แชร์

บทที่ 46  

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ว่าตามเหตุผล หรงจือจือหากจะทุบตีสาวใช้เฉิน ก็ควรจะไว้หน้าแม่สามีอย่างตนบ้าง ลงโทษในเรือนให้เสร็จก็พอ ไยจะต้องลากออกไปลงโทษกลางลานให้คนจำนวนมากมองเห็นด้วย?

หญิงรับใช้รีบเข้าไปคลายโทสะให้นางถาน “ฮูหยินโปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ อย่าให้ความโกรธทำร้ายร่างกายของตัวท่านเองเลยนะเจ้าคะ…”

สาวใช้คุกเข่ากับพื้นไม่กล้าเอ่ยวาจาใดแม้เพียงประโยคเดียว

นางถานครั้นคลายโทสะลงได้บ้างแล้ว ก็เอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึง “นางลงโทษแล้ว เหตุใดถึงไม่ส่งคนกลับมาที่ข้าอีก?”

สาวใช้ตอบด้วยเสียงเบาหวิว “อวี้หมัวมัวของทางนั้นกล่าวว่า ฮูหยินซื่อจื่อรู้สึกไม่สบายตัว จึงปลีกตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วเจ้าค่ะ คืนนี้มีหิมะ ให้สาวใช้เฉินนอนกลางลานจะได้สงบจิตใจให้เย็นลงเจ้าค่ะ”

นางถานสบถ “รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว! รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วจริง ๆ! พวกเจ้า รีบไปซะ! ไปพาตัวสาวใช้เฉินกลับมา! นางทำร้ายคนของข้าให้เว้นไปก่อน หากปล่อยให้หนาวอยู่กลางลานเช่นนั้น คอยถึงพรุ่งนี้เช้า คนจะยังมีลมหายใจอยู่อีกหรือ?”

หญิงรับใช้รับคำทันที ก่อนจะสั่งให้คนไปนำตัวสาวใช้เฉินกลับมา

หลังจากพวกสาวใช้กลับมา ก็รายงานถ้อยคำล่วงเกินที่สาวใช้เฉินบอกให้ฮูหยินซื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 47  

    หมอนวดหญิงสองคนเองก็รู้สึกโกรธกรุ่นอยู่เต็มอก โชคร้ายที่อีกฝ่ายคือฮูหยินท่านโหว จะกระด้างกระเดื่องมิได้ จึงได้แต่ออกไปพร้อมกับสีหน้ามืดครึ้ม คิดว่าจากนี้ตนเองจะไม่มีวันมาที่แห่งนี้อีกแล้ว หลังจากพวกนางออกไปแล้วจริง ๆ นางถานอึดอัดทรมานจนอยากจะเอาศีรษะฟาดกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด สาวใช้เฉียนช่วยบีบนวดให้ พลางเอ่ยว่า “ฮูหยินเจ้าค่ะ ไม่สู้ให้บ่าวไปขอร้องฮูหยินซื่อจื่ออีกครั้งเป็นอย่างไรเจ้าคะ?” เดิมทีนางถานยังคิดจะเล่นตัวสักหน่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ก็ตอบกลับไปว่า “เจ้าไปเถิด!” ไม่นานนักสาวใช้เฉียนก็กลับมาตัวคนเดียวอีกเหมือนเคย พร้อมกล่าวทั้งน้ำตา “ที่เรือนหลันฝั่งนั้นบอกว่าฮูหยินซื่อจื่อไม่สบาย บัดนี้นอนหลับไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวน!” นางถานโกรธจนเกือบจะเป็นลมตายได้แล้วจริง ๆ ทันใดนั้นก็ก่นด่าสาปแช่งหรงจือจือด้วยคำหยาบคาย นางเด็กชั่วช้าพูดออกมาได้ว่าหลับไปแล้ว ดูเหมือนจะไม่สบายหนักเอาการ แบบนี้จะบังคับให้นางมาบีบนวดคลายปวดให้ตนเองได้อย่างไร? หลังจากด่าทอหรงจือจือไปได้หนึ่งชั่วยามกว่า ก็เริ่มด่าสาวใช้เฉิน กล่าวโทษว่าที่ผ่านมาสาวใช้เฉินพูดจาหยาบคา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 48  

