รู้ดีชั่วแล้วจริงๆ

พระชายาอ๋องเฉียนจึงได้วางใจลง แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็จะถามแล้ว! ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าแต่งไป ร่างกายของฉีจื่อฟู่ก็ไม่ค่อยจะดี จากนั้นไม่กี่วันเขาก็ไปแคว้นเจา เมื่อกลับมาก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ดังนั้นพวกเจ้า พวกเจ้า…”

เห็นพระชายาอ๋องเฉียนอ้อมค้อมไปมากมาย สุดท้ายยังคงอ้ำๆ อื้งๆ มิได้กล่าวประเด็นสำคัญออกมา

หรงจือจือจึงกล่าวว่า “พระชายา ท่านก็พูดมาตามตรงเถ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 39

    นางก็มิได้เขลา จึงกล่าวว่า “พระชายา ข้ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เกรงว่าต้องผิดต่อความหวังดีของท่านแล้วเจ้าค่ะ”นางไม่เคยคิดจริงๆ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับฉีจื่อฟู่ ความมั่นใจที่นางมีต่อการแต่งงานล้วนสลายไปหมดแล้ว ภายหน้า ก็คิดเพียงจะคอยแสดงความกตัญญูอยู่ข้างกายของท่านย่า ปรนนิบัตินางในบั้นปลาย และในยามนี้ ตัวนางยังอยู่ในบันทึกวงศ์ตระกูลของตระกูลฉีอยู่เลย แล้วจะสนทนาเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจหรงจือจือในตอนนี้ เป็นฮูหยินของฉีจื่อฟู่ เพื่อหลานชาย นางสามารถทำหน้าหนาแย่งชิงคนของผู้อื่นได้ แต่หรงจือจือกลับไม่อาจรับปากด้วยความยินดีได้ในทันที เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ตีความว่า หรงจือจือเป็นสตรีที่ไร้ความสำรวมแล้วตนมิได้มองหรงจือจือผิดไปจริงๆพระชายาอ๋องเฉียนกล่าวว่า “ในเรื่องนี้ เจ้าก็มิต้องรีบร้อนปฏิเสธ ข้ารู้ว่า หลายวันนี้จิตใจของเจ้ากำลังสับสน รอจนเจ้าหย่าร้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าค่อยใคร่ครวญคำพูดของข้าก็ได้”“บัดนี้ เหิงเอ๋อร์เองก็รับหน้าที่อยู่ในสำนักฮั่นหลิน ในภายภาคหน้ายังจะสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่ออีก กับเจ้าแล้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 40

    หรงจือจือจะรู้ได้อย่างไรว่า ในใจของหยางหมัวมัวกำลังคิดสิ่งใดยามนี้จึงได้แต่อมยิ้มมองไปที่นางเซี่ย “ในเมื่อพระชายาซื่อจื่อกล่าวว่าติดค้างน้ำใจข้าหนหนึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะทำหน้าด้านขอแล้วนะเจ้าคะ”เมื่อหยางหมัวมัวฟังมาถึงจุดนี้ ก็ยิ่งอึดอัด หนี้น้ำใจนี้เมื่อขอไปแล้ว วันหน้าหากนางหรงคิดจะเปลี่ยนใจ แต่งให้กับคุณชายใหญ่ ก็ไม่อาจทำได้แล้วนางเซี่ยกลับพอใจกับการรู้ความของหรงจือจือเป็นอย่างมาก “อย่างนั้นเจ้าก็ลองพูดมาดูว่า เจ้าคิดจะให้ข้า ชายาซื่อจื่อผู้นี้ทำสิ่งใดให้เจ้ากัน?”หรงจือจือ “เรื่องการบอกให้ฉีอวี่เยียนเป็นอนุนั้น ยังขอรบกวนให้พระชายาซื่อจื่อ ช่วยโยนความผิดทั้งหมดไปที่แม่สามีผู้นั้นของข้าด้วยเจ้าค่ะ”สายตาที่นางเซี่ยมองหรงจือจือ อดไม่ได้ที่จะลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย “จือจือเกรงว่าคนตระกูลฉีจะคิดโยงมาถึงตัวเจ้า แล้วโทษเจ้ากระนั้นหรือ?”หรงจือจือยิ้มน้อยๆ ว่า “ในเมื่อวันนี้พระชายาซื่อจื่อเปิดอกพูดกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะขอกล่าวตามตรง สามปีมานี้ ขอเพียงนางถานต้องการจะร้องขอสิ่งที่เกินกำลังให้ฉีอวี่เยียน ล้วนให้ข้าวุ่นวายเป็นธุระให้นาง ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจ เสียทั้งเงินใช้ทั้งพลังงาน สิ่งท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 41  