    หรงจือจือค้นพบว่าฉีจื่อฟู่มีความคิดที่คนทั่วไปเข้าใจได้ยาก นางดึงแขนของตนเองออกมาจากมือของเขา ใช้แรงไปไม่น้อย ฉีจื่อฟู่ไม่คิดว่านางจะขัดขืน ประมาทไปชั่วขณะ ทำให้นางดิ้นหลุดจากมือไปได้จริง ๆ นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พลางถามฉีจื่อฟู่ด้วยสายตานิ่งสงบ “ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าข้าทุบตีสาวใช้เฉินด้วยเหตุผลใด? ท่านรู้หรือไม่ว่าสาวใช้เฉินพูดอะไรกับข้าบ้าง ข้าถึงได้โกรธแบบนี้?” ฉีจื่อฟู่ผงะไป เพราะก่อนหน้านี้ท่านแม่เป็นลมหมดสติ ทำให้เขาต้องคอยเฝ้าไข้ดูแลจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ฉะนั้นเมื่อคืนจึงเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ง่วงนอนจนหลับสนิทไม่รู้สึกตัว ไหนเลยจะทราบว่าภายในจวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง? เพียงแต่เมื่อเช้าได้เข้าไปคารวะท่านแม่ ครั้นท่านแม่เห็นเขา ก็ร่ำไห้คร่ำครวญสะเทือนถึงฟ้าสะเทือนถึงดินออกมาทันที บอกว่าตนเองไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว หรงจือจือไม่สนใจความเป็นความตายของนางอย่างไรก็ช่าง แม้แต่บ่าวรับใช้คนสนิทของนางยังถูกทุบตีด้วย เขาฟังจบตรงรี่เข้ามาหาด้วยโทสะเดือดพล่านทันที เห็นสีหน้าเช่นนี้ของเขา หรงจือจือมิได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “ดูจากท่าทางของท่านพี่ คงจะย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 49  

    ฉีจื่อฟู่ตอบ “…เข้าใจแล้ว” เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าภรรยาที่เมื่อก่อนเคยอ่อนโยนแสนดีมีคุณธรรมของตนเอง เหตุใดถึงได้มีสายตาเยือกเย็นอำมหิต น่าขนลุกได้เหมือนกับคนชั่วช้าแบบนี้ได้ หรงจือจือตรงเข้าไปในเรือนของนายหญิงผู้เฒ่าหรง พร้อมกับฉีจื่อฟู่ ฉีจื่อฟู่ค้นพบว่าเมื่อเดินผ่านธรณีประตูนี้เข้าไปด้านในแล้ว หรงจือจือก็เลื่อนมือมาคล้องแขนของเขาไว้ด้วยตนเอง หัวใจของฉีจื่อฟู่ยิ่งเต้นเร็วแรง มองหรงจือจืออย่างไม่อยากเชื่อสายตา และหรงจือจือในตอนนี้ ก็ยิ้มอย่างอบอุ่นให้เขา คล้ายกับว่ารักเขามาก ทั้งหมดนี้ทำให้ฉีจื่อฟู่รู้สึกราวว่าตนเองกำลังฝันไป ความสุขและความร่าเริงเบิกบาน เอ่อล้นอยู่ภายในหัวใจของเขา ปล่อยให้หรงจือจือพาไปที่หน้าเตียงนอนของนายหญิงผู้เฒ่าหรงอย่างล่องลอย ทำความเคารพนายหญิงผู้เฒ่าหรงพร้อมกับนางแล้ว ฉีจื่อฟู่ยังคงรู้สึกว่าตนเองอยู่ในห้วงความฝันอันแสนงดงามหอมหวาน หรงจือจือเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านย่า วันนี้สามีว่างพอดี จือจือจึงพาเขากลับมาเยี่ยมท่านด้วยเจ้าค่ะ!” นายหญิงผู้เฒ่าหรงเห็นสายตาของฉีจื่อฟู่ยามมองหลานสาว เต็มด้วยเสน่หาลุ่มหลง ก็โล่งใจทันที ก่อนจะผุดยิ้มพลางเอ่ยว่า “ดีเลย ดีเล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 50  