    พระชายาอ๋องเฉียนกล่าว “นี่จะมีอะไรเป็นไปไม่ได้? คนอย่างเจ้าด้อยกว่าเจ้าฉีจื่อฟู่คนนั้นที่ไหนกัน กล่าวถึงชาติตระกูลแล้วไม่มีผู้ใดจะเทียบเจ้าได้ นางหรงเปลี่ยนมาสมรสกับเจ้า ก็ถือเป็นเรื่องมงคลสำหรับนางและสกุลหรงแล้ว” “และอีกอย่าง ต่อจากนี้ในจวนก็มีข้าซึ่งเป็นย่าของเจ้าคอยดูแลนาง จะไม่สุขกายสบายใจกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับนางถานอีกหรือ? ไว้นางหย่าร้างแล้ว หากสกุลหรงไม่ยินยอม ข้าจะยอมเสียหน้า ไปช่วยเจ้าสู่ขอด้วยตนเอง!” ถึงแม้ว่าพระชายาอ๋องเฉียนจะคิดไม่ออก ว่าสกุลหรงจะมีเหตุผลใดที่จะไม่ยินยอม จีอู๋เหิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็รีบคุกเข่าต่อหน้าท่านย่าทันที พลางกล่าวด้วยความตื้นตัน “เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับที่ท่านย่าเมตตาให้อภัยในความดื้อรั้นของหลาน! หากได้สมรสกับบุตรสาวคนโตสกุลหรงแล้ว ตลอดชีวิตนี้หลานจะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว และข้ากับนางจะตั้งใจดูแลท่านย่า กตัญญูตอบแทนบุญคุณอย่างดีขอรับ” พระชายาอ๋องเฉียนยิ้มพลางเอ่ย “หากมิใช่นางเจ้าก็ไม่ยอมสมรสกับผู้ใด หากข้าไม่อภัยให้เจ้าแล้วจะทำอย่างไรได้หรือ? เพียงแต่ประโยคที่ว่า ‘ตลอดชีวิตนี้จะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว’ จากนี้อย่าได้พูดออกมาอีกเชียว ในเมื่อเจ้าจะ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 42  

    หรงจือจือยิ้มบาง ๆ ได้แต่รู้สึกว่าเจาซีช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน ไม่ว่าคนนอกจะดูถูกดูแคลนนางอย่างไร ทว่าในสายตาของเจาซี ตนเองดีที่สุดในทุกด้านแล้ว คนอื่นที่พลาดตนเองไป จะต้องรู้สึกเสียใจทั้งสิ้น หรงจือจือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง “เอาล่ะ รีบเช็ดน้ำตาได้แล้ว ประเดี๋ยวหากมีคนเห็นเข้า เกรงว่าจะเล่าลือกันไปแบบไม่มีสาเหตุอีก” เจาซีผงกศีรษะอย่างว่าง่าย และรับผ้าเช็ดหน้าไว้ ครั้นปลอบโยนเจาซีเรียบร้อย หรงจือจือก็สงบจิตใจกลับมาอยู่กับตนเอง หวนคิดถึงถ้อยคำของนางเซี่ยแล้ว ก็รู้สึกว่าไอเย็นยะเยือกระลอกหนึ่งพลันไล่ขึ้นมาจากฝ่าเท้า ถ้อยคำว่าร้ายเหล่านั้นบาดลึกจนทำให้รู้สึกเหน็บหนาวแม้นอยู่ในเดือนหก ฤดูหนาวในวันนี้ ช่างเย็นเยือกเสียเหลือเกิน ทว่านางจะไม่มีวันถูกทำลายลงได้ และนางก็จะไม่ยอมให้ตนเองถูกทำลายลงเด็ดขาด ท่านย่าสอนให้นางเข้มแข็งและกล้าหาญเด็ดขาด นางหรือจะทำให้ท่านย่าต้องผิดหวัง? ครั้นกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หรงจือจือสั่งให้บ่าวรับใช้จุดถ่านไฟ กระทั่งร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ก็สั่งด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนบอกให้เจาซีไปนำกระดาษและพู่กันมา จากนั้นก็เริ่มเขียนหนังสือหย่าด้วยความตั้งอกตั้งใจเป็นที่สุ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 43  