    รู้สึกราวกับมีสิ่งของล้ำค่าอยู่ในมือ แต่ตนเองกลับทำลายทิ้งไปจนหมดสิ้น คล้ายกับมีเสียงแก้วแตกสลาย ดังก้องไปมาในใจของเขา สิ่งนี้ทำให้เขาจ้องมองใบหน้ามุมข้างที่เยือกเย็นของหรงจือจือแล้ว รู้สึกปวดแสบในดวงตา บัดนี้หรงจือจือรังเกียจเขายิ่งนัก แม้เพียงสายตาเดียวก็คร้านจะเหลียวมองเขาอีกแล้ว จึงไม่รู้ว่าในยามนี้เขามีสีหน้าอย่างไร กลับเป็นเจาซีซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง มองเห็นสีหน้าเช่นนี้ของฉีจื่อฟู่ ชัดเจนในสายตา เหอะ แค่เท่านี้ ซื่อจื่อคงยังไม่เริ่มรู้สึกเสียใจหรอกกระมัง? หลังจากนี้ คุณหนูยืนกรานจะหย่าขาดและจากไป ไม่มีบัวไหมสวรรค์ดอกที่สองอีกแล้ว ซื่อจื่อจะเสียดายขนาดไหน? ชีวิตที่มีความสุขไม่เลือก กลับเลือกทำลายคุณหนูของตนเอง สมควรแล้ว! เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หรงจือจือก็เห็นมหาราชครูหรงกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ใต้ต้นไม้ นางเดินเข้าไปทำความเคารพทันที “คารวะท่านพ่อ” ฉีจื่อฟู่ลืมความทุกข์ใจเจ็บปวด รีบเดินตามเข้าไปทำความเคารพด้วยเช่นกัน “คารวะท่านพ่อตาขอรับ!” ตำแหน่งในราชสำนักของพ่อตาคนนี้ของเขา ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น หากได้รับการสนับสนุนจากพ่อตาแล้ว เส้นทางขุนนางของเขา ย่อมราบรื่นขึ้นอย่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 51

    ...บนรถม้าฉีจื่อฟู่สีหน้าเย็นยะเยือก กำลังรอให้หรงจือจือปลอบโยนตนเองสักสองสามประโยค พ่อตาทำแบบนี้กับตน นางไม่โอ๋ตนเอง หรือไม่กลัวว่าตนจะปฏิเสธต่อนางอย่างเย็นชา?แต่ทว่าผ่านไปครู่ใหญ่ หรงจือจือไม่ได้ส่งเสียงเช่นกันเหมือนกับว่าไม่ใส่ใจในอารมณ์ของเขาเลยสักนิด เหมือนกับว่าต่อให้เขาโมโหจนอกแตกตาย ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนางทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนที่อยู่ต่อหน้านายหญิงใหญ่ถึงจะปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน ตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เขายากที่จะยอมรับได้ตอนที่เขากำลังจะหมดความอดทนจู่ ๆ หรงจือจือเอ่ยปากพูดขึ้น “ท่านพี่!”ฉีจื่อฟู่เผลอยิ้มออกมาทันที สุดท้ายนางก็ยังสนใจตนอยู่ จะไม่เป็นห่วงตนที่ไหนกัน?เขาเหลือบตามองนาง กล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง “มีเรื่องอะไรหรือ?”หรงจือจือจ้องตาของฉีจื่อฟู่ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “อาการป่วยของท่านย่า หวังว่าท่านพี่จะไม่นำไปพูดกับคนอื่น”นางไม่อยากมีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีกฉีจื่อฟู่ไม่ได้ลังเล ก็ตอบรับทันที “ได้”ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เพียงเพราะเขามองออกถึง ความสำคัญของนายหญิงผู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 52

    หรงจือจือค่อย ๆ ยิ้มออกมา นางกล้าที่จะพูดถึง ‘ความผิด’ของตนเองต่อหน้าของนางถาน แต่ไม่รู้ว่านางถานจะยินดีฟังหรือไม่ตลอดทางที่กลับถึงจวนโหว ฉีจื่อฟู่เหมือนกับนกหัวขวานที่ปากยื่นยาว พูดมาก ถึงขนาดพูด‘เหตุผล’มากมาย แต่ไม่มีสักประโยคที่หรงจือจือรู้สึกเข้าหูล้วนเป็นคำพูดที่ไร้จิตใจ เนรคุณ แต่กลับยังพูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ฟังแล้วไม่น่าพอใจสักนิดหรงจือจือจึงผล็อยหลับไปเสียเลยในขณะที่ฉีจื่อฟู่พูดอยู่ ก็เห็นหรงจือจือหลับไปแล้ว ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เพียงแค่เห็นใบหน้าของนางที่ผล็อยหลับไป หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวใบหน้าที่งามล่มเมืองเช่นนี้ นางไม่จำเป็นต้องอวดโอ้ความงาม เพียงแค่นั่งหลับตาเงียบ ๆ ก็ทำให้คนจิตใจฟุ้งซ่านได้แล้วเขายื่นมือออกไปลูบใบหน้าของหรงจือจืออย่างอดไม่ได้ในเวลานี้รถม้าก็หยุดลงอย่างกะทันหัน หรงจือจือได้สติกลับมาคนบังคับรถม้าด้านนอกกล่าว “ซื่อจื่อ ฮูหยินซื่อจื่อ ถึงแล้วขอรับ”หรงจือจือมองฉีจื่อฟู่ที่มือยื่นอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าประหลาดใจ กล่าวเสียงเรียบ “ท่านพี่กำลังทำอะไรหรือ?”ฉีจื่อฟู่รีบหดมือกลับทันที เขาจะให้หรงจือจือรู้ถึง ความใส่ใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 53

    ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า กลับกลายเป็นบุญวาสนาของตนไปเสียแล้วนางถานพ่นลมหายใจ “เจ้าต้องรู้จักรักษาเอาไว้ ปรนนิบัติลูกชายของข้าดี ๆ! ลูกชายของข้า ต้องนอนอยู่ที่ห้องหนังสือในเรือนของเขามาหลายวันแล้ว ถ้าหากเจ้ารู้ความ ก็ขอร้องเขาดี ๆ ให้เข้าไปนอนที่ห้องของเจ้า ทำเช่นนี้ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของเจ้าด้วยเช่นกัน”หรงจือจือไม่ต้องการหน้าตาแบบนี้เลยสักนิดเดียวเมื่อนางถานเห็นว่าหรงจือจือไม่รีบรับปาก ก็พูดด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะว่าเจ้า อันที่จริงเจ้ามีชีวิตอยู่ในความสุขแต่ไม่เห็นค่าของความสุข เสน่ห์ของลูกชายข้า แม้แต่องค์หญิงแห่งแคว้นเจายังต้านไม่ได้”“ไม่มีงานแต่งไม่มีสินสอด นางก็ยอมถวายตัวให้ลูกชายข้า สามีที่โดดเด่นเช่นนี้ ตอนนี้อยู่ตรงหน้าของเจ้าแล้ว เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีกหรือ?”ถึงอย่างไรฉีจื่อฟู่ก็อยากได้หน้า จึงกล่าวขึ้น “พอแล้ว ท่านแม่ คำพูดพวกนี้ไม่ต้องพูดอีก จือจือมาเพื่อจะขอโทษท่าน พวกเราพูดธุระกันเถอะ”ไม่แต่งงานไม่มีสินสอด อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าโอ้อวดอะไร เขาก็ไม่อยากจะให้ใครพูดถึงบ่อย ๆตอนนั้นที่อยู่กับอวี้ม่านหวา ฉีจื่อฟู่คิดเพียงแค่ตนเป็นบุรุษที่ประสบความส

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 54

    ตอนนี้นางถานคิดว่า นับตั้งแต่ที่ลูกชายของตนกลับมายังแคว้นต้าฉี ชีวิตของตนก็ทุกข์ทรมานขึ้นเรื่อย ๆ ถูกยั่วโมโหจนหัวใจจะวายทุกวัน ไม่มีวันไหนที่จะได้สบายใจ!แต่นางจะโทษลูกชายของตนเองได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องนำเรื่องทั้งหมดนี้ ไปโยนให้ภรรยาแพศยาอย่างหรงจือจือนางถานในเวลานี้สั่นระริกไปทั่วทั้งตัว ด่าว่าต่อ “หากทำให้แม่สามีอย่างข้าต้องโมโหตาย ในใจของเจ้าคงจะมีความสุขมากใช่หรือไม่?”หรงจือจือเยาะหยัน “ท่านแม่ จือจือปฏิบัติตามเจตนาของท่านพี่ สารภาพความผิดของตนเอง อันที่จริงก็เพื่อปลอบโยนจิตใจของท่านแม่ มีความคิดที่อยากจะยั่วโมโหท่านแม่ที่ไหนกัน?”นางถานโมโห ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “มีผู้ใดเขาปลอบใจเช่นเจ้าบ้าง? หากคำพูดเหล่านี้ ทำให้ข้ารู้สึกว่าเป็นการปลอบใจได้ เช่นนั้นหากหัวใจของข้าเป็นมหาสมุทร ก็คงจะกว้างเกินไป กว้างจนไปถึงแคว้นใกล้เคียงแล้ว!”หรงจือจือขมวดคิ้ว “แต่ท่านแม่ นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ลูกนึกความผิดเรื่องอื่นของตนเองไม่ออกแล้วจริง ๆ หรือว่าท่านแม่อยากจะฟังลูกพูดอะไรที่ขัดแย้งกับความตั้งใจอย่างนั้นหรือ? แต่คำขอโทษที่ไม่จริงใจ คิดว่าท่านแม่ก็คงจะไม่ต้องการเช่นกัน”นางถานกล่าวในใจ