    เฉินหมัวมัวโกรธจนหน้าถอดสี ขึงตาจ้องหรงจือจือพลางเอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านคิดให้ดี! แม่สามีของทำกำลังไม่สบาย หากท่านปฏิเสธไม่ดูแลปรนนิบัติท่านยามป่วยไข้จะมีโทษอย่างไร?” หากมิใช่เพราะมีเพียงฝีมือและแรงบีบนวดของนางหรงเท่านั้น ที่สามารถทำให้ฮูหยินรู้สึกสบายตัวได้แล้ว ตนเองไม่มีทางถ่อมาถึงที่แห่งนี้แน่ หรงจือจือเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าบอกแล้ว ว่ามือข้าไม่มีแรง ให้ท่านแม่ลองคิดดูเอาเองเถิด หากเรื่องที่ฝืนบังคับให้ลูกสะใภ้ที่กำลังไม่สบายไปบีบนวดให้ตนเอง ถูกเล่าลือออกไปถึงคนข้างนอกจะน่าฟังหรือไม่น่าฟัง” สาวใช้เฉินกล่าว “กำลังไม่สบาย? ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าเห็นอยู่ว่าท่านร่างกายแข็งแรงดีนะเจ้าคะ!” หรงจือจือเหลือบสายตามองนาง “อะไรกัน? นี่เจ้าเป็นหมออย่างนั้นหรือ?” สาวใช้เฉินถูกตอกหน้าจนสะอึกไป นางพลันรู้สึกคับแค้นใจขึ้นมา ก็เอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ บ่าวขอเตือนท่านไว้อย่างหนึ่ง บัดนี้เป็นเพราะทุกคนให้เกียรติท่ามหาราชครูหรงอยู่ ถึงได้เรียกท่านว่าฮูหยินซื่อจื่อ!” “ซื่อจื่อหมายมั่นตั้งใจแล้วว่าจะให้องค์หญิงม่านหวาเป็นภรรยาเอก ความจริงพวกข้าควรจะเรียกท่านว่าอนุด้วยซ้ำ แต่เพราะฮูหยินมีเมตตา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 44  

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่แห่งนี้คือเรือนของหรงจือจือเลย นางควบคุมอำนาจการดูแลงานบ้านงานเรือนภายในจวนโหวมาแล้วสามปี ด้วยความสามารถในการควบคุมบ่าวรับใช้ของนาง ตราบใดที่มิใช่สวนฉางโซ่วแล้ว การจะจัดการกับสาวใช้เฉินเพียงคนเดียว ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน อวี้หมัวมัวโบกมือ บ่าวรับใช้หลายคนก็เดินเข้ามา มัดตัวสาวใช้เฉินไว้ สาวใช้เฉินคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าหรงจือจืออย่างไม่เต็มใจถึงที่สุด ปากก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าบ่าวรับใช้ผู้ซึ่งรับหน้าที่ลงโทษ เดินเข้าไปก็จัดการตบปากเต็มแรงไปหลายหน จนคำพูดของสาวใช้เฉินกระจุยกระจายหายไปหมด นางกัดฟันกรอด ๆ “ฮูหยินซื่อจื่อ เจ้า…เจ้า…ตบข้า ฮูหยินท่านไม่…มะ…ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ นางจะต้อง…ไม่ปล่อยเจ้า…อย่างเด็ดขาด…” เห็นสาวใช้เฉินมาถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกผิด ยังกล้าใช้วาจาคุกคามข่มขู่หรงจือจือ หรงจือจือเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ประเดี๋ยวตอนโบย มิต้องออมมือ บาดแผลจะสาหัสเพียงใดล้วนเป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับมันแล้ว” อวี้หมัวมัวรับคำ “เจ้าค่ะ!” สาวใช้เฉินถูกตบจนหน้าบวม ครั้นได้ยินวาจานี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด เจาซียังคงโกรธเคืองกับสิ่งที่สาวใช้เฉิน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 45  