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 196

    หรงจือจือพยักหน้าก่อนจะอธิบายถึงจุดประสงค์ในการมาแบบย่อสุดท้ายพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่านอกจากภายในสกุลฉีแล้ว อวี้ม่านหวายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีกหรือไม่ ไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น ด้วยเหตุนี้จึงขอความช่วยเหลือจากพี่หญิงสกุลเซินเพื่อส่งข่าวนี้ให้ท่าน หวังว่าท่านราชเลขาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจ”เซิ่งเฟิงพูดขึ้นว่า “แม่นางหรงทำถูกแล้ว! พวกข้าจับตาดูซี่อวี่ผู้นั้นตั้งแต่ก่อนที่จะถูกรับเข้าสกุลฉีเสียอีก”“หลังจากฉีจื่อฟู่รับนางกลับไป พวกข้าก็คอยจับตาดูสกุลฉีอย่างลับๆ ดูว่าจะมีคนมาติดต่อกับอวี้ม่านหวาหรือซี่อวี่หรือไม่”“แต่ในช่วงก่อนนี้ พวกข้าไม่อาจมั่นใจได้ว่าอวี้ม่านหวาเป็นสายลับหรือไม่ ต้องขอบคุณที่วันนี้แม่นางช่วยยืนยัน”หรงจือจือมองเขาด้วยความประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะในการพบหน้าสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ท่าทีที่เซิ่งเฟิงมีต่อนางค่อนข้างนิ่งเฉย ทว่าวันนี้กลับสุภาพมีมารยาทมาก ทำให้นางตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย เซิ่งเฟิงเห็นหรงจือจือมองมาก็ยิ้มยิงฟันให้นางอย่างประจบประแจง หากไม่ติดที่ตัวเองไม่สะดวกที่จะเข้าไปเอาอกเอาใจ เขาคงเลียนแมวอย่างคุณชายหลีแล้ว ตอนนี้เขามองว่าการเอาใจแม่นางหรงจะเป็นผลด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 195

    กระทั่งในยามหลับฝันก็ยังฝันว่าฉีจื่อฟู่รู้ว่านางเป็นไส้ศึกแล้วทั้งสองคนต้องแยกจากกันความรู้สึกเจ็บปวดนั่นช่างสมจริงเหลือเกิน!นางหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ตลอด ทั้งที่กำลังแสดงละคร ทว่ากลับเกือบจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทแต่ในระหว่างที่เดินทางกลับแคว้นต้าฉีนางก็ได้พบกับความกังวลใจของฉีจื่อฟู่ ได้พบว่าเขามักจะร้องเรียกชื่อของหรงจือจือในยามหลับฝัน โดยเฉพาะหลังจากที่กลับถึงสกุลฉี นางยิ่งสัมผัสได้ว่าภายในใจฉีจื่อฟู่มีเพียงหรงจือจือสำหรับฉีจื่อฟู่แล้ว ตัวนางเป็นเพียงเรื่องน่าขัน เป็นเพียงหินลับมีดที่ใช้ขัดเกลาความรู้สึกระหว่างเขากับหรงจือจือ!ถึงเวลานี้ นางได้เก็บความหวั่นไหวทั้งหมดกลับคืน ไม่เหลือความรักอีกต่อไป เหลือเพียงแผนการฟื้นฟูมาตุภูมิอันยิ่งใหญ่ที่เด่นชัดภายในใจ กับความเคียดแค้นเกลียดชังที่ฉีจื่อฟู่ทำลายชาติบ้านเมืองของนาง!เมื่อเห็นองค์หญิงดวงตาแดงก่ำ ยังจะมีอะไรที่ซี่อวี่ไม่เข้าใจอีก?นางพูดด้วยความปวดใจว่า “องค์หญิง หนทางสู่ความสำเร็จมักยากลำบากเสมอ! เมื่อท่านกลับคืนสู่ตำแหน่งองค์หญิงอีกครั้ง ต่อไปต้องการบุรุษแบบใด ท่านอ๋องรองมีหรือจะกล้าขัดใจท่าน? ต่อไปฉีจื่อฟู่ก็เป็นได