    สาวใช้เฉิน “…” บ่าวรับใช้รับคำ “เจ้าค่ะ!” เสียงหวดไม้บนร่างแต่ละครั้งแต่ละครั้งแว่วดังมาจากด้านนอก สำหรับเจาซีแล้ว ทุกเสียงหวดไม้ล้วนคล้ายกับเสียงเพลงฉินอันไพเราะจับใจ จนนางเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินไปหมด สาวใช้มีความสุขเสียยิ่งกว่าตอนฉลองปีใหม่ “คุณหนูเจ้าคะ นางบ่าวเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจมานานหลายปี ในที่สุดพวกเราก็ได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาเสียทีนะเจ้าคะ บ่าวไม่เคยรู้สึกสะใจมากถึงเพียงนี้มานานแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ” “เป็นแค่บ่าวรับใช้ข้างกายฮูหยิน คงเพราะปรนนิบัติฮูหยินมานาน ถึงได้คิดว่าตนเองกลายเป็นฮูหยินด้วยแล้วกระมัง” “ทุกครั้งที่บ่าวเห็นหน้าหยิ่งผยองของนาง พอก้มมองรองเท้าของบ่าวเอง บ่าวอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะเดินเหยียบบนหน้านางสักสองหนเหลือเกินเจ้าค่ะ” หรงจือจือเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “เมื่อครู่เจ้าเองก็ด่าเสียจนสะใจเลยมิใช่หรือ?” ว่าขี้หูหมื่นปีอะไรนั่น… ได้ยินเสียงเย้าหยอกของคุณหนู เจาซีก็หน้าแดงขึ้นมา พลางแลบลิ้นไม่เอ่ยวาจาใดอีก …… ขณะเดียว ณ สวนฉางโซ่ว นางถานกุมศีรษะของตนเองที่ปวดจวนจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ พลางร้องโอดครวญอยู่บนเตียง “โอย โอย ข้าปวดจนจะตายให้ได

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 46  

    ว่าตามเหตุผล หรงจือจือหากจะทุบตีสาวใช้เฉิน ก็ควรจะไว้หน้าแม่สามีอย่างตนบ้าง ลงโทษในเรือนให้เสร็จก็พอ ไยจะต้องลากออกไปลงโทษกลางลานให้คนจำนวนมากมองเห็นด้วย? หญิงรับใช้รีบเข้าไปคลายโทสะให้นางถาน “ฮูหยินโปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ อย่าให้ความโกรธทำร้ายร่างกายของตัวท่านเองเลยนะเจ้าคะ…” สาวใช้คุกเข่ากับพื้นไม่กล้าเอ่ยวาจาใดแม้เพียงประโยคเดียว นางถานครั้นคลายโทสะลงได้บ้างแล้ว ก็เอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึง “นางลงโทษแล้ว เหตุใดถึงไม่ส่งคนกลับมาที่ข้าอีก?” สาวใช้ตอบด้วยเสียงเบาหวิว “อวี้หมัวมัวของทางนั้นกล่าวว่า ฮูหยินซื่อจื่อรู้สึกไม่สบายตัว จึงปลีกตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วเจ้าค่ะ คืนนี้มีหิมะ ให้สาวใช้เฉินนอนกลางลานจะได้สงบจิตใจให้เย็นลงเจ้าค่ะ” นางถานสบถ “รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว! รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วจริง ๆ! พวกเจ้า รีบไปซะ! ไปพาตัวสาวใช้เฉินกลับมา! นางทำร้ายคนของข้าให้เว้นไปก่อน หากปล่อยให้หนาวอยู่กลางลานเช่นนั้น คอยถึงพรุ่งนี้เช้า คนจะยังมีลมหายใจอยู่อีกหรือ?” หญิงรับใช้รับคำทันที ก่อนจะสั่งให้คนไปนำตัวสาวใช้เฉินกลับมา หลังจากพวกสาวใช้กลับมา ก็รายงานถ้อยคำล่วงเกินที่สาวใช้เฉินบอกให้ฮูหยินซื