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 194

    เมื่อก่อนนี้เขาแข็งกร้าวเกินไป แต่บัดนี้เขารู้แล้วว่า ความแข็งกร้าวใช้ไม่ได้ผลกับหรงจือจือบางทีเขาควรจะยอมมีท่าทีอ่อนลงและเอาใจนาง!จู่ๆ อวี้ม่านหวาก็ถูกเขาตะคอกใส่นางปิดหน้าร้องไห้ทันที “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดจึงตะคอกข้าเช่นนี้? เมื่อคืนนี้ท่านดื่มหนักมาก เป็นข้าที่ดูแลท่านตลอดทั้งคืน!”ฉีจื่อฟู่นึกได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรกระทบกระเทือนใจมากเกินไป จึงผ่อนน้ำเสียงลง “พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าไม่ดีเอง แต่หากหลังจากนี้ข้าไปอยู่กับฮูหยินน้อย เจ้าก็อย่าเข้ามายุ่งอีก”อวี้ม่านหวากล่าวสะอึกสะอื้น “ข้าเข้าใจแล้ว ข้ารู้ว่าท่านลืมนางไปจากใจไม่ได้…”ฉีจื่อฟู่ “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว”อวี้ม่านหวา “?”ฉีจื่อฟู่พูดต่อโดยไม่สนใจนาง “หากนางยอมยกโทษให้ ข้าก็จะ…ช่างเถอะ ไม่มีอะไร”เดิมทีเขาจะพูดว่าจะส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ชนบท แต่เมื่อคิดว่านางฟังแล้วคงร้องไห้ต่อ ก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองอีก มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ที่อื่นเพื่อแสดงความจริงใจต่อจือจือแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกลัวว่าม่านหวาได้รับการกระทบกระเทือนแล้ว จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง เว้นเสียแต่ว่าจือจือจะให้อภัยเขาในทัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 193

    “ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะด้านการแพทย์ของข้าก็ไม่ได้แย่ ยามที่ข้าพบท่านพี่ฟู่ นั่นเป็นยามที่กองทัพต้าฉีของพวกท่านกำลังจะบุกยึดเมืองหลวงของแคว้นเจา”“โอสถที่ใช้รักษาท่านพี่ฟู่ ล้วนเป็นของที่ข้าต้องเสี่ยงต่อการถูกเสด็จพี่จับได้ ขโมยมาจากสำนักหมอหลวงทั้งสิ้น อีกทั้งบาดแผลของเขาก็เป็นตัวข้าเองที่ค่อยๆ รักษาด้วยความระมัดระวัง!”หรงจือจือเผยสีหน้าแสดงความเข้าใจ “โอ้? ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง!”อวี้ม่านหวาพูดด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ จบแล้วก็แสดงท่าทีเหมือนคร้านจะคุยกับหรงจือจืออีก นางเรียกให้คนมาแบกฉีจื่อฟู่ออกไป หรงจือจือไม่ขัดขวางแม้แต่น้อยหลังจากที่อวี้ม่านหวาออกไปเจาซีก็พูดด้วยความตกใจ “คุณหนู อนุอวี้นาง…เมื่อครู่นี้นางว่ากระไรนะเจ้าคะ? คงมีเพียงผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์แม้แต่น้อยเท่านั้น ที่จะเข้าใจสรรพคุณของเปลือกไม้เหอฮวนผิด?”“แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้ ทว่านางกลับบอกว่าตัวเองเป็นผู้รักษาฉีจื่อฟู่อย่างนั้นหรือ?”“ซ้ำยังไปขโมยโอสถจากสำนักหมอหลวงอีก? นางไม่กลัวหรือว่าจะใช้โอสถผิดตัวจนทำให้ฉีจื่อฟู่ตาย?”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “ไม่ใช่แค่นั้น ยากล่อมประสาทอย่างอ่อนที่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 192

    หรงจือจือมองฉีจื่อฟู่ด้วยความดูแคลนปนรังเกียจ ให้โอกาสเขาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?เช่นนั้นผู้ใดให้โอกาสท่านย่าของนางบ้าง?ฉีจื่อฟู่เห็นว่าไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ลุกขึ้นเดินโซเซไปหาหรงจือจือ “จือจือ เดิมทีวันนี้ข้าควรอยู่กับผิงถิง แต่ภายในใจข้ามีแต่เจ้า…”หรงจือจือไม่สนใจที่จะฟังเขาพูดอีกนางโบกมือโปรยผงสีขาว นางกินโอสถต้านพิษตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจพูดคุยกับฉีจื่อฟู่ตามลำพังแล้วฉีจื่อฟู่รู้สึกหมดแรงและวิงเวียนศีรษะโดยพลัน ประกอบกับเมาเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงล้มหมดสติลงกับพื้นทันทีหรงจือจือไม่รู้สึกห่วงว่าเขาจะเป็นหวัดแต่อย่างใด ยิ่งไม่สนใจที่จะประคองเขาขึ้นมาพูดเสียงดังว่า “บอกให้อวี้ม่านหวามารับเขา!”เจาซีรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ!”จากนั้นสั่งให้บ่าวรับใช้ซึ่งเป็นสมุนของตนเองไปตามคนมาหลังจากที่หรงจือจือถูกฉีจื่อฟู่ทำร้ายบาดเจ็บเมื่อครั้งก่อน ทั่วทั้งเรือนหลันก็ไม่มีผู้ใดอยากให้เขาอยู่ค้างแรมที่นี่ต่อ ไม่โน้มน้าวให้หรงจือจือรั้งเขาให้อยู่ที่นี่ต่ออีกแต่อวี้หมัวมัวกังวลใจเล็กน้อย “คุณหนู พวกเราส่งตัวฉีจื่อฟู่กลับไปดีหรือไม่? อวี้ม่านหวาเป็นคนเรื่องมาก หากประเดี๋ยวมารับตัวเขา เกรง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 191