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 208

    นางถานไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก บวกกลับช่วงนี้เกลียดชังนางหลิวมากจริง ๆกล่าวทั้งหน้าคล้ำดำหมอง “ตอนนี้สกุลถานมีแต่คนไร้ประโยชน์เช่นเจ้าแล้วหรืออย่างไร? กระทั่งน้ำชายังถือไม่อยู่! นางหลิวดูแลจวนอย่างไรกันแน่?”ครั้นนางด่าเช่นนี้ออกมา คนที่อยู่ในงานต่างพากันเงียบกริบสาวรับใช้ผู้นั้นถือน้ำยังถือไม่อยู่มือ ก็เลอะเลือนนิดหน่อยจริง ๆ ทว่าสตรีที่แต่งงานออกไปอยู่ที่อื่นหลายปีเช่นนางถาน ว่าพี่สะใภ้ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ไม่มีกฎเกณฑ์และทำให้ผู้คนรังเกียจเป็นอย่างมากสาวใช้ผู้นั้นรีบหมอบกราบแล้วกล่าวว่า “ขอฮูหยินใจเย็น ๆ ด้วยเจ้าค่ะ!”ต่อให้นางถานเดือดดาลแค่ไหน แต่จะสวมเสื้อผ้าเปียกไปตลอดไม่ได้ จึงลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นพาข้าไปเปลี่ยนชุดเสีย! เปลี่ยนชุดเสร็จค่อยมาจัดการทาสชั้นต่ำไร้ประโยชน์อย่างเจ้า!”สาวใช้กล่าวทั้งน้ำตาอาบหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวจะนำทางให้ฮูหยินไปยังเรือนชิงเฟิงที่บรรดาแขกมีเกียรติเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน!”ก่อนไป นางถานยังนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางหันหน้ากลับไปมองทีหนึ่ง “ตำแหน่งประธานเป็นของข้า ท่านหญิงขั้นสองเป็นลูกสะใภ้ของข้า! เดี๋ยวหากผู้ใดนั่งตำแหน่งของข้า ก็ต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 207

    นางถานยิ่งไม่เชื่อเข้าไปกันใหญ่ “ท่านอัครมหาเสนาบดีจำผิดคนหรือเปล่า?”นางสวีกล่าว “ท่านอัครมหาเสนาบดีเป็นคนระดับไหน? จำผิดกระทั่งผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตตน? กลับกันฮูหยินฉีเจ้าแปลกยิ่งนัก ลูกสะใภ้ของตัวเองได้เป็นท่านหญิงแท้ ๆ กลับไม่ดีใจเลยสักนิด ยังทำราวกับว่าถูกโจมตีอะไรอีก!”สีหน้าของนางถานคล้ำดำหมองเป็นอย่างมากสีหน้าของอวี้ม่านหวาเองก็ไม่สู้ดีนักต่อให้ฝันก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่า นางประสมโรงนางถานเพียงไม่กี่คำ ขยะแขยงหรงจือจือด้วยกัน ทว่าสุดท้ายกลับทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าจนหมดสิ้น มิน่าล่ะสองวันนี้ฉีจื่อฟู่ถึงดูแปลก ๆนางสวีกล่าวจบ ก็แสร้งมาคว้ามือของหรงจือจืออย่างสนิทสนมฉีกยิ้มพลางเอ่ยว่า “พอข้าเห็นเจ้า ก็รู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก! ตอนแรกเจ้าช่วยท่านอัครมหาสนาบดีเอาไว้ คิดว่าวิชาแพทย์ก็คงยอดเยี่ยมมากใช่หรือไม่?”หรงจือจือตอบกลับอย่างมีมารยาท “รู้งู ๆ ปลา ๆ เท่านั้นแหละเจ้าค่ะ”นางถานเองก็นึกขึ้นได้ว่าหรงจือจือรู้วิชาแพทย์ พลันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แค่เจ้าบังเอิญโชคดีอีกครั้งก็เท่านั้นแหละ!”“ไม่แน่ว่าเดิมทีท่านอัครมหาเสนาบดีอาจจะไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่เข้าใจผิดคิดว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 206

    พูดคำพวกนี้จบยังไม่เท่าไรนางถานยังใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บรั้งอวี้ม่านหวาเอาไว้ด้วย “ม่านหวา เจ้าวางใจ แม้เจ้าจะเป็นเพียงแค่อนุ แต่จื่อฟู่ก็รักและให้ความสำคัญกับเจ้า ขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งฮูหยินตราตั้งเพื่อเจ้า เจ้ามีหน้ามีตามากเสียยิ่งกว่าภรรยาเอกจอมปลอมบางคนเสียอีก!”อวี้ม่านหวาฉีกยิ้มพลางเอ่ย “ท่านแม่ จิตใจของท่านพี่ ข้าย่อมรู้ดีที่สุด! เพียงแต่อย่างไรพี่หญิงก็แต่งเข้ามาก่อน แม้ว่าตอนนี้ฐานะของข้าจะอยู่เหนือกว่านาง แต่ข้าก็ยังยินดีให้หน้าบาง ๆ แก่พี่หญิงสองสามส่วน”“หากพี่หญิงอยากนั่งก่อนจริง ๆ เช่นนั้นก็นั่งเถิด! ข้าไม่ใช่คนกระเปิ๊บกระป๊าบเช่นนี้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้พี่หญิงจะให้ข้าเรียกท่านว่าฮูหยินให้ได้ ไม่ยอมให้ข้าเรียกพี่หญิง ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านรู้สึกอิหลักอิเหลื่อบ้างหรือไม่?”นางถานกลอกตาขาวทีหนึ่ง “หากข้าเป็นเจ้านะ คงหากระสอบมาคลุมหัวตัวเองแล้ว จะได้ไม่ต้องออกมาขายขี้หน้าคนอื่นเขา!”พวกนางแม่ผัวลูกสะใภ้ผลัดกันพูดไปมาพูดจนฮูหยินนางหนึ่งอดกลั้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่า นางหรงจะถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงแล้วมิใช่หรือ?”นางถานตกตะลึง “ฮะ? เจ้าว่าอะไรนะ?”หา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 205

    หรงจือจือหัวเราะ “ดูท่า สถานการณ์เอื้ออำนวยที่ข้ารอก็มาถึงแล้ว!”ปกติแล้วหากไม่ใช่ขุนนางตำแหน่งสูงมีอำนาจมากระดับแถวหน้า ก็มีน้อยคนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดอายุสี่สิบปีอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ที่จัดล้วนจัดงานเลี้ยงวันเกิดอายุหกสิบปีให้ผู้อาวุโสในบ้านทั้งนั้นนางหลิวทำเช่นนี้ อันธพาลผู้นั้นต้องเป็นคนยุยงเป็นแน่แต่เป้าหมายของอันธพาลผู้นั้นคืออะไร ชัดเจนไม่กว่านี้ไม่ได้แล้วมิใช่หรือ?อวี้หมัวมัวเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหนู เราจะไปหรือไม่เจ้าคะ?”หรงจือจือ “มีเรื่องสนุกในตอนท้าย จะไม่ไปได้อย่างไรกัน? หวังก็แต่สามีน้อยที่นางหลิวเลี้ยง จะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”อวี้หมัวมัวฉีกยิ้มตามพริบตาเดียวก็ถึงวันงานเลี้ยงวันเกิดของนางหลิวแล้วนางถานเสนอว่าช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่สู้ไปร่วมงานเลี้ยงกันยกบ้าน ได้สัมผัสความครึกครื้นเสียหน่อย ในใจจะได้ผ่อนคลายลงสองสามส่วน ฉะนั้นคนทั้งจวนจะออกเดินทางไปครั้นเห็นหรงจือจือปรากฏตัว นางถานก็กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “หรงจือจือ เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงจืดชืด “ท่านพ่อ ข้าไปไม่ได้หรือ?”ฉีอวิ่นรีบตอบกลับว่า “ไปได้สิ! ไปได้อยู่แล้ว!”หลังจากนั้นก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 204

    มิน่าล่ะ ขอเพียงตนทำไม่ดีกับจือจือ ท่านอัครมหาเสนาบดีก็ไม่ชอบขี้หน้าตนถึงเพียงนี้นางก็จริง ๆ เลย! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดถึงปิดบังตน? ตกลงนางเห็นตนเป็นสามีบ้างหรือเปล่า?ครั้นฮ่องเต้หย่งอันได้ยินถึงตรงนี้ ก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีมีคุณูปการต่อแว่นแคว้น หรงจือจือเคยช่วยชีวิตท่านอัครมหาเสนาบดี ก็เท่ากับเคยช่วยต้าฉี ข้าจะแต่งตั้งหรงจือจือเป็นเสี้ยนจู่[1] มอบศักดินาหนานหยาง ให้ศักดินาที่ดินเป็นหนานหยาง ที่ศักดินาแปดร้อยหลังคาเรือน!”ครั้นฮ่องเต้กล่าวเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงทีแรกทุกคนคิดว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งตำแหน่ง รักษาหน้าตาของหรงจือจือก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าฝ่าบาทจะประทานศักดินาที่ดินและดินแดนให้จริง ๆ!ผู้ตรวจการหูกล่าวเตือนขึ้นว่า “ฝ่าบาท ในประวัติศาสตร์ต้าฉี มีเพียงองค์หญิงและจวิ้นจู่[2]เท่านั้นที่มีศักดินาที่ดิน เสี้ยนจู่ไม่เคยมีศักดินาที่ดินมาก่อน...”นโยบายของแคว้นต่างกัน แคว้นหมินที่ทั้งทำสงครามและเจรจาสันติกับพวกเขา ท่านหญิงจวิ้นจู่มีศักดินาที่ดิน ทว่าต้าฉีไม่เคยมีมาก่อนฮ่องเต้หย่งอันมองไปที่เขา “เช่นนั้นท่านหมายความว่า ข้าควรแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่?