    ผิดที่นางยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด ผิดที่นางแต่งงานมาเป็นภรรยา วางตัวเองเป็นนายหญิง รักและเคารพในตัวเอง ไม่รู้จักใช้มารยาสาไถยกับบุรุษแบบที่อนุทำกันฉีจื่อฟู่หลุบตาลง “ไม่ใช่ ไม่ใช่…ข้าเองก็ผิด…”หรงจือจือเลิกคิ้วขึ้น คิดในใจว่านี่ช่างเป็นคำพูดที่หาได้ยากยิ่งในช่วงที่ผ่านมา เคยมีผู้ใดในสกุลฉี ที่ไม่วางตัวว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้องกับนางด้วยหรือ? แม้ว่าช่วงแรกฉีจื่อฟู่จะยอมรับว่าทำผิดต่อนาง แต่ไม่นานก็กลับมายืดหลังตรง ใช้ถ้อยคำไร้ยางอายกับนางเหมือนเดิมท่าทีเสียใจของเขาในวันนี้จึงนับเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงฉีจื่อฟู่กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ! แม้ว่ายามนั้นเจ้าจะทำดีต่อข้า แต่ข้าก็เอาแต่รู้สึกว่าเจ้าสมบูรณ์แบบจนเหมือนไม่ใช่คน เจ้าคล้ายจะรักข้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รักข้าขนาดนั้น”“นอกจากนี้ ทุกคนก็เอาแต่ชื่นชมเจ้า บอกว่าเจ้าดีอย่างโน้นอย่างนี้ บอกว่าเจ้าเก่งกาจมากความสามารถ เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้า เสมือนว่าการที่ข้าแต่งงานกับเจ้ าเป็นอะไรที่เกินเอื้อมไปจากตัวข้าอย่างไรอย่างนั้น”“เสมือนว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าแม้แต่น้อย”

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 190

    ครั้นสายตาของหรงจือจือตกไปที่ปากประตู ก็เห็นฉีจื่อฟู่ดื่มจนเมาไม่ได้สติ ข้างเท้าเป็นขวดสุราที่ตกแตก ในวินาทีนี้กำลังประคองขอบประตูอยู่ “จือจือ...”ใบหน้าของบ่าวรับใช้เองก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ กล่าวอยู่ตรงปากประตูว่า “คุณหนูขอรับ คุณชายเขาจะบุกเข้ามาให้ได้ เราเองก็ไม่กล้าลงมือ...”อย่างไรก็เป็นบ่าวรับใช้ทั้งสิ้น ตอนนี้ฉีจื่อฟู่ดื่มเยอะเกินไป ไม่ว่ากันด้วยเหตุผล หากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ และเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาสักเล็กน้อย บ่าวรับใช้เหล่านี้คงไม่มีผู้ใดรับมือได้ในแขนเสื้อของหรงจือจือมัดยากล่อมประสาทอย่างอ่อนเอาไว้ห่อหนึ่ง ชนิดที่ว่าออกฤทธิ์ทันที กำลังคิดจะทำให้ฉีจื่อฟู่หมดสติ และเรียกให้คนมาหามเขาออกไปทว่าฉีจื่อฟู่มองนางทั้งดวงตาแดงก่ำ “จือจือ ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า...”หรงจือจือเงียบไปครู่หนึ่งอันที่จริงนางรู้สึกว่าระหว่างตนกับฉีจื่อฟู่ ไม่มีอะไรต้องคุยกันนานแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เห็นท่าทีของเขา อย่างไรก็มีความสงสัยอยู่สองสามส่วน คนผู้นี้พอเมา จะพูดแตกต่างออกไปหรือไม่?อย่างไรในมือนางก็มียา ฉีจื่อฟู่เองก็ทำร้ายนางไม่ได้ นางมองบรรดาบ่าวรับใช้ “พวกเจ้าออกไปก่อน”บรรดาบ่าวรับใช้ถอน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 189