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 203

    ขอตำแหน่งให้หรงจือจือ ทุกคนยังรู้สึกได้ว่าเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่แน่ฝ่าบาทเองก็อยากให้โอกาสเขาอีกหน่อย ทว่าขอให้ม่านหวามันเรื่องอะไรกัน?ทว่ารั้งสายธนูไปแล้วมีลูกศรที่ไหนหันหัวกลับบ้าง? เขาจะกลับคำบอกว่าตนไม่ขอแล้วไม่ได้ฮ่องเต้หย่งอันยังลังเลอยู่เล็กน้อย “แต่ว่า...นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎที่พึงปฏิบัตินะ!”แววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นเยียบ “ใต้เท้าฉีกระทำการโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่สนกฎพึงปฏิบัติ เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เหตุใดฝ่าบาทต้องขวางด้วยเล่า? ในเมื่อเขาสร้างความดีความชอบใหญ่หลวง ขอเพียงแค่รางวัลเช่นนี้ ฝ่าบาทสนองความต้องการก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”ครั้นเขากล่าวเช่นนี้ออกมา สายตาถากถางของขุนนางในราชสำนักมากมาย ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉีจื่อฟู่แต่จะกระทำโดยไม่ยับยั้งชั่งใจบ่อย ๆ ไม่ได้หรือเปล่า?สีหน้าของฉีจื่อฟู่เองก็ซีดเผือด เข้าใจดีว่าภายใต้ความบุ่มบ่ามของตน และกระทำการเลอะเลือน อัครมหาเสนาบดีเฉินประเมินตนเช่นนี้ คิดว่าคงยิ่งไม่ชอบตนเข้าไปกันใหญ่แน่ ไม่ง่ายเลยกว่าตนจะสร้างความดีความชอบขึ้นมาได้ ไม่คิดเลยว่าจะถูกตนทำลายลง!ฮ่องเต้น้อยเบะปาก “ในเมื่อท่านอัครมหาเสนาบดียืนกร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 202

    ฮ่องเต้หย่งอันได้ยินเช่นนั้นก็หน้าคล้ำดำเขียว ไม่เคยเห็นผู้ใดไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตตัวเองขนาดนี้มาก่อน เสียแรงที่ตนเห็นว่าอีกฝ่ายสร้างคุณงามความดี ยังคิดจะหารือกับท่านอัครมหาเสนาบดีว่าจะเลื่อนขั้นให้อีกฝ่ายดีหรือไม่คิดไม่ถึงว่าฉีจื่อฟู่กำลังทำให้ตนผิดหวังในจุดนี้ อย่างที่ไม่เคยผิดหวังมาก่อน เรื่องที่ทำให้ตนรู้สึกโกรธนั้น ก็เรียกได้ว่าไตร่ตรองมาอย่างดี และใส่ใจทุกรายละเอียด!ผู้ตรวจการจางพลันเกรี้ยวกราดจนยืนไม่อยู่แล้ว เขาออกมากล่าวว่า “ใต้เท้าฉี ตั้งแต่โบราณมา มีที่ไหนภรรยายังอยู่ แต่เขียนฎีกาขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งฮูหยินตราตั้ง? กฎที่พึงปฏิบัติของบรรพบุรุษ ตอนนี้เจ้าไม่แยแสเลยแม้แต่น้อยหรือ?”ฉีจื่อฟู่กล่าว “ใต้เท้าจาง ข้าเพียงรู้สึกละอายต่อม่านหวาเท่านั้น หากไม่ได้เป็นเพราะข้ามีภรรยาเอกอยู่แล้ว นางเองก็คงไม่ตกต่ำถึงขั้นนี้”“อีกอย่างฮูหยินตราตั้งนี้ เดิมทีจือจือก็ไม่แยแสอยู่แล้ว นางคิดว่าขั้นหกต่ำเกินไป ไม่คู่ควรกับนาง!”ครั้นเขากล่าวออกไป ในท้องพระโรงก็พากันฮือฮาก่อนหน้านี้ในสายตาของทุกคน หรงจือจือคือแม่ศรีเรือนอันดับหนึ่ง ตอนนี้ฉีจื่อฟู่กลับบอกว่าอีกฝ่ายดูถูกฮูหยินตราตั้งนี้ จ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 201