    ...จวนสกุลฉี เรือนหลันหรงจือจือกำลังนั่งชงชาอยู่ จู่ ๆ ก็เห็นแมวตัวหนึ่ง วิ่งอุตลุตเข้ามาวางพวงดอกไม้ที่คาบไว้ในปากบนตักของนางแตกต่างจากนกแก้วรู้จักแต่กลอกตาขาวก่อนหน้านี้ตัวนั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะจีบปากจีบคอร้องเหมียวเหมียวเรียกหรงจือจือ แถมยังใช้ศีรษะถูมือของหรงจือจืออีกด้วยเจาซีตกใจ “เจ้าแมวมาจากไหน?”หรงจือจือสะบัดมือ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกเจาซีว่าไม่จำเป็นต้องตอบสนองรุนแรง แมวตัวนี้มิได้มีแจตนาร้ายกับตน มิหนำซ้ำท่าทีที่มีต่อตนยังอ่อนโยนและเชื่องเป็นอย่างมากและแมวตัวนั้นยังปีนขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วใช้ใบหน้าน้อย ๆ แนบเข้ากับใบหน้าของหรงจือจืออีกด้วยเซิ่งเฟิงที่คอยตามดูมาตลอดทาง ในวินาทีนี้หลบอยู่บนหลังคา อึ้งจนเบิกตาโพลง!ในมือเขาบีบอัญมณีที่หล่นบนพื้นขณะคุณชายหลีเดินมาสองสามเม็ด ท่านเสนาบดีไม่สนใจอัญมณีเลยแม้แต่น้อย แต่เขาเสียดาย!เพียงแต่ในวินาทีนี้ เขาแทบอยากจะจิ้มตาตัวเอง!เนื่องจากคุณชายหลีที่บางทีปกติดูแล้วเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง แต่มันกลับรู้ว่าผู้ใดต่างหากที่มันควรเอาใจ ความอวดฉลาดนี้...ควรค่าให้เซิ่งเฟิงสังเกตและเลียนแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังถูไถหรงจือจือเสร็จ จิ่นหลีก็เด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 188

    สุดยอดไปเลย ข้ามีอนาคตแล้ว ข้าก้าวหน้าแล้ว ไม่คิดเลยว่าข้าจะเริ่มด่านายบ้านตัวเองว่าไร้รสนิยมแล้ว!ข้าไม่ควรชื่อเซิ่งเฟิง ข้าควรชื่อว่าพ้นทุกข์ เพราะผู้ที่พ้นทุกข์ถึงจะได้ไปแดนสุขาวดีหลังพ่อบ้านหวงได้รับคำสั่ง ก็รีบไปหาอัญมณี หลายปีมานี้ท่านเสนาบดีสร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อย พอให้แต่งตั้งเป็นเสนาบดีมอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้เจ็ดแปดรอบเนื่องด้วยจวนเสนาบดีได้รับประทานรางวัลมหาศาลนับไม่ถ้วน เบื้องล่างท่านเสนาบดีก็มีบุคคลเก่งกาจผู้หนึ่งนามว่าเฉียนว่านเชียน ช่วยท่านเสนาบดีดูแลทรัพย์สมบัติอย่าเห็นว่าจวนเสนาบดีของพวกเขามีคนเพียงไม่กี่คนนี้ ทว่าอันที่จริงเรียกได้ว่ามั่งคั่งทัดเทียมทรัพย์สินในคลังหลวงฉะนั้นใช้เวลาไม่นาน อัญมณีที่ด้านนอกขายออกได้ในราคามิธรรมดาเหล่านั้น ก็ถูกพ่อบ้านหวงสั่งให้คนย้ายมาห้าหีบแววตาพ่อบ้านหวงเปล่งประกายราวคบเพลิง จ้องอัญมณีเหล่านี้เขม็ง จะให้ตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ได้ทว่าเฉินเยี่ยนซูกลับทำราวกับพวกนี้ไม่ใช่อัญมณี แต่เป็นเพียงหินทั่วไปก็มิปาน ลวดมือไปคว้าออกมาสองสามกำมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะ ตรึกตรองเลือกที่เรียบ ๆ หน่อย จากนั้นก็ใส้ไปในพวงดอกไม้พวงนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status