    เดิมทีหรงจือจืออึดอัดเป็นอย่างมาก เสวนากับคนอย่างฉีจื่อฟู่ จะมีหน้ามาอารมณ์ดีเสียที่ไหน?ทว่าในจังหวะนี้เองกลับถูกคำพูดของเจาซีหยอกเย้าให้หัวเราะออกมาครั้นเห็นคุณหนูหัวเราะได้สักที เจาซีก็แค่นเสียงฮึก่อนจะกล่าวว่า “คุณหนูเจ้าคะ โชคดีที่คุณหนูไม่ได้ให้อภัยเขา! บ่าวเห็นท่าทางไร้เหตุผลของเขาแล้วก็เดือดปุด ๆ ขึ้นมา! เพียงแต่ หากเขาขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งอนุสองคนจริง ๆ วันข้างหน้าในจวนแห่งนี้คุณหนู...”หรงจือจือยกจอกชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ไม่ต้องเป็นกังวล เราอยู่ได้ไม่กี่วันหรอก”เหตุการณ์ที่นางจะเอาชีวิตนางถาน และเหตุการณ์ที่อัครมหาเสนาบดีเฉินจะจับกลุ่มคนที่หลงเหลืออยู่ของแคว้นที่ล่มสลายออกมา ใกล้จะจบลงแล้ว รอเพียงการสถานการณ์เอื้ออำนวยเท่านั้นหากไม่มีสถานการณ์เอื้ออำนวย หรงจือจือก็จะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง!...หลังฉีจื่อฟู่ไปจากตรงนี้ ก็เก็บสีหน้าของตนทันที ไม่อยากให้คนอื่นเห็นท่าทางโดดเดี่ยวของตนพูดตามตรง ตอนแรกที่เขาล้มป่วยนอนอยู่บนเตียง ยังไม่เคยท้อแท้ใจอย่างเช่นวันนี้มาก่อนเลยเรื่องของความรู้สึก ทรมานใจคนจริง ๆครั้นเห็นชิวยี่เดินเข้ามา ฉีจื่อฟ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 200

    หรงจือจือลุกขึ้นถอยห่างออกมาสองสามก้าวเพื่อหลบมือเขาทันทีแววตาของฉีจื่อฟู่ทอประกายเศร้าเสียใจเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ เขาจ้องไปที่นาง “เจ้าเกลียดข้ามากขนาดนั้นเชียวหรือ?”หรงจือจือไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น “ถูกต้อง”แววตาของฉีจื่อฟู่หมองหม่น เขาพูดอย่างขุ่นเคือง “แต่วันนั้นข้าอธิบายชัดเจนแล้ว เจ้ายกโทษให้ข้าสักครั้งจะเป็นอะไรไป?”“ตอนนั้นข้าอยู่แคว้นเจา ต้องกล้ำกลืนความอัปยศอย่างไร้ทางเลือก! อีกอย่าง ข้าก็บอกไปแล้วว่ารักเจ้ามาโดยตลอด”เดิมทีหรงจือจือคร้านจะพูดมาก แต่นางขบขันกับเขามากจริงๆ “ที่ควบคุมความปรารถนาของตัวเองไม่ได้จนไปทำให้อวี้ม่านหวาตั้งท้องนี่เรียกว่าไร้ทางเลือกหรือ? ที่ยืนกรานจะให้ข้าเป็นอนุให้ได้ก็เรียกว่าไร้ทางเลือกหรือ? ที่เกือบจะทำให้ท่านย่าของข้าต้องตายก็เรียกว่าไร้ทางเลือกเช่นกันใช่หรือไม่?”“ฉีจื่อฟู่ เพียงเพราะท่านมีความรู้สึกอันน้อยนิดให้กับข้า เรื่องต่างๆ ที่ท่านทำร้ายข้าจึงไม่นับว่ามีอยู่จริงอย่างนั้นหรือ?”“เพียงเพราะมีความรักอันไร้ค่าของท่าน ข้าก็เลยต้องยกโทษให้กับความเลวทราม ความโหดร้าย จอมปลอม เห็นแก่ตัว และไร้มโนธรรมของท่านกับครอบครัวของท่านอย่างนั้นหรือ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status